เล่าเบื้องหลัง “วิว กุลวุฒิ” จากเด็กน้อยอายุ 12 เข้าบ้านทองหยอด ฝันไกล ฝึกหนัก ฝึกพิเศษ 7 ชั่วโมง ยืดกล้ามเนื้อจนร้องไห้ สู่นักแบดฮีโร่ ความหวังเหรียญทองโอลิมปิกของไทย  

ถือเป็นประวัติศาสตร์วงการ “แบดมินตัน” สำหรับ “วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์” นักแบดมินตัน มือ 1 ของไทย และมือ 8 ของโลก ที่สร้างประวัติศาสตร์ในการเข้าชิงเหรียญทอง กีฬามวลมนุษยชาติ หรือ โอลิมปิก ปารีส 2024 โดยต้องพบกับ วิคเตอร์ อเซลเซน มือ 2 โลกจากเดนมาร์ก และมีดีกรีแชมป์เก่า โตเกียวเกมส์ 2022 

นางกมลา ทองกร ประธานโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด เล่าเบื้องหลังชีวิต ในวัยเด็ก ความฝัน ความหวังของ “วิว” ตั้งแต่เดินทางเข้ามาที่ “บ้านทองหยอด” เมื่อตอนอายุ 12 ขวบ 

นางกมลา เล่าว่า วิวเข้าบ้านทองหยอด ตอนอายุ 12 ปี ซึ่งช่วงแรก เข้าอยู่ทีมเสนานิคม แต่ต่อมา คุณแม่น้องวิว ได้พาน้องเข้ามา โดยเข้ามาขอความอนุเคราะห์ที่บ้านทองหยอด เนื่องจากทางครอบครัวน้องก็ไม่ได้มีทุนมากนัก อยากได้รับการสนับสนุน แบบน้องเมย์ รัชนก ซึ่งระหว่าง แม่ปุก (กมลา) คุยกับแม่ของวิวในห้อง  “น้องวิว กุลวุฒิ” ก็นั่งอยู่หน้าห้องรอผล วิว ก็คุยกับ โค้ชเป้ และบอกว่า สาเหตุที่อยากเข้ามาอยู่ที่บ้านทองหยอด เพราะอยากทำความฝัน จะเป็นแชมป์แบดมินตัน ระดับโลก ซึ่งเวลานั้น น้องเมย์ เองก็กำลังดัง กำลังเป็นไอดอลของเด็กทั่วประเทศ

...

“น้องวิวเขาอยากมีโอกาสเหมือนพี่เมย์ ด้วยเหตุนี้ ทางบ้านทองหยอด จึงรับ “วิว กุลวุฒิ” ไว้...เวลานั้น น้องเป็นแชมป์ในรุ่นของตัวเอง มีความเก่งมาก แต่ก็ยังไม่สามารถตีแข่งข้ามรุ่นได้”

ประธานบ้านทองหยอด เล่าต่อว่า ตอนวิว กุลวุฒิ อายุ 12 ยังดูเป็นคนเจ้าเนื้อ ตอนแรกนั้น เขาจะซ้อมตีแบดเพียงอย่างเดียว ยังไม่ได้เรียนรู้เรื่อง วิทยาศาสตร์การกีฬา แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ และเป้าหมายของเขา คือ อยากเหมือนรุ่นพี่ อย่างเมย์ รัชนก ฉะนั้น เราจึงต้องนำเข้าซ้อมอย่างเป็นระบบ 

ตอนที่ฝึกด้วยวิทยาศาสตร์การกีฬา ช่วงแรก ถือว่ายาก เพราะน้องอายุ 12 แล้ว และไม่เคยผ่านการฝึกแบบวิทยาศาตร์การกีฬา ทำให้เนื้อตัวค่อนข้างแข็ง ดังนั้น ก่อนและหลัง ซ้อมตีแบด จะมีการยืด เหยียด กล้ามเนื้อ 

"ร่างกายยืด เหยียด ไม่ค่อยดีนัก นักกายภาพ จึงพยายามยืดร่างกายให้ได้มากที่สุด จนน้องเจ็บจนร้องไห้ และช่วงแรกก็ทำไม่ได้ คุณแม่เห็นน้องร้องไห้ ก็อดทน สงสารลูก แต่ตัวน้องวิวเวลานั้นแข็งมาก นักกายภาพก็พยายามกดยืด น้องก็เจ็บมาก ช่วงแรก คือ น้องร้องไห้ เมื่อเริ่มยืด ไปเรื่อยๆ ก็เริ่มชิน ไม่เจ็บ ร้องไห้ไม่เหมือนเด็กผู้ชายเลย" กมลา หัวเราะด้วยความเอ็นดู 

เริ่มต้นซ้อมแบบวิทยาศาสตร์การกีฬา ตอนอายุ 12 ปี ถือว่าช้าไปหรือไม่ ประธานบ้านทองหยอด ตอบว่า การยืด เหยียด กล้ามเนื้อ นั้น หากเป็นเด็กอายุ 7-10 ขวบ ร่างกายก็ยังอ่อน จะไม่เจ็บมาก ดังนั้น การที่ วิว เข้ามา ตอนอายุ 12 นั้น ทำให้เขาเหนื่อยกว่าคนอื่น 

แปลว่า น้องต้องมีความมุ่งมั่น ทุ่มเทกว่าคนอื่น นางกมลา ตอบว่า ถูกต้อง น้องมีความมุ่งมั่น มีวินัย ตั้งแต่แรก โดย วิว เขาฝันไว้ตั้งแต่เด็กว่า อยากจะไปแข่งโอลิมปิก แชมป์โอลิมปิก 

“ช่วงมีเวลาว่าง เขาจะไปดูเทปการแข่งขันแบดในระดับโลก ดูเทคนิคการตีของนักแบดโลก ซึ่งไอดอลของวิว ที่เขาเคยบอก คือ เขาชอบ ลี ชอง เหว่ย (อดีตมือ 1 โลก)”

การฝึกซ้อมพิเศษ ที่มาชอตมหัศจรรย์ 

สำหรับการฝึกซ้อมของ วิว กุลวุฒิ นั้น นางกมลา เผยว่า ถ้าเป็นการซ้อมแบบทั่วไป คือ 5 ชั่วโมง แต่ สำหรับ วิว นั้น จะฝึก “เทคนิคพิเศษ” ต่างๆ เพิ่มอีก 1 ชั่วโมง และบางวัน จะไปฝึกช่วงกลางคืนเพิ่มอีก 1 ชั่วโมง รวมๆ กัน คือ 7 ชั่วโมง

การซ้อม “เทคนิคพิเศษ” ลูกฝีมือต่างๆ เป็นที่มาของ “ชอตมหัศจรรย์” หลายๆ ลูกที่ “วิว” สามารถรับ โต้ คู่ต่อสู้ในโอลิมปิก แบบนี้ไม่ใช่ความบังเอิญ นางกมลา ตอบว่า มันมาจากการฝึกซ้อมอย่างหนัก ถ้าลูกไหนรู้สึกว่ายังทำได้ไม่ดี เขาจะซ้อมเพิ่ม 

...

“การฝึกลักษณะนี้ จะเพิ่มเปอร์เซ็นต์การตีให้ดีขึ้น โดยเฉพาะ การเล่นหน้าเน็ต ต้องมีความนิ่ง ทั้งจิตใจ มือ นิ้ว ข้อมือ ต้องฝึกซ้อมเยอะ จนมีความเชื่อมั่นว่า เล่นแล้วจะไม่เสีย” 

เรื่องนี้ ลี ชอง เหว่ย เคยให้สัมภาษณ์ว่า ตัวเขาเองก็มีซ้อมทุกวัน ไม่มีวันหยุดเลย ต่างกันที่ วันที่ซ้อมหนัก กับ ซ้อมเบา ซึ่งวันที่ซ้อมเบา ก็คือ วันหยุด เขายังไปซ้อมหยอด แทงลูกให้แม่น การเล่นหน้าเน็ต ต้องแบบมีความมั่นใจมาก ขนาด “เชื่อขนมกิน” ได้ (หัวเราะ) 

ความเป็นนักสู้ของเขา มาจากความมุ่งมั่นของเขา โดยยอมรับเลยว่า วิว เป็นเด็กฉลาด มีความคิดของตัวเอง ที่สำคัญ คือ มีวินัย มีทุกอย่างมารวมกัน เมื่อทีมงานของเรามีความมุ่งมั่น มาเจอกับวิวที่มีความมุ่งมั่น ทำให้ช่วยส่งเสริมกัน ทำให้วิวไปสู่เป้าหมายที่ฝันไว้ 

“ทีมงานก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยให้เขาสู้ ตอนที่ได้แชมป์โลกมาแล้ว และเขาบาดเจ็บ ป่วย แต่ทีมงานก็ยังโฟกัสกับเขา ต้องยอมรับว่า ช่วงนั้น มีปัญหาสุขภาพรุมเร้า ทั้งภูมิแพ้ มีปัญหาเรื่องตา ซึ่งกว่าจะผ่านตรงนั้นมาได้ เรียกว่า ผ่านจุดที่ยากลำบากมาแล้ว”

...

จากเด็ก 12 ฝึกหนักจนร้องไห้ กระทั่งเข้าสู่เส้นทางประวัติศาสตร์ชิงเหรียญทองโอลิมปิก นางกมลา กล่าวว่า คำว่า “ประวัติศาสตร์” นี้ คือ ภาคภูมิใจของบ้านทองหยอด ซึ่งเราหวังจะสร้างนักกีฬาสู่โอลิมปิก ขณะที่ “โค้ชเป้” เอง ก็เคยบอก ว่าอยากทำให้ได้ เพื่อเรา 

“เราสร้างโรงเรียนมา ก็อยากที่จะทำให้นักกีฬาไทย ได้เหรียญรางวัลจากโอลิมปิก ซึ่งวิว และ เมย์ มาช่วยเติมเต็ม ให้เรากล้าฝันต่อ ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของเรา และ ของประเทศชาติ” 

อ่านบทความที่น่าสนใจ