การเปิดตัวสวมเสื้อพรรคภูมิใจไทยที่สร้างเซอร์ไพรส์ทางการเมือง ของ “นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตแกนนำ กทม. พรรคพลังประชารัฐ จะทำให้พรรคภูมิใจไทยสามารถปักธงในสนามเลือกตั้ง กทม.ได้เป็นครั้งแรกหรือไม่ อะไรคือความคาดหวังและเหตุผลในการตัดสินใจ รวมถึงจะมี “บิ๊กเนม” มาเสริมทัพเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ทั้งหมดนี้ไปฟังจากปาก “แม่ทัพผู้ถือดาบอาญาสิทธิ์สนามเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร” ของ "พรรคภูมิใจไทย" กันในวันนี้

“ผมมั่นใจว่า...เมื่อใกล้เวลาที่จะเลือกตั้ง...พี่น้องประชาชนจะเข้าใจผมดีขึ้นว่าเพราะอะไรผมจึงต้องมาพรรคภูมิใจไทย และเมื่อถึงวันนั้น ผมเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยจะมีโอกาสได้เป็นพรรคที่เป็นความหวังของทั้งคนกรุงเทพฯ และคนไทย” นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ แม่ทัพใหญ่ผู้มีสิทธิขาดอำนาจเต็มในการลงทำศึกชิงเก้าอี้ ส.ส.กรุงเทพมหานคร ของ พรรคภูมิใจไทย กล่าวเกริ่นนำในการสนทนากับ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์

...

เหตุผลที่ตัดสินใจเลือกพรรคภูมิใจไทย :

“โอว....นานอยู่นะครับ กว่าที่ผมจะตัดสินใจเลือกพรรคภูมิใจไทย”

ในช่วงที่ห่างๆ การเมืองไป ก็ยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกับพี่ๆ น้องๆ จากหลากหลายพรรคการเมือง เพราะการทำงานการเมืองมาร่วม 20 ปี ก็ย่อมทำให้มีความสนิทสนมกับบรรดานักการเมืองอยู่แล้ว โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ หรือ รวมไทยสร้างชาติ แต่เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจส่วนตัวมองว่า พรรคภูมิใจไทย มีจุดเด่นที่แข็งแกร่ง คือ 4 ปีที่ผ่านมา พูดจริงทำจริง หาเสียงเสนอนโยบายอะไรเอาไว้สามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทำได้จริงเสมอ

พรรคประชาธิปัตย์ :

“สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ผมไม่ได้คุยครับ...ครั้งที่แล้วพอผมออกมา ผมก็เข้าใจได้นะครับว่าพรรคประชาธิปัตย์เขาก็มีทีม มีโครงสร้างของพรรคของเขาอยู่ก่อนแล้วครับ พอเราออกมา คราวที่แล้วเราก็ไปทำพรรคพลังประชารัฐ เราก็มีเครือข่ายของเราได้บ้าง แล้วพอผมหยุดไป ผมก็ไม่ได้ไปคุยกับใครเป็นพิเศษครับ”

การต่อสู้สนาม กทม. จุดอ่อนและจุดแข็งพรรคภูมิใจไทย :

“การที่ภูมิใจไทยไม่เคยมี ส.ส.ในกรุงเทพฯ มาก่อน ผมรู้สึกว่าบางทีมันเป็นข้อดีของผม และไม่ว่าอย่างไรการเริ่มต้นคือสิ่งที่ดีเสมอ”

การที่พรรคภูมิใจไทยไม่เคยมี ส.ส.ในกรุงเทพฯ มาก่อน ส่วนตัวมองว่าก็อาจจะเป็นข้อดีก็ได้ เพราะจะได้สามารถนำกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ อายุประมาณ 25-40 ปี มาลงสมัคร ส.ส. เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ๆ ให้กับคนกรุงเทพฯ ที่กำลังต้องการ “ความเปลี่ยนแปลง”

“ในมุมมองของผม คนกรุงเทพฯ มักจะมีเหตุผลในการเลือก ส.ส. แตกต่างกันในแต่ละการเลือกตั้งเสมอ และในการเลือกตั้งครั้งนี้ คนกรุงเทพฯ จะเลือกเพราะต้องการคนที่สามารถตอบโจทย์เรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่ง คุณอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสมและน่าสนใจให้กับคนกรุงเทพฯ ได้เช่นกัน เพราะมีประสบการณ์ในเรื่องการทำธุรกิจทั้งในและนอกประเทศมาโดยตลอด นอกจากนี้อีกหนึ่งเหตุผลในการเลือกของคนกรุงเทพฯ ในการเลือกตั้งครั้งนี้คือต้องการให้มีพรรคการเมืองหลักขึ้นมาต่อสู้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากอีกพรรคการเมืองหนึ่งด้วย”

...

ยุทธศาสตร์การคุมทัพและจัดวางผู้สมัครชิงพื้นที่ กทม. :

“ทางพรรคภูมิใจไทยมอบหมายให้ผมทำหน้าที่ทั้งวางยุทธศาสตร์ วางนโยบาย และวางตัวผู้สมัครในพื้นที่ กทม.ทั้งหมด และด้วยความที่พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคการเมืองใหญ่ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ผมเชื่อว่าพรรคเราจะส่งผู้สมัครลงครบทุกเขตของ กทม.แน่นอนครับ”

นโยบายหลักที่อยากนำเสนอคนกรุงเทพฯ :

จากการได้ทำ Workshop ร่วมกับทีมงานคนรุ่นใหม่ เพื่อค้นหานโยบายที่สามารถตอบโจทย์คนกรุงได้ตรงจุด และสามารถทำได้ง่ายและทำได้จริงคือ ข้อแรก จัดระเบียบบัตรขนส่งมวลชนโดยเฉพาะรถไฟฟ้า ให้สามารถใช้บัตร One day pass ได้ทุกระบบ ทุกเครือข่าย ในราคาต่ำสุด 15 บาท สูงสุด 50 บาท

“ทำไมเราถึงชอบพูดว่า รถไฟฟ้าเป็นทางเลือกของคนกรุงเทพฯ ทั้งๆ ที่ความจริงรถไฟฟ้าต้องเป็นขนส่งมวลชน หรือขนส่งสาธารณะของคนกรุงเทพฯ ไม่ใช่ทางเลือก เพราะหากเป็นทางเลือก มันก็เลยกลายเป็นว่าก็คิดแพง ใครอยากไปเร็วไม่อยากรถติดก็ต้องจ่ายแพงหน่อย ถูกไหมครับ? ฉะนั้นในเมื่อกรุงเทพฯ กำลังโตขึ้น ประชากรมากขึ้น รถไฟฟ้าจึงต้องเป็นระบบขนส่งมวลชนที่ทุกคนสามารถขึ้นได้ ไม่ใช่ทางเลือก”

ข้อสอง การเพิ่มรายได้ให้คนกรุงเทพฯ ในเมื่อกรุงเทพฯ เป็นมหานครที่เป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จึงควรมีการสร้างงานเพื่อให้กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา และเปิดทางไปสู่การค้าขายและสร้างรายได้ให้กับผู้คนในเมืองกรุงตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ดี คำว่าชีวิตชีวาที่วาที่ว่านี้ต้องไม่มีเรื่องของอบายมุขมาเกี่ยวข้อง

“ทั้งสองนโยบายนี้เป็นการแก้ไขปัญหา Pain Point สำหรับคนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะ และไม่ได้ยาก เล็กๆ แต่หยิบขึ้นมามันจะโดนใจคนกรุงเทพฯ มากกว่า และทำได้จริง”

...

ความคาดหวัง :

“ปัจจุบันเรามี ส.ส.กทม.อย่างน้อย 8 คนมาร่วมทีมแล้ว เพราะฉะนั้นเป้าหมายที่เราคาดหวัง อย่างน้อยที่สุดทั้ง 8 ท่านนี้น่าจะรักษาแชมป์เอาไว้ได้ เพราะทุกท่านลงพื้นที่ทำงานหนักมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ส่วนที่เหลือโดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน ผมก็จะจัดผู้สมัครคนรุ่นใหม่ไปเสนอตัว ไปแนะนำตัวให้คนกรุงเทพฯ ได้รู้จัก และเป็นทางเลือกใหม่ๆ ให้มากขึ้น”

กระแสฟีเวอร์ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ :

“ส่วนตัวผมมองว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง กระแสคุณชัชชาติไม่น่าจะมีส่วนทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในสนามเลือกตั้ง กทม. เพราะผมจำได้ว่าคุณชัชชาติพูดอยู่เสมอๆ ว่า ตอนท่านลง ท่านอิสระจากพรรคการเมืองอื่นๆ และผมเชื่อว่าวันที่คนไปเลือกคุณชัชชาติล้านกว่าคะแนน คนที่ไปเลือกก็เป็นคนกรุงเทพฯ ที่ไม่ได้คิดถึงว่า คุณชัชชาติ มาจากพรรคการเมืองไหนนะครับ เพราะฉะนั้นผมจึงเชื่อว่าเมื่อคุณชัชชาติ ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.แล้ว ก็คงทำตามที่เคยพูดเอาไว้ว่า คงไม่ได้ไปช่วยพรรคการเมืองไหน เพราะคนที่เลือก คุณชัชชาติ มาจากคนกรุงเทพฯ โดยรวม ไม่ได้มาจากฐานเสียงของพรรคการเมืองพรรคไหน เพราะฉะนั้น คุณชัชชาติ คงไม่น่าจะไปสนับสนุนพรรคการเมืองใดเป็นพิเศษ ผมเชื่ออย่างนั้นนะครับ”

...

การเปิดตัวทีมกรุงเทพฯ พรรคภูมิใจไทย :

“ผมคิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่พรรคภูมิใจไทยเสนอตัวและเอาจริงเอาจังกับการนำเสนอนโยบายให้กับคนกรุงเทพฯ ได้พิจารณาที่พร้อมที่สุด และจะทำเต็มที่ที่สุด และปัจจุบันเราวางตัวผู้สมัคร กทม. ได้เสร็จเรียบร้อย 80-90% แล้ว”

โดยนอกจาก ส.ส.กทม.ทั้ง 8 คนแล้ว ทางพรรคภูมิใจไทยจะมีการเปิดตัว “ผู้สมัครบิ๊กเนม” ซึ่งเป็นที่รู้จักและคุ้นเคยของคนกรุงเทพฯ เป็นอย่างดี เพิ่มเติมในเร็วๆ นี้ด้วย ส่วนจะเป็นท่านใดนั้นขออุบเอาไว้ก่อน เพราะจะมีการเปิดตัวพร้อมกันในอีกไม่เกิน 2 สัปดาห์นับจากนี้

“สำหรับท่านนี้หากพูดชื่อออกไปรับรองว่าคนกรุงเทพฯ รู้จักแน่นอน เพราะเคยทำประโยชน์ เคยช่วยคนกรุงเทพฯ มามากมาย และคนนี้รับปากว่ามาแน่นอนแล้วครับ” แม่ทัพใหญ่ กทม. พรรคภูมิใจไทย กล่าวปิดท้ายด้วยน้ำเสียงมั่นใจกับ "ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์".

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง