ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมประกาศมาตรการกำแพงภาษีครั้งใหญ่ ในวันที่ 2 เม.ย. 2568 เวลา 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 3 เม.ย. 2568 ตามเวลาในประเทศไทย โดยทรัมป์เรียกว่า วันปลดแอก (Liberation Day) สหรัฐฯ จากการถูกประเทศต่างๆ เอาเปรียบ ซึ่งมาตรการอาจออกมาได้หลายรูปแบบ และหนึ่งในนั้นคาดมีการเก็บ ภาษีต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) โดยคาดว่าจะมุ่งเป้าไปยังประเทศกลุ่ม Dirty 15 หรือประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ามากที่สุด ซึ่ง ประเทศไทย อาจอยู่ในลิสต์นี้
ทรัมป์ มองว่า ภาษีศุลกากร (Tariffs) คือเครื่องมือในการปกป้องธุรกิจและเศรษฐกิจภายในประเทศจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมในระดับโลก และเป็นเครื่องมือต่อรองเพื่อเงื่อนไขที่ดีกว่าสำหรับสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามก็มีข้อกังวลว่าการดำเนินสงครามการค้า จะทำให้ตลาดไม่มั่นคงและสร้างความกังวลว่าอาจเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ได้ (สหรัฐฯ จ่อบังคับใช้ภาษี “วันปลดปล่อย” ทันที 2 เม.ย. คาดมุ่งเป้าประเทศ Dirty 15)
ภาษีต่างตอบแทน คืออะไร
ภาษีต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) หรือภาษีตอบโต้ ตามหลักการหมายถึงการปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้า ให้เท่ากับที่ประเทศนั้นๆ กำหนดกับสินค้าของสหรัฐฯ เช่น ไทยเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐฯ ที่ 15% ขณะที่สหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากไทย 5% สหรัฐฯ ก็จะเพิ่มเป็นเก็บ 15% เท่ากัน เป็นต้น แต่ในทางปฏิบัติอาจต้องมีการลงรายละเอียดอีกครั้ง
...
“คำว่า ต่างตอบแทน หมายความว่า หากประเทศใดประเทศหนึ่ง มีภาษีที่สูงกว่าเราในผลิตภัณฑ์บางอย่าง เราก็จะเพิ่มภาษีของเราให้เท่ากับระดับนั้น" อเล็กซ์ จาเควซ หัวหน้าฝ่ายนโยบายและการสนับสนุน สถาบันวิจัยนโยบายสาธารณะ Groundwork Collaborative กล่าวกับสำนักข่าว CBS
Dirty 15 คืออะไร
Dirty 15 คือ 15% ของประเทศที่มีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ โดย เควิน แฮสเซ็ตต์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทรัมป์ ได้เปิดเผยกับสำนักข่าว Fox News เมื่อไม่นานมานี้ ว่าฝ่ายบริหารจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก ซึ่งมีประมาณ 10-15 ประเทศ แต่เขาไม่ได้เปิดเผยว่ามีประเทศอะไรบ้าง
อย่างไรก็ดี แม้ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อประเทศเหล่านี้อย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะคล้ายกับรายชื่อประเทศที่ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ระบุว่าเป็นประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าด้วยมากที่สุดเมื่อปี 2024 เรียงลำดับจากมากไปน้อย ได้แก่
1. จีน
2. สหภาพยุโรป
3. เม็กซิโก
4. เวียดนาม
5. ไต้หวัน
6. ญี่ปุ่น
7. เกาหลีใต้
8. แคนาดา
9. อินเดีย
10. ไทย
11. สวิตเซอร์แลนด์
12. มาเลเซีย
13. อินโดนีเซีย
14. กัมพูชา
15. แอฟริกาใต้
หากประเทศไทยอยู่ในรายชื่อที่ถูกสหรัฐฯ บังคับใช้ภาษีต่างตอบแทน รวมถึงเก็บภาษีรายสินค้าใน 2 เม.ย. 68 นี้ คาดภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยราว 10% ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยที่ส่งไปยังสหรัฐฯ ลดลง เช่น สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป ยานยนต์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
