Deepfake ภัยร้ายผู้หญิง อาวุธพิฆาตทางการเมือง

“เมื่อก่อนมีสุภาษิต 10 ปากว่าไม่เท่าตาเห็น แต่เดี๋ยวนี้ ตาเห็น ก็อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ”

จาก เทย์เลอร์ สวิฟต์ ถึง ทำเนียบขาว

ทำเนียบขาว เริ่มตระหนัก

การแถลงข่าวล่าสุดของ “ทำเนียบขาว” ให้การยอมรับแล้วว่าเป็นเรื่อง “น่าตกใจ” สำหรับการใช้ AI ในทางลบ ด้วยการทำ Deepfake สวมใบหน้าปลอมเป็น “เทย์เลอร์ สวิฟต์” เผยแพร่คลิปโป๊ 

และก็เป็นเรื่องเดิมๆ ที่ “แพลตฟอร์ม” โดยเฉพาะ X จะไม่ค่อยทำอะไรกับเรื่องนี้ จนทำให้ “แฟนคลับ” ชาวอเมริกัน อดรนทนไม่ได้ ต้องรณรงค์ด้วย #ProtectTaylorSwift กระทั่ง X ต้องมีการตาม “บล็อก” อย่างหมดจด และหาไม่เจอ ในเวลานี้ 

สิ่งสำคัญ ที่ทำให้ สหรัฐฯ เริ่มตื่นตัวเรื่องนี้ อาจจะเป็นเพราะ Deepfake กำลังถูกใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง เช่น เมื่อเร็วๆ นี้ มีการปลอมเสียงประธานาธิบดี โจ ไบเดน รวมถึง การปลอมเป็น โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ในช่วงที่กำลังเปิดศึกอยู่กับทางรัสเซีย

คลิปโป๊จาก Deepfake พุ่งขึ้น 550% จากปี 2019

จากรายงานของ  State of Deepfakes ในปี 2023 ได้เก็บข้อมูล “โฮสต์” ต้นทางที่ปล่อยคลิป Deepfake จาก 85 ช่องทางออนไลน์ พบว่า... การใช้ Deepfake ในปีที่ผ่านมานั้น ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ 99% จะเป็นผู้หญิง และมากที่สุด คือ นักแสดงและนักร้องจากเกาหลีใต้


Deepfake เครื่องมือ สร้างคุณและโทษ

ประโยชน์ :อาจารย์ฝน อรินทร์ฤทธิ์ ยกตัวอย่าง สำนักข่าวในต่างประเทศใช้ AI ใช้โปรแกรม Deepfake สร้างนักข่าวมาอ่านข่าวให้กับผู้ชมได้ 24 ชั่วโมง หน้า และเสียงของนักข่าว เหมือนดั่งมีชีวิต

Deepfake เครื่องมือ สร้างคุณและโทษ

ด้านมืด : ใช้ในการหลอกลวงประชาชน ใส่หน้าตัวเองเป็นตำรวจ หากจำได้ในรุ่นแรกๆ เอามาใช้ ภาพก็ยังไม่เนียน ขยับปากเละๆ แต่ปัจจุบันเนียนมาก เหมือนยันเสียง เนื่องจากใช้ AI ครีเอทเสียงออกมาใหม่ ตามสิ่งที่เราเขียนไว้

Replay

พิษภัยที่อันตรายต่อความมั่นคง

อาจารย์ฝน อรินทร์ฤทธิ์ เปรมอภิวัฒโนกุล กูรูไซเบอร์ เตือนว่า ตอนนั้นที่เกิดสงครามระหว่างรัสเซีย กับ ยูเครน ยังมีคนใช้ Deepfake ปลอมเป็น ปธน.ยูเครน เพื่อสั่งถอนทัพ กรณีนี้เรื่องใหญ่มาก เป็นปัญหาระดับความมั่นคง 

ความน่ากลัวของ Deepfake  หากคุณเป็นคนดัง หน้าของคุณอยู่ทุกที่ ขอมีเพียงรูป 1 ใบ ก็สามารถ Deepfake ได้แล้ว โหลดภาพมาจากยูทูบ หรือภาพถ่าย ก็สามารถทำได้แล้ว และยิ่งปัจจุบัน เทคโนโลยีมันก็เนียนมากขึ้นเรื่อยๆ จน AI กลายเป็น machine learning 

Deepfake คือ เครื่องมือ อยู่ที่ว่าจะใช้แบบไหน หากใช้ด้านสว่างก็เป็นผลดี แต่ถ้าใช้ในทางร้ายก็จะก่อให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก 

มาตรา 16 : ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีการอื่นใด โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท

กฎหมายไทย กับ Deepfake

พล.อ.ต.อมร ชมเชย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ อธิบายว่า กฎหมายไทย คือ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ 2550 ยังครอบคลุมกับเรื่องนี้อยู่ ตามมาตรา 14 และ 16

มาตรา 14

ใดกระทําความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

(1)

นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

(2)

นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน

(3)

นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง แห่งราชอาณาจักร หรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา

(4)

นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูล คอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้

(5)

เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ ตาม (1) (2) (3) หรือ (4)

การบังคับใช้กฎหมาย

พล.อ.ต.อมร อธิบายว่า กฎหมายไทยครอบคลุมกับเรื่องนี้อยู่แล้ว ตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับความผิดทางคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะ มาตรา 14 และตามมาตรา 16 การนำภาพของบุคคลอื่น ไม่ว่าภาพนั้นจะสร้างขึ้น (Deepfake) หรือตัดต่อ หรือเติม หรือวิธีการใด หากนำไปเผยแพร่ต่อ สร้างความอับอาย (เคส เทย์เลอร์ สวิฟต์) ก็จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท 

ฉะนั้น เครื่องมือที่ใช้ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมใดก็ตาม หรือจะใช้ AI เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่าง Deepfake กฎหมายไทยที่มีก็ยังครอบคลุมอยู่ และครอบคลุมไปถึงบุคคลที่เสียชีวิตไปแล้วด้วย ถึงแม้ Deepfake จะเป็นเทคโนโลยีใหม่ แต่ก็ยังเป็นพื้นฐานของภาพที่ “สร้างขึ้น”  หรือต่อเติม ดัดแปลง ดังนั้น กรณีนี้ หากมีคนไทยตกเป็นเหยื่อ ก็สามารถเอาผิดได้ ตาม 2 มาตรา ข้างต้น...

แพลตฟอร์ม ต้องปกป้องสิทธิของประชาชน 

เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ระบุว่า สิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญในกรณีของ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” นั้น คือ การตื่นตัวของ “ทำเนียบขาว” ที่เริ่มให้ความสนใจในการบริหาร “แพลตฟอร์ม” คือต้องให้ความสำคัญกับประชาชน 

เดิม สหรัฐฯ จะให้ความสำคัญกับสิทธิเสรีภาพมากๆ และการดูแล “แพลตฟอร์ม” ที่ให้บริการนั้น ไม่เทียบเท่ากับประเทศอื่นๆ  โดยเฉพาะ ที่สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย ที่มีกฎหมายในการดูแลแพลตฟอร์ม อย่างเข้มงวด เมื่อเกิดเรื่อง กับ เทย์เลอร์ สวิฟต์ บนแพลตฟอร์ม X เป็นเหตุให้เขาต้องกลับมาพิจารณาว่า ควรมีกฎหมายในการ “กำกับดูแลแพลตฟอร์ม” หรือไม่  เพื่อป้องกันเหตุที่จะส่งผลกับอนาคต ฉะนั้น เชื่อว่าหลังจากนี้ ทางการสหรัฐฯ อาจจะออกแอ็กชันมากขึ้น

เร่งหาเครื่องมือ แก้ปัญหาถูกใช้หลอกลวงประชาชน 

พล.อ.ต.อมร ยอมรับว่า ทาง สำนักงานความปลอดภัยทางไซเบอร์ฯ กำลังหาทางแก้ปัญหาการใ้ช้แพลตฟอร์ม เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงประชาชน ซึ่งขณะนี้ กำลังร่วมมือกับสำนักอัยการสูงสุด และหน่วยงานในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อหาทางคัดกรองสิ่งที่ไม่เหมาะสม หรือ หลอกลวงผ่านแพลตฟอร์ม โดยจะทำคู่กับการ “พูดคุย” กับ “แพลตฟอร์ม” โดยหวังว่าจะมีช่องทางในการ “รายงาน” เพื่อ “ตรวจจับ” สิ่งเหล่านี้ 

หาก เหตุการณ์เกิดขึ้น และทาง แพลตฟอร์มให้ความร่วมมือ ยังไม่ถึงขั้นการ “บังคับใช้กฎหมาย” จะถือเป็นเรื่องดี เพราะบางครั้งการใช้กฎหมาย จะถูกมองว่าเป็นการ “ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ” เพื่อลดโอกาสในทางการแข่งขันหรือไม่ โดยสิ่งที่ทำในเวลานี้ คือการศึกษาข้อกฎหมายต่างๆ ที่ในต่างประเทศมีการบังคับใช้ไปแล้ว โดยต่อไป “แพลตฟอร์ม” ต้องมีความรับชอบต่อสังคมมากขึ้น ไม่ใช่เกิดเหตุหนึ่งขั้น รายงานไปแล้วจบ 

ปัญหาในการไล่ล่าตัวคนทำผิด...

อาจารย์ฝน เห็นว่า ประเด็นปัญหาของ Deepfake คือ เรื่องการจับกุม ที่ผ่านมา การก่ออาชญากรรมในโลกออนไลน์ นั้นมีจำนวนไม่มาก ที่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ แม้ที่ผ่านมา จะขอความร่วมมือกับแพลตฟอร์มต่างๆ แต่มักจะถูกเมิน หรือไม่ให้ความร่วมมือ บางครั้งให้ตัวเลข IP มาก็ไม่รู้ของจริงหรือไม่ 

ตั้งแต่มี พ.ร.บ.คอมฯ ก็มีคำสั่งให้ผู้ประกอบการเก็บ log file (จัดเก็บข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์) ไว้ 90 วัน ซึ่งภาพรวมเหมือนเป็นภาระให้ผู้ประกอบการ แต่ในความเป็นจริงนั้น ไม่รู้ว่ามีการเก็บ log file จริงหรือไม่ เก็บไว้ 90 วันหรือไม่ เท่าที่เคยสอบถามบางร้าน ก็บอกว่าเก็บไว้ไม่ถึง หากเป็นเรื่องจริง ถือว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย มีโทษปรับสูงสุดถึง 5 แสน  

สิ่งที่เป็นคำถาม คือ ตั้งแต่บังคับใช้กฎหมาย มีร้านไหนเคยโดนปรับบ้าง...กฎหมาย หากไม่บังคับใช้ ก็ไม่มีประโยชน์...อาจารย์ฝนกล่าว  


หลายประเทศ เริ่มแล้ว ในการควบคุม แพลตฟอร์ม 

พล.อ.ต.อมร กล่าวว่า “การบริหารจัดการระหว่างรัฐ กับแพลตฟอร์ม หลายประเทศเริ่มมีแนวทางในการควบคุมแล้ว โดยที่ผ่านมา ทาง ผบ.ตร. ก็ได้เล็งเห็นเรื่องเดียวกับเรา คือ e-Safety Commission ของออสเตรเลีย ซึ่งถือเป็นประเทศ ที่เคยจัดการปัญหาการพูดจาไม่เหมาะสม ซึ่งการจัดการรายหนึ่ง ก็มีรายใหม่เกิด  ดังนั้น เขาจึงมีเรื่อง e-Safety Commission เพื่อมาจำกัดดูแลแพลตฟอร์ม เพื่อให้แพลตฟอร์มมีความรับผิดชอบในเรื่องนี้...” 

ต่อไป แพลตฟอร์ม ควรจะมีการกำหนด “กรอบ” การทำงานมากขึ้น หาก คอนเทนต์ใด ที่มันกระทบกับสิทธิส่วนบุคคล หรือ เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงออนไลน์ จะต้องกำกับดูแลด้วย 

ที่ผ่านมา เราพยายามขอความร่วมมือ ซึ่งก็ได้รับการช่วยเหลือบ้างบางเคส แต่เวลานี้เห็นว่าให้ความร่วมมือมากขึ้น เช่น กรณี เอาหน้าคนดังมาชวนเล่นหุ้น เวลานี้ลดลงไปมาก 

สิ่งที่อยากได้มากกว่า คือเราไม่อยากรอเป็นเดือนๆ แล้วค่อยมาแก้ไข อยากได้ช่องทางในการพูดคุยได้เร็วกว่านี้ หากมีแนวโน้มว่าจะเสียสิทธิ เสียประโยชน์ การตอบสนองควรจะรวดเร็ว ไม่ใช่ปล่อยว้นาน มีคนเซฟข้อมูลแล้ว แล้วไปโผล่เว็บใต้ดิน แบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดี

พล.อ.ต.อมร ยอมรับว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ การนำใช้ในประเด็นทาง “การเมือง” เพราะ สามารถหลอกได้ทั้งหน้า และเสียง ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักจะมีกระบวนการเบื้องหลัง เช่น การเตรียมข่าว เตรียมสตอรี่ไว้ หากสถานการณ์การเมืองแรง จะทำให้บรรยากาศทางการเมืองเกิดความรุนแรง ก่อความเสียหายได้ ดังนั้น ถือเป็นสิ่งที่ประชาชนและสื่อต้องระวัง 

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน 

อ่านบทความที่น่าสนใจ 

สำรวจเด็กพิเศษที่เรียนร่วมในการศึกษาไทย

ปาขี้ รุมยำ ชะตากรรมคนเร่ร่อน ตายไร้ค่า ชื่อ-นามถูกสวม

เรียนไม่เก่ง แต่เทพปลูกผัก ไม่ได้รัก แต่ต้องเก่งและรวยด้วยเกษตร

ไฟสงครามหน่อเนื้อเกาหลีใต้-เหนือ เลือดข้น คำขู่ และเบื้องหลัง

Share

เราใช้คุ้กกี้ 

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookie Policy)

รับทราบ