Past Lives ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี เมื่อ "พรหมลิขิต" ผสมพันธุ์กับ "เมตาเวิร์ส" ได้อย่างแนบเนียน ลุ่มลึก จนดูแล้ว ต้องกลับไปดูอีกรอบสอง...

ตั้งแต่ต้นปี 2023 ถ้าไม่นับตลาดของกลุ่มหนัง folk-horror ที่มักเกี่ยวข้องกับความตาย ภาพยนตร์ที่เข้าฉาย ทั้งในโรงและบนเน็ตฟลิกซ์ มีแนวทางที่เด่นชัดอย่างหนึ่ง นั่นคือ เรื่อง "การข้ามเวลา" ตัวละครหลายเรื่องมักอยู่คนละภพ (เป็น-ตาย) ระลึกชาติได้ และไปมาหาสู่ระหว่าง อดีต กับ อนาคต เหมือน "พรหมลิขิต" ผสมพันธุ์กับ "เมตาเวิร์ส" 

แต่มีหนังเล็กๆ ที่คุณภาพใหญ่โตเรื่องหนึ่ง อิงลักษณะที่ว่านี้ อย่างแนบเนียน ลุ่มลึก จนดูแล้ว ต้องกลับไปดูอีกรอบสอง เพราะหนังเรื่องนี้ ค่อยๆ หลอมคนดู จนเป็นหนึ่งเดียวกับหนัง

"Past Lives" คือหนังยอดเยี่ยมแห่งปี ที่ต้องขอนำมาเขียนถึง ในเชิง "สรุปแห่งปี" อันเป็นธรรมเนียมปลายปี

ไม่ต้องเล่าเยอะ เพราะหลายคนคงได้ดู (และหลายคนคงได้พลาดไป) ... เด็กสาว นอร่า (เกรตา ลี) กับเด็กชาย แฮซอง (แทโอ ยู) เป็นเพื่อนรักวัยประถม แต่พออายุ 12 นอร่าต้องจากทุกอย่าง เพราะครอบครัวเลือกไปตั้งต้นใหม่ที่นิวยอร์ก จากบ้านเกิด จากถิ่นฐาน ยังไม่พอ ต้อง "จากหัวใจ" ของใครสักคน

...

โลกที่ไม่ social ทำให้ทั้งสองคนจากไปนานถึง 12 ปี ก่อนมาพบกันทางออนไลน์ ที่มีบทบาทในเวลาต่อมา...คำถามคือ ทั้ง นอร่า และ แฮซอง จะถักชุน หรือเย็บแผล จากในอดีต ให้สนิทอย่างไร?

มันไม่ง่ายนะ เพราะถึงไม่ได้โกรธกัน แต่คนหนึ่งอยู่เกาหลี อีกคนฝังตัวที่นิวยอร์ก คนหนึ่งโสด เหมือนยังรอเธอ - ขณะที่อีกคน แต่งไปแล้ว แต่เหมือนใจ ไม่ move on

แล้ว Past Lives ก็ลูบไล้เมตาเวิร์ส แผ่วเบา - แถมเล้าโลม พรหมลิขิต อีกนิด... เมื่อบอกว่า อิน-ยอน คือ โชคชะตาฟ้าลิขิต คนสองคนที่พบกันในชาตินี้ อาจเคยรู้จักกันมา 8,000 ชาติแล้ว...

หนังมีความสมบูรณ์มาก ตั้งแต่การเขียนบทที่รอบคอบ รัดกุม แบบละครเวที (เซลีน ซง ผู้กำกับ เคยเขียนบทละครเวทีมาก่อน)

ฉากหลัง แรงจูงใจของตัวละคร มีเหตุมีผล และแสดงมันแบบมนุษย์แท้ๆ ความกระอักกระอ่วนจากการคุย พบกัน แม้แต่ทรมานจิตใจ มีให้เห็นแบบปุถุชน ที่ต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

ที่เด็ดขาดมากคือ สามีของ นอร่า ถูกผลักให้กลายเป็น "คนนอก" ทั้งที่เขาเป็นคนใน (อย่างน้อย ผัวของ นอร่า) เป็น otherness ทั้งชาติกำเนิด (ต่างชาติ ไม่ใช่เกาหลี) และกันให้ออกเป็น "คนอื่น" เมื่อภรรยานั่งคุยอีกภาษากับ ชายในหัวใจวัยเยาว์... (ซึ่งเป็นฉากเปิดเรื่อง)

ข้อดีเรื่องที่สอง นี่คือหนังที่แสดงยาก เพราะต้องขับเน้นทุกอย่างออกมาทางสีหน้าเท่านั้น หนังไม่มี transition เพราะจุดเปลี่ยนผ่าน ถูกสะสมมาเรื่อยๆ ในพล็อต คนดูอาจบอกว่า transition ของทุกคน...ไม่เหมือนกัน 

เรื่องที่สาม ที่อยากจะชมคือ การแตะประเด็นเรื่อง รากเหง้า - คำว่า Past Lives ถ้าแปลตามบริบทของหนัง คือ "ตกค้างในอดีต"

ขณะที่เรากำลัง "กระแดะ" สนทนาแต่เรื่อง โลกหน้า ชีวิตหลังความตาย สังคมของเทคโนโลยีไปชีวิตใหม่ Past Lives กลับรั้ง ดึง บอกกับเราว่า มีคนมากมายยังมีชีวิต "ตกค้าง" อยู่ในอดีต และออกมาไม่ได้ (คนละอย่างกับ เราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง)

...

สภาพการปะทะกัน ระหว่างอดีต vs. อนาคต แสดงออกจาก ชาติกำเนิด, ภาษาต้องพูด, ถิ่นฐานใหม่ ของตัวละคร (หรือจะว่าไป - เมื่อครั้น หนังออกฉายตามเทศกาลนานาชาติ นักข่าวคนหนึ่ง ยังไปตั้งคำถามว่า ทำไมหนังไม่ใช้ภาษาใดภาษาหนึ่ง)

ต้องชมว่า GDH ในนาม out of the box น่ารักที่เลือกเอาหนังเรื่องนี้มาเป็นตัวเปิดแผนกใหม่ (มีปาร์ตี้หลังหนังจบด้วย) มีหนังมากมายตลอดปีนี้ ที่ต้องมี comedy release แทรก เป็นสูตรสำเร็จ ต้องตลกเป็นระยะๆ จนบทเสียน้ำหนัก

บ้างก็ใส่ transition แบบแข็งๆ อยากเปลี่ยนเรื่อง ก็ยัดเยียดเลย ในโลกแบบเมตาเวิร์ส เราคงมีโอกาสน้อยนิด ที่จะพบหนังแบบ Drive My Car และแน่นอน Past Lives ก็เช่นกัน

ขอเลือกเป็น...the best film of the year ของปีนี้ 

อ่านบทความ "นันทขว้าง สิรสุนทร" เพิ่มเติม :

...