Baldur’s Gate 3 การมาถึงของเกมมาตรฐานใหม่ ที่ทำให้วงการลุกเป็นไฟ...
Intro :
สำหรับในปี 2023 ของวงการเกมอย่างที่ผมไปพูดไปในหลายๆ เทปก่อนหน้านะครับว่า นับว่าเป็นปีที่น่าตื่นเต้น เพราะว่ามีเกมใหญ่ๆ ที่ผู้เล่นรอคอย วางจำหน่ายออกมาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น The Legend of Zelda: Tears of the Kingdom, Dead Space Remake, Resident Evil 4 Remake, Street Fighter 6, Diablo IV, Final Fantasy XVI แล้วก็ยังมีเกมอื่นๆ อีกมากมายทั้งที่ขายไปแล้วและที่ยังไม่ถึงกำหนดวางจำหน่ายหลายต่อหลายเกมด้วยกัน แต่สำหรับในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาครับ มีเกมๆ หนึ่งที่เพิ่งวางจำหน่าย มันคือภาคต่อของซีรีส์เกม RPG ระดับตำนานที่ทิ้งช่วงระยะห่างจากเกมภาคก่อนหน้าถึง 23 ปี นั่นคือ "Baldur’s Gate 3"
แต่การกลับมาในครั้งนี้ ถือว่าได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการเกมอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ประเด็นแรกก็คือภายในช่วงเวลาไม่กี่วันนับตั้งแต่เกมวางจำหน่ายไปเมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา ในตอนนี้ "Baldur’s Gate 3" ทำคะแนนรีวิวรวมบน "เว็บไซด์ Metacritic" สูงถึง 97 คะแนน แซงหน้าตัวเต็งที่นักวิจารณ์กะเก็งกันว่าจะคว้าตำแหน่งเกมยอดเยี่ยมประจำปีอย่าง The Legend of Zelda: Tears of the Kingdom ที่ทำคะแนนสูงถึง 96 คะแนน เรียบร้อยแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น มันยังกลายเป็นเกมจากเครื่อง PC ที่ทำคะแนนวิจารณ์สูงสุดบนเว็บไซด์ Metacritic ตลอดกาล และมียอดผู้เล่นบนแพลตฟอร์ม Steam พร้อมกันเกือบ 9 แสนคน ติดอันดับเกมที่มีผู้เล่นพร้อมกันสูงสุดตลอดกาลเป็นอันดับ 9
...
นอกจากประเด็นเรื่องคุณภาพของตัวเกมซึ่งเป็นที่โจษจันกันอย่างกว้างขวางแล้วนั้น อีกหนึ่งเรื่องที่สร้างกระแสโด่งดังขึ้นมาไม่แพ้กัน นั่นก็คือความเห็นรายล้อมเกี่ยวกับ "มาตรฐาน" หรือ "บรรทัดฐาน" ใหม่ ที่ Baldur’s Gate 3 ได้สร้างเอาไว้ จนกลายเป็นดราม่าระดับที่เรียกว่า ทำให้วงการเกมต้องลุกเป็นไฟ มันเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเกม RPG เกมนี้ เชิญรับชมกันได้เลย
CRPG :
Baldur’s Gate 3 เป็นผลงานของทีมพัฒนาที่มีชื่อว่า "Larian Studios" พวกเขาเป็นผู้รับผิดชอบเกมแนว CRPG ที่มีชื่อเสียงในยุคหลังๆ เช่น ซีรีส์ Divinity ที่ขายมาหลายต่อหลายภาคนับตั้งแต่ปี 2002 ทำให้พวกเขามีประสบการณ์ในเกมแนวนี้สูงพอตัว และจัดเต็มใส่ทุกอย่างเข้าไปให้ Baldur’s Gate 3 กลายเป็นเกมที่เครื่องแน่น เนื้อหาเยอะ ชนิดที่เล่นกันได้นานเป็นปีโดยไม่ต้องพึ่ง DLC ส่วมเสริม
ระบบของเกมยึดโยงเอาจาก Tabletop RPG สุดคลาสิกอย่าง Dungeons & Dragons มาอย่างเข้มข้น ผู้เล่นมีทางเลือกในการดำเนินเนื้อเรื่องมากมาย และแตกต่างกันไปตามประวัติความเป็นมา, เผ่าพันธุ์, หรือค่าพลังของตัวละครที่ถูกผู้เล่นกำหนดมา แน่นอนระบบการเล่นโดยหลักแล้วยังคงเป็นเหมือน RPG คือ ออกเดินทาง ต่อสู้เก็บเกี่ยวค่าประสบการณ์, สะสมเงินทอง, พัฒนาตัวละครให้มีทักษะด้านต่างๆ ที่เก่งกล้า, และตามหาอุปกรณ์ที่แข็งแกร่งขึ้นขึ้นมาสวมใส่ พร้อมกับดำเนินเนื้อเรื่องให้คืบหน้าต่อไปเรื่อยๆ
ฟังดูอาจจะไม่ได้น่าตื่นเต้นหรือแตกต่างอะไรกับเกม RPG อื่นๆ ใช่ไหมครับ แต่ถ้าผมจะบอกคุณว่า การปั้นตัวละครหลักมาดำเนินเนื้อเรื่องนั้น ผู้เล่นสามารถเลือกได้ระหว่าง 12 คลาสหลัก, 46 คลาสย่อย, 11 เผ่าพันธุ์, 31 เผ่าพันธุ์ย่อย!!! เพื่อออกผจญภัยในโลกแฟนตาซีอันกว้างใหญ่นี้ คุณอาจจะใช้โวหารนำตัวเองออกจากสถานการณ์คับขันแทนที่จะต้องต่อสู้เสียเลือดเนื้อ, คุณอาจจะเปลี่ยนศัตรูที่ต้องสังหารให้กลายเป็นเพื่อนร่วมเดินทางของคุณได้, หรือคุณอาจจะสานสัมพันธ์กับใครสักคนเพื่อหวังผลประโยชน์ที่ได้จากเขาคนนั้น ก็สามารถทำได้เช่นกัน
จะเห็นได้ว่าทางเลือกของผู้เล่นนั้นมหาศาลท่วมท้น, คาดเดาไม่ได้, และละเอียดยิบย่อยมากเสียจนทำให้เกิดความหลากหลายได้ไม่รู้จบ เช่น ระหว่างบทสนทนา ตัวละครของเราอาจจะมีค่าพลังด้านเสน่ห์ที่สามารถจูงใจ หรือ ข่มขู่ คู่สนทนาได้ แต่ก็ยังจะต้องมีการ ทอยลูกเต๋า เป็นเงื่อนไขว่า การจูงใจหรือข่มขู่นั้นจะสำเร็จหรือไม่ควบคู่กันไปด้วย ทำให้ระหว่างการเล่นนั้น จะเกิดทางเลือกมากให้ที่ผู้เล่นจะสามารถดำเนินเนื้อเรื่องไปได้ ซึ่งจะเป็นเส้นทางที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และการทอยลูกเต๋ายังถือเป็นระบบสำคัญที่ใช้ควบคุมรูปแบบการเล่นของเกมให้สอดคล้องกับเกมกระดาน ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับเกม RPG ในแทบทุกมิติ
...
สำหรับ Baldur’s Gate 3 นั้น เราอาจจะเรียกมันว่าเป็น CRPG ที่คลาสิกมากๆ แฟรนไชส์นึงนะครับ แต่เดี๋ยวก่อน คุณผู้ชมอาจจะงงกับ คำจำกัดความของ CRPG เพราะว่าเราอาจจะคุ้นหูกับ JRPG ที่แปลว่าเกมภาษาที่มาจากญี่ปุ่น หรือ WRPG เกมภาษาที่มาจากตะวัน หรือแม้แต่คำอย่าง Action-RPG, Open World RPG ก็อาจจะยังพอทำความเข้าใจกันได้ไม่ยาก แต่สำหรับ CRPG เนี่ย ต้องบอกว่า มันมีต้นกำเนิดที่ย่อมาจากคำว่า Computer Role-playing Game หรือแปลตรงตัวว่า เกมภาษาที่เล่นบนคอมพิวเตอร์นั่นเอง แต่คำๆ นี้มันเกิดขึ้นในสมัยที่เกม RPG ยังเป็นรูปแบบ Tabletop หรือว่าพวกเกมกระดานและมีเกมไม่มากวางจำหน่ายบน คอนโซลหรือ PC
แต่ในปัจจุบัน แนว CRPG นั้นวิวัฒนาการผ่านกาลเวลา และผสมผสานองค์ประกอบมากมายจนความหมายนั้นเปลี่ยนเป็น Classic Role-playing Game แม้จะไม่มีคำนิยามที่เป็นทางการ แต่ก็พอจะอธิบายง่ายๆ ได้ว่า เป็นเกมที่มีความเป็นเกม RPG ยุคเก่า หรือในบางกรณีก็คือได้แรงบันดาลใจจาก Dungeons & Dragons ซึ่งถือว่าเป็นบิดาแห่งเกม RPG ทั้งปวงนะครับ เช่น ใช้มุมมองจากด้านบน, มีทางเลือกในการดำเนินเนื้อเรื่อง, มีความอิสระของสถานการณ์และเรื่องราวที่สูงมากเป็นแก่นแกนในการดำเนินเนื้อเรื่อง, ปรับแต่งตัวละครได้อย่างละเอียดยิบ และผู้เล่นสามารถสวมบทบาทเป็นตัวละครเหล่านั้นได้ เป็นต้น
...
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เกมแนว CRPG ถือว่าไม่ได้เป็นกระแสหลักที่เกมเมอร์ทั้งหลายนิยมชมชอบกันครับ เวลาเราพูดถึงเกม RPG ร่วมสมัย ชื่อที่ปรากฏขึ้นมาบนหัวของผู้เล่นแบบทันที่ว่าเป็นเกม RPG ที่มีคุณภาพ ก็อาจจะไม่ได้มีเกมแนว CRPG ร่วมอยู่ด้วย แต่กระนั้นก็ตามความนิยมในแนวเกมชนิดนี้ไม่เคยหายไป และเช่นเดียวกับแฟชั่น มันพร้อมจะกลับมาเป็นกระแสอีกครั้งวนเวียนเป็นวัฏจักร ดังนั้นการกลับมาของ Baldur’s Gate 3 ได้มอบประสบการณ์ที่ผู้เล่นอาจจะหลงลืมมันไปนานแล้ว และกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกสดใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง
ถ้าจะบอกว่า The Legend of Zelda: Tears of the Kingdom หรือแม้แต่ Elden Ring คือวิวัฒนาการขั้นล่าสุดของเกม RPG สมัยใหม่ ที่นำเอาองค์ความรู้ทุกอย่างที่มีตลอดประวัติศาสตร์ของเกมแนวนี้ มาพัฒนาจนเป็นผลงานอันยอดเยี่ยม Baldur’s Gate 3 ก็คือการนำเอาองค์ความรู้มหาศาลเหล่านั้นยัดกลับไปในเกม RPG แบบดั้งเดิม จนกลายเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน
Controversy :
...
อย่างไรก็ตามแม้ว่าในตอนนี้ Baldur’s Gate 3 คือเกมที่ได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวางและได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกอย่างล้นหลาม แต่มันก็ได้สร้างประเด็นดราม่าที่น่าสนใจขึ้นมาครับ คือด้วยความที่เกมทำผลงานได้ดีขนาดนี้ในสายตาของเหล่าเกมเมอร์
แต่กลับกลายเป็นว่าสตูดิโอและนักพัฒนาเกมด้วยกันเองนี่แหละ ที่ออกตัวตำหนิเกมนี้กันอย่างเปิดเผย ด้วยเหตุผลที่ว่า เกมทำออกมาได้ดีเกินไป คอนเทนต์เยอะเกินไป ตัวเลือกในการดำเนินเนื้อเรื่องก็เยอะมากเกินไป จนล้ำหน้าเกินกว่าเส้นที่ทีมพัฒนาเจ้าอื่นๆ เขาทำกัน และมันจะส่งผลร้ายกับเกมที่จะวางจำหน่ายหลังจากนี้ เนื่องจากความคาดหวังของเหล่าผู้เล่นนั้น ถูกดันให้สูงขึ้นไปแล้ว
เปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนถ้าคนเรากินของอร่อยกันจนเคยชิน พอเจอกับอาหารที่ไม่อร่อย เราก็จะบอกได้โดยทันทีแล้วก็เลือกไปหาอาหารที่อร่อยกว่า ที่ขายในราคาเท่าๆ กัน
แถมยังมีการเรียกร้องไปยังเหล่าเกมเมอร์ให้ช่วยเข้าใจถึงความยากในการพัฒนาเกมยุคปัจจุบันที่ทั้งใช้เงิน เวลา และกำลังคนสูงมาก และโปรดอย่านำเอามาตรฐานที่ "Baldur’s Gate 3" ทำได้ มาตัดสินเกมอื่นๆ หรือคาดหวังว่าเกมอื่นๆ จะทำได้ดีเทียบเท่ากรณีนี้ครับ และยังมีนักพัฒนาจากอีกหลายๆ บริษัทที่ออกมาประสานเสียงเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ว่า เฮ้ย อย่าไปคาดหวังว่าเกมอื่นๆ มันจะดีขนาดนี้เลย อย่าไปทำเกมให้มันดีมาก ทำแค่พอขายได้ก็พอ!
สำหรับผมฟังดูแล้วมันเป็นความเห็นที่ ใช้ไม่ได้เลยครับ! เทรนด์ของเกมในยุคปัจจุบัน ถ้าเรามองโดยภาพรวมก็ต้องบอกว่า สำหรับสตูดิโอขนาดใหญ่นั้นทุกคนค่อนข้างเพลย์เซฟ คือ จะไม่สุ่มเสี่ยงสร้างเกมอะไรที่พวกเขาไม่มั่นใจว่าจะไม่มีตลาดรองรับ ผลที่ตามมาก็คือทำให้เราพบแต่เกมภาคต่อ หรือเกมที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับเกมที่เคยวางจำหน่ายกันมาก่อนแล้วเต็มไปหมด เกมเหล่านี้ถูกออกแบบมาตาม check list ว่าต้องมีองค์ประกอบแบบนั้นแบบนี้นะ และไม่ได้ใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ผลักดันให้มันดีขึ้นได้อย่างเต็มศักยภาพ
แต่ไม่เพียงเท่านั้น ต่อให้มันเป็นการผลิตในรูปแบบอุตสาหกรรมที่ทุกอย่างถูกวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนขนาดนี้ คุณภาพของเกมก็ยังมีปัญหา ทำไม่เสร็จบ้าง, บัคเยอะบ้าง, หรือ optimize มาไม่ดีบ้าง ซึ่งมันไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยกับสตูดิโอใหญ่ๆ และที่ซ้ำร้ายที่สุด ก็เหมือนทุกคนจะไปมุ่งเน้นการทำเกมให้กลายเป็น live service เล่นออนไลน์อยู่ได้นานๆ ขายสกิน ขายซีซันพาส สร้างกำไรโดยพัฒนาตัวเกมให้น้อยที่สุดกันไปหมด พูดง่ายๆ ว่าไม่เนื้อเรื่องคุณภาพของเกมกันแล้ว แต่ไปเน้นเรื่องระบบการตลาดระบบหาเงินกันแทน โดยตัวอย่างก็มีให้เห็นกันเต็มไปหมด
ประเด็นนี้กลายเป็นที่สนใจของทั้งเกมเมอร์ สื่อมวลชน และแม้แต่ทีมพัฒนาเอง ที่มีการแลกเปลี่ยนเหตุผลเบื้องหลังกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละท่านจะคิดเห็นกับเรื่องนี้อย่างไรย่อมเป็นสิทธินะครับ แต่สำหรับส่วนตัวผมนั้น ผมคิดว่าคนเราควรจะมีสิทธิในการคาดหวังสิ่งที่ดีกว่าอยู่เสมอ และเราไม่ควรจะพอใจอยู่กับสิ่งที่เป็นไปว่ามันดีอยู่แล้ว เพราะทุกอย่างควรจะต้องพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปตามกาลเวลา การอ้างว่ามันยาก มันทำไม่ได้ หรือมันไม่คุ้มค่า มันไม่ได้ช่วยให้เราได้พบสิ่งที่ดีกว่าเดิมได้หรอกครับ มันจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง ว่าเราจะต้องส่งเสียงและสนับสนุน คนที่ทำงานอย่างทุ่มเท ตั้งใจ เพราะความรักในสิ่งที่เขาทำ และมันช่วยยกบรรทัดฐานใหม่ให้กับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้น
อ่านบทความและรับชมคลิปรายการ "รู้รอบเกม" จาก "กุมภฤทธิ์ พุฒิภิญโญ" เพิ่มเติม: