สกาลา และเราสองคน ความทรงจำอันแสนโรแมนติก ที่มีเก้าอี้และโรงหนังสกาลาเป็น "ฉากหลัง"...
เมื่อ "วันเดือนเคลื่อนผ่าน" ไปในชีวิตคนเรานั้น หลายๆ ครั้ง เรามักจะมี "ฉากจำ" เป็นโมเมนต์ที่รู้สึกดี เมื่อนึกถึง "วู้ดดี อัลเลน" ผู้กำกับหนังสายปัญญาชน (Anxiety หน่อยๆ) บอกว่า เขาหลงรัก ตอนที่ย่านร็อกอะเวย์ มีฝนตกหนัก ในหนัง Radio days ทั้งที่เวลาปรกติ ฝนก็ไม่ค่อยตก...
แต่เขาก็ชอบตอนที่ ย่านนั้นเปียกชุ่มด้วยสายฝน มันโรแมนติกแบบแปลกๆ...(จาก Sight & Sound) ในทำนองเดียวกัน, เหมือนที่ "โรเบิร์ต เรดฟอร์ด" ชอบฉาก "แบรด พิตต์" เหวี่ยงสายคันเบ็ดไปในสายน้ำ ใน A river runs through it เรดฟอร์ด บอกว่า เขาหลงรักฉากนี้ มันสวยจนเป็นโปสเตอร์ของหนัง
...
ในท่าทีเดียวกัน, นักเขียนนิยายของฝรั่งเศส นาม "มาร์เซล ปาญอล" ก็สารภาพว่า เขาชอบบ้านหลังหนึ่งในชนบท ที่แม่เขาชอบเดินผ่านเร็วๆ เพราะกลัวเจ้าของจะว่า..."แม่กลัวว่าเราจะไปเดินผ่านที่ทางของเขา" พอโตขึ้น มาร์เซล ก็เลยซื้อบ้านหลังนั้น มาเป็นของตัวเองทั้งหมด
ผมชอบคนของหนัง ที่มักมีเรื่องเล่า ฉากจำ และอยากซื้อเก็บไว้ ทั้งที่บางอย่าง ก็ไม่มีขาย และซื้อไม่ได้ เช่น อัลเลนกับ ฝนตกที่ร็อกอะเวย์, เรดฟอร์ดกับ ฉาก เหวี่ยงสายคันเบ็ด อะไรแบบนี้ - เป็นโมเมนต์ที่ต้องเก็บเอาเอง....ถ้าเป็นเรื่อง "เกี่ยวกับหนัง" ผมมีฉากจำ หรือโมเมนต์อยู่เหมือนกัน แตกต่างคือโรงภาพยนตร์
ผมชอบ "ทุกช่วงเวลา" ที่ได้ดูหนังที่สกาลา ทั้งดูคนเดียวตอนบ่ายสอง และสามทุ่ม รวมทั้งดูหนังที่นี่หลายปีกับ "ผู้หญิงที่รักที่สุด" เป็นแฟนที่นัดกันที่สกาลา เวลามีหนังที่สนใจ ผมชอบเข้าไปนั่งก่อนหนังฉาย นานๆ เพราะทางโรงจะเปิดเพลงเก่าๆ โดยยังไม่เปิดม่านหรือเปิดจอ เหมือนก่อนดูหนัง ก็ได้ฟังเพลง แถมเป็นเพลงที่คลาสสิก
เพลงหนึ่งที่เขาจะเปิดเสมอคือ Speak softly love ซึ่งเป็นเพลงธีมของ The Godfather ภาคแรก (1972) นั่งหลับตาฟังเพลงนี้ โดยมีผู้หญิงที่รัก อยู่ข้างๆ ไม่ต้องดูหนัง ยังคุ้มเลย เวลาหนังจบ ผมไม่ชอบกลับเร็วๆ ดนตรีประกอบท้ายเรื่องเอนด์เครดิต ก็อาจเป็น "ความรู้สึก" ที่หนังต้องการส่งเรา กลับบ้าน
ผมจำได้แม่นว่า เก้าอี้ที่นั่ง เบอร์ 29 และ 31 ช่วงที่ดูสกาลากับแฟนคนนี้ (2009-2017) จึงผูกพันกับเก้าอี้สองตัวนี้...นั่งแถวนั้น และเลือกตัวนี้.
แม้จะเลิกรากันไป ตามเส้นทางที่เราต่างเลือก - แต่ผมก็ยังคงดูหนังที่สกาลา มาจน "รอบสุดท้าย" ของ "วันสุดท้าย" ซึ่งฉาย Cinema paradiso เป็นการทิ้งทวน ทอดเวลาอาลัย ได้อย่างเข้ากันที่สุด
สกาลาโดนทุบ คนดูหนังเศร้าโศก ไม่ต่างจากที่ชาวบ้านในหนัง Cinema paradiso เสียดายโรงหนัง ที่เติบโตกันมา...หนังที่คนเรารัก จึงมักเกี่ยวข้องกับ Time เวลาเปลี่ยน ใจคนเปลี่ยน สิ่งที่ไม่แปรผันไป คือ ฉากจำ อันมาจากโมเมนต์ ตอนเกิด
...
ผมติดตามข่าวสกาล่าว่า เมื่อโรงหนังโดนทุบแล้ว เก้าอี้หลายร้อยตัวนั้น สกาล่าเอาไปไว้ไหน จึงได้รับการแจ้งจากเอเพกซ์ เป็นคนแรกๆ ว่า จะมีการขายเก้าอี้ 50 ตัว (ที่เหลือขนย้ายไปสวนนงนุช) น้องจากทางสกาลาให้ระบุที่นั่งได้ ผมจึงยื่นซื้อสองตัว ซึ่งเป็น Seat ที่ผมกับแฟนเก่า นั่งประจำในหลายรอบเรื่อง
วันที่สกาลา จะจัดส่ง ผมรู้สึกว่า เก้าอี้นั้นหนักมาก แล้วคงไม่มีที่ในคอนโดฯ ให้วาง คิดไปมาหลายรอบ จึงตัดสินใจ มอบให้รุ่นพี่ที่ชอบของเก่า และทำร้านอาหาร ผมไม่เคยคิดถึงเก้าอี้ตัวนี้ รู้ในใจว่า มันคงอยู่บ้านของใครที่ไหนสักแห่ง ในกรุงเทพมหานคร-แต่ไม่โหยหา และไม่ทรมาน
หลายปีต่อมา... ผมไปทานข้าวที่ร้านอาหารแถวท่าช้าง ก่อนไปกิน - ได้รับการบอกกล่าวมาว่า ร้านนี้ มีเก้าอี้โรงหนังเก่า เป็นส่วนประกอบของร้าน ด้วยนะ...คนส่งข่าว ถ่ายรูปส่งมา ผมรูดถ่างภาพบนจอ ก็พบว่ามันคือเก้าอี้หมายเลข 31 แล้วตัวอักษร H ซึ่งเป็นหนึ่งในสองตัว ที่นั่งดูระหว่างปี 2009-2017
...
ร้านอาหารนี้ชื่อ The Gate อยู่ตรงจะขึ้นท่าเรือ ตรงท่าช้าง เก้าอี้ตัวนี้ นั่งสงบเงียบอยู่มุมหนึ่ง และความหลัง ก็ "เคลื่อน" มาอย่างช้าๆ...บทความนี้ ผมนั่งเขียนอยู่ หน้าเก้าอี้ตัวนี้
ไม่เปียกชุ่มแบบ Radio days ไม่เทาเกรย์ ดูห่างไกลแบบ A river runs through it แต่ก็โรแมนติก ในแบบของผม
และอยากจะจดจำ ไว้แบบนี้
25 june 2023 : The Gate ท่าช้าง
อ่านบทความของ "นันทขว้าง สิรสุนทร" เพิ่มเติม :
...