"คาแรกเตอร์ 'โจซังกู' เป็นพวกยึดตัวเองเป็นจุดศูนย์จักรวาลและมีมุมมองโลกในแบบที่ตั้งคำถามด้วยความเคลือบแคลง เขามักทำตัวโดดเดี่ยวและอยู่กับความคาดหวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้น จนกระทั่งเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ บริษัท Move to Heaven บริษัทที่ให้บริการเก็บกวาดสถานที่เกิดเหตุที่มีผู้เสียชีวิต รวมถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ของบรรดาลูกค้า"
นั่นคือ คำพูดของ อี แจฮุน (Lee Jae-hoon) นักแสดงหนุ่มที่กำลังอยู่ท่ามกลางแสงสปอตไลต์อันเจิดจ้า หลัง 2 ซีรีส์ที่เขารับบทนำในปีนี้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็น "Taxi Driver"
และแน่นอน ซีรีส์ปาดคราบน้ำตา ที่ตัวเขาเองรับบทเป็น "โจซังกู" อดีตคนคุกที่ชีวิตเปลี่ยนไปหลังต้องเข้าสืบทอดกิจการแปลกๆ ของพี่ชาย ซึ่งมาด่วนจากไปอย่างกะทันหัน พร้อมกับทิ้งหลานชายที่มีอาการแอสเพอร์เกอร์ส (Aspergers Syndrome) หรือกลุ่มอาการที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาท ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมและพัฒนาการในด้านต่างๆ เช่น ไม่ชอบเข้าสังคม หรือพูดซ้ำๆ เรื่องเดิมๆ เอาไว้ให้ดูแล
...
ที่ "เรา" กำลังจะพูดถึงในบรรทัดต่อๆ ไป นั่นก็คือ ซีรีส์ "Move to Heaven"
เพียงแต่... สิ่งที่ "เรา" จะมาเล่าในบรรทัดต่อๆ จากนี้ เป็นเวอร์ชัน "Move to Heaven" ในโลกของความจริง ซึ่งบางทีมันอาจเชื่อมโยงกับ "เรื่องราวที่ซุกซ่อนอยู่" ซึ่งสามารถเปลี่ยนทัศนคติของ "โจซังกู" ไปได้เหมือนกับที่ อี แจฮุน กล่าวเอาไว้ก็เป็นได้...
Move to Heaven ในโลกความจริง?
Move to Heaven คือ ซีรีส์เกาหลีที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากงานเขียน non-fiction ที่มีชื่อว่า "Things Left Behind" ของ คิม แซบยอล (Kim Sae-byul) ผู้เปิดบริษัทสุดแสนประหลาดที่มีชื่อว่า "Bio Hazzard" ในประเทศเกาหลีใต้
อะไร คือ ความแปลกประหลาดของบริษัท "Bio Hazzard"?
บริษัท Bio Hazzard ของ คิม แซบยอล เปิดให้บริการทำความสะอาดสถานที่หลังเกิดเหตุฆาตกรรม อัตวินิบาตกรรม หรือแม้กระทั่งการเสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยวขาดไร้ญาติมิตรภายในบ้านพักส่วนตัว มาตั้งแต่ปี 2009
‣ ชีวิตหลังพ้นโทษของ "หัวขโมยวัยชรา"
โดย คิม แซบยอล บอกเล่าถึงประสบการณ์การให้บริการที่สุดแสนสะเทือนใจเอาไว้ว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยต้องเข้าไปทำความสะอาดบ้านพักหลังหนึ่ง หลังการเสียชีวิตของชายวัย 70 ปี ที่อาศัยอยู่ในบ้านพักหลังนั้นเพียงลำพังมาร่วม 40 ปี ทำให้กว่าที่จะมีผู้มาพบร่างอันไร้วิญญาณ วันเวลาก็ผ่านเลยไปหลายสัปดาห์แล้ว
หากแต่...เรื่องราวอันน่าเศร้าสลดไปกว่านั้น คือ สาเหตุที่ทำให้ชายชราต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวและแม้กระทั่งตอนเสียชีวิตก็ไม่มีใครรับรู้ คือ หลังจากชายชราถูกตัดสินจำคุกในข้อหาลักทรัพย์ ภรรยาและลูกได้ย้ายออกไปจากบ้านพักหลังดังกล่าวและไม่เคยติดต่อกลับมาหา "ชายชรา" อีกเลย ทั้งๆ ที่...
"ภายในบ้านพักหลังนั้น เต็มไปด้วยสิ่งของใหม่เอี่ยมทุกชนิด มันมีแม้กระทั่ง...กระทะและชุดชั้นในที่ยังไม่ได้แกะออกจากกล่อง ทั้งๆ ที่หลายๆ ชิ้นถูกซื้อมาตั้งแต่ 20-30 ปีก่อน นอกจากนี้ จำนวนสิ่งของที่ถูกซื้อมานั้น ยังมีจำนวนมากเสียจนมองแทบไม่เห็นพื้นหรือฝาผนังบ้านอีกด้วย
...
อย่างไรก็ดี ผมได้ยินจากลูกๆ ของชายชราผู้นี้ว่า เขาต้องติดคุกหลังจากพยายามขโมยสิ่งของมาให้กับลูกๆ ของเขา แต่หลังจากพ้นโทษออกมาจากเรือนจำ เขากลับไม่เคยได้รับการติดต่อจากคนในครอบครัวอีกเลย" เจ้าของบริษัท Bio Hazzard บอกเล่าเรื่องราวสุดสะเทือนใจ
อย่างไรก็ดีสิ่งที่ คิม แซบยอล ค้นพบเพิ่มเติม ซึ่งติดพ่วงมากับการให้บริการดังกล่าว คือ ผู้ว่าจ้างชาวเกาหลีใต้ส่วนหนึ่งมีอาการป่วยทางจิต จนกระทั่ง "มีอุปนิสัยสะสมสิ่งของ" เอาไว้ในบ้านพักของตัวเอง และผูกพันกับสิ่งของเหล่านั้นจนถึงขนาดไม่อาจตัดใจทิ้งมันไปได้ ทั้งๆ ที่มันอาจเป็นเพียง "ขยะ" หรือแม้กระทั่ง "มูลสัตว์" ในพื้นที่บ้านพักก็ตาม!
‣ โดดเดี่ยวสังคม แม้กระทั่งการทิ้งขยะ
"ครั้งหนึ่ง ผมเคยได้รับการว่าจ้างจากหญิงสาววัยประมาณ 20 ปีที่มีรายได้สูงคนหนึ่ง ให้มาช่วยทำความสะอาดอพาร์ตเมนต์หรูหราแห่งหนึ่งในกรุงโซล หลังเธอถูกร้องเรียนจากเพื่อนบ้านเรื่อง 'กลิ่นเหม็น' จากภายในห้องพักที่เธออาศัยอยู่กับแมว
...
เมื่อผมเข้าไปในห้อง ผมแทบลืมตาไม่ขึ้น แถมจมูกยังต้องรับกลิ่นเหม็นจากฉี่ของแมวอย่างรุนแรงจนเกือบจะทนไม่ไหว และการทำความสะอาดในวันนั้นต้องใช้ถุงขยะขนาดใหญ่ถึง 10 ถุง สำหรับเก็บอุจจาระแมวเพียงอย่างเดียว!
สุดท้าย เธอยอมรับกับผมว่า เธอหยุดทิ้งขยะรวมถึงการนำอุจจาระของแมวไปทิ้ง หลังจากเธอเลิกกับแฟน และคนในครอบครัวก็แทบไม่เคยแวะเวียนมาเยี่ยม จนกระทั่งทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยวจากสังคม" คิม แซบยอล บอกเล่าถึงประสบการณ์การพบเจอลูกค้าในหลากหลายรูปแบบ
‣ ห้องแห่งความลับที่ไม่มีคนล่วงรู้
"ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นหญิงสาวอายุประมาณ 30 ปีที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง รวมถึงมีหน้าที่การงานที่ดีมาก เธอจ้างผมให้ไปทำความสะอาดบ้านพักของเธอ ซึ่งพอไปถึงบ้านพักของเธอดูสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก
แต่แล้ว...เมื่อเธอพาผมไปถึงห้องพักห้องหนึ่งในบ้านที่ผมต้องมาทำความสะอาด ผมก็ต้องตกตะลึง เพราะภายในห้องพักแห่งนั้น เต็มไปด้วยขยะนานาชนิด ตั้งแต่พื้นจรดเพดานบ้านและมีแม้กระทั่ง อาหารที่กำลังเน่าเหม็น และนั่นคือ ห้องแห่งความลับของเธอที่ไม่มีใครล่วงรู้" ผู้เชี่ยวชาญด้านการเก็บกวาดบอกเล่าอีกหนึ่งประสบการณ์ที่สุดแสนจะแปลกประหลาด
และอีกหนึ่งกรณีการเก็บสะสมสิ่งของที่ไม่น่าอภิรมย์ที่เจ้าของ บริษัท Move to Heaven ในโลกความจริงได้พบเจอ คือ...
‣ เด็กน้อยที่ใช้ชีวิตลำพังในกองขยะ
...
หญิงสาวติดเหล้าที่เพิ่งหย่าร้าง ด้วยวัยเพียงประมาณ 20 ปีคนหนึ่ง ได้ปล่อยให้ลูกชายวัยเพียง 2 ขวบ ต้องอยู่กับกองขยะนานาชนิดภายในบ้านพักเพียงลำพัง โดยทิ้งเพียงสมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่องเอาไว้ให้เล่น แต่แล้ววันหนึ่ง หนูน้อยเกิดตกใจที่ต้องอยู่เพียงคนเดียวในบ้าน และร้องไห้โทรศัพท์ไปหาตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือด้วยความไม่ตั้งใจ เรื่องทั้งหมดจึงถูกเปิดเผย และเข้าสู่การพิจารณาของศาล จนกระทั่งเด็กน้อยถูกตัดสินให้ไปอยู่กับพ่อของตัวเอง
"ผมได้รับการว่าจ้างให้เข้าไปทำความสะอาดบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งมีกองขยะที่แม่ใจร้ายเก็บซุกเอาไว้ภายในบ้านหนักรวมกันถึง 50 ตัน!
มันเป็นบ้านที่สวยงาม แต่ภายในกลับมีทีวีที่จอถูกทุบจนแตก และมีแก้วเหล้าที่ถูกขว้างจนแตก ตกเกลื่อนกลาดอยู่ทุกหนแห่งภายในนั้น ผมคิดว่าเด็กน้อยคนนั้นโชคดีมากที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงเกิดอาการป่วยทั้งๆ ที่ต้องเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนั้นมาเป็นเวลานาน" คิม แซบยอล บอกเล่าอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ชวนหดหู่
หากแต่...คงไม่มีลูกค้ารายใดที่ทำให้ คิม แซบยอล ต้นทางของซีรีส์ Move to Heaven รู้สึกเศร้าสะเทือนใจ นับตั้งแต่เปิดบริษัทมาในปี 2009 ได้มากเท่ากับกรณีที่ "คุณ" กำลังจะได้อ่านในบรรทัดต่อไปอีกแล้ว!
‣ เบื้องหลังชายวัย 50 ที่เสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยว
"ชายวัยประมาณ 50 กว่าปีที่เพิ่งหย่าร้างคนหนึ่งถูกพบว่าเสียชีวิตในบ้านพัก และกว่าจะมีผู้มาพบศพของเขาก็ต้องใช้เวลานานหลายวัน
เมื่อผมเข้าไปทำความสะอาดในบ้านหลังนั้น ผมจึงได้พบความจริงว่า บ้านหลังนั้นมีหนังสือที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพรเกาหลีจำนวนมาก ที่เชื่อว่าน่าจะรักษาโรคมะเร็งได้ รวมถึงเขายังใช้เวลาในช่วงวันหยุด ออกเดินทางไปตามป่าเขา ด้วยความหวังว่าจะได้พบสมุนไพรหายากเหล่านั้น เพื่อหวังดิ้นรนหาทางรักษาตัวเอง
ใช่! ความจริงคือ ชายผู้นี้เสียชีวิตด้วยอาการป่วยโรคมะเร็งตับระยะสุดท้ายโดยที่คนในครอบครัวไม่มีใครรู้มาก่อน
ชายคนนี้ เลือกที่จะเก็บอาการป่วยเอาไว้เป็นความลับจากอดีตภรรยาและลูกสาวสองคน และรักษาตัวเองไปตามมีตามเกิดแบบไร้ซึ่งคนดูแล รวมถึงยังตั้งหน้าตั้งตาทนทำงานต่อไปทั้งๆ ที่ป่วยหนัก เพื่อหาเงินไว้เป็นทุนการศึกษาให้กับลูกๆ ได้จบระดับมหาวิทยาลัยเป็นอย่างน้อย
แต่แล้ว...ในตอนที่เสียชีวิต เขาก็จากโลกใบนี้ไปอย่างโดดเดี่ยว ไร้ซึ่งคนดูแลในยามเจ็บไข้ และลูกๆ ของเขาก็ไม่มีใครทราบเรื่องนี้เลยสักคนเดียว!"
ส่วนหากท่านใดที่อยากรู้ว่า บริษัท Move to Heaven มีอยู่ในประเทศไทยบ้างหรือไม่ หรือบริษัทเก็บกวาดที่เกิดเหตุนี้ในโลกความจริง มีหน้าที่อะไรบ้าง และเหตุใดจึงต้องมี สามารถติดตามอ่านได้ในตอนต่อไปเร็วๆ นี้.
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
กราฟิก: เทพอมร แสงธรรมาพิทักษ์
ข่าวน่าสนใจ:
- อกหักทั้งญี่ปุ่น เมื่อหนุ่มกลางๆ "เกนซัง" พิชิตใจแฟนสาวแห่งชาติ "งักกี้"
- "ขยะกำจัดขยะ" ฮีโร่สายดาร์ก Vincenzo Cassano กับจุดกำเนิด "มาเฟียอิตาลี"
- แม้แต่ Nomadland ก็ไม่อาจฝืนให้ "ศิลปะ" อยู่เหนือ "การเมือง" ได้
- "เรียนออนไลน์" ไม่เหมาะกับเด็กปฐมวัย? 3 เตรียมพร้อมครู พ่อแม่ โรงเรียน
- ส่องคลังวัคซีนโลก ในวันที่ชาติยากจน เอื้อมมือแทบไม่ถึง