ปัจจุบันชีวิตประจําวันคนวัยทํางานต้องเร่งรีบตลอดเวลา ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาให้ความสำคัญกับการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ รวมท้ังกินอาหารหวาน มัน เค็ม หรืออาหารที่ใส่ "ผงชูรส" มากเกิน โดยเฉพาะในน้ำซุป “ก๋วยเตี๋ยว” เมนูยอดฮิต หาซื้อกินง่ายได้ทุกที่ทุกเวลา
แม้ "ผงชูรส" ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่หากรับประทาน "ผงชูรส" มากเกินทำให้ร่างกายได้รับโซเดียมมากเกิน ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ เสี่ยงสะสมโรคทางโภชนาการต่างๆ เช่น โรคไต โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด โรคมะเร็ง และยิ่งเพิ่มความเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพมากขึ้นหากกิน "ผงชูรสปลอม"
: อันตรายผงชูรส ใช้ผักไชยาทดแทน ช่วยลดโซเดียม :
"ผงชูรส" มี ชื่อทางเคมี โมโนโซเดียมแอล-กลูตาเมต (Monosodium L-Glutamate) หรือ MSG หลายคนเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มรสชาติอาหารให้อร่อยจากการที่ผงชูรสละลายกับน้ำ กระตุ้นปุ่มปลายประสาทของลิ้นกับคอ จึงทำให้อาหารมีรสหวานอร่อยนั้น นางวสุนธรี เสรีสุชาติ นักโภชนาการชำนาญการพิเศษ สำนักโภชนาการ กรมอนามัย บอกในทางโภชนาการ ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ผงชูรสในการปรุงอาหารเมนูต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ต้ม ผัด แกง เนื่องจากอาหารมีรสตามธรรมชาติมีผงชูรสในตัวอยู่แล้ว เป็นสารทำให้เกิดความรู้สึกอร่อยขึ้น
...
หากต้องการงดใช้ผงชูรส แนะนำใช้ "ผักไชยา" แทนเพิ่มความเอร็ดอร่อยให้อาหารทุกเมนู โดยใช้ส่วนยอดอ่อนและใบไปตากแห้ง แล้วนำมาป่นเป็นผง หรือนำผักไชยาไปเป็นส่วนผสมปรุงอาหารอื่นๆ เช่น ต้ม ผัดจะช่วยให้มีรสชาติกลมกล่อมโดยไม่ต้องใช้ผงชูรสกันเลยทีเดียว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยโรคไต เพราะผู้ป่วยรับประทานผงชูรสน้อยลง ทำให้ปริมาณโซเดียมในร่างกายลดลง ค่าไตจึงดีขึ้น
นอกจากนี้ แม่ค้าร้านอาหาร ร้านก๋วยเตี๋ยวต่างๆ ที่มีฝีมือในการปรุงอาหาร คำนึงและให้ความสำคัญสุขภาพผู้บริโภคจริงๆ จะสามารถทำน้ำซุปจากการเคี่ยวกระดูกสัตว์อยู่แล้ว ผงชูรสก็ไม่จำเป็นต้องใช้ในการประกอบอาหาร
: หญิงตั้งครรภ์งดกิน แพ้รุนแรงเสี่ยงอัมพาตชั่วคราว :
อันตรายหากกินผงชูรสมากเกิน นางวสุนธรี อธิบาย จะเกิดอาการ "แพ้ผงชูรส" เรียกว่า “ไชนีสเรสเตอรองซินโดรม” หรือรู้จักกันในชื่อ “โรคภัตตาคารจีน” จะรู้สึกชาปาก ลิ้น ปวดโหนกแก้ม ต้นคอ หัวใจเต้นช้า หายใจไม่สะดวก ปวดท้องคลื่นไส้ อาเจียน คอแห้ง กระหายน้ำ บางรายหากหากแพ้รุนแรง นอกจากชาใบหน้า หู วิงเวียน หัวใจเต้นเร็วแล้วอาจเป็นอัมพาตที่แขนขาชั่วคราว แต่จะหายเองภายใน 2 ชั่วโมง
ผงชูรสยังมีอันตรายต่อทารากในครรภ์ด้วย เพราะฉะนั้น "หญิงตั้งครรภ์" ไม่ควรกินผงชูรสเด็ดขาด รวมทั้งอย่าให้ทารกแรกเกิดถึง 3 เดือนกินผงชูรสเด็ดขาดด้วย เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของสมอง และเกิดภาวะได้รับเกลือโซเดียมมากเกินไป ทำให้ไตทำงานหนักมากขึ้นอีกด้วย
ย่ิงบางร้านใช้ "ผงชูรสปลอม" โดยไม่รู้ จากการที่ผู้ผลิตบางรายลดต้นทุนการผลิต ใช้สารปลอมปนต่างๆ ทั้งที่ไม่เป็นอันตราย เช่น เกลือ น้ำตาล แป้ง และวัตถุอันตราย 2 ชนิด ได้แก่
1.บอแรกซ์ สารห้ามใช้ในอาหาร ซึ่งอันตรายต่อร่างกายจนอาจเสียชีวิตได้ หากได้รับในปริมาณสูง หรือปริมาณน้อยแต่บ่อยครั้ง สะสมในร่างกายเรื่อยๆ จะทำให้เกิดอาการพิษเรื้อรัง เช่น อ่อนเพลีย สับสน เบื่ออาหาร
2. โซเดียมเมตาฟอสเฟต ปกติใช้เป็นน้ำยาล้างหม้อน้ำรถยนต์ แต่หากกินเข้าไปจะออกฤทธิ์เป็นยาถ่ายอย่างแรง
...
: 2 วิธีตรวจสอบ ผงชูรสแท้ หรือ ผงชูรสปลอม :
แล้วเราจะตรวจสอบอย่างไร ถึงจะรู้ว่าผงชูรสเป็นของแท้หรือของปลอม ปลอดภัยจากสารปลอมปนหรือไม่ นางวสุนธรี แนะนำวิธีตรวจสอบง่าย ๆ โดย นำผงชูรสประมาณครึ่งช้อนชาใส่ลงในช้อนโลหะ แล้วเผาจนไหม้ หากไฟไหม้จนหมดเป็นถ่านสีดำที่ช้อน คือ "ผงชูรสแท้" แต่ถ้าส่วนที่ไหม้มีทั้งสีดำและสีขาวเหลือค้างที่ช้อน คือ "ผงชูรสปลอม"
สำหรับผู้บริโภคบางรายยังลด ละ เลิก หรือจำเป็นต้องใช้ผงชูรสจริงๆ เพื่อป้องกันเลือกซื้อผงชูรสปลอม ผู้บริโภคต้องให้ความสำคัญ และเพิ่มความพิถีพิถันในการเลือกซื้อ ต้องพิจารณาดังนี้
1. หีบห่อหรือกระป๋องบรรจุ ต้องไม่มีรอยตำหนิขอบผนึก
2. ฉลากพิมพ์เป็นตัวหนังสือภาษาไทยชัดเจน ไม่เลอะเลือน ระบุชื่ออาหารแสดงคำว่า "ผงชูรส”
3. มีเลขทะเบียนตำรับอาหาร(อย.) ระบุชื่อ ที่ตั้งของผู้ผลิต เดือนปีที่ผลิต และน้ำหนักสุทธิชัดเจน
เห็นไหมคะ "การกินผงชูรสมากเกิน" อันตรายต่อร่างกายมากแค่ไหน หลีกเลี่ยงได้ก็จะดีต่อสุขภาพค่ะ
: ข่าวน่าสนใจ :
...