3 มุมสำคัญ คนไทยไม่ทำร้ายกันเอง หลังร้อยกว่าคนกลับคืนสู่ถิ่น เผยกระบวนการก่อนขึ้นเครื่อง ขณะนั่งเครื่อง และหลังลงเครื่อง กับภารกิจยิ่งใหญ่ รับคนไทยจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนเป็นไปอย่างรัดกุมเพื่อความปลอดภัย

ในวันนี้ 4 ก.พ. 63 เวลา 20.30 น. คนไทย 138 ราย เดินทางถึงสนามบินอู่ตะเภา หลังเกิดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน จากการร่วมมือกันของหลายๆ ฝ่าย อาทิ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข สายการบินแอร์เอเชีย ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมปฏิบัติการระดับชาติในครั้งนี้

มาตรการในการรับคนไทยกลับรัดกุมและปลอดภัยอย่างไร รวมถึงข้อสงสัยจากประชาชนว่าหากคนไทยเดินทางกลับมาแล้วอาจนำโรคมาแพร่หรือไม่นั้น ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ มีคำตอบอย่างละเอียดจาก นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง นายแพทย์ทรงคุณวุฒิและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่เน้นย้ำกับทีมข่าวเฉพาะกิจฯ ว่า คนไทยทั้งประเทศต้องช่วยเยียวยาจิตใจให้พวกเขาทั้งร้อยกว่ารายนี้ได้

...

สุดยอด 2 ทีมแพทย์ดูแล ก่อนขึ้นเครื่อง หากเข้าข่ายสงสัยให้อยู่จีนก่อน

นพ.รุ่งเรือง เปิดเผยข้อมูลกับทีมข่าวเฉพาะกิจฯ ถึงกระบวนการไปรับคนไทยร้อยกว่าชีวิตกลับว่า การเดินทางในครั้งนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินี พระราชทานเวชภัณฑ์ ของใช้จำเป็นในการดำรงชีวิตและการป้องกันโรคให้กับประชาชนชาวจีน ในการรับคนไทยกลับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง ส่งเจ้าหน้าที่จำนวน 3 คน จากกรุงปักกิ่งไปนครอู่ฮั่น เพื่อประสานงาน อำนวยความสะดวก และบริการจัดการในการเตรียมนำคนไทยออกจากพื้นที่แล้ว

กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งรับผิดชอบด้านการรักษา ป้องกันควบคุมโรค ได้จัดทีมแพทย์จากสถาบันบำราศนราดูร ประกอบด้วย แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน แพทย์ระบาดวิทยา จิตแพทย์ พร้อมพยาบาลและเวชภัณฑ์ที่จำเป็น คอยดูแลสุขภาพกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ทุกคนที่เดินทางไป เจ้าหน้าที่สายการบินแอร์เอเชีย และคนไทยที่จะเดินทางกลับจากอู่ฮั่น ด้วยมาตรการคัดกรอง ระบบป้องกันควบคุมโรคตามมาตรฐานสูงสุด ตั้งแต่ก่อนเดินทาง ระหว่างเดินทาง และเดินทางถึงประเทศไทย

นอกจากนี้ยังมีทีมแพทย์จากเหล่าทัพ รพ.พระมงกุฎฯ ซึ่งเป็นการบูรณาการทำงานตามนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อดูและทำให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดกับคนไทยที่กลับมา ซึ่งได้รับการตรวจสุขภาพจากจีน เพื่อให้มีความมั่นใจว่ามีความปลอดภัยในการเดินทางตามมาตรฐานการควบคุมเฝ้าระวังโรค

“มาตรฐานการทำงาน ก่อนนำคนไทยขึ้นเครื่อง ทีมแพทย์จีนจะตรวจสุขภาพทุกคนทั้งหมด หากพบว่าถ้ามีรายใดมีไข้ ไอ ป่วย ไม่สบาย หรือมีอาการน่าสงสัย ทางการจีนจะไม่ให้ขึ้นเครื่องกลับประเทศไทยเด็ดขาด และคงกลับไปรับอีกรอบ หากคนไทยทั้งหมดตรวจสุขภาพแล้ว ปกติดีหลังตรวจผลแล็บเป็นลบก็จะให้ขึ้นเครื่องเดินทางกลับไทยได้” นพ.รุ่งเรืองให้ข้อมูล

มาตรการขณะนั่งเครื่องบิน ยืนยัน “คนปกติ” ไม่ใช่ “ผู้ป่วย”

การนำคนไทยกลับ นพ.รุ่งเรืองให้ข้อมูลว่า การดูแลคนไทย รัฐบาลดำเนินการให้ทั้งหมด ส่วนสายการบินแอร์เอเชียสนับสนุนเครื่องบิน แบบแอร์บัส A320 จำนวน 180 ที่นั่ง และบุคลากร เป็นกัปตันพร้อมลูกเรือของไทยแอร์เอเชียเดินทางไปกลับเครื่องบินจำนวนไม่เกิน 6 คน ซึ่งการใช้สายการบินไทยแอร์เอเชียปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ เนื่องจากเป็นสายการบินที่มี SLOT การบิน บินตรงระหว่างท่าอากาศยานดอนเมือง-อู่ฮั่น วันละ 2 เที่ยวบินอยู่แล้ว แต่ปิดทำการบินตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคไวรัสโคโรนา และทางการจีนปิดการคมนาคมทุกชนิดในการเข้าออกเมือง ทำให้เส้นทางบินนี้ต้องหยุดไป

...

มาตรการดูแลคนไทยขณะอยู่บนเครื่อง นพ.รุ่งเรือง เปิดเผยข้อมูลต่อกับทีมข่าวฯ ว่า เนื่องจากคนไทยที่เดินทางกลับคือ “คนปกติ” ไม่ใช่ “คนป่วย การนั่งโดยสารจึงเป็นปกติโดยทั่วไป แต่จำเป็นต้องมีสิ่งเพิ่มเติมคือ ทุกคนที่เดินทางในไฟลต์นี้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ของสายการบินทั้งแอร์ สจ๊วต กัปตัน ต้องใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นมาตรการที่สายการบินอื่นๆ ของแต่ละประเทศใช้ในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่ต้องเดินทางจากพื้นที่เสี่ยง เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทยทุกคนและบางสายการบินจะตัดบริการอื่นๆ ด้วย อาทิ ผ้าขนหนูร้อน หมอน ผ้าห่ม นิตยสาร บริการรถเข็นและขายสินค้าบนเครื่องบิน งดบริการเครื่องดื่มร้อน และจำกัดความบันเทิงบนเครื่อง อาทิ หนังสือพิมพ์

สำหรับมาตรการของสายการบิน ANA พนักงานบริการบนเครื่องบิน หรือลูกเรือที่ปฏิบัติงานทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยบนเครื่องบินเสมอเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสารที่ใช้บริการของสายการบิน และยังต้องสวมถุงมือในการให้บริการมื้ออาหารทุกครั้ง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ภาคพื้นของสนามบินก็จะมีการสวมหน้ากากอนามัยทุกคนเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสารที่มาใช้บริการของสายการบินเช่นกัน

...

“คนไทยเหล่านี้คือคนปกติ ไม่ใช่ผู้ป่วย ไม่มีใครแพร่โรคบนเครื่องบิน เพราะได้ผ่านมาตรการคัดกรอง ระบบป้องกันควบคุมโรคตามมาตรฐานสูงสุดแล้ว ตามหลักปฏิบัติที่ดีก็ปฏิบัติตามลักษณะปกติ และให้สวมหน้ากากอนามัยก็เพียงพอแล้ว” นพ.รุ่งเรืองให้ข้อมูล

เปิดเหตุผล ร่างกาย “ปกติ” ไฉนกักตัวเฝ้าระวัง 14 วัน

เพื่อให้เกิดความปลอดภัย สร้างความมั่นใจแก่ประชาชนในประเทศเข้าใจว่าคนไทย 138 คนนั้น มีความปลอดภัย ไม่มีเชื้อแพร่ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ 2019 และกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ เมื่อมาถึงประเทศไทยก็จะได้รับการดูแลตามมาตรฐานป้องกันควบคุมโรคด้วยการตรวจวัดไข้ ตรวจสุขภาพ

จากนั้นจำเป็นต้องนำไปกักตัวเฝ้าระวังโรคในสถานที่ที่เหมาะสมและมีความปลอดภัย เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 14 วัน ตามมาตรฐานสากล เนื่องด้วยหากมีการติดเชื้อ ระยะการฟักตัวของโรคโดยปกติอยู่ที่ประมาณ 7 วัน และจากที่เคยมีรายงานการควบคุมโรค คือไม่เกิน 14 วันก็จะแสดงอาการ 

“จริงๆ แล้วคนเหล่านี้คือคนปกติ การส่งไปเฝ้าระวัง 14 วัน ทำตามมาตรฐานสากลการแพทย์สูงสุดเพราะพวกเขาอยู่ในพื้นที่เสี่ยง คนไทยร้อยกว่าคนนี้ ถือเป็นกลุ่มเฝ้าระวัง แต่ไม่ได้หมายความว่า “เป็นผู้ป่วย” ซึ่งอาจจะเป็นหรือไม่เป็นโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ก็ได้ ถ้าเขาไม่สบายในช่วงเฝ้าระวังก็จะถูกรักษาตามอาการจนกว่าจะหาย เหมือน 8 รายที่รักษาหายและกลับบ้านได้” นพ.รุ่งเรืองชี้แจง

...

3 มุมสำคัญ คนไทย "ไม่ทำร้ายกันเอง" หลังกลับมาตุภูมิ

“โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ นพ.รุ่งเรือง ระบุกับทีมข่าวเฉพาะกิจฯ ว่า ไม่ใช่โรคติดต่อที่รุนแรง อาการไม่รุนแรงซึ่งประมาณเทียบเท่ากับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ อัตราการป่วยตายน่าเชื่อว่าจะน้อยกว่าร้อยละ 1 ของคนที่ติดเชื้อ แต่โรคนี้แพร่ระบาดได้ง่าย เพราะประชาชนยังไม่มีภูมิคุ้มกัน ดังนั้นหากรักษาสุขภาพให้ดี พักผ่อนให้เพียงพอ มีพฤติกรรมสุขภาพที่ดี เช่น ไม่สบายควรหยุดเรียน หยุดทำงาน ใส่หน้ากากป้องกันโรค พักผ่อนให้หาย พบแพทย์ ล้างมือบ่อยๆ การระบาดของโรคจะเป็นไปได้อย่างช้าๆ หรือไม่มีอาการ และไม่สร้างผลกระทบให้กับสังคม ประเทศชาติ ระบบสาธารณสุข

ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ สามารถติดต่อได้ผ่านละอองน้ำมูก น้ำลาย แล้วเชื้อปนเปื้อนซึ่งติดต่อได้ในระยะ 1 เมตรจากการไอ จาม รดกัน ดังนั้นการใส่หน้ากากป้องกันโรคเพียงพอ และควรหมั่นล้างมือ กินร้อน ช้อนกลาง นอกจากนี้ นพ.รุ่งเรืองได้ฝาก 3 ข้อคิดที่สำคัญถึงคนไทย หลังคนไทยร้อยกว่าคนจากเมืองอู่ฮั่น เมื่อผ่านการเฝ้าระวัง 14 วันและกลับบ้านเกิด เพื่อให้พวกเขาได้อยู่ในสังคมไทยต่อไปอย่างไร้ข้อกังขา เพราะบางคนอาจจะถูกรังเกียจ

“หนึ่ง อย่ารังเกียจคนกลุ่มนี้ เพราะว่าผ่านระบบคัดกรองมาอย่างดีและปลอดภัย มีระบบการดูแลอย่างดี สอง อย่ากังวล ว่าคนเหล่านี้จะนำโรคเข้ามาสู่ไทย เพราะมีระบบตรวจติดตาม และสาม ขอความร่วมมือประชาชนในการดูแลตนเองโดยใส่หน้ากากอนามัย กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ เพราะโรคนี้ในอนาคตมีโอกาสจะพบผู้ป่วยมากขึ้นเรื่อยๆ หากทุกคนไม่ช่วยกันชะลอการแพร่ติดต่อ” นพ.รุ่งเรืองกล่าว

กรณี “เด็กเล็ก” ป่วย ควรหยุดเรียน ของเล่นควรทำความสะอาด

สำหรับ “เด็กเล็ก” การป้องกัน ระวังโรค นพ.รุ่งเรือง แนะนำว่า หากเด็กไม่สบาย ควรให้หยุดเรียน และพักผ่อนจนกว่าหายดี หากไม่สบายมากให้ไปพบแพทย์ เพราะหากเด็กไม่สบายแล้วยังมาเรียนจะเป็นการแพร่เชื้อให้เพื่อนๆ สังเกตได้จากหากในห้องมีเด็กไม่สบาย 1 คน ก็จะป่วยกันเกือบทั้งห้อง นั่นเป็นเพราะเด็กมักชอบเล่น ไม่ค่อยล้างมือ ครูหรือพ่อแม่ควรสอนให้เด็กล้างมืออย่างถูกต้อง ไม่นำมือเข้าปาก เข้าจมูก ของเล่นควรทำความสะอาดทุกวัน เพราะหากเด็กป่วย ไอ จาม เชื้อโรคติดของเล่น หากเด็กหยิบเล่นต่อก็มีโอกาสติดโรค นอกจากนี้ควรทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมในห้องเรียน ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ เพื่อป้องกันทุกโรค

สำหรับประชาชนควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข และติดตามข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุข อย่าเชื่อข่าวลือจากทุกแหล่งข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ เพื่อไม่ให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแพร่หลายจนเกิดความตระหนก และมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ หากมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง

“คนไทยต้องรับมืออีกหลายเดือน และคนไทยควรตระหนักรู้ อย่าตื่นตระหนก รับฟังข้อมูลในสิ่งที่ถูกต้องของกระทรวงสาธารณสุข อย่าเชื่อข่าวปลอมและอย่าแชร์ หากเชื่ออย่างถูกต้อง ก็จะเกิดพฤติกรรมที่ดี หากประชาชนช่วยกัน ดูแลสุขภาพให้ดี กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย เหล่านี้จะเป็นโอกาสช่วยป้องกันโรคอื่นๆ ได้อีก ไม่ใช่แค่โคโรนาไวรัส” นพ.รุ่งเรืองกล่าวทิ้งท้าย

ข่าวน่าสนใจ

สืบเสาะข่าว รับเรื่องราวร้องทุกข์ สามารถส่งเรื่องราว หรือประเด็นปัญหาของท่านมาได้ที่