งานเลี้ยงอำลา "2G" ดูท่าจะติดขัด ยังมีตกค้างกว่าล้านเลขหมาย เดิมปิดฉาก 31 ตุลาคม ก็ต้องเลื่อนไปก่อน... แต่ไหนๆ ก็มีงานเลี้ยงอำลาแล้ว ย้อนดูวันวานหน่อยเป็นไง บอกเลยว่า แม้แต่ Apple ก็ยังโค่นแชมป์ "มือถือยุค 2G" ไม่ได้

หากย้อนไปยุค 90 หรือนับตั้งแต่ปี 1973 (พ.ศ.2516) ใครจะคิดว่าโทรศัพท์ 1 กิโลกรัม จะแปรเปลี่ยนมาเป็น "สมาร์ทโฟน" หน้าจอสัมผัส บางเฉียบ ที่คนปี 2019 (พ.ศ.2562) พกพากันเป็นปัจจัยที่ 5

46 ปี ที่เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก

ในยุคนั้นโทรศัพท์เป็นอย่างไร? ใครเป็นเจ้าตลาด? การแข่งขันของเทคโนโลยีและดีไซน์เป็นอย่างไร?

"ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์" จะพาคุณผู้อ่านนั่งไทม์แมชชีนไปตามหา "ตำนานมือถือ 2G" ที่ว่ากันว่า แม้แต่สมาร์ทโฟนในยุคปี 2019 ก็ยังไม่สามารถโค่นล้มยอดขายอันดับ 1 ได้

จ่ายหลักแสน แลกมือถือ 1 กก.

3 เมษายน 1973 (พ.ศ.2516) "มือถือ" ได้ฤกษ์ออกสู่สายตาประชากรโลก ขนาด 228.6 x 127 x 44.4 มิลลิเมตร ยาวกว่า ‘ไอแพด มินิ’ (iPad mini) ซะอีก* แถมยกหูคุยนานๆ ก็ไม่ได้ แขนสั่นเลยทีเดียว เพราะหนักถึง 1 กิโลกรัม และถ้าจะโทรศัพท์ 30 นาที ต้องชาร์จทิ้งไว้ถึง 10 ชั่วโมง

ผ่านไป 10 ปี ในปี 1983 (พ.ศ.2526) "มือถือ" ราคา 1.2 แสนบาท ของยี่ห้อ ‘โมโตโรลา’ (Motorola) ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ในชื่อรุ่น Motorola DynaTAC 8000X ความเจ๋งที่เหนือกว่ามือถือยุค 10 ปีก่อน คือ สามารถบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ได้ 30 หมายเลข

Motorola DynaTAC 8000X
Motorola DynaTAC 8000X

...

หลังจากนั้น ในปี 1989 (พ.ศ.2532) ‘โมโตโรลา’ ก็ได้เปิดตัวมือถืออีกรุ่น คือ Motorola MicroTAC 9800X ครองตลาดแต่เพียงผู้เดียว ก่อนที่ปีต่อมาในปี 1990 (พ.ศ.2533) ก็มีคู่แข่งกระโดดลงสนามพร้อมกันถึง 2 ยี่ห้อ

และ 1 ใน 2 ยี่ห้อที่ว่านั้นก็กลายมาเป็นคู่แข่งสำคัญที่พลิกโฉมวงการโทรศัพท์มือถือโลกจนกลายเป็นตำนานถึงทุกวันนี้

จารึกประวัติศาสตร์ สมรภูมิมือถือยุค 2G

ช่วงปลายปี 1989 จนถึงปี 1990 (พ.ศ.2533) คู่แข่งสำคัญอย่าง ‘โนเกีย’ (Nokia) และ ‘เอ็นอีซี’ (NEC) ก็กระโดดลงสนามแข่งกับ ‘โมโตโรลา’ จริงจัง

เห็นรายชื่อ 2 ยี่ห้อแล้ว คงไม่ต้องบอกว่ารายไหนที่เข้ามาพลิกโฉมวงการ

กาลเวลาเดินทางถึงปี 1992 (พ.ศ.2535) สมรภูมิมือถือยุค 2G ก็เริ่มระอุขึ้น

‘โมโตโรลา’ เปิดศึกด้วยการส่งรุ่น Motorola International 3200 และ Motorola Personal Phone รุ่นแรกว่ากันว่าเป็นโทรศัพท์ดิจิตอลเครื่องแรกของโลก ส่วนรุ่นหลังก็ทำยอดขายถล่มทลาย 8 ล้านเครื่อง

Nokia 1011
Nokia 1011

ส่วน ‘โนเกีย’ ก็ไม่น้อยหน้า ส่งรุ่น Nokia 1011 ลงสนาม ได้รับความนิยมไปทั่วโลก แต่ราคาต้องบอกว่าเอื้อมไม่ถึงจริงๆ อยู่ที่ราว 1,796 ยูโร หรือกว่า 6 หมื่นบาท

ราคาสูงขนาดนี้ ความเหนือชั้นมันอยู่ตรงไหน?

Nokia 1011 ถือเป็นมือถือเครื่องแรกของโลกที่สามารถรับ-ส่งข้อความแบบ SMS ได้ แถมยังสามารถบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ได้มากถึง 99 หมายเลข (ทวนความจำ ‘โมโตโรลา’ ปี 1983 บันทึกได้ 30 หมายเลข)

จริงๆ แล้วถ้าพูดถึงมือถือยุค 2G ก็ต้องบอกว่า ความว้าวของมือถือแต่ละรุ่นไม่ได้มีแค่ฟีเจอร์อย่างเดียว แต่ยังรวมถึง "ดีไซน์" ที่เรียกได้ว่า ล้ำ! เหนือ! โก้เก๋!

The Matrix Phone
The Matrix Phone

...

มือถือ 2G ที่สุดของความเหนือชั้นแห่งดีไซน์

ปี 1994 (พ.ศ.2537) มือถือหน้าจอสัมผัสเปิดตัวครั้งแรก กับรุ่น IBM Simon ที่ผลิตโดย IBM ซึ่งแค่ปีเดียวก็ทำยอดขายไปได้กว่า 50,000 เครื่อง แต่น่าเสียดายที่แบตเตอรี่ใช้ได้เพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้น

ก่อนที่ต่อมาในปี 1996 (พ.ศ.2539) ‘โนเกีย’ ก็ได้สร้างกระแสฮือฮาไปทั่วโลก กับการนำเสาอากาศซ่อนไว้ภายในตัวเครื่องได้สำเร็จ ในรุ่น Nokia 8810 หรือที่รู้จักกันดีในชื่อรุ่น The Matrix Phone ด้วยดีไซน์ที่แปลกใหม่ทำให้ถูกยกย่องเป็นหนึ่งในมือถือที่ดีไซน์หรูหราที่สุดตลอดกาล แถมยังเคยถูกนำไปใช้ในภาพยนตร์เรื่อง The Matrix อีกด้วย

Nokia 9000 Communication
Nokia 9000 Communication

และนอกจากรุ่นนี้ ‘โนเกีย’ ยังมีอีกรุ่นที่น่าสนใจ คือ Nokia 9000 Communication ถือเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกที่ใช้ Intel 24MHz 1386 CPU และมี RAM ถึง 8MB แถมยังมีคีย์บอร์ดเป็นรูปแบบ QWERTY สามารถรับ-ส่งอีเมลและข้อความได้อีกด้วย แต่ราคาก็ไม่เบาเช่นกัน แพงกว่า ‘ไอโฟน’ (iPhone) ในยุคนี้ซะอีก ราว 1,000 ปอนด์ หรือประมาณ 39,000 บาท

...

แต่ในปีนี้ไม่ได้มีดีแค่รุ่นนี้รุ่นเดียว ยังยกโขยงตบเท้ามาแข่งขันดีไซน์กันเพียบ อย่างเช่น Motorola StarTAC ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคนั้น มีแรงบันดาลใจมาจาก Star Trek เป็นมือถือเครื่องแรกที่เป็นแบบฝาพับ ทำยอดขายไปได้กว่า 60 ล้านเครื่อง

Motorola StarTAC
Motorola StarTAC

ในปี 2003 (พ.ศ.2546) ต้องบอกว่าเป็นยุคทองแห่งการดีไซน์มือถือเลยก็ว่าได้ แต่ละค่าย แต่ละยี่ห้อ ต่างแข่งกันเข็นออกมาสู้ศึกกันแบบไม่มีใครยอมใคร

เริ่มตั้งแต่เจ้าพ่อแห่งวงการ ‘บีบี’ หรือ ‘แบล็คเบอร์รี่’ (BlackBerry) ได้ออกมือถือที่ดีไซน์ล้ำในยุคนั้นออกมาให้ได้ชื่นชม กับรุ่น BlackBerry 5810 แต่รุ่นนี้ไม่มีลำโพงสำหรับการโทรศัพท์ ต้องเสียบหูฟังเอา

ขณะที่ ฟากฝั่ง ‘โนเกีย’ มีหรือจะยอมแพ้ โชว์ความเหนือชั้นด้วยการเปิดตัวรุ่น Nokia N-Gage เรียกว่าทำเอาสาวกอึ้งกันไปเลยทีเดียว ด้วยรูปลักษณ์ที่ถอดแบบมาจากเกมบอย ดีไซน์ล่อตาล่อใจคีย์บอร์ดขนาบข้างหน้าจอ หวังดึงคอเกมสละเรือจาก Game Boy Advanced ของ Nintendo เลยทีเดียว ที่สำคัญรุ่นนี้ยังใช้ระบบปฏิบัติการใหม่ Symbian OS และยังสามารถใช้แอปพลิเคชันพื้นฐานบางอย่าง และเล่นเพลง MP3 ได้ ยอดขายก็ไม่น่าผิดหวัง กวาดไป 3 ล้านเครื่อง

...

Nokia N-Gage
Nokia N-Gage

อีกหนึ่งความกิ๊บเก๋ในยุคนั้น หากไม่ลืมและยังจำกันได้ มียี่ห้อหนึ่งที่ชื่อว่า PALM เปิดตัวด้วยรุ่น PALM One TREO 600 มือถือเครื่องแรกที่สามารถทำงานได้หลายอย่างพร้อมกัน เช็กปฏิทินพร้อมๆ กับการโทรศัพท์ไปด้วยได้

แต่นอกเหนือจากดีไซน์แล้ว มือถือยุค 2G ที่เป็นที่สุดยังมีอีกหลายอย่าง หากไม่ไล่เรียงหรือพูดถึงคงไม่ได้

อย่างปี 2002 (พ.ศ.2545) Nokia 6100 และ 6610 ก็สามารถทำลายสถิติมือถือหน้าจอสีเครื่องแรกที่ทำยอดขายเกิน 1 ล้านเครื่อง หรือในปี 2003 ที่ Nokia 6600 ทำลายสถิติมือถือที่มีกล้องถ่ายรูปที่สามารถทำยอดขายเกิน 1 ล้านเครื่องได้สำเร็จ

ยี่ห้ออื่นก็ไม่น้อยหน้า Motorola Q ที่เป็นมือถือคีย์บอร์ด QWERTY เครื่องแรกที่มียอดขายเกิน 1 ล้านเครื่อง

แชมป์ตลอดกาล 10 ปีแล้ว Apple ก็ยังโค่นไม่ได้

จากยุค 2G มาสู่ยุค 3G มาถึงยุค 4G และกำลังก้าวสู่ยุค 5G แต่รู้ไหมว่า แม้แต่ ‘แอปเปิล’ (Apple) ที่ได้รับความนิยมถล่มทลายในยุคนี้ ก็ยังไม่สามารถส่งมือถือหรือสมาร์ทโฟนรุ่นไหนโค่นล้มมือถือของ ‘โนเกีย’ ได้!

ยอดขายมือถืออันดับ 1 และอันดับ 2 ตลอดกาลยังคงเป็น ‘โนเกีย’ ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2003 และปี 2005 อย่างรุ่น Nokia 1100 และ 1110 ที่มียอดขายสูงถึง 250 ล้านเครื่อง

ความพิเศษของรุ่นนี้มันอยู่ตรงไหน?

ทำไมถึงยอดขายถล่มทลายขนาดนี้?

ก็ต้องบอกว่า สิ่งที่ทำให้มือถือ Nokia 1100 เป็นที่นิยมและกวาดยอดขายไปมากขนาดนี้ มาจากความ "ธรรมดา" บ้านๆ ที่น่าดึงดูดนั่นเอง

Nokia 1100 ไม่ได้มีฟีเจอร์ที่เลิศเลออะไรมากไปกว่ามือถือรุ่นอื่นๆ ของ ‘โนเกีย’ แต่กลับสามารถทำให้คนสนใจและหลงใหลได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ซึ่งหากมาไล่ดูมือถือ 2G ทั้งหมด ใน 10 อันดับแรก มียอดขายรวมกันกว่า 1.6 พันล้านเครื่อง เป็น ‘โนเกีย’ ไปแล้ว 8 รุ่น รวมยอดขายทั้งหมดกว่า 1.4 พันล้านเครื่อง หรือคิดเป็นมูลค่า 6.5 ล้านล้านบาท

ส่วนอีก 2 รุ่นที่สามารถทะลวงเข้ามา 1 ใน 10 อันดับแรกได้นั้น คือ Samsung E1100 ที่เปิดตัวในปี 2009 (พ.ศ.2552) มียอดขาย 150 ล้านเครื่อง รวมมูลค่า 2.5 แสนล้านบาท และ Motorola RAZR V3 ที่เปิดตัวปี 2004 (พ.ศ.2547) ซึ่งเป็นโทรศัพท์ฝาพับที่ทำยอดขายได้ดีที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ ตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียม มีหน้าจอด้านนอก มียอดขาย 130 ล้านเครื่อง รวมมูลค่า 2.3 ล้านล้านบาท

Motorola RAZR V3
Motorola RAZR V3

ส่วนมือถือที่สุดแสนจะฮอตฮิตในยุคปี 2000 (พ.ศ.2543) อย่าง Nokia 3310 แน่นอนว่าก็ติดอันดับ 1 ใน 10 มือถือยุค 2G ที่ขายดีที่สุดเช่นกัน ยอดขายกว่า 126 ล้านเครื่อง รวมมูลค่า 5 แสนล้านบาท

เห็นยอดขายอย่างนี้แล้วพูดได้เลยว่า ประวัติศาสตร์โทรศัพท์มือถือจะไม่สมบูรณ์หากขาด ‘โนเกีย’ ที่เป็นดั่งตัวพ่อแห่งยุค 2G

แม้วันนี้จะมีคู่แข่งมากหน้าหลายตาเข้ามาตีตลาด แต่อันดับมือถือที่มียอดขายเกิน 100 ล้านเครื่อง ก็มี ‘โนเกีย’ ติดไปแล้ว 10 รุ่น จากทั้งหมด 13 รุ่น รวมยอดขายทั้งหมด 1.6 พันล้านเครื่อง

‘แอปเปิล’ ที่ฟัดกับ ‘ซัมซุง’ หรือ ‘หัวเว่ย’ ในยุคนี้ ก็มีรุ่นที่ทำยอดขายเกิน 100 ล้านเครื่อง เพียงแค่รุ่นเดียว คือ iPhone 6 และ iPhone 6Plus ที่มียอดขาย 222.4 ล้านเครื่อง

การเปลี่ยนผ่านมือถือ 2G นับตั้งแต่ยุค 90 ที่ ‘โนเกีย’ ครองแชมป์บดเบียด ‘โมโตโรลา’ มาตลอดกว่า 20 ปี

ในวันนี้แม้ ‘โนเกีย’ จะไม่ได้ครองแชมป์แล้ว หลังถูก ‘ซัมซุง’ เบียดแซง และถูก ‘แอปเปิล’ ขึ้นแท่นมือถือดีไซน์ล้ำสมัยไปแทน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า หากพูดถึงตำนานมือถือ ตำนานแห่งดีไซน์ ต้องนึกถึง ‘โนเกีย’

เริ่มนับถอยหลังรอวันเปลี่ยนผ่าน โบกมือลายุคมือถือ 2G และเตรียมก้าวเข้าสู่ยุค 5G ในวันข้างหน้าที่จะมาถึง.

ข่าวอื่นๆ :

ข้อมูลอ้างอิง :

  • *iPad mini ขนาด 203.2 x 134.8 x 6.1 มม. : ข้อมูลทางเทคนิค iPad mini - Apple Inc.
  • The History of Mobile Phones From 1973 To 2008 : The Handsets That Made It ALL Happen by Richard Goodwin (03/10/2019) - Know Your Mobile
  • 15 most popular mobile phones of all time - THE ECONOMIC TIMES