คนทุกคน ย่อมมีเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต ไม่ว่าดีหรือแย่ ทุกห้วงเวลาของความรู้สึกมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิต ดังอดีตฝังใจของ นายเสาร์ วงษ์ศรี และกลุ่มเพื่อนที่เคยใช้เล่ห์หลอกกินเงินชาวบ้านเกือบทุกจังหวัดของภาคอีสาน กระทั่งทำให้ผู้หญิงท้องใกล้คลอด คิดจะฆ่าตัวตาย นายเสาร์สำนึกผิด เปลี่ยนแปลงตัวเอง อุทิศตัวให้สังคม ทำดีชดเชยบาป
“การพนัน คือ บ่อนทำลายชาติ ทำลายบ้านเมือง คนดีๆ ที่หลงเข้าไปถึงกับหมดตัว อยากฆ่าตัวตาย ทุกวันนี้ยังรู้สึกบาปติดตัว ติดอยู่ในความทรงจำ รู้สึกว่าทำไมเราเคยแย่ขนาดนั้น” นายเสาร์ วงษ์ศรี ที่ปรึกษา นายกเทศมนตรี ต.นาเยีย จ.อุบลราชธานี มาตั้งแต่ปี 55 เปิดใจกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือที่ยังรู้สึกผิดอยู่ แม้เหตุการณ์ร้ายผ่านมา 9 ปี แล้วก็ตาม
...
จุดเร่ิมต้นอดีตอันเลวร้าย “ถ้าได้เจอ หนีไม่เป็น”
จุดเริ่มต้นอดีตอันเลวร้ายจนจำฝังใจของนายเสาร์ เกิดขึ้นจากอุปนิสัยของเขาเอง เมื่อหลายสิบปีก่อน ชีวิตโตมากับไร่ นา เป็นเด็กเลี้ยงควาย เมื่อพ้นจากทหารเกณฑ์ และแต่งงาน เขาเริ่มเล่นการพนันทุกอย่าง ทั้งหวย มวยตู้ ไก่ชน ไพ่ ไฮโล คือ “ขอให้เป็นการพนัน ถ้าได้เจอ หนีไม่เป็น” แม้แต่เข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ ปั่นจักรยานตระเวนไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ ขายไอศกรีม เจอวงพนันที่ไหนเขาต้องจอดเล่นจนหมดตัว
“บางวันลงทุนซื้อไอศกรีมพันสอง ขายหมดได้พันแปด ก็เอาไปเล่นจนหมดทั้งทุนทั้งกำไร ยิ่งวันเสาร์-อาทิตย์มีมวยตู้ ก็จะไปจอดเล่นทุกครั้ง ไอศกรีมที่ซื้อมาก็ไม่ขาย หยุดเล่นมวยก่อน กลับมาบ้านแฟนก็ถามว่า ขายได้เท่าไร ก็ตอบว่าเล่นมวยหมดแล้ว ก็ทะเลาะกัน”
ตระเวนต้มตุ๋นทั่วภาคอีสาน เปิดกลโกงหลอกกินเงินชาวบ้าน
นายเสาร์ติดการพนันอย่างหนัก จนบางวันหมดทั้งทุนและกำไร ชีวิตติดลบมากขึ้นๆ ภรรยาจึงชวนกลับบ้านเกิดที่อำเภอนาเยีย เขาก็ไม่ทำอะไร หมกมุ่นอยู่แต่การพนัน โดยหันมาเลี้ยงไก่ชน เล่นไก่ชนอยู่ 2-3 ปี จนโดนโกง รู้สึกทนไม่ไหว จึงเปลี่ยนความคิด หาเงินจากการโกงพนัน โดยมีความเชื่อว่า “คนอื่นโกงได้ เราก็ต้องโกงได้” เข้าร่วมขบวนการโกง ซึ่งมีทั้งหมด 2-3 คัน ตระเวนตั้งวงน้ำเต้าปูปลา ไพ่ ไฮโล หลอกกินเงินชาวบ้านในงานบุญประเพณีต่างๆ ทั่วทุกจังหวัดของภาคอีสาน
กระบวนการโกงสำหรับไฮโล 1 วง ใช้คนไม่ต่ำกว่า 6 คน แบ่งหน้าที่ เจ้ามือ 1 คน สังเกตการณ์ 1 คน ส่งซิกซ์ให้หน้าม้าคอยจับเหยื่อ อีก 4-5 คน โดยเริ่มจากคนที่ทำหน้าที่หน้าม้า แทงถูกแล้วจะออกอาการดีใจ ร้องเฮลั่นเสียงดังๆ เพื่อเรียกร้องให้เหยื่อสนใจ หรือหน้าม้าบางคนจะไปตีสนิท มาเดินล้อม กับเหยื่อที่เห็นว่าแต่งตัวดี มีฐานะ โดยเฉพาะคนที่มีทองคำใส่ติดตัว เช่น สร้อยคอ สร้อยแขน แหวน พูดหลอกล่อ ชักชวนให้มาเล่นไฮโล
“ถ้าไม่โกงก็ไม่ชนะ เราเป็นเจ้ามือ พอตั้งวงไฮโลแล้ว หน้าม้าจะแทงเงินเยอะๆ และถูกบ่อย ก่อนเขย่าเจ้ามือจะเปิดลูกเต๋าให้ดู แอบแงะให้ดู เขย่าไฮโล วางถ้วย ทำท่าเช็ดหน้าเช็ดตา หน้าม้าก็จะแทงหนักๆ ตัวที่เจ้ามือแงะให้ดู คนอื่นก็จะแทงตาม
จริงๆ ที่หน้าม้าแทงถูกบ่อย เพราะลูกเต๋าทำขึ้นมาพิเศษ ฝังแม่เหล็ก และมีรีโมตควบคุมกดให้ลูกเต๋าดิ้นได้ คนทำให้ลูกเต๋าดิ้น ไม่ใช่คนเขย่า แต่เป็นคนในทีมที่ยืนดูว่าลูกค้าแทงตัวไหน ตัวไหนคนแทงเยอะก็กดรีโมตให้ลูกเต๋าดิ้นให้แต้มเปลี่ยน พวกเราก็จะตระเวนทำแบบนี้ตามงานต่างๆ คอยจับเหยื่อที่มาเล่น ใครหลวมตัว หลงคารม หลงกล เสร็จพวกเราหมด คนเสียพนันที่ไม่หยุดเล่นก็เพราะอยากได้ทุนคืน”
...
คืนสำนึกบาป เลิก “โกงกิน” ตลอดชีวิต
เงินจากการหลอกกินชาวบ้าน หลังงานประเพณีจบ จะมีการแบ่งกันได้คนละหลายหมื่น แต่นายเสาร์บอกว่าถึงแม้จะได้มาเยอะ แต่ก็ไม่รวย ไม่มีเงินเก็บ เพราะ เงินพนัน คือเงินร้อน ได้มาก็หมดไปกับการใช้แบบฟุ่มเฟือย กิน ดื่ม จนมาถึงคืนสำนึกบาป เมื่อหญิงท้องใกล้คลอดประมาณ 7 เดือน มาเที่ยวงานวัด เดินมาเห็นหน้าม้าแทงไฮโลถูกแล้วได้เงิน อาจเกิดกิเลสอยากได้เงินจึงเสี่ยงดวง เธอเริ่มลงเงินแทง 500 บาท แล้วถูก 2 ครั้งติดกัน
จากนั้นเธอก็เริ่มแทงเงินหนักมือ หนึ่งพัน สองพัน เล่นแป๊บเดียวเงิน 20,000 บาทก็หมด หน้าม้าจึงชักชวนให้ตามทุนคืน ด้วยวิธีจำนำสร้อยคอ 2 บาท สร้อยข้อมือ 2 บาท แป๊บเดียวก็หมด เหลือแหวน 50 สตางค์ วงสุดท้าย สักพักก็หมดอีก จนเธอไปยืนร้องไห้ริมห้องน้ำ
...
นายเสาร์รู้สึกสะเทือนใจ แกล้งทำท่าปวดท้อง ทำท่าไปสูบบุหรี่ ขอหยุดพักให้เพื่อนคนอื่นเป็นเจ้ามือแทน ขณะเขาล้างหน้าก็ฉุกคิด “ถ้าเป็นลูก เมีย ญาติพี่น้องเรามาเจอเหตุการณ์อย่างนี้จะเป็นอย่างไร ตัวเราเองก็เคยแย่แบบนี้มา แล้วผู้หญิงท้องคนนี้ไม่ได้แย่คนเดียว เด็กที่อยู่ในท้องออกมาก็ต้องแย่ไปด้วย” เขาจึงแบ่งเงินจำนวนหนึ่งให้เธอ และตัดสินใจ “ถอนตัว” ออกจากการหากินด้วยวิธีนี้
“เรื่องนี้เกิดตั้งแต่ปี 53 ผ่านมา 9 ปีแล้ว แต่มันยังติดอยู่ในความรู้สึก จุกในอกตลอดเวลา (เสียงเริ่มสั่นเครือ) ตอนนั้นลูกสาวก็ท้องด้วย รู้สึกว่าทำไปได้อย่างไร (เริ่มร้องไห้สะอื้น) รู้สึกเสียใจ ผมเดินเข้าไปคุยกับเขา ถามว่า ทำอะไรมาถึงร้องไห้ เขาบอกเสียไฮโล จะทำยังไงดี ไม่มีเงินกลับไปหาครอบครัวที่กรุงเทพฯ ผมเลยถาม ที่ไปแทงกับพ่อหรือ นี่เอาเงินคืนไป ผมให้ไป 4 พัน เป็นเงินส่วนตัว บอกไปว่าห้ามเล่นที่ไหนอีกเด็ดขาด อย่าไปตามคนอื่น เพราะยังไงก็สู้ไม่ได้ พ่อก็จะไม่เล่นโดยเด็ดขาดเหมือนกัน”
...
ตายคาวงไฮโล พิการตลอดชีวิต กรรมเงินบาป ทยอยเอาคืน “คนโกง”
นับจากวันนั้น นายเสาร์ก็เปลี่ยนความคิด “เมื่อเลิกแล้ว ก็เลิกให้เด็ดขาด” กลับถึงบ้านจึงรื้อทิ้งฟาร์มไก่ชนหลังบ้าน ส่วนไก่พันธุ์ที่มีอยู่ก็ขาย และให้เพื่อน บอกคนในทีม (โกง) ว่าไม่ต้องโทรชวนไปเล่น หรือชวนดื่มเหล้าจนเมาแล้วไปโกงคนอื่นด้วยกัน จากผี (พนัน) หลอกลวงกินเงินชาวบ้านตั้งแต่ปี 52-53 หันมาดำเนินชีวิตตามแนวทางของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงบนที่นา 8 ไร่
โดยทำบ่อเลี้ยงปลา 3 ไร่ ที่เหลือทำนา ปลูกผักอินทรีย์ ให้ครอบครัวกิน แบ่งให้ญาติพี่น้อง แล้วค่อยขาย นำเงินที่ได้เก็บออมจนภรรยามีความสุข บอกเพื่อนๆ ได้อย่างภูมิใจว่า “ฉันมีผัวคนใหม่แล้ว จากพ่อใหญ่ เสาร์ผีนรก กลับมาเป็นพ่อใหญ่เสาร์คนใหม่” (คำว่า “พ่อใหญ่” สรรพนามนี้จะใช้ เมื่อลูกสาวหรือลูกชายของบุคคลนั้นออกเรือนไปแล้ว)
เจตนารมณ์ต่อมาในการเลิกพนันได้อย่างเด็ดขาด คือ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในหลวง ร.9 หลังจากที่นายเสาร์ได้เข้ามาทำงานกับศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชนเทศบาล ต.นาเยีย และร่วมอบรมโครงการ๙ สู่ชีวิตพอเพียงหลีกเลี่ยงพนัน
“ขบวนการโกงที่ผมเคยทำ ตอนนั้นว่าง่ายๆ ก็คือทำชั่วนั่นแหละ ตอนนี้ก็ยังมีอยู่นะ แต่หลังผมถอนตัว สักพักก็มีคนถอนตัวตามอีก 3 คน เงินที่ได้ด้วยวิธีสกปรก มันคือเงินบาป ไม่มีใครได้ดีหรอก ลูกพี่เก่าคนที่พาผมไปโกง สามีเขาหัวใจล้มเหลวตายคาวงไฮโล เพราะเอาแต่เล่น ไม่กินข้าว ไม่หลับ กินแต่กาแฟ กินแต่น้ำชูกำลัง ส่วนอีกคนไม่ตาย แต่พิการ เพราะเส้นโลหิตในสมองแตก เพราะบาปที่ไปโกงคนอื่นทั้งนั้น”
ตีแผ่ชีวิตเตือนคนอื่น ขอทำดีคืนสังคม ชดเชยบาป
เพื่อชดใช้บาปเกือบ 2 ปีที่หลอกโกงกินเงินชาวบ้านทั่วภาคอีสาน นายเสาร์จึงอุทิศตนรับใช้สังคมอย่างเต็มความสามารถ ชาวบ้านยอมรับและให้ความร่วมมือด้วยดี ผลงานโดดเด่น คือ การรณรงค์งดเหล้า งดพนันในงานศพ จากเดิมใน ต.นาเยีย มีการดื่มเหล้า เล่นพนัน จนทะเลาะวิวาทกันในงานเผาศพ นายเสาร์จึงหารือกับเจ้าคณะอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน เพื่อไม่ให้มีการเล่นการพนันและกินเหล้าในงานศพ
โดยเสนอสิ่งจูงใจ หากหมู่บ้านใดงานศพปลอดเหล้าปลอดพนัน รับเงินสนับสนุน 1,000 บาท ซึ่งเป็นเงินจากดอกเบี้ยกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งขณะนั้นเขาเป็นรองประธานกองทุนหมู่บ้าน และเป็นกรรมการชุมชน ซึ่งโครงการนี้ช่วยลดค่าเหล้าหลายหมื่นบาทต่อครัวเรือน และนำมาสู่กติกาหมู่บ้าน ได้รับเลือกเป็น “หมู่บ้านนำร่องปลอดเหล้า ปลอดพนัน” จนนาเยียกลายเป็นอำเภอปลอดเหล้าปลอดพนันในงานศพทั้งอำเภอ
“ทุกลมหายใจที่เหลือ จะขอทำแต่คุณงามความดี อุทิศให้คนข้างหลัง พี่น้องประชาชน เพื่อชดใช้บาปกรรมที่ผมเคยหลอกลวงคนอื่น ตอนนี้ก็ใช้บทเรียนชีวิตตัวเองเป็นหนังสือสอนคนอื่น ไปเป็นวิทยากรให้คนรุ่นใหม่ รู้เท่าพิษภัยของพนัน ผมตั้งใจทำทุกๆ อย่างที่เป็นความดีต่อสังคม ก็คงไถ่บาปได้บ้าง ” ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีกล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง :
สืบเสาะข่าว รับเรื่องราวร้องทุกข์ สามารถส่งเรื่องราว หรือประเด็นปัญหาของท่านมาได้ที่
reporter.thairath@gmail.com หรือช่องทาง Facebook : ทีมข่าวเฉพาะกิจ
