ทุกที่ล้วนมีตำนาน ทุกประวัติศาสตร์ต้องกล่าวขานถึงใครบางคน ทุกงานปราบปรามไม่คดีใดก็คดีหนึ่ง ต้องนึกถึงบุคคลผู้นี้ “เดอะแต้ม พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ” อดีตรองผบช.น. อดีตที่ปรึกษา ผู้ว่า กทม. หรือที่ใครหลายคนรู้จักในนามเรียกขาน “มือปราบหูดำ”
นายตำรวจนอกราชการที่ผ่านการบุกบู๊สะบั้นหั่นแหลกมาทั้งชีวิต โชกโชนวาดลวดลายบนหน้าประวัติศาสตร์อาชญากรรมเอาไว้มากมายไม่รู้จบ วันนี้ “มือปราบหูดำ” ในวัย 63 ปี สละเวลามานั่งชิลๆ พูดคุยกับทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ ถึงเรื่องราวต่างๆ นานา จากคดีดังที่คนไทยจำไม่ลืม พร้อมฉะชัดๆ ถึงรุ่นน้องคนสีกากี เพราะวันนี้ที่ประชาชนเขาด่า และสุดแสนจะเอือมระอา มันเป็นเพราะอะไร?


...
“เดอะแต้ม” ผู้นี้ ถือได้ว่าเป็นมือวิสามัญคนร้ายอันดับต้นๆ ของเมืองไทย และเป็นที่รู้กันในวงการอาชญากรรมว่า ประวัติการทำงานสืบสวนปราบปรามของเดอะแต้ม เขาดุเดือด เผ็ดมัน แยบยลชนิดที่หาตัวจับยากจริงๆ
เดอะแต้ม ในวัย 63 ปี ถ่ายทอดเรื่องราวหนหลัง เมื่อครั้งที่ไฟแห่งการทำงานปราบปรามลุกโชนเจิดจ้า ทีมข่าวเลือก 2 เรื่องจากร้อยเรื่องราวที่พอเปิดเผยได้ และไม่กระทบกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดี

บุก ดัก ทุบหญิงชิงทรัพย์สุดย่ามใจ โจรสะพานลอยเกลื่อนเมือง เจอไม้ตายหูดำ!
เริ่มจากคดีที่เดอะแต้ม ยกมาเล่าให้เราฟังเป็นเรื่องแรก "โจรสะพานลอย" โจรใจบาปย่ามใจบุกอาละวาดทั่วทุกสะพานลอยของเมืองกรุง
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2543 ณ เวลานั้น โจรผู้ร้ายชุกชุมทั่วเมืองหลวง ไม่ว่าจะเป็นสะพานลอยคนข้ามในจุดใดของกรุงเทพฯ พวกโจรกระจอกจะยึดพื้นที่ เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการดัก ต่อย ทุบ ตี ฆ่า และชิงทรัพย์ โดยมีเหยื่อที่เป็นเป้าหมายคล้ายคลึงกันทั่วทุกสะพานลอย คือ หญิงสาวถือกระเป๋า
“ไอโจรพวกนี้จะทุบตีหญิงสาวด้วยวิธีการสารพัด บางคนโดนไม้ตีจนอาการสาหัส บางคนโดนกระทืบปางตาย และคนไอ้คนที่เราไล่ล่า มันใช้สนับมือต่อยเข้าไปที่หน้าของน้องผู้หญิงคนหนึ่ง จนใบหน้าน้องเขาเละ เป็นแผลเหวอะ เราตามล่าหาไอ้โจรคนนี้จนเจอ และพบว่า มันกำลังจะเริ่มก่อเหตุกับเหยื่อรายต่อไป โดยไม่เกรงกลัวอาญาแผ่นดิน”


...
“ณ เวลานั้น เราได้รับคำสั่งเด็ดขาดจากผู้ใหญ่ให้จับตัวคนร้ายพวกนี้ให้ได้ และต้องจัดการล้างบางโจรผู้ร้ายพวกนี้ให้สิ้นซาก เพราะเหตุลักษณะนี้เกิดขึ้นรายวัน การทำร้ายโหดขึ้นทุกครั้ง และมีหญิงสาวผู้เสียหายจำนวนมาก”
“สุดท้าย เราจับกุมคนร้ายรายนี้ได้ แต่ดูท่าแล้วคนร้ายเป็นคนตุกติก และเจ้าแผนการพอสมควร ฉะนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องหาหลักฐานให้ครบถ้วนรอบด้าน เพื่อเอาผิดคนร้ายรายนี้ให้อยู่หมัด ซึ่งก่อนหน้านี้ คนร้ายได้ให้การสารภาพกับเราว่า เอาสนับไปทิ้งไว้ที่แม่น้ำเจ้าพระยา ผมฟังดังนั้น ก็เรียกนักข่าวมายังจุดที่คนร้ายให้การว่า โยนสนับลงไปในน้ำ พร้อมกับสั่งการให้สายสืบลงไปงมหาสนับกันสดๆ ตรงนั้นเลย”
“20 นาทีต่อมา สายสืบตะโกนขึ้นมาจากน้ำว่า พบสนับแล้ว วินาทีนั้นมีนักข่าวมองดูเหตุการณ์อยู่จำนวนมาก ซึ่งนี่ย่อมแสดงให้เห็นชัดแจ้งแล้วว่า สนับนี้ เป็นสนับที่คนร้ายบอกว่าโยนทิ้งลงไปในน้ำ ไม่ใช่สนับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปเสาะหามายัดเป็นหลักฐาน ซึ่งการกระทำเช่นนี้ จะช่วยให้สำนวนรัดกุม และคนร้ายไม่สามารถหาช่องโหว่จากการทำคดี เพื่อทำให้ตัวเองลอยนวลได้”

...

“หลังจากนั้น เราได้ทำการขยายผลไปเรื่อยๆ จนได้เบาะแสคนร้ายที่ก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน แต่คนร้ายคนนี้ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ มันไม่เกรงกลัวเจ้าหน้าที่แม้แต่น้อย ในวันที่เข้าจับกุม มันบุกเข้ามาทำร้าย และต่อสู้เจ้าหน้าที่อย่างอุกอาจ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำการวิสามัญฆาตกรรมในที่สุด ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้โจรสะพานลอยทั่วกรุงเทพเกรงกลัวอย่างมาก จนไม่มีใครกล้าออกมาดักปล้นเหยื่ออีกเลย”

...
ไม่คิดว่าจะเป็นโจร! ไอ้หื่นลวงสาวมากโปรไฟล์ แอบถ่ายแบล็กเมล์ เรียกทรัพย์เดือนละหมื่น
ส่วนอีกคดีที่เดอะแต้ม หยิบยกมาเล่า จนทำให้เราต้องร้อง เฮ้ย! โห! ตบเข่าฉาดใหญ่แทบจะทุกนาทีที่ได้รับฟัง คือ คดีลวงหญิงสาวไปข่มขืน ฟังดูแล้วอาจเป็นคดีดาษดื่นที่พบเห็นกันอยู่เสมอบนหน้าสื่อทั่วๆ ไป แต่ครั้งนี้ เราต้องขอบอกว่า การลวงหญิงสาวไปทำอนาจารของผู้ร้ายคนนี้ แตกต่าง เลวร้าย และคาดไม่ถึงกว่าคดีอื่นๆ เป็นไหนๆ
เดอะแต้ม ย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อปี 2530 ว่า “มีหญิงสาวหน้าตาดีคมขำระดับดารา พรั่งพร้อมด้วยการศึกษา ฐานะ ชาติตระกูล เธอเดินไปยังที่จอดรถ ซึ่งเป็นลานจอดรถของที่ทำงานเธอเอง เธอพยายามสตาร์ตรถอยู่หลายครั้ง แต่พบว่ามันไม่ติด จู่ๆ ก็มีชายหนุ่มหน้าตาดี บุคลิกลักษณะดูน่าเชื่อถือเข้ามาให้ความช่วยเหลือ และซ่อมรถให้เธอจนรถกลับมาสตาร์ตติดอีกครั้ง”

“แต่หนุ่มใจดีคนนี้บอกว่า รถสามารถขับไปได้ระยะหนึ่ง แต่ไปได้ไม่ไกลนัก ต้องแวะเข้าอู่เพื่อซ่อมชิ้นส่วนที่ชำรุดเสียหายก่อน และสาวสวยก็หลงเชื่อหนุ่มใจดีเต็มหัวใจ เธอขับตามหนุ่มใจดีไปที่อู่ห่างไกลผู้คน”

“หนุ่มใจดีเดินไปเปิดประตูให้เธออย่างสุภาพ แต่ไม่ทันได้ตั้งตัว หนุ่มใจดีบรรเลงเพลงตบต่อยสาวสวยไม่ยั้ง จนหญิงสาวแทบหมดสติ จากนั้นหนุ่มใจดีพาเธอไปยังโรงแรมม่านรูด จับมือสองข้างของหญิงสาวผูกกับหัวเตียง จับเท้าสองข้างผูกกับขาเตียง และแก้ผ้าหญิงสาวออกทั้งหมดจนเธออยู่ในสภาพเปลือยเปล่า และข่มขืนหญิงสาวจนสำเร็จความใคร่อยู่หลายหลายครา”
“ไม่พอเท่านั้น ไอ้หื่นในคราบคนดีก็ยังถ่ายภาพทุกซอกทุกมุมของหญิงสาว และถ่ายภาพขณะที่ทำกิจกรรมทางเพศไว้อีกหลายสิบรูป”

“จากนั้น ไอ้หื่นก็ปล่อยตัวหญิงสาวในสภาพยับเยินให้เดินทางกลับบ้าน พร้อมกับแจ้งหญิงสาวอย่างเป็นทางการว่า จากนี้เธอต้องนำเงินสดมาให้เขาทุกเดือน เดือนละ 1 หมื่นบาท หากไม่ทำตาม เขาจะปล่อยภาพพวกนี้ออกไปสู่สาธารณะ และไม่พอเท่านี้ มันยังเย้ยหญิงสาวด้วยว่า สาเหตุที่รถของเธอสตาร์ตไม่ติด เป็นเพราะฝีมือของมันที่เอาชิ้นส่วนรถบางชิ้นของเธอออกไป” เดอะแต้ม เล่าอย่างออกรส
เมื่อหญิงสาวกลับมาอยู่ที่บ้าน เธอระทมทุกข์อย่างหนัก ไม่พูดไม่จา ไม่สบตาคนในบ้าน ไม่กินข้าวกินปลาอยู่นานหลายเดือน จนผู้เป็นแม่สงสัย และได้เชิญเดอะแต้ม ในฐานะคนรู้จักไปพูดคุยกับลูกสาว เพื่อเสาะหาต้นสายปลายเหตุแห่งความเปลี่ยนไปของผู้เป็นลูก จนในที่สุด เดอะแต้มก็ได้รับคำตอบหลังจากที่พูดคุยปรับทุกข์กับหญิงสาวนานหลายชั่วโมง
"เธอยอมถ่ายทอดเรื่องราวที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต!"


“จากนั้น ผมก็ออกอุบายให้น้องผู้หญิงนัดแนะสถานที่วางเงิน และเตรียมการดักจับคนร้าย ซึ่งคนร้ายฉลาดกว่าที่คิด คนร้ายรู้ว่า เราจะดักจับตามตู้โทรศัพท์สาธารณะ มันจึงใช้ตู้โทรศัพท์ตู้โน้นที ตู้นี้ทีไม่ซ้ำกัน มิหนำซ้ำ ยังทันเกมเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเสียทุกเรื่อง จนเราสังเกตได้ว่า ตู้โทรศัพท์ที่คนร้ายใช้อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกันทั้งหมด แต่สุดท้ายคนร้ายก็พลาดท่า จนเราจับได้ด้วยเทคนิคการจับกุมบางอย่างของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ”
“แต่สิ่งที่เราตกใจและไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น คือ คนร้ายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความชำนาญในการปราบปราม มิหนำซ้ำ เมื่อเข้าไปค้นที่บ้านของคนร้าย ยังพบว่าเขากระทำการเช่นนี้กับหญิงสาวอีกหลายคน เพราะภายในบ้านมีภาพหญิงสาวถูกล่วงละเมิดทางเพศอยู่เต็มบ้าน” เดอะแต้ม จบเรื่องราวอันโหดร้ายไว้แต่เพียงเท่านี้ แต่ก็ยังเปรยเบาๆ กับเราว่า ทุกคนในเหตุการณ์นี้ ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ทั้งหมด

มือปราบหูดำ ฉะรุ่นน้อง ไม่ชำนาญสืบสวน ผู้ใหญ่ส่งขึ้นลิฟต์ ช่องโหว่ทำคดีพัง!
ก่อนจะจบการสนทนาระหว่างเรา และมือปราบหูดำ เขาได้วิพากษ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจรุ่นใหม่ไว้อีกว่า “ปัจจุบัน เรามักจะเห็นคดีความหลายต่อหลายคดีที่เกิดความผิดพลาด หรือมีช่องโหว่ จนเป็นเหตุให้คนร้ายลอยนวล เป็นเหตุให้มีแพะเข้ามารับเคราะห์ หรือแม้กระทั่งเป็นเหตุให้ผู้เสียหายเกิดความเดือดร้อนทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัส”

“หากถามว่า เหตุปัจจัยเหล่านี้ เกิดขึ้นเพราะอะไร คำตอบก็คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนไม่ได้เติบโตมาจากงานสอบสวน บางคนขึ้นลิฟต์มา (ขึ้นลิฟต์ หมายถึง ผู้บังคับบัญชาผลักดัน) บางคนมาจากนายเวร (นายเวร หมายถึง นายตำรวจชั้นสัญญาบัตรที่ทำหน้าที่เลขานุการของผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าตน) ไม่เคยมีประสบการณ์งานสืบสวนแม้แต่น้อย ซึ่งคนเหล่านี้ไม่มีคุณสมบัติแห่งการสอบสวน ไม่มีเทคนิคการสืบสวนสอบสวน ไม่มีความมานะอดทน คนพวกนี้จะมีก็แต่ความรู้ทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งเราอย่าลืมว่า งานสืบสวนนั้น ไม่ใช่ว่าจะต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่คนที่จะมาทำงานตรงนี้ได้ มันต้องมีพื้นฐาน มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนมาก่อน”

“ผู้ที่จะมาทำงานสืบสวนสอบสวน คนผู้นั้น จะต้องรู้จักการใช้เทคนิควิธีการ มีไหวพริบ มีความมุมานะอดทน และสามารถเอาตัวรอดเฉพาะหน้าได้ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้สั่งสม มิใช่ว่า จะเป็นกันง่ายๆ ภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ” วิชัย เจ้าของฉายามือปราบหูดำฝากไว้ให้รุ่นน้องวงการกากีได้คิด