ตอนที่ 3

เตชินผลักประตูห้องนอนของพศิกาเข้าไปเจอแต่ความว่างเปล่า เจ้าของห้องตามมาติดๆแกล้งพูดเสียงดังให้พศินที่ซ่อนตัวอยู่ได้ยินว่าไม่มีใครซ่อนอยู่ทั้งนั้น แล้วไล่เตชินออกไป เขาไม่สนใจเดินหาไปทั่วห้องแต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ หันขวับไปทางห้องน้ำ ก่อนจะเปิดประตูพรวดเข้าไปแต่ไม่เจอใคร

พศินซึ่งหลบอยู่หลังประตูห้องน้ำยืนตัวลีบเหงื่อตกซิกกลัวเตชินจับได้ พศิกาเห็นเขาทางเงาสะท้อนของกระจกเงาในห้องน้ำก็ตกใจ ดันประตูให้เปิดอ้ามากขึ้นเพื่อบังเขาเอาไว้แล้วจับเตชินหันมาทางตัวเอง

“เห็นหรือยังว่าไม่มีใครทั้งนั้น อย่าระแวงไม่เข้าเรื่องหน่อยเลยจะได้ไหม” พูดจบเธอลากเตชินออกไปนอกบ้าน “กลับไปซะ แล้วอย่ามาหาเรื่องฉันอีก”

“กลับก็ได้ แต่ที่ยอมกลับเพราะฉันจะไปเตรียมหาหลักฐานมาเล่นงานเธอ ถ้าเธอยักยอกเงินพ่อฉันจริง ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่ เธอต้องได้รับกรรมในสิ่งที่เธอทำเอาไว้อย่างสาสม เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีพศิกา” เตชินจ้องหน้าพศิกาก่อนจะเดินจากไป เธอรอจนเขาคล้อยหลังรีบกลับเข้าบ้านปิดประตูล็อก

จากนั้นไม่นานพศิกาพาพศินไปฝากวีรภาพผู้จัดการรีสอร์ตให้ช่วยรับเข้าทำงาน เขาเห็นว่าพศินเป็นญาติกับเธอก็ยินดีช่วย โดยจะให้ทำแทนตำแหน่งของอินทร์ซึ่งขับเรือให้อนุพงศ์ตอนที่เรือเกิดระเบิด

“ขอบคุณมากนะคะ แต่พั้นซ์มีเรื่องอยากขอร้อง คุณวีอย่าบอกใครนะคะว่าพัฒน์เป็นญาติพั้นซ์ พ่อแม่พัฒน์ฝากพั้นซ์มาเพราะต้องการดัดนิสัยลูกชายตัวแสบ ถ้าใครรู้ว่าเราเป็นญาติกัน ทุกคนจะเกรงใจไม่กล้าใช้งาน พั้นซ์อยากให้เขาทำงานหนักๆเหมือนพนักงานทั่วไป”

“ได้ครับได้ ถ้างั้นผมจะพานายพัฒน์ไปเขียนใบสมัครแล้วก็พาไปฝากงานกับสง่าเลย”

ในเวลาต่อมา วีรภาพพาพศินมาแนะนำให้รู้จักกับสง่า ครั้งแรกที่ได้พบกัน พศินรับรู้ได้ถึงความไม่เป็นมิตรของอีกฝ่าย ทำให้เห็นเค้าลางของความยุ่งยากที่จะเกิดขึ้น...

ฝ่ายเตชินกลับถึงห้องตัวเองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เดินไปหยิบรูปถ่ายของเขาสมัยเป็นเด็กคู่กับพ่อขึ้นมาดู พึมพำเบาๆ พ่อจะรู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังจะทำลายเกาะไข่มุกที่ท่านรัก แล้ววางรูปไว้ที่เดิม

“ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยทำอะไรให้พ่อสักครั้ง แต่ครั้งนี้ผมจะเป็นคนปกป้องเกาะไข่มุกให้พ่อเองครับ”

ooooooo

ด้วยความตั้งใจมั่นที่จะปกป้องเกาะไข่มุกเตชินบุกไปหาพศิกาที่ทำงานแต่เช้า ในเมื่อเธอบอกว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยักยอก ดังนั้นเธอต้องพิสูจน์ให้เห็นด้วยการร่วมมือกับเขาหาตัวผู้บงการ

“ฉันจะช่วยคุณ ฉันจะทำให้คุณเห็นว่าฉันคือผู้บริสุทธิ์”

ไม่นานนัก พศิกาหอบเอกสารข้อมูลทางบัญชีของโรงแรมอันดามันเพิร์ลที่ได้จากนวลทิพย์มาให้เตชินดู หลังจากอ่านไปได้สักพัก เขาพบว่าการเบิกจ่ายเงินบางอย่างไม่มีหลักฐาน ไม่รู้ว่าเงินเหล่านั้นถูกเบิกไปทำอะไร พศิกาอธิบายว่าที่เป็นแบบนี้เพราะที่นี่ทำงานในระบบเครือญาติ ก็เลยหยวนๆให้กันตลอด

“แต่ถ้าจะเปลี่ยนแปลงภายในวันเดียวคงทำได้ยากเพราะพนักงานที่นี่กว่า 80 เปอร์เซ็นต์เป็นญาติและคนรู้จักกันที่มาจากฝั่งคุณนลินีและคุณนวลปราง ภรรยาคนแรกของคุณลุงพงศ์”

เตชินไม่สนใจใครจะเป็นญาติใครจะเส้นใหญ่แค่ไหน จากนี้ไปเราต้องปรับระบบใหม่หมด ต้องเอาบัญชีเงินเดือนมาดูว่าแต่ละคนได้เงินเดือนเท่าไหร่ เอารายการซื้อของของแต่ละแผนกมาดูว่าซื้อของกันอย่างไร ราคาถึงได้สูงขนาดนี้ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายแต่ละแผนกด้วย พศิกากลัวว่าถ้าทำแบบนั้นจะทำให้พนักงานหลายคนไม่พอใจ เตชินไม่มีทางเลือกเพราะนี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด ถ้าจะหาคนทำผิดก็ต้องขุดให้ลึกถึงต้นตอ

“และที่สำคัญ เราต้องรื้อระบบเครือญาติ ยิ่งเป็นญาติกันมาทำงานที่เดียวกัน มันจะเกิดการตั้งก๊กตั้งเหล่าและมันจะเป็นการง่ายถ้าคิดจะทำเรื่องไม่ดี...หวังว่าเธอคงไม่มีญาติทำงานที่นี่ด้วยหรอกนะ”

พศิกาปฏิเสธทันทีว่าไม่มี จากนั้นเตชินเรียกหัวหน้าแผนกทุกคนของรีสอร์ตมาที่ห้องประชุมใหญ่เพื่อประกาศให้ทุกคนรู้ว่าต่อไปจะไม่มีระบบเครือญาติอีก ใครต้องการสมัครงานที่นี่ ต้องทำให้ถูกต้องตามขั้นตอนของบริษัทจะไม่มีเด็กฝากเด็กเส้นทั้งนั้น รวมทั้งเรื่องการเบิกจ่ายเงินจะต้องเป็นระบบมีที่มาที่ไป

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้สุดารัตน์ไม่พอใจมาก รีบโทร.ไปฟ้องนลินีซึ่งกำลังเที่ยวชมเกาะไข่มุกอยู่กับมณีกาญจน์ และยังยุแยงด้วยว่าพศิกาต้องเป็นคนต้นคิดเรื่องนี้แน่ๆ ลำพังเตชินคงไม่ทำอะไรแบบนี้เพราะเพิ่งมาทำงานได้ไม่กี่วัน การทำแบบนี้ทำให้พนักงานหลายคนไม่พอใจพาลจะลาออก

“มันจะมากเกินไปแล้ว ทำแบบนี้เท่ากับด่าฉันด้วยเพราะญาติฉันก็ทำงานที่นี่เหมือนกัน เต้นะเต้ จะตัดสินใจทำอะไรไม่ปรึกษาแม่สักคำ” นลินีบ่นอุบ สุดารัตน์ได้ทีใส่ไฟว่าการที่เตชินไม่ปรึกษานลินีก็หมายความว่าไม่ให้ความสำคัญ เธอต้องหาทางจัดการให้เด็ดขาดจะได้รู้บ้างว่าใครเป็นใคร นลินีชักเคืองที่สุดารัตน์บอกให้ทำโน่นทำนี่ ตวาดแว้ดว่าไม่ต้องมาสอน ตนรู้ว่าควรจะทำอย่างไร แล้ววางสายใส่

“อย่าให้ถึงทีฉันบ้างก็แล้วกันอีแก่” สุดารัตน์พึมพำด้วยความแค้นใจ

ooooooo

นลินีหมดอารมณ์จะเที่ยว ลากมณีกาญจน์มาเอาเรื่องพศิกาถึงห้องทำงานฐานยุยงให้เตชินเปลี่ยนระบบการทำงาน และประกาศกร้าวจะต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น พศิกายืนกรานไม่ยอมทำตามคำสั่งของคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารงาน นลินีฉุดขาดที่ถูกท้าทายเงื้อมือจะตบ พศิกาคว้ามือเอาไว้ทัน

“เลิกใช้กำลังสักทีเถอะค่ะ เพราะว่ามันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย”

มณีกาญจน์เห็นท่าไม่ดี รีบส่งข้อความไปบอกให้เตชินมาที่ห้องทำงานของพศิกาด่วนที่สุด นลินีกับพศิกายังคงมีปากเสียงกัน ก่อนเรื่องจะลุกลามมากไปกว่านี้ เตชินเข้ามาขอให้แม่ไปคุยกันที่ห้องทำงานของเขา แล้วจับแขนนลินีพาออกไป ทันทีที่ถึงห้องทำงานของเขา นลินีเอ็ดลูกชายเสียงลั่นทำไมปล่อยให้นังนั่นจูงจมูก

“แม่หมายความว่าไงครับ ใครจูงจมูกใคร”

“ไม่ต้องมาไขสือ นังนั่นมันสั่งให้เต้ตั้งกฎบ้าบอขึ้นมาเพื่อเอาพนักงานที่ไม่ถูกกับมันออกใช่ไหม ทำแบบนี้มีแต่จะทำให้คนเกลียด คุณพ่อยังไม่กล้าทำ ถ้าพนักงานไม่พอใจประท้วงหรือลาออกจะทำยังไง อย่าลืมนะว่าพวกข้าเก่าเต่าเลี้ยงกันทั้งนั้น” นลินีใส่เป็นชุด

เตชินอธิบายอย่างใจเย็นว่าเรื่องนี้เขาเป็นคนตัดสินใจเองไม่เกี่ยวกับใคร เพราะเล็งเห็นแล้วว่าระบบเครือญาติรังแต่จะสร้างปัญหาระยะยาวให้กับบริษัท ถ้าไม่เริ่มวางระบบให้ชัดเจนตั้งแต่ตอนนี้ ต่อไปจะควบคุมยาก นลินีโกรธเกินกว่าจะฟังเหตุผล ตัดบทดื้อๆ

“แม่จะคอยดูต่อไปว่าเต้จะจัดการปัญหาที่จะตามมาอย่างไร แล้วอย่าหาว่าแม่ไม่เตือน” นลินีเดินจากไปอย่างหัวเสีย เตชินได้แต่มองตามกลุ้มใจ...

ข่าวเรื่องนลินีทะเลาะกับพศิกาเป็นที่เม้าท์กันสนุกปากของเหล่าพนักงานในรีสอร์ต พศินกำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่โรงอาหาร ได้ยินป้าน้อยเม้าท์ให้เพื่อนพนักงานฟังว่าพศิกาถูกแม่ของเตชินจัดหนักจนเกือบแย่ ก็เป็นห่วงเธอมาก กินอะไรไม่ลงรีบลุกออกไปทันที เขาเดินหาพศิกาจนเจอกันตรงทางเดินหลังรีสอร์ต ปรี่เข้าไปสอบถามว่าโดนนลินีเล่นงานเป็นอะไรหรือเปล่า เธอคุยอวดไม่ต้องเป็นกังวลแค่นี้เธอรับมือไหว

“ไม่กังวลไม่ได้ เกิดพั้นซ์เป็นอะไรขึ้นมาคุณป้ามัทได้มาแหกอกพัฒน์”

พศิกาหัวเราะชอบใจ แต่พอหันไปเห็นเตชินเดินเข้ามา ก็หุบยิ้มแทบไม่ทัน รีบแนะนำให้เขารู้จักกับพศิน พนักงานใหม่ที่มาทำงานแทนอินทร์แล้วไล่พศินไปทำงานหน้าที่ของตัวเอง เตชินมองตาม ก่อนจะหันมาต่อว่าเธอว่ารับพนักงานใหม่ทำไมเขาไม่รู้ เธอขอโทษเขาด้วยที่ไม่ได้แจ้ง ทีหน้าทีหลังจะไม่ทำอย่างนี้อีก

แล้วถามว่ามาหาเธอทำไม เตชินจะชวนเธอไปโรงแรมอันดามันเพิร์ลวันพรุ่งนี้ มีข้อมูลบางอย่างที่อยากได้เพิ่มเติม

ooooooo

เตชินกับพศิกามาถึงท่าเรือในตัวเมืองแต่เช้าไม่เห็นรถของโรงแรมที่นัดให้มารับ เขาอาสาจะโทร.ตามให้เอง แล้วหยิบมือถือขึ้นมาโทร. โดยยืนหันหลังให้พศิกา ทันใดนั้นมีชายคนหนึ่งเอาผ้าชุบยาสลบมาโปะหน้าเธอ อึดใจก็สลบเหมือด ชายอีกคนหนึ่งเข้ามาช่วยประคองเธอไปยังรถตู้ที่จอดอยู่ไม่ห่างท่านประธานหนุ่มวางสายหันไปมองอีกทีเห็นชายสองคนพาพศิกาที่หมดสติขึ้นรถตู้ขับออกไปราวจะแข่งกับพายุก็ตกใจมาก คว้ามอเตอร์ไซค์จากวินใกล้ๆ ขับตามจนทัน ก่อนจะเร่งเครื่องไปปาดหน้า คนขับรถตู้ตกใจหักหลบ รถเสียหลักตกไหล่ทาง เตชินวิ่งไปที่รถจะช่วยพศิกา ถูกหนึ่งในคนร้ายถีบกระเด็น

คนร้ายสองคนกับคนขับรถ ต่างกรูกันเข้ามารุมตื้บเตชิน พศิกาค่อยๆได้สติ เห็นเตชินกำลังสู้กับพวกคนร้าย รีบปีนไปยังที่นั่งคนขับ แล้วขับรถตู้มาจอดเทียบพร้อมกับบีบแตรเรียกให้เตชินขึ้นรถ เขาไม่รอให้เรียกซ้ำ รีบโดดขึ้นรถ พศิกาเร่งเครื่องออกไปอย่างรวดเร็ว พอเห็นว่าพ้นอันตราย เธอรีบเบนรถจอดข้างทาง ลงไปดูเตชินที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอมนอนหมดแรงอยู่ด้านหลัง รีบประคองลงจากรถจะพาไปโรงพยาบาล

“เราจะเอารถคันนี้ไปไม่ได้ ถ้ารถติด จีพีเอสพวกมันจะตามเรามาถูก” ว่าแล้วพศิกาโทร.เรียกรถของโรงแรมมารับ ไม่นานนัก ทรงศักดิ์ขับรถมารับ ทั้งคู่แปลกใจมากที่ผู้จัดการโรงแรมลงทุนมาด้วยตัวเอง...

หมอตรวจอาการเตชินแล้วมีเพียงบาดแผลฟกช้ำภายนอก จึงปล่อยให้กลับได้ เขาไม่ยอมให้คนที่ทำร้ายพศิกาลอยนวล ขอให้ทรงศักด์แวะโรงพักก่อนจะกลับโรงแรม...

ภายในห้องทำงานของสารวัตรบนโรงพัก หลังจากได้ฟังพศิกาเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสกสรรสรุปว่าน่าจะเป็นแก๊งลักผู้หญิงไปขายซ่อง โชคดีที่เตชินช่วยเอาไว้ทันไม่อย่างนั้นเธอคงแย่แน่ๆ เตชินฝากเพื่อนรักตามจับคนร้ายให้ด้วย เสกสรรอดถามไม่ได้ว่ามาทำอะไรกันตามลำพังที่นี่

“เรามาธุระที่โรงแรม แต่ยังไม่ทันไปถึงก็เกิดเรื่องเสียก่อน สงสัยอะไรอีกไหม”

สารวัตรหนุ่มส่ายหน้ายิ้มๆแทนคำตอบ แต่พอพศิกาขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เขากลับคาดคั้นให้เตชินสารภาพว่าทำไมถึงมากับพศิกาสองต่อสอง ในเมื่อเกลียดเธออย่างกับอะไรดี เตชินนิ่งคิดไปชั่วขณะ ก่อนจะยอมบอกว่าตัวเองกำลังสงสัยว่าเธอจะเป็นหนึ่งในขบวนการยักยอกเงินของบริษัท

“แกเคยได้ยินประโยคนี้ไหม เอามิตรไว้ใกล้ตัว เอาศัตรูไว้ใกล้ตัวกว่า ฉันต้องทำตัวเป็นพวกเดียวกับเธอเพื่อจะได้จับผิดได้ง่ายขึ้น”

“แกมั่นใจมากเลยเหรอว่าเป็นฝีมือคุณพศิกา”

“ฉันมั่นใจ อีกไม่นานหรอก ฉันจะกระชากหน้ากากผู้หญิงคนนั้นออกมาให้ทุกคนเห็นเอง”...

ขณะที่เตชินกำลังเข้าใจในตัวพศิกาผิดๆ มณีกาญจน์บอกกับนลินีว่าจิรายุหรือจิลหลานสาวของตนจะกลับมาเที่ยวเมืองไทยระหว่างรอสมัครเรียนปริญญาเอกที่เมืองนอกและจะแวะมาหาตนที่นี่ นลินีจำได้ว่าตอน จิรายุเด็กๆสนิทกับเตชินมาก เดินตามต้อยๆ เขาทำอะไรเธอจะทำตามหมดทุกอย่าง ด้วยความที่ไม่เห็นหน้าหลานมานานแล้ว นลินีอยากรู้ตอนนี้หน้าตาเธอเป็นอย่างไร มณีกาญจน์เอารูปหลานสาวที่อยู่ในมือถือตัวเองให้ดู นลินีรู้สึกถูกชะตาสาวน้อยคนนี้ขึ้นมาทันที

ooooooo

เมื่อได้เจอกันตัวเป็นๆ แม้จิรายุจะออกแนวเปรี้ยวเข็ดฟัน แต่นลินีก็ถูกอกถูกใจมาก ถึงขนาดอยากได้เป็นลูกสะใภ้ มณีกาญจน์ไม่ได้รังเกียจอะไร เพียงแต่หลานสาวของตนไม่เหมาะกับเตชินและไม่มีทางลงเอยกันได้ เด็กหัวนอกอย่างจิรายุไม่ชอบถูกใครบังคับ นลินีรู้ดีว่าบังคับไม่ได้

“ฉันก็แค่ทำหน้าที่เป็นคนพายเรือส่งหนูจิลให้ถึงเกาะ หลังจากนั้นก็จะปล่อยให้ชะตาฟ้าลิขิต ชายหญิงอยู่กันบนเกาะสองต่อสอง มองไปไม่เจอใคร ก็จะถูกใจกันเอง...กานอย่าโกรธฉันเลยนะ เธอเป็นเพื่อนรักของฉัน ฉันก็อยากจะดองเป็นครอบครัวเดียวกับเธอ มันดีออกไม่ใช่เหรอ”

มณีกาญจน์ไม่ค่อยมั่นใจจะดีอย่างที่นลินีคาดหรือเปล่า...

ระหว่างที่เตชินกับพศิกาเดินคุยกันมาตามทางเดินหลังรีสอร์ต ถึงเรื่องเอกสารเมื่อห้าปีก่อนที่ยังเอาเข้าระบบคอมพิวเตอร์ไม่หมดซึ่งเป็นสาเหตุให้การตรวจสอบบัญชีย้อนหลังยุ่งยาก เธอรู้สึกเหมือนมีอะไรเข้าตา เขาอาสาช่วยดูให้ แล้วจับใบหน้าเธอเข้ามาดูใกล้ๆ ความใกล้ชิดทำให้ใจของเธอเต้นไม่เป็นส่ำ

อีกมุมหนึ่งด้านหลังเตชิน จิรายุออกมาเดินเล่นพอดี เห็นแผ่นหลังชายหนุ่มที่โน้มตัวเข้าไปหาหญิงสาวดูแล้วเหมือนกำลังจูบกันถึงกับชะงัก เตชินค่อยๆใช้นิ้วเขี่ยขนตาที่แยงลูกตาเธอออกสำเร็จ ก่อนจะถอยห่าง ทำให้จิรายุเห็นใบหน้าของทั้งคู่ เธอยังจำพี่เต้ของตัวเองไม่ได้ มองๆอีกครั้งก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง ระหว่างนั้น นลินีโทร.มาบอกเตชินว่าน้องจิลมาแล้ว ให้ไปเจอกันที่ห้องอาหารของรีสอร์ต...

จิรายุมาถึงร้านอาหารเห็นมณีกาญจน์นั่งอยู่คนเดียว รีบนินทาให้ฟังว่าตอนที่ออกไปเดินเล่นเจอคนไทยจูบกันกลางวันแสกๆ เล่ายังไม่ทันจบ นลินีเดินเข้ามากับเตชิน จิรายุจำเขาได้ว่าเป็นคนที่ยืนจูบอยู่กับผู้หญิงเมื่อครู่นี้ก็ร้องเอะอะ นลินีแปลกใจรู้จักกันแล้วหรือ เตชินส่ายหน้าดิก ขณะที่จิรายุรีบกลบเกลื่อน

“อ่า...ยังเหมือนกันค่ะ แต่รู้สึกหน้าคุ้นๆ”

“ต้องคุ้นอยู่แล้ว พี่เต้ไงล่ะ” คำพูดของนลินีทำเอาจิรายุตกใจ รีบขอตัวสักครู่ แล้วดึงมือมณีกาญจน์ลุก

ออกไปทันที เมื่อได้อยู่ตามลำพังป้าหลาน จิรายุเล่าอย่างตื่นเต้นว่าผู้ชายที่ยืนจูบกับผู้หญิงคือเตชินนั่นเอง มณีกาญจน์อยากรู้ว่าเขาจูบกับใคร เธอเหลือบไปเห็นผู้หญิงที่เขาจูบเดินมาพอดีจึงชี้ให้ดู

มณีกาญจน์มองตามมือถึงกับตะลึง “พศิกา!!...ห้ามเราเล่าเรื่องนี้ให้ป้าลีฟังเด็ดขาดเข้าใจไหม”

จังหวะนั้น นลินีเดินตามออกมาถามว่าคุยอะไรกัน มณีกาญจน์แต่งเรื่องว่าจิรายุอยากจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารมื้อนี้ นลินีขอบใจเธอมากที่มีน้ำใจ แต่มื้อนี้เตชินจะจัดการเองแล้วชวนป้าหลานเข้าไปคุยกันในร้าน

ooooooo

เช้าวันต่อมา นลินียังพยายามจับคู่ให้ลูกชาย วานให้เขาพาจิรายุไปเที่ยว ระหว่างเตชินพาแขกผู้มาเยือนชมความงามของเกาะไข่มุก พศิกาเดินสีหน้าร้อนรนเข้ามาขอคุยธุระสำคัญสักครู่ แล้วแจ้งว่านวลทิพย์รวบรวมเอกสารเมื่อห้าปีก่อนครบแล้ว เธอกำลังจะไปเอา ก็เลยจะมาชวนเขาไปด้วย แต่ถ้าเขายุ่ง เธอไปคนเดียวได้

“ไม่ล่ะ ผมต้องไปกับคุณด้วย เพราะมันเป็นงานของเรา คุณรอผมตรงนี้” พูดจบเตชินหันไปบอกจิรายุว่าพอดีมีงานด่วนเข้ามา คงพาเธอเที่ยวไม่ได้ แทนที่จะผิดหวังเธอกลับโล่งอกที่ไม่ต้องไปกับเขา ครู่ต่อมา จิรายุเอาเรือคยักออกไปพายเล่น แต่เรือเจอคลื่นซัดพลิกคว่ำ พศินนอนหลับอยู่บนหาดได้ยินเสียงคนร้อง ลุกพรวดขึ้นมองตามเสียง เห็นเรือคยักหงายท้องอยู่ในทะเล แต่ไม่เห็นคนพายเรือ รีบว่ายน้ำเข้าไปดู...

ขณะที่จิรายุจมหายไปกับน้ำทะเล พศิกากับเตชินยังติดค้างอยู่ที่ท่าเรือของรีสอร์ตเนื่องจากไม่มีคนขับเรือให้ เธอตัดสินใจจะขับเอง รีบวิ่งกลับไปเอากุญแจเรือที่ตึกอำนวยการ...

พศินดำน้ำลงไปช่วยดึงตัวจิรายุที่แน่นิ่งขึ้นมาบนฝั่งได้สำเร็จ พอเห็นหน้าชัดๆก็จำได้ว่าเพิ่งขับรถกอล์ฟไปส่งเธอที่บ้านของเตชินเมื่อวาน รีบช่วยผายปอดให้ กลับโดนเธอกัดริมฝีปากอย่างแรงถึงกับร้องโอ๊ยลั่น

“อีตาบ้า คนยังไม่หมดสติจะผายปอดได้ยังไง”

เขาแก้ตัวเป็นพัลวันว่าเห็นเธอจมน้ำไปตั้งนานก็เลยคิดว่าไม่หายใจ จิรายุโวยวายไม่เลิก ทีหน้าทีหลังจะผายปอดใครหัดเช็กให้ดีก่อน แล้วลุกขึ้นจะไป แต่กลับหน้ามืดเป็นลมล้มพับ พศินรีบประคองไว้แทบไม่ทัน...

ในเวลาต่อมา ขณะพศิกากำลังจะสตาร์ตเรือพาเตชินไปที่โรงแรม พศินวิ่งหน้าตื่นเข้ามาบอกเขาว่าผู้หญิงที่เป็นแขกของบ้านเขาเป็นลม ตนพาไปส่งห้องพยาบาลแล้ว พศิกาบอกให้เขาไปดูแลผู้หญิงคนนั้น เธอไปหานวลทิพย์เองได้ เตชินฝากเธอจัดการด้วยแล้วเดินออกไปกับพศินได้ไม่กี่ก้าว เรือที่พศิกาเพิ่งสตาร์ตเครื่องเกิดระเบิดขึ้น เสียงดังสนั่นหวั่นไหว พศินกับเตชินโดนแรงระเบิดล้มกลิ้งไปกับพื้น

สองหนุ่มหันไปเห็นไฟลุกท่วมเรือก็ตกใจมาก รีบวิ่งกลับมาดู พบพศิกานอนคว่ำหน้าเสื้อผ้าบางส่วนขาดวิ่น เตชินรีบเข้าไปพลิกตัวเธอหงายขึ้นมาเห็นเลือดอาบเต็มหน้า หันไปสั่งให้พศินเอาเรือออก แล้วอุ้มเธอขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดท่ามกลางควันที่คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ พึมพำด้วยความเป็นห่วงว่าห้ามเธอเป็นอะไรเด็ดขาด

ไม่นานนัก พศิกาถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉิน เตชินจะตามเข้าไปด้วยแต่พยาบาลไม่ให้เข้า ขอให้ญาติรอหน้าห้อง เขาพยายามรวบรวมสติให้เข้าที่ แล้ววานให้พศินกลับไปที่เกาะ ไปบอกคนที่นั่นว่าพศิกาถึงมือหมอแล้ว และให้ช่วยกันเคลียร์ทางนั้นแทนตนเองด้วย พศินไม่อยากไปเพราะเป็นห่วงพศิกา อ้างว่าตนเองเพิ่งมาทำงาน เขาน่าจะเป็นคนกลับไปมากกว่า เตชินทิ้งพศิกาไปไม่ได้ พศินเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของเตชินก็รู้ทันทีว่าเขามีใจให้เธอ

“ได้ครับ ฝาก...เออ คุณพศิกาด้วย ถ้ามีอะไรรีบโทร.บอกผม คุณเอาเบอร์ผมไป” พศินว่าแล้วคว้ามือถือของเตชินมากดเบอร์ตัวเองแล้วโทร.ออก ก่อนจะคืนเจ้าของ ทันทีที่พ้นระยะที่เตชินจะได้ยิน พศินโทร.แจ้งข่าวร้ายนี้ให้พิรญาณ์รับรู้ มัทนาทราบข่าวถึงกับเป็นลม

ooooooo

จิรายุอาการไม่หนัก สักพักก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นในห้องพยาบาลของรีสอร์ต เสียงเอะอะวุ่นวายด้านนอกทำให้เธอลุกออกมาดู เป็นจังหวะที่ปลาจ้ำพรวดๆผ่านหน้า เธอร้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“เรือระเบิดค่ะ...ถ้าคุณอยากออกจากเกาะก็มาที่ท่าเรือนะคะ อีกสิบนาทีจะมีเรือพาไปส่งที่ฝั่งค่ะ” ปลาพูดจบรีบร้อนจากไป จิรายุยืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามมาที่ท่าเรือ เห็นความโกลาหลย่อยๆที่เกิดขึ้น ทั้งผู้คนที่แตกตื่น ทั้งเศษซากเรือที่ถูกระเบิด เห็นตำรวจกำลังวิ่งวุ่นเคลียร์ที่เกิดเหตุ

ท่าเรืออีกด้านหนึ่งที่ไม่ได้รับความเสียหาย มีพนักงานของรีสอร์ตกำลังช่วยกันต้อนนักท่องเที่ยวขึ้นเรือกลับฝั่ง เธอเห็นพศินเป็นหนึ่งในพนักงานเหล่านั้นรีบเดินเข้าไป เขาหันมาเห็นเธอถามว่าจะกลับขึ้นฝั่งเลยไหม เธอส่ายหน้า จะอยู่ช่วยเขาที่นี่ก่อน แล้วเข้าไปปลอบนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว พศินเองก็คุยกับนักท่องเที่ยวเป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน จิรายุนิ่วหน้าแปลกใจ...

ด้านพศิกาบาดเจ็บสาหัส ซี่โครงร้าวหลายแห่งและมีเลือดคั่งในสมอง ต้องทำการผ่าตัดด่วน เตชินฟังอาการของเธอแล้วถึงกับเข่าอ่อน ภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้เธอปลอดภัย...

สุดารัตน์รู้ข่าวพศิกาโดนระเบิด พยายามโทร.หา นลินีแต่ติดต่อไม่ได้ มีเพียงสัญญาณให้ฝากข้อความ...

ระหว่างเตชินรออยู่หน้าห้องผ่าตัดด้วยความกระวนกระวายใจ เสกสรรเข้ามาแจ้งว่าเจอหลักฐานในที่เกิดเหตุเป็นชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่อง แสดงว่าพศิกาโดนลอบฆ่า เตชินพอจะรู้บ้างไหมว่าเธอมีปัญหาอะไรกับใคร เขากับเธอกำลังสืบหาว่าใครอยู่เบื้องหลังการยักยอกเงินในบริษัทอยู่

“แสดงว่าแกกับคุณพศิกาอาจจะกำลังได้ข้อมูลสำคัญ มันถึงคิดจะเก็บ”

เตชินเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าก่อนที่พศิกาจะโดนระเบิด นวลทิพย์ผู้จัดการฝ่ายบัญชีของโรงแรมโทร.มาบอกว่ารวบรวมหลักฐานทางการเงินเมื่อ 5 ปีก่อนเสร็จแล้ว ในนั้น อาจจะมีบางอย่างที่ทำให้สาวถึงผู้บงการได้ เสกสรรแนะให้เขารีบไปเอาหลักฐานมาไว้กับตัวก่อน เตชินเห็นด้วย คว้ามือถือขึ้นมาโทร.หานวลทิพย์แต่ไม่มีใครรับสาย ชักเริ่มเป็นกังวลกลัวจะเกิดเรื่องซ้ำสอง เสกสรรอาสาจะไปหาเธอให้เอง แล้วผลุนผลันออกไป

เมื่อสารวัตรหนุ่มมาถึงห้องทำงานของนวลทิพย์เพื่อเอาหลักฐาน กลับพบว่าห้องถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย หลักฐานที่นวลทิพย์รวบรวมไว้อันตรธานเกลี้ยง เขารีบโทร.แจ้งเตชินซึ่งงงมากว่าข่าวนี้รั่วไปได้อย่างไร เสกสรรตั้งข้อสังเกต อาจมีสายของพวกคนร้ายอยู่ที่รีสอร์ต จังหวะนั้น หมอเจ้าของไข้ออกมาจากห้องผ่าตัด

“หมอออกมาแล้ว ฝากแกก่อนนะไอ้เสกแล้วค่อยคุยกัน” เตชินปรี่เข้าไปหาหมอซึ่งแจ้งให้ทราบว่าพศิกาปลอดภัยแล้วแต่ยังต้องอยู่ในห้องไอซียูหนึ่งคืนถึงจะย้ายไปห้องพักฟื้นได้ เขาถึงกับถอนใจโล่งอก...

ฝ่ายนลินีเพิ่งเปิดมือถือ ถึงได้รู้ว่าสุดารัตน์พยายามติดต่อ รีบโทร.กลับไปก็เลยรู้ข่าวพศิกาโดนระเบิด...

ส่งนักท่องเที่ยวกลุ่มสุดท้ายขึ้นเรือเสร็จ พศินหันมาขอบคุณจิรายุที่ช่วยคุยกับนักท่องเที่ยวให้เข้าใจ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ยิ่งเขาได้เห็นเธอใกล้ๆก็ยิ่งคุ้นหน้า แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน จังหวะนั้นพิรญาณ์โทร.มาบอกว่ามาถึงโรงพยาบาลแล้ว พศินจึงขอตัวไปที่โรงพยาบาลก่อน

จิรายุเองก็ได้รับสายจากมณีกาญจน์ว่ากำลังจะไปที่โรงพยาบาลเช่นกัน ก็เลยขอให้พศินพาไปด้วย...

พิรญาณ์ ปาณัทและมัทนามาถึงโรงพยาบาลด้วยสีหน้าเป็นกังวล ต่างสอบถามเตชินที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไอซียูว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ความว่ามีคนลอบวางระเบิดพศิกา ตอนนี้อาการเธอดีขึ้นแล้ว แต่ต้องอยู่ห้องไอซียูอีกคืนหนึ่งก่อน พรุ่งนี้หมอถึงจะให้ย้ายไปห้องพักฟื้น มัทนาไม่เข้าใจ ใครกันใจร้ายทำได้แม้กระทั่งผู้หญิง

“เรื่องนี้ผมตั้งใจจะสืบหาคนลงมือให้ได้ จะไม่ปล่อยให้พศิกาถูกทำร้ายฟรีๆแน่” สีหน้าเอาจริงของเตชินทำให้ปาณัทซึ่งเป็นผู้ชายด้วยกันมองออกว่าเขาเป็นห่วงพศิกาเกินกว่าเจ้านายห่วงลูกน้อง ระหว่างนั้นนลินีโวยวายเข้ามา จะต้องสืบหาคนร้ายทำไม ในเมื่อไม่ใช่เรื่องแปลกที่พศิกาจะโดนลอบฆ่าเพราะสร้างศัตรูไว้มาก มัทนาฉุนขาด พูดใส่หน้าว่านลินีเองก็เป็นหนึ่งในศัตรูของพศิกา เช่นกัน และอาจเป็นคนวางระเบิดเรือก็ได้

“ถ้าไม่มีหลักฐานอย่ามาปรักปรำ”

มัทนาไม่คิดว่าต้องใช้หลักฐานเพราะคนทั้งเกาะรู้ดีว่านลินีไม่ชอบพศิกา ทั้งด่าว่าทั้งขู่เธอในงานศพ

อนุพงศ์ว่าที่นี่ไม่มีที่ให้เธอยืนอีกแล้ว ซึ่งหมายความว่านลินีต้องการให้พศิกาหายไปจากเกาะไข่มุก นลินีถึงกับปรี๊ดแตกที่ถูกกล่าวหา จังหวะนั้นจิรายุกับพศินตามมาสมทบ นลินีเห็นมีพวกมาเพิ่ม แขวะพศิกาไม่เลิก เตชินกลัวจะมีเรื่องต้องขอร้องให้แม่กลับไปก่อน นลินีไม่กลับถ้าลูกไม่กลับด้วย เตชินตัดรำคาญจำต้องกลับไปกับท่านโดยไม่ลืมฝากพศินดูแลทางนี้แทนเขาด้วย...

นลินีไม่ค่อยพอใจนักที่เตชินดูจะห่วงใยพศิกาเกินเหตุ เขาอ้างว่าเห็นเธอถูกระเบิดต่อหน้าต่อตาจะไม่ให้ห่วงได้อย่างไร ท่านเตือนว่าความห่วงใยเป็นบ่อเกิดของความรัก หรือว่าเขาเกิดรักนังนั่นขึ้นมา เตชินปฏิเสธว่าไม่ได้รัก แต่หากเกิดอะไรขึ้นกับพศิกาคนที่ถูกตำรวจสงสัยเป็นคนแรกคงไม่พ้นท่าน

“อย่างที่แม่ของพศิกาบอกว่าทุกคนบนเกาะรู้ว่าแม่เกลียดเธอ แม่คือคนที่มีแรงจูงใจฆ่าเธอมากที่สุด”

ooooooo

พศิการู้สึกตัวตื่นขึ้นตอนสายของวันถัดมา แทนที่จะเป็นห่วงตัวเองกลับถามพศินว่าเตชินเป็นอย่างไรบ้างโดนระเบิดหรือเปล่า ได้ความว่าปลอดภัยดี เขาเป็นคนพาเธอมาส่งโรงพยาบาล ตอนนี้เขากลับไปกับแม่ของเขาแล้ว มัทนาเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกสาวคนเล็ก จะเอาตัวกลับบ้านให้ได้ ปาณัทต้องขอร้องเอาไว้

“ผมว่าเราใจเย็นกันก่อนดีกว่า รอให้พั้นซ์อาการดีขึ้นสักนิดแล้วค่อยว่ากัน”...

คนที่พศิกาถามหากำลังคุยกับเสกสรรเรื่องที่ไม่สามารถจับมือใครดมได้เนื่องจากกล้องวงจรปิดหน้าห้องทำงานของนวลทิพย์เสีย ส่วนภาพจากกล้องตัวอื่นก็

ไม่พบใครที่น่าสงสัย สารวัตรหนุ่มตั้งข้อสังเกตงานนี้น่าจะทำกันเป็นขบวนการและพวกนี้ต้องรู้ตำแหน่งกล้องวงจรปิดที่โรงแรมเป็นอย่างดีถึงหลบได้แนบเนียน ท่าทางจะเจอของแข็งเข้าให้แล้ว เตชินไม่กลัว ต่อให้แข็งแค่ไหนก็ต้องจับตัวพวกมันให้ได้เร็วที่สุด เสกสรรตบไหล่เพื่อนรัก

“ฉันจะช่วยแกเต็มที่ เออ คุณพศิกาฟื้นหรือยัง ฉันอยากสอบปากคำ”

เตชินโทร.ถามพศินถึงอาการคืบหน้าของพศิกาได้ความว่าฟื้นแล้ว ตอนนี้หมอย้ายไปอยู่ห้องพักฟื้น พอพศิการู้ว่าเสกสรรต้องการจะมาสอบปากคำ บอกพศินให้แจ้งทางนั้นว่ามาได้เลย...

ทางฝ่ายนลินีไม่พอใจมากที่รู้ว่าเตชินจะตามไปฟังพศิกาให้ปากคำกับตำรวจ นังนั่นจะอยู่หรือตายก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเขา เตชินเตือน ขืนตำรวจมาได้ยินท่านพูดคงไม่เป็นการดีแน่ๆเพราะตำรวจกำลังหาตัวคนร้ายที่ลอบวางระเบิดเธออยู่ ดังนั้นท่านจะพูดหรือแสดงความเห็นใดๆควรจะระวังให้มาก ไม่อย่างนั้นท่านจะตกเป็นผู้ต้องสงสัย นลินีถึงกับหน้าเสีย แต่ไม่วายกำชับสอบปากคำเสร็จเมื่อไหร่ให้เขารีบกลับมา...

เตชินเห็นว่าตำรวจต้องการสอบปากคำพนักงานของรีสอร์ต ก็เลยโทร.ตามพศินให้กลับมาที่เกาะ...

พีระเดชเห็นข่าวในทีวีถึงได้รู้ว่าพศิกาได้รับบาดเจ็บก็เลยมาเยี่ยม เป็นจังหวะเดียวกับเตชินและเสกสรรจะมาสอบปากคำพศิกาพอดี ปาณัทแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักพ่อของพศิกา ระหว่างที่เสกสรรสอบปากคำพศิกา ทั้งพีระเดช ปาณัท พิรญาณ์และเตชินต่างออกมารอหน้าห้องพักฟื้น จังหวะนั้นผู้การชัยยศซึ่งเป็นผู้บังคับการเจ้าของพื้นที่เข้ามาทักทายพีระเดชอย่างสนิทสนมและรับปากจะดูแลคดีของพศิกาเป็นอย่างดี

เตชินเห็นความสนิทสนมของทั้งคู่อดถามปาณัทไม่ได้ว่าพ่อของพศิกาเป็นตำรวจหรือ ได้ความว่าเป็นอดีตปลัดกระทรวง ส่วนแม่ของเธอเป็นเจ้าของบริษัทจิวเวลรี่ชั้นนำของประเทศที่โด่งดังไปถึงเมืองนอก เขาถึงกับอึ้งที่รู้ถึงฐานะอันมั่งคั่งของครอบครัวของพศิกา...

การที่พศิกาถูกลอบวางระเบิดทำให้เกิดความระส่ำไปทั่วรีสอร์ต พนักงานบางคนกลัวตายพากันมายื่นใบลาออก พศินกับจิรายุต้องช่วยกันเกลี้ยกล่อมพนักงานที่เหลือไม่ให้ถอดใจไปด้วย พศินเห็นรอยยิ้มของจิรายุก็ยิ่งคุ้นอย่างบอกไม่ถูก ในที่สุดก็จำได้ว่าเคยเจอกับเธอที่งานปาร์ตี้ของเพื่อนที่เมืองนอก ถึงกับหน้าเสียกลัวเธอจะจำเขาได้ พาลจะทำให้แผนการมาอยู่ที่นี่ของเขาแตกไปด้วย รีบขอตัวไปทำงานก่อนแล้วเดินหนีไปเลย...

เมื่อได้รู้ฐานะทางบ้านของพศิกา เตชินอดบ่นให้เสกสรรฟังไม่ได้ ถ้าเธอฐานะดีขนาดนี้ แล้วจะมาเป็นเมียเก็บพ่อของเขาทำไม เสกสรรเคยบอกเขาแล้วว่าข่าวลือเรื่องนี้อาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็ได้ เขาเริ่มลังเลว่าพศิกาเป็นเมียเก็บของพ่อตัวเองจริงหรือเปล่า ต้องรู้ความจริงเรื่องนี้ให้ได้ จึงยังไม่ยอมกลับไปพร้อมกับเสกสรร

ooooooo

ปาณัทเห็นเลยเวลาอาหารกลางวันไปมากแล้ว ชวนมัทนา พิรญาณ์และพีระเดชไปหาอะไรกินกัน มัทนาไม่อยากไปด้วย ขออยู่เป็นเพื่อนพศิกา พีระเดชคะยั้นคะยอให้อดีตภรรยาไปกินอาหารกันก่อน เกิดเป็นอะไรขึ้นมาอีกคนหนึ่งจะยุ่งเปล่าๆ พศิกาเห็นด้วยกับพ่อ

“ถ้าพั้นซ์จะเอาอะไร เดี๋ยวพั้นซ์เรียกพยาบาลเองแม่ไม่ต้องห่วง”

“เอาอย่างนั้นก็ได้ แม่จะรีบกลับมา” มัทนาว่าแล้วเดินนำทุกคนออกไป เตชินซึ่งนั่งอยู่ที่โถงหน้าลิฟต์ เห็นครอบครัวของพศิกาเดินมาแต่ไกล รีบยกหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านเพื่อบังใบหน้า รอจนพวกนั้นลงลิฟต์ไปแล้ว ค่อยๆลดหนังสือพิมพ์ลง ก่อนจะรีบลุกออกไป...

พศิกาที่งีบหลับฝันร้ายว่ามามีคนเข้ามาเอามีดแทง ละเมอร้องเสียงลั่น เตชินเข้ามาพอดี รีบเขย่าแขนให้เธอรู้สึกตัว พศิกาตกใจตื่นหวาดกลัวสุดๆ โผกอดเขาไว้แน่น เตชินกอดตอบปลอบใจว่าเธอแค่ฝันร้าย พศิกาได้สติรีบผละออกจากอ้อมกอดของเขา “ฉันนึกว่าคุณกลับไปแล้ว”

“ฉันรอจนกระทั่งครอบครัวเธอออกไป ฉันถึงเข้ามา ฉันเป็นห่วงเธอมากนะพั้นซ์” เตชินเห็นเธอชะงักคิดว่าไม่พอใจ “เออ...ถ้าเธอไม่ชอบ ฉันจะเรียกเธอตามเดิม”

“ไม่...เรียกว่าพั้นซ์เถอะ...ฉันรู้มาว่าคุณเป็นคนพาฉันมาโรงพยาบาล ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณจริงๆ”

“ไม่เป็นไร พั้นซ์...ฉันอยากให้เธอเล่าเรื่องระหว่างเธอกับพ่อของฉันให้ฟัง”

หญิงสาวยืนยันว่าเราสองคนไม่ได้มีอะไรกัน อนุพงศ์เป็นเจ้านายของเธอ ท่านสอนทุกอย่างให้เธอตั้งแต่งานแม่บ้านไปจนถึงงานบริหาร ท่านยังเล่าเหตุผลที่ถ่ายทอดงานทุกอย่างให้เธอและส่งเสียเธอไปเรียนการโรงแรมที่เมืองนอกเพราะท่านคิดว่าเตชินคงไม่กลับเมืองไทยอีกแล้ว คงจะปักหลักอยู่ที่อังกฤษ

“ฉันกับคุณลุงพงศ์ทำงานใกล้ชิดกันคนก็เลยเอาไปลือต่างๆนานา แต่ฉันไม่เคยอธิบายให้ใครฟังเพราะถือว่าเราบริสุทธิ์ใจต่อกัน” พศิกาเห็นเตชินเอาแต่นั่งนิ่ง “เงียบแบบนี้แสดงว่าคุณยังไม่เชื่อที่ฉันเล่าใช่ไหม”

“ที่เงียบเพราะกำลังคิดและแปลกใจ หลังจากที่ฉันเจอกับครอบครัวของเธอ มันทำให้ฉันรู้ว่าเธอก็เป็นคนมีฐานะคนหนึ่งแล้วทำไมต้องดิ้นรนมาอยู่ในที่ที่ห่างไกลความเจริญแบบนี้”

พศิกาเล่าเรื่องที่บ้านของตัวเองเกิดปัญหาใหญ่ พ่อกับแม่แยกทางกัน เธอรับความกดดันไม่ได้ก็เลยหนีออกจากบ้าน ถ้าไม่ได้อนุพงศ์ช่วยเอาไว้ไม่รู้ป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง พลันมีเสียงมือถือของเตชินดังขึ้น เขาเห็นเป็นเบอร์ของแม่ รีบขอตัวไปรับสายข้างนอก

ทันทีที่เขาคล้อยหลังคนร้ายในคราบพยาบาล สวมหน้ากากอนามัยพันผ้าพันคอซึ่งปกปิดเครื่องแปลงเสียงเอาไว้ ก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับเข็มฉีดยา อ้างว่าเป็นยาแก้ปวด พศิกาเอะใจ เพิ่งกินยาตัวนี้ไปเมื่อครู่ จะขอถามหมอก่อน คนร้ายไม่รอช้าเงื้อเข็มฉีดยาจะแทง พศิกายื้อแย่งไว้สุดฤทธิ์ทั้งที่เจ็บแผลมาก

ก่อนจะเสียทีให้คนร้าย เตชินเข้ามาช่วยไว้ทัน คนร้ายเห็นท่าไม่ดีวิ่งหนี เขาจะตามแต่มีคนมาขวางทาง เตชินวิ่งตามออกไปที่หน้าโรงพยาบาล ไร้วี่แววของคนร้าย เจอแต่ทรงศักดิ์กับนวลทิพย์ยืนอยู่

ooooooo

เราใช้คุ้กกี้ 

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookie Policy)

รับทราบ