ตอนที่ 6
ในที่สุดลำธารก็ตกหลุมพรางของพวกราชิตจนได้ ถูกพวกมันล้อมกรอบก่อนจับตัวมัดไว้กับต้นไม้ พชรตามมาช่วยเธอได้ทันเวลา แต่พชรก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดถูกราชิตยิงเข้าที่แขนเพราะเอาตัวบังลำธารไว้
"ราชิต...เธอไม่เกี่ยว ปล่อยเธอไปซะ"
"เฮ้ย ยังกล้าให้ทางเลือกกับฉันอีกเหรอ เจ้าชายแห่งมินาลิน ลืมไปแล้วมั้งว่าตอนนี้ชีวิตพวกแกอยู่ในกำมือฉัน"
ลำธารชะงักกึก ได้ยินชัดว่าเขาคือเจ้าชายแห่งมินาลิน
"เลิกพล่ามได้แล้ว ถ้าต้องการชีวิตฉันก็เอาฉันไป" พชรยืดอกไม่กลัวตาย...ลำธารตกใจและตื่นเต้นกับสถานการณ์ระทึกขวัญ แต่เมื่อพชรบอกให้เธอรีบหนีไป เธอกลับยืนนิ่งไม่ไปไหน
"ไม่ ฉันทิ้งนายไม่ได้"
"แต่คุณต้องหนี หนีไปซะ หนีไป!"
"พวกแกจะไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น น่าสมเพชจริงๆ แกเห็นผู้หญิงคนนี้สำคัญกว่าชีวิตและบ้านเกิดเมืองนอนของแก ถ้าแกไม่ย้อนกลับมาช่วยมัน แกอาจจะรอด แต่แกกลับเลือกทางเดินลงนรกเอง...ตายซะพชร"
ราชิตเล็งปืนใส่ พชรรวบรวมกำลังครั้งสุดท้ายพุ่งชาร์จ ใส่ราชิตจนล้มกลิ้งปืนหลุดจากมือ พชรคว้าปืนขึ้นมายิงใส่ราชิต
จนกระสุนหมด แล้วกระชากแขนลำธารวิ่งหนีออกไปโดยเร็ว
วิ่งกันไปได้สักพัก ลำธารบอกให้เขาหยุดก่อน เธอขอดูแผลที่แขนของเขาหน่อย พชรทำท่าจะไม่ยอม เพราะกลัวเป็นเป้านิ่งให้ราชิตอีก แต่ลำธารเห็นเลือดไหลเป็นทางที่แขน จึงบังคับเขาว่ายังไงก็ต้องหยุด พชรเลยจำต้องนั่งลงที่โคนต้นไม้
"นายพอมีผ้าสะอาดๆติดตัวอยู่บ้างมั้ย"
พชรนิ่งไปนิด ก่อนตัดสินใจหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ลำธารเห็นแล้วอึ้ง เพราะมันคือผ้าเช็ดหน้าของเธอที่ทำหล่นหายนั่นเอง
"นายเก็บไว้ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ฉันขอก็แล้วกัน" ว่าแล้วเธอหยิบผ้าเช็ดหน้ามาพับหลายทบก่อนเอากดลงอย่างแรงที่ต้นแขนของเขา "เจ็บหน่อยนะ"
"ขอบคุณนะครับ"
"ขอบคุณทำไม ฉันแค่ห้ามเลือดให้นาย แต่นายช่วยชีวิตฉันไว้นะนายวิน...ขอบคุณที่นายไม่ทิ้งฉัน และขอโทษที่นายต้องเกือบตายเพราะฉัน"
พชรยิ้มให้อย่างไม่ถือโทษโกรธเคือง ลำธารกดบาดแผลห้ามเลือดให้เขา แทนที่จะเจ็บปวด พชรกลับยิ้มบางๆอย่างมีความสุขที่ได้รับการช่วยเหลือดูแลจากเธอ
ด้านราชิตที่ถูกยิงจนแน่นิ่ง ที่แท้เขาแค่สลบไปเท่านั้น เพราะเสื้อกันกระสุนที่ใส่ช่วยชีวิตไว้ แต่พอรู้จากชาครว่าพชรกับผู้หญิงคนนั้นหนีไปได้ ราชิตโกรธแทบคลั่ง ยิงปืนขึ้นฟ้าหลายนัด ก่อนออกคำสั่งเฉียบขาด
"พลิกแผ่นดินหาให้เจอ ถ้าเจอตัวอย่าเพิ่งฆ่ามัน เพราะมันต้องตายด้วยน้ำมือของฉัน...ของฉันคนเดียว!"
ooooooo
หลังจากห้ามเลือดที่แขนให้พชรแล้ว ลำธารก็ย่างก้าวตามหลังพชรไปด้วยสีหน้าครุ่นคิดค้างคาใจ พชรมัวแต่มุ่งมั่นเรื่องเส้นทางจึงไม่ทันสังเกต
"ทางโน้นคือเป้าหมายที่เราต้องเดินทางไป ลงจากเนินเขาฝั่งนี้ไปแล้วเส้นทางคงไม่ลำบากเท่าไหร่ อย่างน้อยถ้ายิ่งเข้าใกล้เขตชายแดน เราอาจเจอชาวบ้านที่จะขอความช่วยเหลือได้บ้าง"
ไม่มีเสียงแสดงความคิดเห็นใดๆกลับมา ให้สงสัยจนเขาต้องหันหลังกลับมามอง
"คุณคิดอะไรอยู่ครับ"
"พชร...เจ้าชายแห่งมินาลิน" เสียงพูดคล้ายรำพึงของลำธารทำให้พชรสะอึกอึ้งไปทันที "ฉันจะถามนายเป็นครั้งสุดท้าย ในฐานะที่ฉันต้องฝากชีวิตไว้กับนายที่ป่าผืนนี้ ฉันต้องรู้ว่านายคือใคร เรื่องเลวร้ายทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นมันคืออะไร"
แทนคำตอบ พชรตัดสินใจจูงมือลำธารขึ้นไปบนเนินเขา
"ด้านหลังทิวเขาไกลๆทางโน้นคือมินทุ และเลยจากมินทุไปอีกคือบ้านเกิดของผม...รัฐอิสระมินาลิน ดินแดนที่เคยสงบสุข แต่ถึงวันนี้คนดีไม่มีแผ่นดินให้เหยียบยืน เพราะทหาร
ชั่วดารัณ และราชิตผู้หลงใหลในอำนาจ แล้วในเมื่อมันอยากขึ้นเป็นใหญ่ มันก็ต้องโค่นล้มคนที่ใหญ่กว่า" พชรเริ่มย้อนอดีตอันเจ็บปวด โดยมีแววตาของลำธารจับจ้องรอฟังอย่างตั้งใจ
พชรเล่าเหตุการณ์ตอนดารัณก่อกบฏ ฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งวาสินพ่อของเขาอย่างโหดเหี้ยมทารุณ แล้วมันพยายามตั้งตนเป็นผู้นำคนใหม่ แต่ยังขาดศิราพัชรอัญมณี
ประจำผู้นำแคว้น อีกทั้งยังต้องกำจัดรัชทายาทซึ่งก็คือเขานั่นเอง
ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากพชรแล้ว ความสงสัยที่ค้างคาใจมาตลอดหายไปสิ้น กลายเป็นความสงสารและเห็นใจเข้ามาแทนที่
"ตอนนี้ที่มินาลินเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ดารัณกอบโกยเอาผลประโยชน์ใส่ตัว ทิ้งให้ประชาชนอยู่อย่างอดๆอยากๆ ทั้งที่บูรพกษัตริย์แห่งมินาลินดูแลบ้านเมืองมาอย่างดี ทั้งป่าเขา สายน้ำ และเหมืองเพชรที่อุดมสมบูรณ์ ทุกอย่างกำลังจะถูกผลาญหมดในพริบตา เพราะไอ้ดารัณ ตอนนี้ชาวมินาลินกำลังรอคนไปกอบกู้ความหวังของพวกเขา"
"แต่ฉันมองไม่เห็นว่านายจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ในเมื่ออำนาจทุกอย่างตกอยู่กับดารัณ"
"แต่ชาวมินาลินฝากความหวังไว้ที่รัชทายาทของพวกเขา มันคือภารกิจพลีชีพเพื่อแผ่นดิน ผมจะไม่ยอมตาย หากมินาลินไม่พบวันสงบสุข"
สีหน้าพชรเปี่ยมด้วยอุดมการณ์ ลำธารถึงกับขนลุกเมื่อสำนึกได้ว่าตนยืนอยู่ต่อหน้าว่าที่องค์กษัตริย์
"ท่านพชร...ฉันขอโทษที่ล่วงเกินท่าน"
"ลำธาร...ผมยังคือวินคนเดิม ถึงจะเป็นคนที่คุณเกลียด คนที่คุณโกรธก็ตาม"
"ฉันโกรธนายไม่ลงแล้วล่ะ เดินทางต่อเถอะ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ฉันจะไม่หนีนายไปอีกแล้ว ฉันจะส่งนายขึ้นรถกลับไปกู้ชาติเอง เราต้องรอดด้วยกัน โอเคมั้ย"
เป็นครั้งแรกที่เธอส่งยิ้มจริงใจมา พชรยิ้มตอบอย่างสุขใจ
ooooooo
ราชิตหงุดหงิดโมโหไปกันใหญ่ เมื่อชาครและทหารกลับมาบอกว่าตามหาพชรไม่พบ แต่คาดว่ามันไม่ย้อนกลับเส้นทางเดิมแน่ นั่นหมายความว่ามันต้องมุ่งหน้าไปชายแดนเขตรอยต่อของป่ากับหมู่บ้าน
เมื่อแน่ใจเช่นนี้แล้ว ราชิตจึงวางแผนต่อโดยเร็ว...ขณะนั้นเป็นเวลาที่พาริณกับภูษณะไปถึงถ้ำที่พชร กับลำธารค้างแรมเมื่อคืน จากร่องรอยที่หลงเหลือคาดว่าพชรกับลำธารอาจ
แวะมาพักที่นี่ แล้วก็จริงดังคาด เมื่อภูษณะไปเจอสัญลักษณ์ของพชรที่ทำไว้ พร้อมมีลูกศรชี้บอกทางไปชายแดน
ภูษณะแปลกใจว่าทำไมพชรถึงเปลี่ยนเส้นทาง แต่ก็ชวนพาริณรีบไปต่อ แล้วสักพักทั้งคู่ก็ไปเจอบาจรีย์กับธามเข้าอย่างจัง
"บาจรีย์...ใครใช้ให้มาด้วย รู้ไหมว่าในป่านี้โอกาสตายมีทุกนาที" ภูษณะตำหนิน้องสาว
"รู้พอๆกับทุกคนนั่นแหละ แต่ความรักย่อมชนะความเห็นแก่ตัว น้องยอมเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่เพื่อช่วยพี่วิน...ยัยองครักษ์ ตัวดี เพราะเธอคนเดียว พี่วินถึงต้องเสี่ยงชีวิต เพราะความไม่ เอาไหนของเธอ" บาจรีย์ตบหน้าพาริณด้วยความโมโห พาริณ กลับยืนนิ่งไม่หลบ ไม่ตอบโต้ จนภูษณะต้องเข้าขวาง
"หลบสิ ทำไมยอมให้เขาทำร้ายอยู่ได้"
"ท่านบาจรีย์พูดถูก ข้าสมควรโดนลงโทษ"
แต่ธามทนไม่ไหว เข้ามาล็อกตัวบาจรีย์ที่ยังคลั่งไม่หยุด บาจรีย์ยิ่งดิ้นขัดขืน ธามเลยจับเธอแบกใส่บ่าแล้วหมุนเพื่อให้งง
"นายจะทำอะไร หยุดนะ ไอ้...ไอ้คนทุเรศ ป่าเถื่อน ปล่อยฉัน"
"รับปากมาก่อนว่าจะหยุดอาละวาด"
"นายบังอาจที่สุด หยุดเดี๋ยวนี้"
"จะรับปากมั้ย"
"ได้ๆ ฉันรับปาก ปล่อยซะทีสิ"
ธามปล่อยบาจรีย์ลง แล้วหันไปก้มศีรษะให้ภูษณะ
"ขอโทษด้วยนะกระหม่อม"
"กระหม่อม...นี่นายรู้มาตลอดเลยเหรอว่าพี่ภูกับฉันเป็นใคร"
"เจ้าชายภูษณะกับเจ้าหญิงบาจรีย์แห่งรัฐมินทุ ผมรู้เรื่องทั้งหมดทุกอย่างเกี่ยวกับพชรและพวกคุณ"
"ทั้งที่รู้ว่าฉันเป็นเจ้าหญิง นายยังกล้าทำป่าเถื่อนใส่ นายจงใจแกล้งฉันใช่มั้ย นายมันบังอาจที่สุด"
"ขอโทษ ผมไม่ใช่พาริณที่คุณจะมาตบตีได้ ที่ผ่านมาคุณแอบตามผมเข้าป่ามาเอง ไม่ใช่ความผิดของผม"
บาจรีย์ชะงัก พูดอะไรไม่ออก ดึงกำปั้นออกมาจากมือธามอย่างฉุนๆ
"พี่เห็นด้วย และถ้ามัวแต่เถียงกัน พชรจะยิ่งน่าเป็นห่วง ตอนนี้เราต้องสามัคคีกันไว้ถึงจะถูก"
บาจรีย์เห็นจริง แม้จะยังมองพาริณโกรธๆ แต่ก็เถียงไม่ออก ธามชี้ไปที่สัญลักษณ์ตัว T ที่ต้นไม้ ย้ำหนักแน่นว่ามันไม่ใช่ของตน เป็นฝีมือของคนร้ายแน่นอน
"เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม ตอนนี้เราเข้ามาใกล้พวกมันแล้ว"
ฟังธามแล้ว ทุกคนกระชับอาวุธในมือพร้อมลุยในทุกสถานการณ์
ooooooo
พชรกับลำธารเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง เบื้องหน้าคือทุ่งโล่งและร้อน ซึ่งค่อนข้างอันตรายหากพวกราชิตตามมา
"จากนี้ไปการเดินทางจะมีอันตราย เพราะต้องผ่านทุ่งโล่ง มันเป็นจุดสังเกตได้ง่าย ห้ามห่างกันเด็ดขาด ผมจะคอยระวังภัยให้"
"ความจริง...ถ้านายเดินทางคนเดียว คงจะไปได้เร็วกว่านี้ และเสี่ยงน้อยกว่านี้"
"ไม่หรอก ถ้าไม่มีคุณ...ผมก็ตายตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะว่าคุณขับรถผ่านมาและช่วยรับผมขึ้นรถ ผมถึงได้รอดมาจนถึงวันนี้ คุณลำธาร ผมเป็นหนี้ชีวิตคุณ เพราะฉะนั้นผมจะปก
ป้องคุณด้วยชีวิต...เราจะไปด้วยกัน รอดชีวิตด้วยกัน ผมไม่มีวันทิ้งคุณ"
ลำธารรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก รับรู้ถึงความจริงใจอันลึกซึ้งของเขา จึงยอมให้เขากุมมือก้าวเดินเคียงกันไปด้วยความเต็มใจ
แต่แล้วผ่านไปสักพักใหญ่ๆ นึกไม่ถึงว่าจะต้องเผชิญหน้ากับพวกราชิตอีกครั้ง พชรพยายามอย่างเต็มที่ที่จะปกป้องและพาลำธารหนีจากความตาย ในที่สุดเขาก็พาเธอวิ่งหนีพวก
ราชิตไปจนมุมที่หน้าผา ราชิตบังคับให้พชรบอกที่ซ่อนศิราพัชร แต่ลำธารห้ามพชรพูดเด็ดขาด ราชิตโมโหกำลังจะยิงลำธาร ก็พอดีคณะของธามโผล่มาสกัด จากนั้นการต่อสู้ดุเดือดของสองฝ่ายก็เริ่มขึ้น
กองกำลังของจ่าแสงได้ยินเสียงปืนจึงรีบตามมาสมทบ เพราะจุดที่อยู่ไม่ห่างจากกันนัก เสียงปืนยิ่งทวีคูณดังสนั่นลั่นป่า ราชิตเห็นท่าไม่ดีปาระเบิดจนอีกฝ่ายกระโดดหนีล้มลุกคลุกคลาน แล้วธามก็สั่งบาจรีกับลำธารพาพชรหนีไป แต่ราชิตไม่ยอม พุ่งเข้ามาชนและกระชากพชรไปด้วย ร่างทั้งคู่กลิ้งลงเนินไปด้วยกัน ท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของบาจรีย์และลำธาร
พชรยังเจ็บแผลที่แขนอยู่ จึงเป็นรองราชิต แต่ช่วงหนึ่งของการต่อสู้ พชรใช้กริชจ้วงแทงราชิตเต็มแรง ร่างราชิตถึงกระตุกตาค้างกลิ้งลงไปตามทางลาด พชรจะตามไปซ้ำ แต่พาริณมาดึงเขาไว้
"ท่านพชร...ให้ทหารจัดการมันเถอะ ท่านบาดเจ็บมากแล้ว"
แผลที่แขนพชรเลือดท่วม พาริณรีบประคองเขากลับไปยังกลุ่มของธาม โดยที่จ่าแสงกับทหารยังคงต้องสู้กับพวกชาครอีกด้าน แต่แล้วชาครก็สั่งสมุนสลายตัว เพราะแน่ใจว่าขืนสู้ต่อก็รังแต่จะพลาดท่าล้มตาย
บาจรีย์แสดงความห่วงใยพชรมากมายจนลำธารรับรู้ได้ถึงความรักที่บาจรีย์มีต่อ พชร แต่ยามนี้ลำธารต้องตั้งสติเพื่อเย็บแผลให้พชรที่ปริแยกจนน่ากลัว ลำธารมือสั่นใจไม่ดี ทำไปห่วงเขาไป ขณะเดียวกันพชรก็ห่วงลำธาร ธามเฝ้ามองอากัปกิริยาของคนทั้งคู่อย่างรู้ทัน
เย็บแผลเสร็จ พชรถูกพาเข้ามานอนพักในเต็นท์สนาม บาจรีย์ตามมาดูแลใกล้ชิด ลำธารจำต้องถอยห่างด้วยความรู้สึกสะท้อนสะท้านอยู่ในอก ส่วนพาริณที่อยู่นอกเต็นท์ลอบมอง
ภาพความห่วงใยของบาจรีย์ที่มีต่อพชรอย่างเจ็บปวดมากเช่นกัน ที่สุดพาริณก็ทนดูต่อไปไม่ไหว เบือนหน้าเดินหนีห่างออกไป แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของภูษณะไปได้
ภูษณะเดินตามไปบอกพาริณให้ตามเขามา เขามีเรื่องสำคัญให้เธอช่วย แต่พอเธอตามมาและนั่งลงอย่างที่เขาต้องการ เขากลับเรียกทหารให้เอาอุปกรณ์ทำแผลเข้ามาให้ พาริณอึ้งๆ มองภูษณะสวมถุงมือก่อนหยิบสำลีมาชุบแอลกอฮอล์จะทำแผลให้
"ไหนบอกว่ามีเรื่องสำคัญ...ท่าน...ท่านจะทำแผลให้ฉัน"
"ทำไม...ไม่เชื่อใจเรารึไง อยู่เฉยๆเถอะ ถ้าไม่อยากให้แผลติดเชื้อ"
ภูษณะจับแขนพาริณมาเช็ดแผลให้อย่างเบามือ พาริณ เกร็งและประหม่าพยายามจะดึงแขนกลับ บอกว่าตนไม่เป็นอะไรมาก ท่านพชรน่าเป็นห่วงยิ่งกว่า แต่ภูษณะจับพาริณ ไม่ให้ลุกขึ้น แล้วเช็ดแผลให้ต่ออย่างไม่สนว่าพาริณจะคิดหรือพูดอย่างไร
"พชรมีคนดูแลแล้ว ส่วนเจ้า...อย่างน้อยก็ควรจะดูแลตัวเองบ้าง"
"ไม่จำเป็น"
"จำเป็น ถ้าเจ้าอยากอยู่ดูแลพชรไปนานๆ เจ้าก็ต้องดูแลตัวเจ้าเองก่อน ถ้าองครักษ์ไม่แข็งแรงพอ จะช่วยรัชทายาทได้ยังไง เราสงสัยนัก ทำไมเจ้าถึงห่วงพชรมากกว่าชีวิตตัวเอง"
"มันคือหน้าที่ขององครักษ์"
"แน่ใจ หรือว่าเพราะหน้าที่เพียงอย่างเดียว...หากเป็นตัวเรา เหตุผลที่เราจะยอมสละชีวิตตัวเองมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ก็คือทำเพื่อคนที่เรารัก...พาริณ เจ้าเห็นด้วยกับเรารึไม่"
"ฉันไม่ทราบ" น้ำเสียงพาริณเริ่มไม่ชอบใจ
"แต่เรารู้ว่าเจ้ามีคำตอบให้กับตัวเองแล้ว"
"หากท่านเดาใจฉันได้ ท่านรู้รึไม่ว่าตอนนี้ฉันรู้สึกยังไง"
"เจ้า ก็คงอยากลุกหนีไป เพราะไม่อยากให้เราซักไซ้เจ้าอีก แต่ขอโทษด้วยนะ เจ้าคงจะไม่ได้หนีไปไหนทั้งนั้น จนกว่าเราจะทำแผลให้เจ้าเสร็จ"
พาริณฮึดฮัด แต่ด้วยศักดิ์ที่ด้อยกว่าพาริณมิอาจปฏิเสธได้แม้ว่าจะไม่พอใจ
ooooooo
รอบๆ ค่ายพักยามค่ำคืน จ่าแสงตรวจดูเวรยามอย่างรอบคอบระแวดระวัง กระทั่งมาถึงหน้าค่ายเจอพชร ออกมาจากเต็นท์ จ่าแสงชะงักทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเรียก เขาว่ายังไง แล้วต้องพูดราชาศัพท์ด้วยหรือไม่ แต่พชร
บอกให้พูดธรรมดา และเรียกเขาว่าพชรก็พอ จ่าแสงค่อยยิ้มสบายใจ มองตามพชรไปอย่างเป็นปลื้มชื่นชม
พชรเดินออกไปบนเนินกว้าง แหงนดูดาวที่พร่างพรายบนท้องฟ้า ก่อนจะเหลือบไปเห็นลำธารนั่งอยู่คนเดียวไม่ไกลจากจุดที่ตัวเองยืน
"คุณก็นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอ"
เสียงทักถามของพชรทำให้ลำธารที่กำลังเหม่อถึงกับสะดุ้งหันขวับมามอง
"พชร...นี่นายเดินได้แล้ว"
"ผม มีคุณหมอเก่ง ก็ฟื้นเร็วแบบนี้แหละ" เขาพูดยิ้มๆ เดินมานั่งข้างๆเธอ "เหมือนวันแรกที่เราเจอกันเลยนะ ผมออกมาข้างนอก แล้วก็มาเจอคุณ...ผมจำได้ ผมจำทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณได้"
"เป็นไปไม่ได้ นายเพิ่งจะเจอฉันไม่นาน จะจำอะไรได้เท่าไหร่กัน"
"คุณชอบนั่งเล่นเงียบๆ บางทีโดนยุงกัดก็ไม่รู้ตัว แล้วก็... คุณจะกินแต่ผักกรอบๆเท่านั้น ถ้าเละแล้วจะไม่กิน"
"นี่นายแอบสังเกตเวลาฉันกินด้วยเหรอ"
"คุณพูด...ไม่ค่อยมีหางเสียง แต่จริงๆแล้วเป็นคนใจดี"
"รู้ได้ยังไง เย็บแผลให้นาย ฉันยังไม่ใช้ยาชาเลย"
"แต่คุณเย็บแผลเบามาก แทบไม่ช้ำเลย เพราะคุณอยาก ให้คนไข้หายเร็วที่สุด และคุณก็ไม่ค่อยชอบที่ผมทำเป็นรู้จักคุณแบบนี้"
"เปล่าสักหน่อย...พูดต่อสิ นายรู้อะไรเกี่ยวกับฉันอีก"
"ที่สำคัญ คุณเป็นคนที่หายาก เหมือนกับเพชร เพชรมีทั้งความแกร่งและความงาม คุณเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ แต่ก็งดงาม"
"นายก็เหมือนผู้ชายทุกคน ที่ชอบอ้อล้อชมผู้หญิง"
"ผมเปล่า ผมหมายถึงความงามข้างในนี้ต่างหาก" เขาชี้ที่อกข้างซ้ายตัวเอง ลำธารเหล่มองไม่อยากเชื่อ "คุณหมอ
ลำธาร โลกเราทุกวันนี้ น้อยคนที่เขาจะใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อคนอื่น และคุณเป็นหนึ่งในนั้น คุณเรียนหมอเพราะอยากช่วยคน และด้วยความกล้าหาญของคุณ ผมมั่นใจว่าต่อไปคุณจะ
ช่วยผู้คนได้อีก มาก แม้เราจะลำบากและเจออันตรายมามาก แต่ลึกๆแล้วผมดีใจที่เราได้ร่วมเผชิญช่วงเวลาเหล่านั้นด้วยกัน มันทำให้ผมได้พบกับเพชรเม็ดงามที่สุดก็คือคุณ"
พชรสบตาลำธารและยิ้ม ให้อย่างจริงใจ จากนั้นสองคน เดินเคียงกันกลับไปยังที่พัก ลำธารแวะส่งเขาที่หน้าเต็นท์ แล้วตัดสินใจถามสิ่งที่ยังค้างคาใจ
"ฉัน ถามอะไรอย่างนึงได้มั้ย ทั้งๆที่นายเป็นคนสำคัญของประเทศ เป็นรัชทายาทที่ต้องกลับไปกอบกู้บ้านเมือง แล้วทำไม ทำไมนายถึงยอมเสี่ยงชีวิตช่วยฉัน"
"หน้าที่เป็นสิ่งสำคัญสูงสุดก็ จริง แต่วันใดที่คุณพบใครบางคน คนที่เข้ามาเป็นแสงสว่าง เติมความหวังให้หัวใจที่อ่อนล้ากลับมีพลังขึ้นมาใหม่ คุณจะไม่มีวันปล่อยให้คนคนนั้นเป็นอันตรายไปได้เลย"
"นายหมายความว่าฉันคือคนที่..."
แทนคำพูด พชรประคองดวงหน้าลำธารอย่างแผ่วเบา กำลังจะจุมพิต ก็พอดีบาจรีย์ส่งเสียงเข้ามาก่อนตัว สองคนจึงผละจากกันในทันที
"พี่พชร...บาจรีย์จะมาดูอาการพี่" มองไปยังลำธารอย่างไม่ไว้ใจ "นี่เธอมาทำอะไร"
"พี่ออกไปสูดอากาศ แล้วเกิดเจ็บแผล คุณหมอลำธารช่วยพี่กลับมาที่พัก"
"ทีหลังพี่พชรอย่าทำแบบนี้อีกนะ ทำให้บาจรีย์เป็นห่วงทุกทีเลย"
ลำธารมองบาจรีย์ออดอ้อนพชร รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างประหลาด
"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อน"
พ ชรยิ้มรับบางๆ มองตามลำธารไปด้วยสายตาอาวรณ์ คำถามเมื่อสักครู่ของเธอยังก้องในโสตประสาท จนเช้ารุ่งขึ้นมีโอกาส เขาจึงมาตอบคำถามของเธอก่อนจะออกเดินต่อไปยังมินทุพร้อมคณะของภูษณะ
"ผมมาตอบคำถามที่คุณถามผมเมื่อคืน คำตอบอยู่ที่หลังสร้อยเพชรที่คุณได้รับในวันเกิด"
"นายรู้ได้ยังไง ว่าฉันได้สร้อย หรือว่าสร้อยนั่น นายเป็นคนให้ฉันเหรอ"
"ผมขออะไรคุณอย่างหนึ่งได้มั้ย ต่อจากนี้ผมไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พบคุณอีกรึเปล่า ผมขอกอดคุณสักครั้ง"
โดย ไม่รอคำตอบ พชรโน้มตัวลงมากอดลำธารอย่างอ่อนโยนและแนบแน่น เป็นนานที่ลำธารอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างไม่ต่อต้าน ก่อนที่พชรจะค่อยๆปล่อยเธอ
"ขอบคุณมาก ศิราพัชร คุณคือเพชรในดวงใจของผม"
แล้วพชรก็เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงความเคลิบเคลิ้มงงงันประดุจอยู่ในฝันแก่ลำธาร
ooooooo