ตอนที่ 16

เพราะความรักล้นอก ทำให้ศรีจิตราตัดสินใจบอกความในใจกับคุณชายเล็ก แต่บอกตรงๆไม่ได้ จึงต้องอาศัยการเล่านิทานสื่อความรู้สึกแทน และวันนี้ก็ได้ฤกษ์ดี เธอมานั่งคอยเขาที่ศาลากลางสวนเหมือนเคย พร้อมแต่งตัวสวยงาม ลวงให้เขามาติดบ่วงเสน่ห์และรับรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจเธอ

ภารกิจบอกรักเริ่มต้นอย่างสวยงาม คุณชายเล็กแวะมาฟังนิทานเหมือนเคย แถมทำท่าทางเหมือนต้องมนต์สะกดอีกต่างหาก ศรีจิตราเลยเริ่มเล่าช้าๆว่าด้วยเรื่องหนึ่งในนิทานเวตาล กล่าวถึงสองศรีแม่ลูก พระมเหสีม่ายผู้เลอโฉมและพระธิดาพิลาสลักษณ์ ที่หนีเข้าป่าเพราะเมืองที่อยู่ถูกโจมตี

“ช่วงเวลาเดียวกัน...ท้าวจันทรเสนและพระราชบุตรประพาสป่า พบรอยเท้าสตรีสองนาง จึงตกลงกันว่าจะตามรอยเท้านี้ไป ถ้าเป็นนางงามจะอภิเษกด้วย โดยนางที่มีพระบาทใหญ่ น่าจะสูงวัยกว่า จะเป็นของพระราชา ส่วนนางพระบาทเล็กจะตกเป็นของพระโอรส และถือดำรินี้เป็นคำมั่น”

คุณชายเล็กทำหน้าพิกล แปลกใจไม่น้อยกับเงื่อนไขของสองพ่อลูก แต่ศรีจิตราก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากกว่านั้น

“เมื่อทั้งสองพระองค์ตามรอยมาถึงต้นไม้ใหญ่ก็พบพระมเหสีและพระธิดาที่หลบซ่อนอยู่ ก็เกิดรักแรกพบ แต่ว่านางพระบาทเล็กกลับเป็นพระมเหสี จึงเกิดการแต่งงานแปลกประหลาด พ่อแต่งกับลูกสาว แม่แต่งกับลูกชาย เพราะกะขนาดรอยเท้าผิด ลูกกลายเป็นเมียพ่อ แม่กลายเป็นเมียลูก ลูกเป็นแม่เลี้ยงสามีแม่ แม่กลายเป็นลูกสะใภ้สามีลูก”

คุณชายเล็กหัวเราะ ชอบใจบทสรุปพิลึกพิลั่น เช่นเดียวกับมาลาและวรรณาซึ่งนั่งฟังอยู่ด้วย มีเพียงศรีจิตราทำเพียงยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยตบท้าย
“แล้วเวตาลก็ตั้งคำถามท้าววิกรมาทิตย์ว่าลูกหลานที่เกิดจากนางทั้งสองนั้น จะนับญาติ เรียกขานกันอย่างไร”

เหล่าคนฟังมองหน้ากันงงๆ ก่อนที่คุณชายเล็กจะเปิดฉากถามเหมือนเคย ศรีจิตราเลยโบ้ยให้ไปถามสาลิน คุณชายเจ้าสำราญถึงกับถอนใจยาว ไม่ชอบให้เธอเล่นบทแม่สื่อ เลยขอตัวดื้อๆ นักเล่านิทานสาวได้แต่มองตามด้วยสีหน้าอ่อนอกอ่อนใจ...ดูท่าเขาจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทั้งที่เธอก็บอกความในใจไปหมดแล้ว

ขณะที่ศรีจิตราคิดหนักเรื่องคุณชายเล็ก สาลินก็ต้องรับศึกหนักไม่แพ้กัน เมื่อคุณสร้อยทราบเรื่องงานใหม่ของเธอในไนต์คลับหรูของอัศนีย์ แล้วอาละวาดใหญ่ หัวเด็ดตีนขาด ก็จะไม่ยอมให้เธอไปทำงานสถานอโคจรแบบนั้น

“หนูทำงานตอนกลางวันต่างหากค่ะ เขียนข่าว ส่งข่าว ส่งรูป ต้องทำงานช่วงกลางคืนบ้างก็แค่วันพิเศษ”

“ฉันไม่อนุญาต แต่ที่แกออกจากห้องสมุดก็ดี ฉันจะพาแกเข้าวังฝึกมารยาท จะได้สนิทสนมกับคุณชายเล็ก”

สาลินหน้าบูด ไม่ชอบใจที่ถูกจับคู่ อุ่นเรือนสงสาร เลยพยายามช่วยพูด

“คุณพี่คะ ถ้ายายสาไม่อยากคบคุณชายเล็ก ก็อย่าไปบังคับเลยนะคะ คราวยายศรีก็กลืนไม่เข้า คายไม่ออกมาหนหนึ่งแล้ว อย่าให้ยายสาต้องไปเจออะไรแบบนั้นอีกเลย แค่นี้ก็อับอายขายหน้ามากพอแล้ว”

“นี่...แกกล้าดีมาพูดกับฉันอย่างนี้หรือ ไม่รู้ล่ะ... ยังไงฉันก็ไม่อนุญาตให้แกไปทำงานไนต์คลับต่ำๆแบบนั้น”

“หนูรับทราบค่ะ แต่หนูแค่มาเรียนให้ทราบเฉยๆ ไม่ได้มาขออนุญาตคุณป้าสักหน่อยนะคะ”

ooooooo

ข่าวการไปทำงานไนต์คลับของสาลินแพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความเป็นห่วงของบุคคลรอบข้าง โดยเฉพาะศรีจิตรา พยายามกล่อมให้น้องสาวเปลี่ยนใจ แต่สาลินก็ยืนยันตามเดิม เพราะไม่อยากผิดคำสัญญา

พุดซ้อนกับชบาแอบสาระแนจนรู้เรื่องสาลินเปลี่ยนงานด้วยจนได้ และไม่รอช้าจะแวะไปกระแนะ กระแหนคุณตาคุณยายถึงบ้านสวนเหมือนเคย แต่ก็ถูกตอกไม่ไว้หน้า จนต้องหนีกลับบ้านแทบไม่ทัน

คุณชายรองก็เป็นกังวลเรื่องสาลิน แต่เพราะมีแผนละครตบตาต้องดำเนินการ เลยต้องฝืนตีหน้านิ่งเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร และแผนขั้นถัดไปก็คือทำให้คุณหญิงก้อยหมดความอดทน เผยโฉมหน้าแท้จริงออกมาและคุณชายรองไม่ต้องรอนานเลย เพราะไม่กี่วันหลังจากนั้น คุณหญิงก้อยก็นัดมาพบเพื่อขอเรื่องสำคัญ

“เมื่อเราแต่งงานกัน หรืออาจจะก่อนแต่งก็ได้ หญิงอยากให้คุณรองไปกราบขอประทานอภัยเด็จป้าได้ไหมคะ ขอประทานน้ำสังข์จากพระองค์ท่าน”

“ทำไมครับ ทำไมต้องทำอย่างนั้น”

“ไม่อย่างนั้นเราจะหมดตัวกันทั้งคู่สิคะ”

“โธ่...หญิง แล้วหญิงคิดว่าเด็จป้าจะทรงยอมยกโทษให้เราอย่างนั้นหรือ”

“คุณเป็นคนโปรดของเด็จป้า กราบทูลว่าคุณสำนึกในความผิด เดี๋ยวก็พระทัยอ่อนเองล่ะค่ะ”

“คุณคงรู้จักเด็จป้าน้อยไป ท่านตรัสคำไหนต้องเป็นคำนั้น”

“แต่เราควรได้กลับไปใช้ชีวิตร่วมกันในวังวุฒิเวสม์ ได้อยู่เรือนหอหลังนั้น สมเกียรติ สมฐานะของเรา”

“กลับไปพึ่งใบบุญเด็จป้าน่ะหรือ ลืมเรื่องนั้นไปเถอะ ผมไม่มีทางกลับไปใช้สกุลวุฒิวงศ์ได้อีกแล้ว”

คุณหญิงก้อยเครียดหนัก อยากกรีดร้องให้หายบ้า แต่ก็ต้องเก็บอาการ ไม่ตีโพยตีพายให้ได้อาย คุณชายรองสังเกตเห็นอาการทุกอย่าง แต่ก็ทำเป็นโง่ ไม่รู้เรื่อง แกล้งตีมึนไปเรื่อยๆ

“หญิงเคยบอกว่าหญิงรักผมยิ่งกว่าทุกสิ่งในโลกไง”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง หญิงคงไม่ทิ้งคุณรองไปแต่งกับอัศนีย์หรอกค่ะ”

ในที่สุด...คุณหญิงก้อยก็หมดความอดทน เผยความในใจที่อัดอั้นมานาน คุณชายรองลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเล่นตามเกม แกล้งโง่ถามถึงสาเหตุที่เธอกลับมาหาเขา หลังเลิกรากับอัศนีย์

“หญิงกลับมาหาคุณรอง เพราะหญิงเวทนาความจงรักภักดีของคุณรองเท่านั้น”

“โอ...หญิงเวทนาความจงรักภักดีของผม หญิงคิดกับผมแบบนี้หรือ”

“แต่ว่ากันตามจริง คุณรองก็ไม่ได้จงรักภักดีอะไรกับหญิงนักหนา เพราะคุณรองยังมีแม่บรรณารักษ์อยู่ อีกคน”

คุณชายรองต้องกลั้นยิ้มแทบแย่ ไม่แสดงความยินดีออกไป แล้วแกล้งทำหน้าเหมือนจะขาดใจ

แต่คุณหญิงก้อยก็ยังไม่รู้เรื่อง คิดว่าตัวเองเป็นต่อ “ยอมรับความจริงเถอะค่ะคุณรอง เราสองคนน่ะ...แทบจะไม่มีเยื่อใยต่อกันมานานแล้ว แต่เมื่อคุณรองขอโทษและง้องอนหญิง หญิงถึงได้ให้โอกาสคุณรองอีกครั้งไงคะ”

“ผมทำยังไงหรือ”

“ก็ดอกไม้กับสร้อยไข่มุกไงคะ ถ้าหญิงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า หญิงคงไม่รับไว้ คุณรองจะได้ไม่สิ้นเปลือง”

คุณชายรองหัวเราะเสียงหยัน “หญิงรู้ไหม ผมไม่รู้เรื่องดอกไม้กับสร้อยไข่มุกสร้อยเพชรอะไรนั่นสักนิด ผมไม่เคยส่งอะไรไป เพราะผมไม่แน่ใจว่าเราจบกันแล้ว แต่จู่ๆหญิงก็ติดต่อมา บอกให้เราเริ่มต้นใหม่ ผมก็เลยลองดู”

คุณหญิงก้อยถึงกับอ้าปากค้างกับความจริงตรงหน้า แต่ไม่ทันโต้ คุณชายรองก็โพล่งออกไปเสียก่อน

“รู้ไหม...ตั้งแต่ผมคบหญิงมา หญิงไม่เคยสำนึกในความผิดของตัวเองสักครั้ง แม้กระทั่งหญิงละเมิดคำมั่น ไปแต่งกับคนอื่นแล้วซานกลับมา หญิงอาจจะเอ่ยปากขอโทษ แต่ผมก็รู้ว่าใจจริงหญิงไม่เคยคิดว่าตัวเองผิด ผมคิดว่า...คงเป็นเพราะตั้งแต่เกิดมา หญิงไม่เคยคิดเลยว่าหญิงทำผิดอะไร...ใช่ไหม”

“อย่ามาอวดดี มาว่าหญิง นังนั่นเสี้ยมสอนคุณมาอย่างนั้นสิ”

“สาลินสอนอะไรผมหลายอย่าง สอนเรื่องการขอโทษ การให้อภัย การให้และการรับที่หญิงไม่รู้จัก”

น้ำเสียงชื่นชมยินดีของเขา ทำให้คุณหญิงก้อยหมดความอดทน กระชากสร้อยไข่มุกทิ้ง แล้วแหวลั่น

“พอ...เลิกพูดสักที ขอให้เราสองคนขาดจากกันเหมือนสร้อยจอมปลอมเส้นนี้!”

ooooooo

คุณชายเล็กในคราบพลช่างฟิต เป็นอีกคนที่ไม่เห็นด้วยและไม่อยากให้สาลินไปทำงานไนต์คลับ แต่เมื่อคัดค้านอย่างไรก็ไม่ได้ผล เลยพยายามโน้มน้าวเรื่องอื่นแทน เช่นเรื่องที่เธอไม่ยอมรับรักจากเขา

“น่า...เราสองคนน่ะมีอะไรเหมือนกันตั้งหลายอย่าง น่าจะดึงดูดมาอยู่คู่กัน”

“ใครบอกคุณล่ะ ตามหลักฟิสิกส์พื้นฐาน สิ่งที่เหมือนกันจะผลักกัน สิ่งที่ต่างกันต่างหากจะดึงดูดกัน”

“ว้าว...เหมือนแม่เหล็กขั้วบวกขั้วลบใช่ไหมฮะ”

“ใช่...คุณน่ะร่าเริง ช่างพูด ทำตัวง่ายๆไม่มีกฎเกณฑ์ เหมาะกับคนเงียบๆอยู่ในกรอบ เจ้าระเบียบเหมือนพี่ศรี”

“ส่วนคุณ...ร่าเริง ขี้เล่น ช่างเจรจา ไม่ถือตัว ก็ต้องเหมาะกับคนเย่อหยิ่ง เงียบขรึม ไว้ตัวและขี้เก๊กสินะ”

สาลินหัวใจวูบวาบ เมื่อคิดถึงคนที่เข้าข่าย จนต้องขอตัวไปทำใจในห้องน้ำ คุณชายเล็กได้แต่มองตามยิ้มๆ อยากให้อีกฝ่ายยอมรับใจตัวเอง แต่ไม่ทันคิดหาหนทาง ก็ต้องรีบขอตัว เมื่อจิตริณีโผล่มาทักทาย

จิตริณีเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนแปลกๆของคุณชายเล็กก็นิ่วหน้าสงสัย แต่เขาก็ไม่อยู่ให้ซักไซ้ จนเมื่อสาลิน

กลับจากห้องน้ำ ความสนใจของเธอก็เปลี่ยนไป เมื่อบรรณารักษ์สาวบ้านสวนขอร้องให้ไปร่วมงานเปิดตัวไนต์คลับเป็นเพื่อน เพราะไม่อยากไปคนเดียว

เพราะสถานการณ์ไม่น่าไว้ใจ กลัวเกิดเรื่องบัดสีกับสาลิน แล้วจะเป็นตราบาปติดตัวเธอตลอดชีวิตจิตริณีจึงยอมรับปาก แต่กระนั้น...เพื่อกันไม่ให้เรื่องบานปลาย เลยตัดสินใจไปหาคุณชายรองที่ร้านผ้าไหม และเล่าถึงสาเหตุที่สาลินต้องไปทำงานไนต์คลับกับอัศนีย์

คืนเดียวกันที่วังรัชนีกุล...คุณหญิงก้อยอารมณ์เสียค้างจากเมื่อกลางวัน เลยพาลอาละวาดอย่างหนัก จนข้าวของในวังกระจัดกระจายไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่ช่อดอกไม้แห้งที่เคยเข้าใจว่าเป็นของขวัญจากคุณชายรอง ท่านชายจันทร์กับหม่อมวาณีอยากจะเป็นบ้า ต่างจากคุณหญิงกลางที่ทำแค่ยิ้มหยัน

“ยิ้มอะไรคะพี่กลาง หรือพี่รู้ว่าดอกไม้นี่ไม่ใช่ของคุณรอง”

“จะใช่หรือไม่ใช่ เธอก็ไม่ควรทำลายข้าวของ เธอไม่ใช่เด็กสิบขวบนะ”

“หญิงจะทำลายให้มากกว่านี้อีกค่ะ หญิงจะทำให้ทุกคนไม่มีความสุขอีกเลย...คอยดูนะ”

“ก่อนที่จะเผาผลาญคนอื่น ไฟพยาบาทจะเผาผลาญเธอก่อน” ท่านชายจันทร์อดไม่ได้ ท้วงขึ้น

“ดีเพคะ...ให้มันมอดไหม้ไปให้หมดทุกคน จะได้สมพระทัยท่านพ่อไงคะ”

พูดจบก็ก้าวฉับๆกลับห้อง ทิ้งท่านชายจันทร์ให้มองตามด้วยความโกรธจัด จนหม่อมวาณีสะเทือนใจมาก

“ท่านเพคะ...หม่อมฉันขอประทานโทษ ที่เลี้ยงลูกผิดจนกลายเป็นไม้แก่เกินดัดแบบนี้”

สภาพหัวใจสลายของเมียรัก ทำให้ท่านชายจันทร์พลอยเจ็บด้วย หันไปมองคุณหญิงกลางแล้วพูดเบาๆ

“ใครว่า...เพราะลูกอีกคน เธอเลี้ยงได้ประเสริฐที่สุด เป็นความภูมิใจของรัชนีกุล”

สามพ่อแม่ลูกกอดกันแน่น ถ่ายทอดพลังใจให้กัน และกัน พร้อมความหวังว่าคุณหญิงก้อยจะสำนึกได้บ้าง

ooooooo

และแล้ววันงานเปิดตัวไนต์คลับก็มาถึง สาลินสวมชุดสวยไปร่วมงานพร้อมจิตริณี ซึ่งรับปากจะตามประกบเธอทุกฝีก้าว สร้างความหัวเสียให้แก่อัศนีย์เป็นอย่างมาก แต่คงไม่เท่ากับคุณหญิงก้อย ที่ต้องฉายเดี่ยวคืนนี้ ไร้เงาคุณชายรองที่เคยประกาศว่าจะแต่งงานกันภายในสองเดือน

วิรงรองกับจิตติณ สองกระจอกข่าวเฝ้ามองสถานการณ์ตึงเครียดตรงหน้าด้วยความอยากรู้ ก่อนจะสะดุ้งสุดตัว เมื่อคุณหญิงก้อยแหวใส่อัศนีย์เรื่องสร้อยมุกและดอกไม้ จิตติณร้อนตัวรีบโบ้ยความผิดให้สาลิน แต่อัศนีย์ก็พูดแก้ต่างให้ จนคุณหญิงก้อยเริ่มสับสนว่าใครคือ

ผู้บงการตัวจริงกันแน่

อัศนีย์เห็นท่าไม่ดี เลยพยายามกลบเกลื่อนด้วยการชวนทุกคนชมห้องทำงาน ซึ่งซ่อนผนังกระจกที่สามารถมองเห็นได้ด้านเดียวไว้ คุณหญิงก้อยมองมาด้วยความสนใจ ก่อนจะคิดแผนร้าย จะลวงสาลินให้มาที่นี่!

ด้านคุณชายรอง...ทนว้าวุ่นวายใจไม่ไหว ต้องบุกมาถึงงานเปิดตัวด้วยความเป็นห่วงสาลิน โดยไม่รู้เลยว่าบรรณารักษ์สาวกำลังตกอยู่ในอันตราย เพราะถูกคุณหญิงก้อยวางยานอนหลับในเครื่องดื่ม

และในขณะเดียวกันนั่นเอง...จิตริณีก็หัวเสียอย่างหนัก เมื่อรู้ความจริงจากอัศนีย์เรื่องสร้อยมุกและดอกไม้

“คุณหลอกถามฉัน ทำให้ฉันเข้าใจผิดว่าคุณกำลังคืนดีกับคุณหญิง ไม่นึกว่าคุณจะเล่นเกมสกปรกยิ่งกว่านั้น หลอกคุณหญิงกับคุณชายกิตติ เพื่อจะคว้าสาลินมาเป็นของคุณเอง”

“ยังไงผมก็ต้องขอบคุณคุณอยู่ดี เพราะแผนนี้สำเร็จอย่างน่าประทับใจ สมปรารถนากับทุกฝ่าย”

“ยกเว้นฉัน คุณทรยศต่อความเป็นเพื่อนของเรา ต่อความหวังดีของฉัน”

“ไม่เอาน่าจินนี่ ผมไม่ได้ทรยศ ยังไงคุณก็เป็นเพื่อนแสนดีที่สุดของผม”

จบคำก็ยกมือเธอมาจูบอย่างดูดดื่ม ก่อนจะหน้าหงาย เพราะถูกไนเจลดึงตัวออกมา จิตริณีถึงกับอ้าปากค้าง แต่ไม่ทันทักท้วง ก็ถูกลากตัวออกไปเสียก่อน ทิ้งอัศนีย์ให้มองตามด้วยแววตาสุดเคือง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

คุณหญิงก้อยรอจนเห็นว่าสาลินคอพับคออ่อนเพราะฤทธิ์ยา จึงเริ่มแผน เรียกอัศนีย์มาดูแลว่าที่ประชาสัมพันธ์คนใหม่ ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง เพราะเศรษฐีหนุ่มหล่อพ่อรวยยิ่งกว่าเต็มใจ จะพาร่างสลบไสลไปพักในห้องทำงาน

จิตติณแอบรออยู่แล้ว พร้อมกล้องเตรียมถ่ายภาพฉาวเต็มที่ แต่อัศนีย์ซึ่งอุ้มสาลินเข้ามา ดันมีอาการปวดหลังกำเริบ เหตุการณ์เลยตาลปัตรไม่เป็นตามที่ต้องการ แถมเรื่องก็โกลาหลกว่าเดิมด้วยซ้ำ เมื่อคุณชายรองตามมาเจอ และซัดอัศนีย์เสียหมอบ โทษฐานคิดทำมิดีมิร้ายสาลิน!

คุณชายรองพาสาลินออกจากงานไปแล้ว แต่สถานการณ์ในงานเลี้ยงกลับไม่สงบ เมื่อไนเจลโวยวายใส่จิตริณีด้วยความหึงหวงสุดขีด อัศนีย์ในฐานะเจ้าของงานและเพื่อนเก่าจึงเข้าไปห้าม เลยถูกหมัดลูกหลงเข้าอย่างจัง

งานเปิดตัวไนต์คลับเปลี่ยนสภาพเป็นเวทีมวยหลังจากนั้น โดยมีอัศนีย์กับไนเจลเป็นคู่เอก แถมด้วยเหตุเพลิงไหม้ลุกลามเพราะเทียนล้ม จนต้องหนีตายกันให้วุ่น กลายเป็นงานเลี้ยงที่โกลาหลที่สุดในรอบปี

ooooooo


สภาพสลบไสลไม่ได้สติของสาลินทำให้คุณชายรองเป็นห่วงมาก และตัดสินใจแล่นรถไปจอดริมน้ำ รอจนกว่าเธอจะฟื้นจากฤทธิ์ยาแล้วจะพากลับบ้านสวน บรรณารักษ์สาวสะลึมสะลือตื่นหลังจากนั้นไม่นาน แต่ยังไม่รู้ตัวว่าอยู่ที่ไหน เห็นแค่ภาพรางๆ เหมือนว่าคุณชายรองจะอยู่ใกล้ๆ

“ช่วงหลังๆมานี่ ฉันฝันถึงคุณบ่อยมากเลย ในฝัน... บางทีคุณก็เป็นเจ้าชาย บางทีก็กลายเป็นอสูรร้าย”

คุณชายรองกลั้นขำแทบแย่ เมื่อได้เห็นเธอเพ้อเหมือนคนละเมอ “ส่วนเธอคือสาวงามสินะ”

“ใช่ ฉันคือโฉมงาม ส่วนคุณคืออสูร”

พูดจบก็คลำสะเปะสะปะไปเรื่อย และตื่นขึ้นในที่สุด พร้อมกับความจริงที่ว่าเธอออกจากงานเลี้ยงเรียบร้อยแล้ว คุณชายรองเล่าเรื่องทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องเธอถูกวางยาจนเกือบโดนอัศนีย์ทำมิดีมิร้าย

สาลินหน้าเจื่อนก่อนจะถอนใจยาว “แต่ก็ดีเหมือนกันที่เกิดเรื่อง ฉันจะได้มีข้ออ้างไม่ไปทำงานกับเขา”

“สัญญาแลกเปลี่ยนของเธอกับอัศนีย์น่ะจบไป ได้แล้ว”

“คุณรู้เรื่องนี้ด้วยหรือคะ”

“ฉันรู้สิ...ต่อไปนี้ก็เลิกคบกับมันสักที”

“ถึงคุณไม่บอก ฉันก็ไม่คบกับเขาอีกแล้ว”

“ทีนี้นายอัศนีย์จะมาทวงสัญญาบ้าๆอะไรจากเธอไม่ได้อีก อ้อ...แล้วก็เลิกคบกับเจ้าพลเสียด้วย”

“งั้นเสด็จฯจะทรงรับคุณกลับวังไหมคะ”

“ก็มีคนไปกราบทูลจนเด็จป้าพระทัยอ่อนแล้วนี่”

“ฉันแค่ทำเพื่อคุณ แล้วก็เพื่อพี่ศรี”

“แล้วจะทำเพื่อฉันอีกอย่างได้ไหมสาลิน”

สาลินนิ่วหน้า ก่อนจะเบิกตาโพลง เมื่อคุณชายรองประทับจูบอย่างดูดดื่ม เผยความรักและความรู้สึกโหยหาที่ถูกซ่อนไว้มาเนิ่นนาน กว่าเขาจะถอนจูบ เธอก็แทบหมดแรง พูดอะไรไม่ออก จนเมื่อเขามาส่งถึงบ้านสวน จึงได้ตัดสินใจโพล่งออกไปว่าเขาจูบเธอทำไมทั้งที่ยังรักกับคุณหญิงก้อย

“ฉันเลิกกับหญิงก้อยเมื่อวานนี้เอง แต่ความจริง... จะถือว่าเลิกมาปีหนึ่งแล้วก็ได้”

“เขารักคุณจะตาย”

“หญิงก้อยไม่เคยรักใคร เธอไม่เคยได้ยินหรือ เมื่อความจนมาเคาะประตู ความรักก็โบยบินออกนอกหน้าต่าง”

สาลินอึ้งไปอึดใจ เข้าใจทุกอย่าง แต่ยังรู้สึกผิดที่จูบกับเขา ซึ่งเป็นว่าที่คู่หมั้นของพี่สาว

“ฉันทำผิด ถ้าคุณเลิกกับคุณหญิง คุณก็ต้องกลับไปหาพี่ศรีนะคะ พี่ศรีรักคุณมาก”

“นี่เธอจะเสียสละไปถึงไหน เธอยอมทำเพื่อฉันมาแล้ว เธอยอมไปทำงานกับอัศนีย์เพื่อให้ฉันคืนดีกับหญิงก้อย”

“คุณจะแต่งงานกับพี่ศรีไหมคะ”

“ไหนว่าเธอไม่มีวันจะรับฉันเป็นพี่เขยไง”

สาลินน้ำตาไหล สะเทือนใจอย่างหนัก จนคุณชายรองต้องดึงตัวมากอดปลอบ พร้อมบรรจงจูบหน้าผากอยากให้เธออุ่นใจ แต่ไม่ทันทำอะไรมากกว่านั้น ผลก็โผล่มาเสียก่อน ทั้งสองเลยต้องผละออกจากกัน

ค่ำคืนวุ่นวายจบลงในที่สุด คุณชายรองส่งสาลินแล้วกลับวังวุฒิเวสม์ไม่ใช่บ้านเช่าเหมือนที่บอกกับทุกคน ด้วยความสุขกายสบายใจอย่างที่สุด เพราะค้นพบแล้วว่าผู้หญิงที่ตามหามาตลอดชีวิตคือใคร เช่นเดียวกับสาลิน...ถึงแม้จะรู้สึกผิดต่อศรีจิตราแค่ไหน ก็อดหวั่นไหวไม่ได้ เพราะแอบมีใจให้คุณชายรองไม่ต่างกัน

ooooooo

ทุกคนที่ตำหนักเล็กถึงกับอ้าปากค้างเมื่อเห็นคุณชายรองกลับวังอีกครั้ง พร้อมด้วยท่าทางยิ้มแย้ม และอารมณ์ดีเป็นพิเศษ จนทุกคนอดสงสัยไม่ได้ และคนที่กล้าเปิดฉากถามก็คือคุณชายเล็ก

“ตกลงมันเรื่องอะไรกันครับ อยู่ดีๆพี่ก็กลับมาไม่มีปี่มีขลุ่ย แถมยังบอกด้วยว่าเสด็จฯประทานอนุญาตแล้ว”

“ที่ฉันเคยบอกนายไง ฉันกำลังเล่นละครโรงใหญ่ แล้วตอนนี้ละครก็ใกล้จบแล้ว”

“ละคร...พี่เล่นละครตอนไหนไม่ทราบ”

“ก็ที่ฉันกลับไปรักกับหญิงก้อยใหม่นั่นไงล่ะ”

“นั่นไม่ใช่เรื่องจริงหรือฮะ แล้วที่เด็จป้าทรงเนรเทศพี่ออกจากวัง”

“เด็จป้าทรงร่วมแสดงอยู่ด้วย”

คุณชายเล็กอ้าปากค้าง ไม่อยากเชื่อเลยว่าพี่ชายคนรองกับเสด็จพระองค์หญิงจะเจ้าแผนการขนาดนี้

“แล้วที่พี่ถูกเนรเทศออกจากวัง ทำไมวันนี้พี่ถึงกลับมา”

“แผนสำเร็จไปแล้วขั้นหนึ่งน่ะสิ หญิงก้อยบอกเลิกฉันแล้วเมื่อวาน”

“หา...บอกเลิกแล้ว แล้วสาลินล่ะครับ”

“สาลิน...เอ่อ...ฉันเพิ่งพาเขาออกจากไนต์คลับนายอัศนีย์เมื่อกี้ เขาสัญญาจะไม่ไปทำงานกับอัศนีย์แล้ว”

“งั้นแผนของพี่ก็สำเร็จหมดแล้วนี่ครับ แล้วคุณศรีล่ะครับ พี่จะหมั้นกับเธอหรือเปล่า คุณศรีรักพี่มากนะครับ”

“พรุ่งนี้ฉันจะเข้าเฝ้าเด็จป้า ทุกอย่างจะลงเอยตามที่มันควรจะเป็น...”

คุณชายรองทิ้งท้ายไว้แค่นั้น เพราะหวังว่าทุกอย่างต้องเรียบร้อยและคลี่คลายในวันต่อมา โดยไม่รู้เลยว่าจะเกิดเรื่องเสียก่อน เมื่อพุดซ้อนกับชบาดันปากสว่าง เรื่องที่แอบเห็นเขากับสาลินยืนกอดกันหน้าบ้านสวนเมื่อคืน แล้วเอาไปโพนทะนาจนทั่วคุ้งน้ำเมืองนนท์

คุณตาคุณยายออกรับแทน จนสองแม่ลูกล่าถอยเหมือนเคย แต่กระนั้น...คุณตาคุณยายก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ กลับไปคาดคั้นความจริง จนสาลินต้องสารภาพว่าจูบกับคุณชายรองจริงๆ

ระหว่างที่คุณตาคุณยายคิดหาทางออกให้หลานสาวคนเล็ก ซึ่งดูท่าจะมีใจให้ว่าที่พี่เขยไม่น้อย ศรีจิตรากำลังคุยกับคุณชายรอง เรื่องละครฉากใหญ่ที่เขาร่วมมือกับเสด็จฯเพื่อลองใจคุณหญิงก้อย

“เธอรู้ได้ยังไง ฉันเห็นสายตาเธอวันนั้น เลยคิดว่าเธอคงรู้อะไรอยู่บ้างแน่ๆ”

“ค่ะ...บังเอิญสายตาดิฉันเหลือบไปเห็นสายพระเนตรของเสด็จฯเข้าพอดี”

“เธอมีสายตาที่แหลมคม จับสังเกตได้ดีจริงๆ คงยากที่จะมีใครหลอกเธอได้”

“แต่ก็ยังมีบางคนตั้งหน้าตั้งตาหลอกดิฉันอยู่”

“นั่นสินะ ใครกันที่ตั้งหน้าตั้งตาหลอกเธอ”

“อาจจะไม่ใช่แค่ดิฉัน แต่อาจจะหลอกทุกคน”

สองหนุ่มสาวมองหน้ากันยิ้มๆ รู้ดีทีเดียวว่าใคร แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะยังไม่รู้เรื่อง แถมยังตีมึนทำท่าเหมือนไม่รู้อะไรอีกต่างหาก จนคุณชายรองต้องทูลขอความช่วยเหลือจากเสด็จพระองค์หญิง

“แล้วทำไมป้าต้องรับบทป้าเผด็จการต่อ”

“งานนี้เพื่อให้เจ้าเล็กรู้ใจตัวเองเสียทีว่ามันรักใคร และควรจะปฏิบัติต่อเขาอย่างไร”

ooooooo

การกลับมาของคุณชายรองนำมาซึ่งความยินดีของคนทั้งวังวุฒิเวสม์ มีเพียงจรวย คาใจว่าทุกอย่างจะเป็นละครตบตา จนต้องตามไปสาระแนจากเหล่าคุณข้าหลวงที่ตำหนักใหญ่ แต่ก็ไม่ได้เรื่องอะไรนัก เลยพาลหัวเสียไประบายกับคุณชายโตอย่างสนุกปาก

“คงเสียดายมรดก เลยสลัดคุณหญิงทิ้งแล้วกลับมาวัง ทำเหมือนไม่เคยมีเรื่อง น่าสงสารคุณหญิงนะคะ โถ...คิดว่ารักแท้ไม่มีวันเสื่อมคลาย ลงท้ายเพื่อยศถา บรรดาศักดิ์ เพื่อสมบัติพัสถาน ความรักก็ไม่มีความหมาย”

คุณชายโตไม่ชอบใจที่เมียรักพูดถึงน้องชายในแง่ไม่ดี เลยตอกกลับแบบไม่ไว้หน้า

“นายรองกลับมา เราสามคนพี่น้องอยู่กันพร้อมหน้าฉันก็ดีใจ...ฉันเห็นนะ ได้ยินที่เธอโทร.รายงาน ทำตัวเป็นขี้ข้าหญิงก้อย ถ้ายังทำตัวเป็นบ่างอยู่ล่ะก็ ฉันจะเฉดหัวเธอออกจากวัง แล้วเธอก็จะไม่มีวันได้พบหน้าตาตุ้มอีก!”

ละครฉากใหญ่ของเสด็จพระองค์หญิงกับคุณชายรองเปิดฉากในวันถัดมา โดยมีเป้าหมายคือให้คุณชายเล็กยอมสารภาพความในใจและบอกรักศรีจิตรา และแผนทุกอย่างก็เริ่มด้วยการสารภาพความในใจของคุณชายรอง ว่าคงแต่งงานกับศรีจิตราไม่ได้ เพราะรักสาลินและต้องการแต่งงานกับเธอคนเดียว

คำประกาศของคุณชายรองจะแต่งงานกับสาลินคนเดียว แพร่สะพัดทั่ววังวุฒิเวสม์อย่างรวดเร็ว หม่อมอำพันกุมขมับ อยากจะเป็นบ้า กลัวลูกชายถูกไล่ออกจากวังอีกรอบเพราะขัดพระทัยเสด็จฯ แต่คนร้อนรนสุด คงหนีไม่พ้นคุณสอางค์ จนต้องแล่นไปแจ้งข่าวน้องสาวถึงบ้านราชดำริในเย็นวันเดียวกัน

คุณสร้อยได้ฟังเรื่องทุกอย่างแล้วถึงกับตาเหลือก ต้องหันไปแขวะอุ่นเรือนเพื่อระบายความหงุดหงิดใจพร้อม กับลามไปถึงสาลิน หลานสาวสุดแสบที่ทำงามหน้าตลอด

“นังสา...นังพ้าดสะเนอร์ ดู๊...มันกล้าแย่งกระทั่งคนรักของพี่สาว นี่มันคงยั่วยวนคุณชายรองจนหัวปักหัวปํา โธ่เอ๋ย...มัวแต่สอนให้แม่ศรีหวงเนื้อถนอมนวลเป็นเบญจกัลยาณี ลงท้ายกลับไปแพ้นังชะนีบ้านสวน”

คุณสอางค์ถอนใจเหนื่อยหน่าย แต่คุณสร้อยก็ไม่สนใจ พาลค่อนแคะอุ่นเรือนไม่หยุดหย่อน

“มันคงมารยาสาไถยเหมือนแก ที่มายั่วตาสาวิตรน้องชายฉันจนต้องถอนหมั้นคุณหญิงเหมรัศมีจันทร์”

“คุณพี่คะ...ถึงดิฉันกับยายสาจะโตมาจากบ้านสวน แต่รับรองว่าไม่มีใครสอนให้ยั่วยวนจับผู้ชาย เหมือนที่คุณพี่เสี้ยมสอนให้แม่ศรีแต่งตัวเป็นดาวยั่ว แถมมาบังคับให้ยายสาจับคุณชายเล็กด้วย”

คุณสร้อยอ้าปากค้าง ตั้งท่าจะด่ากลับเหมือนเคย แต่ก็ไม่ทันอุ่นเรือนที่ประกาศลั่น

“ดิฉันจะไปบ้านสวนเดี๋ยวนี้ ไปถามยายสาว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่!”

ooooooo

อุ่นเรือนอยากจะเป็นบ้าตายให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อได้ฟังความจริงทั้งหมดจากปากลูกสาวคนเล็ก โดยเฉพาะเรื่องที่เจ้าตัวแสบดันไปจูบกับคุณชายรองจนฉาวไปทั่วคุ้งน้ำเมืองนนท์

“เขาไม่ได้ชอบหนู ที่เขาเจอหนูบ่อยๆเพราะมีเรื่องต้องตกลงกัน...หนูไม่อยากได้เขาเป็นพี่เขย”

คุณตาคุณยายมองหน้ากันขำๆ ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี กับความซื่อจนเกือบโง่ของหลานสาวคนเล็ก

“เออ...ดี ทะเลาะกันจนรักกัน”

“ไม่จริงนะคะคุณตา เขาไม่ได้รักหนู”

“ว่าแต่หนูรักเขาหรือเปล่าลูก” อุ่นเรือนอดไม่ได้ ถามขึ้น

“ไม่ค่ะแม่...หนูไม่ได้รักเขา พี่ศรีต่างหากที่รักเขา”

อุ่นเรือนสบตากับคุณตาคุณยายอึ้งๆ ไม่อยากเชื่อ แต่ก็ไม่อยากขัด ได้แต่นั่งฟังสาลินตีโพยตีพาย

“นี่พี่ศรีรู้เรื่องแล้วใช่ไหมคะ โธ่...แล้วพี่ศรีจะว่ายังไง พี่ศรีจะคิดยังไงคะ”

“พี่ศรีคิดยังไงแม่ไม่รู้หรอก แต่ที่แน่ๆตอนนี้คุณป้าใหญ่ คุณป้าสร้อย ออกโขนเต้นเร่าๆให้แม่พาหนูไปพบ”

คุณตาคุณยายของขึ้น โกรธที่สองป้าหยามหน้า จะเอาหลานสาวคนโปรดไปโขกสับ อุ่นเรือนต้องปลอบให้สบายใจ ว่าตั้งใจมาวันนี้เพื่อบอกไม่ให้สาลินโผล่ไปบ้านราชดำริเด็ดขาดจนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย

ระหว่างที่ทุกคนร้อนใจแทนศรีจิตรา ไม่เว้นแม้แต่หม่อมอำพัน ซึ่งปกติไม่ค่อยชอบหน้าว่าที่สะใภ้ชาวสวนเท่าไหร่นัก แต่ครั้งนี้กลับเห็นใจ เพราะอีกฝ่ายต้องกลายเป็นหม้ายขันหมากครั้งที่สองแบบไม่ได้ตั้งใจ นักเล่านิทานสาวกลับไม่เดือดร้อน แถมอารมณ์ดีเป็นพิเศษอีกต่างหาก เพราะน้องสาวจะได้สมรักกับคุณชายรอง

แต่จรวยกลับมองไม่ออก เชื่อสนิท เมื่อศรีจิตราแกล้งตีหน้าเศร้า ตอนเธอแวะไปคุยด้วย

“แหม...ผู้หญิงเรา ทุกข์อะไรจะเท่ากับต้องเป็นหม้ายขันหมาก ต้องถูกนินทาว่าร้าย ต้องอับอายไปทั่ว แต่เป็นหม้ายเหตุสุดวิสัยก็พอทำเนา แต่นี่ถูกมือดีแย่งคนรัก แล้วมือดีก็ใช่ใครที่ไหน น้องสาวในไส้ของตัวเองแท้ๆ”

ศรีจิตรากลั้นยิ้มแทบแย่ เดาว่าอีกฝ่ายคงสมรู้ร่วมคิดกับคุณหญิงก้อย ถึงพูดเหมือนกันไม่มีผิด

“แล้วถ้าเป็นคุณจรวย...จะทำยังไงคะ”

จรวยยิ้มร้าย ทุกอย่างเข้าทางอย่างที่คิดไว้“ถ้าเป็นดิฉัน...คงต้องหนีไปให้พ้นๆ แต่หนีไปไหนก็คงหนีความอับอายไม่ได้ เว้นแต่...จะตายให้มันพ้นๆไปค่ะ!”

ศรีจิตราลอบยิ้ม ก่อนจะนึกสนุก เมื่อได้ยินเสียงแตรรถคุณชายเล็ก แกล้งเดินสะเปะสะปะไปให้เขาชน!

คุณชายเล็กตกใจมาก รีบอุ้มร่างหมดสติของศรีจิตราขึ้นตำหนัก เสด็จพระองค์หญิง คุณสอางค์และเหล่าข้าราชบริพารแตกตื่นไม่แพ้กัน ก่อนจะพากันถอนใจอย่างโล่งอก เมื่อหมอบอกว่าศรีจิตราปลอดภัยแล้ว เพียง แต่ตกใจมากจนหมดสติ เลยต้องให้ยานอนหลับแก้เครียด

จรวยเฝ้ามองเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยท่าทีตื่นตระหนก ก่อนจะหลุดปาก ใส่ไคล้ว่าศรีจิตราเล่นละครตบตาทุกคน เสด็จฯกับทุกคนที่ตำหนักใหญ่มองมาตาขวาง พร้อมลางสังหรณ์บางอย่างว่าจรวยอาจมีส่วนกับเรื่องนี้...

ooooooo

คุณชายเล็กไม่ได้สนใจท่าทางแปลกๆของจรวย มัวพะวงกับอาการของศรีจิตรา จนต้องผละไปเฝ้าเธอข้างเตียง มาลากับวรรณาสบตากันยิ้มๆ ก่อนจะขอตัวออกไป ทิ้งให้สองหนุ่มสาวคุยกันตามลำพัง

“นี่คุณศรีผิดหวังถึงขนาดต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้หรือฮะ”

ศรีจิตราสะลึมสะลือเพราะฤทธิ์ยานอนหลับ “ความรัก...มักคือความทุกข์ไงคะ”

“คุณศรีฮะ...เหตุการณ์เมื่อกี้ทำให้ผมรู้ว่าความเป็นความตายอยู่ใกล้แค่ไหน ต่อไปนี้ผมจะไม่รีรออะไรต่อไปอีกแล้ว ผมจะไม่เก็บอะไรไว้ในใจอีกแล้ว เพื่อที่ผมจะไม่ต้องมาเสียใจไปตลอดชีวิต ผมจะบอกคุณศรีทุกอย่าง”


“ถ้าอย่างนั้น...บอกฉันหน่อยสิคะว่าคุณพลคือใคร”

“ฮะ...นายพลคือผมเอง ตอนผมไปเรียนต่อ ผมเป็นเพียงเจ้าพล เด็กนักเรียนทุนจนๆที่ต้องเสิร์ฟอาหาร ล้างจานหรือเล่นกีตาร์เปิดหมวกริมถนน ผมถือว่าชื่อพล เป็นชื่อจริงๆของผม ยิ่งกว่าชื่อบดินทราชทรงพลเสียอีก”

“แล้วคุณไปเจอยายสาได้ยังไงคะ”

“ผมได้ยินคุณป้าคุณอยากจับคู่ให้ เลยอยากไปเห็นตัวก่อน ผมทำเรื่องขอไปตรวจปั๊มเส้นเมืองนนท์ พอผมเจอคุณสา เขาก็ทำท่าแอนตี้ผู้ดี แอนตี้คุณชายจนผมไม่กล้าบอกว่าเป็นใคร ผมก็เลยเป็นนายพลของคุณสาตลอดมา”

ศรีจิตรายิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะถามตรงๆว่าเขาคิดเช่นไรกับสาลิน แต่ไม่ทันฟังคำตอบ ก็ผล็อยหลับไปก่อน

“ผมชอบคุณสามาก มากจนผมคิดว่ามันคือความรัก จนกระทั่งเวลาผ่านไป ยิ่งผมได้อยู่ใกล้คุณ ผมก็พบว่าผมชอบคุณสาแบบเพื่อน แต่ผมรักคุณฮะ...คุณศรี รักจนหมดทั้งชีวิตจิตใจของผม”

พูดจบก็ยกมือเธอขึ้นจูบ เลยได้รู้ว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้วเพราะฤทธิ์ยา

“ได้ยินไหมฮะคุณศรี อ้าว...คุณศรี หลับไปตั้งแต่ตอนไหน”

และแล้วความจริงก็เปิดเผยจนได้ ว่าจรวยยุยงให้ศรีจิตราฆ่าตัวตาย แม้นักเล่านิทานสาวจะไม่เป็นอะไรมาก แต่ก็ทำให้ทุกคนเป็นห่วง หม่อมอำพันได้ที แหวใส่สะใภ้คนโตใหญ่ที่ทำให้วุ่นกันทั้งวัง แต่จรวยก็ไม่สำนึก แถกลบเกลื่อน จนคุณชายโตต้องออกโรงเอง

“ฉันเตือนเธอมาหลายครั้งแล้วนะ แต่เธอไม่เคยสำนึก เธอเคยรักฉัน รักตาตุ้มบ้างไหม”

“คุณชายพูดอะไร ที่รวยทำเพราะรักครอบครัว ไม่อยากให้สะใภ้เอกมาแย่งทุกอย่างจากเรา”

“นั่นไม่เรียกว่าความรัก มันคือความริษยาต่างหาก เสียแรงนะจรวยที่ฉันรักเธอ”

จรวยตาโต ไม่อยากเชื่อหู แต่คุณชายโตก็ไม่สนใจเผยความอึดอัดใจอย่างหมดเปลือก

“ทีแรกมันอาจจะเป็นแค่ความปรารถนา แต่หลังจากมีตาตุ้ม ฉันก็รู้แล้วว่าฉันต้องรับผิดชอบทั้งเธอและลูก และนั่นล่ะคือความรักความห่วงใย และเธอก็ทำลายมันไปจนหมดสิ้น”

“คุณชาย...ไม่นะคะ รวยกราบล่ะ”

“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา เก็บข้าวของแล้วลาลูกซะ ห้ามกลับมาที่นี่อีก แล้วก็ห้ามพบหน้าลูกอีกนับแต่นี้เป็นต้นไป”

จรวยตาเหลือก ถลาไปคว้าลูกชายมากอดแนบอก ร้องไห้โฮเมื่อคิดว่าจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีก คุณชายโตเห็นน้ำตาเมียก็ใจอ่อน ยอมให้โอกาสอีกครั้ง แต่อยากดัดสันดานปากร้ายสอดเสียด เลยพูดกดดันทิ้งท้าย

“เธอเป็นเมียฉัน เป็นแม่ตาตุ้ม และไม่ว่ายังไงก็เป็นวุฒิวงศ์อีกคน ขอให้เธอนึกถึงบุญคุณของวุฒิเวสม์ ร่มไม้ใบบุญของหม่อมแม่ อีกทั้งพระกรุณาของเด็จป้าและตรองดูให้ดีๆ ว่าต้องทำยังไงให้สมเป็นสะใภ้ใหญ่ของวังนี้!”

ooooooo

ผลกรรมที่เคยพูดจายุแยงสอดเสียดของจรวย ทำให้ทุกคนในวังวุฒิเวสม์พากันเกลียดขี้หน้า ไม่ยอมเสวนาด้วยเหมือนเคย จรวยไม่ท้อ แม้จะสำนึกผิดได้แล้ว แต่ก็เข้าใจว่าคงต้องใช้เวลาให้ทุกคนยอมรับ

ส่วนศรีจิตรา...ฟื้นจากอาการอ่อนเพลีย จึงตัดสินใจลากลับบ้าน ไม่อยากอยู่วังต่อให้เป็นที่ครหา แต่เมื่อไปกราบลาเสด็จพระองค์หญิง กลับไม่ทรงเห็นด้วย

“ไม่ว่ายังไง เธอก็เป็นเหมือนลูกสาวของฉัน”

“เป็นพระกรุณาล้นพ้นเกล้าเพคะ ที่หม่อมฉันทูลลาไม่ใช่แค่เพราะเสียงครหา หรือไม่ใช่เพราะคำสมเพชเวทนา แต่เพราะ...หม่อมฉันอยากได้ดูแลแม่บ้างเพคะ”

“เธอกับสาลินนี่ เอาเข้าจริงก็ช่างเจรจา อ้างเหตุอ้างผลไม่ได้แพ้กันเลย”

“เป็นพระกรุณาที่ทรงโปรดยายสาเพคะ ยายสาจะเป็นศรีสะใภ้ที่ดี...ดีกว่าหม่อมฉันอีกเพคะ”

เสด็จฯทรงต้องกลั้นสรวลแทบแย่ ก่อนจะตรัสด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“แต่ฉันต้องการเธอเป็นสะใภ้ของฉัน แล้วใครก็ขัดไม่ได้ แต่เอาเถอะ...อยากไปเยี่ยมแม่ก็ไป ฉันอนุญาต”

ศรีจิตราออกจากวังวุฒิเวสม์พร้อมคุณสอางค์ในบ่ายวันเดียว สวนกับรถคุณชายเล็ก ซึ่งมองตามเหลียวหลัง ใจไม่ดีเลย เมื่อเห็นหญิงสาวที่ตัวเองหลงรักออกจากวัง

แต่ถึงใจไม่ดีแค่ไหน คุณชายเล็กก็ทำได้แค่รอ ให้เธอกลับมาเพื่อทวงถามความในใจ ต่างจากคุณสร้อย เป็นเดือดเป็นร้อน ตีโพยตีพายเป็นการใหญ่ ที่หลานสาวคนโตต้องระเห็จออกจากวังมาอยู่บ้านเธอ คุณสอางค์ พยายามไกล่เกลี่ย แต่คุณสร้อยก็ของขึ้นจนขาดสติเสียแล้ว

“หนูจะพูด หนูน่ะ...เจ็บช้ำน้ำใจมานานแล้ว ตั้งแต่นังบ้านสวนเข้ามา บ้านภักดีนฤนาถก็มีแต่กาลกิณี ตั้งแต่ได้มันมาเป็นสะใภ้ เสด็จพระองค์ชายก็สิ้น พี่ใหญ่ก็เป็นหม้ายขันหมาก ตาสาวิตรก็ตาย หนูก็ไม่มีผัว!”

สาวใช้ในบ้านก้มหน้าซ่อนยิ้มกันแทบแย่ เช่นเดียวกับอุ่นเรือน ที่พยายามจะตีหน้านิ่งกว่าที่เคย

“ตอนเสด็จพระองค์ชายสิ้นน่ะ ดิฉันยังเรียนชั้นประถมอยู่ ส่วนคุณสาวิตรก็เสียด้วยโรคประจำตระกูลของคุณพี่ ส่วนเรื่องคุณพี่หาผัว เอ๊ย...สามีไม่ได้ ก็น่าจะ เป็นเพราะผู้ชายน่ะ เขาทนความเพียบพร้อมของคุณพี่ไม่ได้มากกว่า”

“ว้าย...แก โอหังบังอาจยังไงมาว่าฉัน บุญคุณข้าวแดงแกงร้อนที่รดหัวแกมายี่สิบสามสิบปีน่ะ เคยสำนึกไหม”

“บุญคุณน่ะ ถ้าหมั่นทวง มันก็หมดได้เหมือนกันนะคะ”

คุณสอางค์อ้าปากค้าง พยายามส่งสายตาห้ามน้องสะใภ้ แต่อุ่นเรือนก็หมดความอดทนแล้ว

“ดิฉันกับแม่ศรีอยู่บ้านนี้เพื่อสนองคุณคุณพี่ที่อุตส่าห์ให้ที่พักพิง แต่เมื่อคุณพี่เห็นว่าดิฉันกับแม่ศรีเป็นภาระ เป็นสิ่งรกหูรกตา เป็นที่อึดอัดขัดใจ ทางเดียวที่จะสนองคุณได้ ก็คือดิฉันกับลูกขอกราบลา!”

เป็นอันว่าอุ่นเรือนกับศรีจิตรากลับไปอยู่บ้านสวน พร้อมหน้าพร้อมตากับสาลินและคุณตาคุณยาย

อีกครั้ง หลังจากต้องพรากจากกันมานาน เพราะต้องไปทดแทนบุญคุณคุณสร้อย ศรีจิตราสบายใจมาก ต่างจากสาลิน ไม่กล้าออกไปสู้หน้าพี่สาว เพราะปักใจว่าตัวเองเป็นมือที่สาม แย่งคุณชายรองไป

ooooooo

คุณหญิงก้อยไม่ยี่หระกับข่าวย้ายกลับวังของอดีตคนรักอย่างคุณชายรอง รวมทั้งข่าวการเข้าโรงพยาบาลของอดีตสามีอย่างอัศนีย์ เพราะอาการปวดหลังกำเริบด้วย วิรงรองแวะมาสังสรรค์ด้วยเหมือนเคย แต่ไม่ใช่เพราะอยากเป็นเพื่อนคุยที่ดี แต่อยากได้ข่าววงในมากกว่า

แล้วก็ไม่เสียเที่ยว เมื่อจรวยในมาดใหม่ ไม่เป็นดาวยั่วหรือบ่างช่างยุเหมือนเคย แวะมาทำผมร้านเดียวกัน และแจ้งข่าวเรื่องคุณชายรองย้ายกลับวัง พร้อมกับประกาศจะแต่งงานกับสาลินแต่เพียงผู้เดียว คุณหญิงก้อยไม่อยากเชื่อ มั่นใจว่าอดีตคนรักต้องถูกเฉดหัวจากวังอีกแน่ เพราะสาลินเคยเป็นข่าวกับอัศนีย์

แต่จรวยก็ทำให้คุณหญิงก้อยหน้าแตก ด้วยการเฉลยถึงละครตบตาก่อนหน้านี้

“ที่เสด็จฯทรงเนรเทศคุณชายรองคราวก่อน เป็นการเล่นละครค่ะ คุณชายวางแผนกับเสด็จฯ เพราะรู้ว่าถ้าคุณชายตกต่ำ คุณหญิงคงจะทิ้งคุณชายอีกหน เอ่อ...รวยขอโทษนะคะที่ต้องพูดความจริง ขอตัวนะคะ”

จรวยแยกไปแล้ว ทิ้งให้คุณหญิงก้อยเต้นผาง ร้อนถึงวิรงรอง ต้องช่วยเต้าข่าวใหญ่เหมือนเคย และครั้งนี้ก็เป็นข่าวฉาวพาดพิงเสด็จพระองค์หญิงแห่งวังวุฒิเวสม์ ในฐานะเจ้าย่ายุคจรวด เจ้ากี้เจ้าการจับคู่ให้ลูกหลาน!

วันเดียวกันที่บ้านสวนเมืองนนท์...สาลินแอบเคี้ยวใบแก้วจนหมดกิ่ง หวังให้ตัวร้อน จะได้ไม่ต้องเจอหน้าพี่สาวหรือแม่ให้อึดอัดใจ แต่คงรีบเกินไป แผนเลยไม่สำเร็จ แถมขายหน้าอีกต่างหาก ที่ตัวดันเย็นเพราะตื่นเต้นเกินเหตุ

ศรีจิตราส่ายหน้าอ่อนใจกับวิธีแก้ปัญหาของน้องสาว แต่ไม่ทันสะสางและซักไซ้ ก็ต้องผละไปข้างล่าง เมื่อได้ยินจากพิณว่ามีแขกคนสำคัญมาเยือนบ้านสวน

คุณชายรองนั่นเองที่แวะมาขอขมาคุณตาคุณยายและอุ่นเรือนอย่างเป็นทางการ ศรีจิตราไม่ได้ไปรับหน้า ได้แต่แอบยืนฟังอยู่ไม่ไกลกันนั้น เช่นเดียวกับสาลิน แต่คนละมุมกัน

คุณตาคุณยายมองหน้าคุณชายรองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะถอนใจโล่งอก เมื่อเขาสารภาพความผิดทุกอย่าง แถมสารภาพความในใจอีกต่างหากว่ารักสาลินและต้องการแต่งงานกับเธอคนเดียว

แน่นอนว่าทุกคนได้ยินคำสารภาพรักของคุณชายรอง มีเพียงสาลินที่ไม่รู้ เพราะเสียงเรือหางยาวข้างนอกกลบเสียงจนฟังไม่ชัด และเมื่อคุณชายรองขอพบศรีจิตราหลังจากนั้น เธอก็เข้าใจผิดคิดว่าเขามาปรับความเข้าใจกับพี่สาว

แท้จริงแล้วคุณชายรองมาหาศรีจิตราเพื่อขอโทษถึงทุกเรื่องที่ผ่านมาและขอให้เธอเปิดใจกับคุณชายเล็ก

“ผมขอโทษที่ละลาบละล้วง แต่ผมคิดว่าผมทราบว่าคุณศรีมีใจให้ใคร”

“ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ เรื่องอะไรในใจ ดิฉันบอกเขาไปหมดแล้ว แต่เขาบอกดิฉันว่าเขารักคนอื่น”

คุณชายรองไม่เชื่อ จะกลับไปถามน้องชายให้รู้เรื่อง แต่ศรีจิตราก็ห้ามไว้ เพราะอยากให้เขาคิดได้เอง

กว่าคุณชายรองจะกลับ สาลินก็กลุ้มแทบแย่ ศรีจิตรารู้ดี เลยตัดสินใจคุยกับน้องสาวตรงๆ

“ใครบอกสาว่าพี่รักคุณชายรอง”

“ก็พี่ศรีบอกสาเอง สาได้ยินเต็มสองหู สาจำได้”

“วันนั้นพี่พูดแค่ว่าพี่รักคุณชาย พี่ไม่ได้ระบุสักหน่อยว่าพี่รักคุณชายคนไหน”

“แปลว่าพี่ศรีไม่ได้รักคุณชายรอง แล้วพี่ศรีรักคุณชายคนไหน...ใช่แล้ว คุณชายเล็ก วันวันหนึ่งพี่ศรีพูดถึงแต่เขา”

“ก็เหมือนกับที่วันวันหนึ่ง สาพูดถึงแต่คุณชายรองน่ะแหละ”

สาลินหน้าแดงก่ำ ศรีจิตราเลยกล่อมให้เลิกตั้งแง่ แล้วเปิดใจยอมรับความจริงเสียที แต่บรรณารักษ์สาวก็ยังรั้น

“เขาไม่ได้รักสา เขาไม่เคยบอกรักสาสักคำ”

“แต่เมื่อกี้พี่ได้ยินเต็มสองหู คุณชายรองบอกว่ารักสา คุณตา คุณยาย แม่ ยายพิณ ได้ยินทุกคน”

สาลินตาโต รำพึงเสียงอ่อนแรง “เรือหางยาวเจ้ากรรม...พี่ศรีได้ยินจริงหรือคะ”

“ได้ยินสิ พี่แอบฟังอยู่ตรงหัวบันได”

“เหมือนสาเลย ฮึ...แต่ถ้าเขารักสา เขาก็ต้องมาบอกกับสาเองสิ!”

ooooooo

เราใช้คุ้กกี้ 

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookie Policy)

รับทราบ