ตอนที่ 9

อัลบั้ม: "ไม้-วฤษฐิ์" ประกบ "มาร์กี้ ราศรี" ในละครคอมมาดี้ "บุษบาเร่ฝัน"
เมื่อหนีออกจากบ้านหมอดูได้แล้ว หลิวมองทุกคนบ่นเซ็งๆว่าไม่ได้เรื่องตามเคย
กลับถึงบ้านทุกคนเงียบจนซุ่ยทักว่าทำไมทุกคนดูเงียบๆเศร้าๆกันจัง หลิวทำท่าจะบ่นซุ่ย ถูกแม่ปิดปากไว้บอกว่าไม่มีอะไรหรอก
“หมอดูคนนั้น เขาหากินบนความทุกข์ของผู้คน ซุ่ยแค่อยากเตือนทุกคนเท่านั้นเอง” ซุ่ยไม่พอใจ
ม่าไม่อยากให้คุยเรื่องนี้อีก ตัดบทให้ซุ่ยไปเอาน้ำมาให้พวกเราดีกว่า ม่าอยากดื่มน้ำเย็นๆ ซุ่ยอาสาไปจะเอามาให้ทุกคนป้องปกเลยไปช่วยเพราะถือคนเดียวไม่หมดแน่
ซุ่ยในร่างกอหญ้ารีดผ้าให้คุณหยกเสร็จ นึกห่วงกอหญ้าที่ไปอยู่บ้านตนเตรียมจะไปหา สวนกับแม่ที่ไปหิ้วถุงผ้าใส่ผักมา แม่บอกให้มาช่วยล้างผัก หันไปดูปรากฏว่าซุ่ยหายไปแล้ว
ซุ่ยรีบไปที่บ้านถามว่าตกลงหมอบอกว่าซุ่ยเป็นอะไร แม่ ม่า หลิวมองหน้ากัน ถอนใจ พูดไม่ออก
ทันใดนั้น คมน์แต่งตัวหล่อก็เดินเข้ามาทักทุกคนอย่างร่าเริง บอกว่าวันนี้จะแนะนำคนที่จะมาเป็นแม่ของลูกตน แล้วผายมือไปยังแวนด้าที่ตามหลังมา ทุกคนตกใจ
แวนด้ามองทุกคนบอกว่ารู้สึกคุ้นมาก สงสัยเพราะคมน์เล่าให้ฟังว่าทุกคนที่นี่ดีมาก เลยรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน หลิวทักว่าพูดแปลก เหมือนไม่เคยอยู่ที่นี่ แวนด้าแย้งว่าตนเคยอยู่ที่นี่เสียเมื่อไหร่ ส่วนซุ่ยมองแวนด้าอย่างพินิจ พิจารณาดักคอว่า
“หวังว่าแฟนคนนี้ คงเป็นรักแท้ของเธอจริงๆนะแวนด้า”
คมน์ไม่พอใจถามว่าพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง แวนด้ากลบเกลื่อนว่าเพื่อนคงพูดเพราะเป็นห่วงตน
พอดีป้องปกกับกอหญ้าช่วยกันยกน้ำออกมา เห็นแขกมาบ้านเยอะจะไปเอาน้ำมาเพิ่มอีก คมน์มองกอหญ้าในร่างซุ่ยอย่างแปลกใจทักว่าปกติเห็นมีแต่นั่งเป็นคุณนายแต่วันนี้บริการคนอื่น ส่วนแวนด้ามองป้องปกตะลึงจำได้ว่าเคยเห็นและเขาดีกับตนมาก แต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน
“มองอะไรแวนด้า” ซุ่ยถามหน้าบึ้งพลางขยับตัวมาบังสายตาแวนด้าไว้
พอดีคมน์ได้รับโทรศัพท์ตามให้ไปสัมภาษณ์ออกวิทยุ แวนด้าเร่งให้รีบไป ส่วนตัวเองเดินตามป้องปกไปในครัว ซุ่ยมองตาขวางพึมพำไม่พอใจ
“มีแฟนแล้วยังมาสอยเฮียป้องอีก ฉันไม่ยอมหรอก แวนด้า!!”
แวนด้าตามไปอ้อนป้องปกให้พาไปดูต้นไม้ ป้องปก หันบอกซุ่ยว่าเดี๋ยวมา แล้วออกไปกับแวนด้า
“คิดว่าฉันจะปล่อยให้เธออ่อยเฮียป้องเหรอ ไม่มีทาง” ซุ่ยจิกตามองตามคิดอะไรขึ้นมาได้เลยแยกไปอีกทาง
แวนด้าอ่อยป้องปก เมื่อเขาไม่สนใจก็แกล้งทำเป็นสะดุดล้มเดินไม่ไหว ป้องปกจึงประคองไว้ ดูเผินๆเหมือนสองคนกำลังกอดกัน
ซุ่ยแก้เผ็ดไปตามคมน์มาดู คมน์พุ่งเข้าชกป้องปกทันที เพื่อนรักเลยกลายเป็นเพื่อนแค้นขัดใจกันเพราะแวนด้า
ซุ่ยต่อว่าป้องปกที่ปล่อยให้คมน์ชกฝ่ายเดียว แต่ป้องปกบอกว่าดีที่คมน์เข้ามา เพราะวันนี้ดูแวนด้าทำตัว แปลกๆ ตนรับมือไม่ถูกเหมือนกัน
“รับมือไม่ถูกอะไร เห็นกอดแน่นเชียว” ซุ่ยเหน็บด้วยอารมณ์หึงไม่รู้ตัว พอดีกอหญ้ามาตามไปทานผลไม้
ซุ่ยมองกอหญ้าอย่างสังเกตเห็นว่าใกล้ชิดกับป้องปกมาก ก็รู้สึกกระวนกระวายใจพิกล ถามตัวเองว่า
“ทำไมถึงรู้สึก...ใจหายนะ เป็นอะไรไปเนี่ยเรา”
คมน์พาแวนด้ากลับบ้าน แวนด้านัวเนียอ้อนอย่าโกรธป้องปกเลยเพราะเขาไม่ใช่คนแบบนั้น คมน์ในอารมณ์หึงหวงบอกแวนด้าว่าไม่โกรธก็ได้ แต่ต่อไปห้ามพูด ห้ามคุย ห้ามมองผู้ชายอื่น ต้องอยู่ใกล้ๆตนแบบนี้เท่านั้น
แวนด้ายั่วจนคมน์ทนไม่ได้ กอดเธอไว้แน่น
แวนด้าหัวเราะระริกยั่วยวน...ครู่เดียวเสียงหัวเราะก็เงียบไป...
ฝ่ายป้องปกนั่งที่ม้าหินในสวน ให้กอหญ้าในร่างซุ่ยประคบรอยฟกช้ำให้บอกว่าพรุ่งนี้จะได้ไม่บวม
“ซุ่ยไม่เคยดูแลเฮียอย่างนี้เลยนะ” ป้องปกมองกอหญ้าเอ่ยอย่างพอใจปนสงสัย กอหญ้าถามว่าไม่เคยเลยหรือ ตำหนิตัวเองว่าทำไมละเลยเฮียอย่างนี้ เอ่ยขอโทษและต่อไปจะปรับปรุงตัวเอง “ไม่...พี่ไม่ได้ว่าซุ่ยนะ แค่พูดออกมาเพราะรู้สึก...ไม่รู้สิ...ไม่ชินมั้ง ซุ่ยเป็นแบบนี้ก็ดี แต่
ซุ่ยเป็นซุ่ยแบบเดิมก็ได้ ไม่ต้องปรับต้องเปลี่ยนอะไรมากนักหรอก มันแปลกๆน่ะ”
กอหญ้าถามว่าตนอยากดูแลเขาเหมือนเขาดูแลตน มันแปลกตรงไหน เราอยู่ด้วยกันก็ต้องดูแลกันไม่ใช่หรือ ถามว่า
“เฮียป้องดีกับซุ่ย ซุ่ยก็ต้องดีกับเฮียป้องบ้างสิ”
ความอ่อนโยนดูแลป้องปกอย่างดีและใกล้ชิดของกอหญ้าในร่างซุ่ย ทำให้ป้องปกผ่อนคลายและเคลิ้ม แต่เตือนตัวเองว่า “ไอ้ป้อง...อย่า...นายต้องให้เกียรติซุ่ยสิวะ” ป้องปกพยายามห้ามใจตัวเอง บอกซุ่ยว่าดึกแล้วไปนอนเถอะ พอหันมองจึงรู้ว่าซุ่ยหลับไปแล้ว เขามองอย่างเป็นห่วง บอกตัวเองว่า “พี่จะทำให้ซุ่ยหายให้ได้” แล้วอุ้มซุ่ยเข้าไปในบ้าน
ฝ่ายซุ่ยในร่างกอหญ้าสะดุ้งตื่นจากฝันที่เห็นกอหญ้าใกล้ชิดกับป้องปก ลุกพรวดขึ้นมาแล้วบ่นตัวเอง...
“ฝันว่าเฮียป้องสวีตกับกอหญ้าได้ไงเนี่ย เพ้อเจ้อจริงๆ เอ...หรือว่าจริง!!” แต่แล้วก็ปลอบใจตัวเองว่า “เฮียป้อง ไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก”
แต่ใจไม่สงบ ซุ่ยสะบัดผ้าห่มลุกขึ้นจะไปดูให้รู้แน่ แต่พอดูนาฬิกาเพิ่งตีสี่ครึ่ง นาฬิกาปลุกพอดีซุ่ยตกใจแทบขว้างนาฬิกาทิ้ง รีบปิดเสียงปลุกก็พอดีแม่แก้วเข้ามาบอกให้เตรียมตัวไปตลาดกัน ซุ่ยถามว่าตีสี่ครึ่งเนี่ยนะ?!
“ใช่สิ เราต้องช่วยกันเตรียมอาหาร เย็นนี้คุณหยกจะมีแขกมาบ้านเป็นสิบเลย” แม่แก้วเร่งให้ไปอาบน้ำเดี๋ยวตลาดจะวายเสียก่อนพูดแล้วออกไปเลย ซุ่ยมองนาฬิกาเซ็งๆ...
ระหว่างไปตลาด แม่แก้วซื้อหมู ซื้อปลา ซื้อกุ้ง
ซุ่ยทำหน้าแหยเมื่อต้องช่วยแม่เลือกของสดเหล่านั้น ซ้ำยังต้องหิ้วผักอีกหลายถุง นึกเปรียบเทียบในใจว่าทำงานหนักกว่าตอนเป็นโรสเสียอีก
ซุ่ยคิดกังวลว่า ป่านนี้กอหญ้ากับเฮียป้องจะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว จะแอบหนีไปดู ก็พอดีนายชุ่มที่มาซื้อกับข้าว เหมือนกันเร่งให้เอาของไปไว้ที่รถ ซุ่ยเดินบ่นเซ็งๆ “แล้วเมื่อไหร่จะได้ไปเนี่ย...”
ooooooo
เช้านี้...รังสิตที่ถูกโรสสะบั้นรักและถูกน้ำหวานปฏิเสธ เซ็งกับชีวิตที่ผิดหวัง ถือโน้ตบุ๊กเข้าไปนั่งดื่มกาแฟในร้าน
ขณะนั้นเอง ป้องปกขับรถกระบะมาจอด ขนต้นไม้ลงจากรถกับลูกน้องเอาจริงเอาจัง รังสิตในชุดทำงานเท่ เนี้ยบไปยืนเผชิญหน้าป้องปกที่ใส่ชุดทำสวนหน้ามันเลื่อมเหงื่อไหลย้อย รังสิตมองป้องปกเหมือนจะประเมินว่าเขาดีกว่าตนตรงไหน
แล้วจู่ๆรังสิตก็ถอดนาฬิกา ถอดสูทพาดไว้ที่รถ ถลกแขนเสื้อ บอกป้องปกว่า “ตอนนี้เราเท่ากันแล้วนะ” แล้วลงมือช่วยขนต้นไม้เข้าไปในร้าน ป้องปกมองงงๆว่ารังสิตทำอะไร ฝ่ายรังสิตก็ตั้งหน้าตั้งตาขนต้นไม้ไม่พูดไม่จา จนหมดแล้วชวนป้องปกเข้าร้านกาแฟบอกว่าตนเลี้ยงเอง ป้องปกบอกว่าเขาช่วยขนต้นไม้จนเหงื่อท่วมตนจ่ายดีกว่า
“งั้นผมไม่เกี่ยงล่ะ ผมสั่งเลยนะ ลาเต้เย็น น้ำเชื่อมเฮเซลนัทครับ”
“ผมขอชาเขียวปั่นไม่หวาน”
รังสิตจิกนิดๆว่าดูเขาชอบอะไรกรีนๆ เขียวๆ ดูรักธรรมชาติและดูแลสุขภาพจริงๆ ป้องปกบอกว่าที่จริงชาก็มีคาเฟอีนไม่น้อยกว่ากาแฟ
“ผมว่าคนดื่มชา ดูเจ้าเล่ห์กว่าคนดื่มกาแฟ” รังสิตจิกอีก ป้องปกได้แต่ยิ้ม ไม่ตอบ
จากการสนทนา รังสิตรู้ว่าป้องปกเรียนที่เกษตรแต่คณะเศรษฐศาสตร์ เขาถามว่าทำไมจึงมามีอาชีพขายต้นไม้ จัดสวน
ป้องปกบอกว่าไม่ต้องเรียนก็ทำได้ นี่เป็นงานรอง ทำในสิ่งที่ชอบ พอดีมีนักศึกษาคนหนึ่งมาส่งงาน ป้องปกให้เอาไปเข้าเล่มทำปกให้เรียบร้อยก่อน ดีที่ส่งทันเวลาถ้าช้ากว่านี้โดน!
“คุณเป็นอาจารย์?”
“ครับ อาชีพหลักคือรับราชการเป็นครู”
รังสิตถามว่าเรียนเศรษฐศาสตร์มีอาชีพอีกมากมายที่ทำให้ชีวิตเจริญรุ่งเรืองได้ ป้องปกถามว่าแล้วตนไม่เจริญรุ่งเรืองตรงไหน รังสิตถามว่าเพราะเงินเดือนข้าราชการมันน้อยหรือเปล่า เขาถึงต้องขายต้นไม้เป็นอาชีพเสริม
ป้องปกมองรังสิตขำๆ ถามว่าเชื่อไหมตนไม่เคยคิดถึงเรื่องเงินเลย พูดช้าๆอย่างจงใจให้รู้ว่า
“ผมสอน เพราะผมชอบงานสอน ผมชอบปั้นคน สร้างคน ผมทำงานขายต้นไม้ เพราะผมชอบปลูกต้นไม้ มันมีส่วนช่วยแก้ปัญหาโลกร้อน” เขาหยุดหัวเราะเบาๆ พูดออกตัวติดตลกว่า ฟังดูหล่อ พระเอกมากใช่ไหม แต่ตนชอบทุกอย่างที่ทำจริงๆ เล่าอย่างภูมิใจว่า “บ้านผมไม่ได้รวยมาแต่บรรพบุรุษ พ่อแม่ผมก็เป็นครู แต่บ้านผมมีความสุข ผมมีใช้ มีเก็บ ไม่ได้ลำบากยากจนอะไร ไม่มีหนี้สิน เพียงแต่ผมไม่ได้ใช้ของแพงๆ แต่คุณจะเชื่อผมไหมก็ไม่รู้ ถ้าคนมีรสนิยมดีนะ ไม่ต้องใช้เงินเข้าแลกก็อยู่อย่างเท่ๆได้”
รังสิตมองป้องปก หน้าค่อยๆเครียดขึ้น เมื่อนึกบอกตัวเองว่า
“ทำไมรู้สึกแพ้ทั้งๆที่ยังไม่ได้แข่งเลยวะ ใครจะไปเอาชนะคนที่ชอบชีวิตตัวเองขนาดนี้ได้...ผู้ชายแบบนี้เหรอ ที่โรสชอบ” รังสิตยกกาแฟขึ้นจิบ แต่ตายังมองป้องปกอย่างทึ่ง แกมอัศจรรย์ใจ
ooooooo
พอกลับถึงบ้าน แม่ก็รีบเข้าครัว ซุ่ยเอาผ้ากันเปื้อนคาด แล้วหยิบเมนูอาหารที่ต้องทำอ่าน พอเห็นอาหารตั้งเกือบสิบอย่างก็โวยว่าเยอะขนาดนี้สั่งจากร้านไม่ดีกว่าเหรอ แม่แก้วถามว่าถ้าจะสั่งจากร้านแล้วจะจ้างเราไว้ทำไมล่ะ?
แม่แก้วดูเมนูบอกว่าต้องทำขาหมูพะโล้ก่อนเพราะต้องเคี่ยวนาน แล้วสั่งซุ่ยให้หมักซี่โครงหมูไว้ก่อนเลย แล้วค่อยเตรียมเครื่องแกง ซุ่ยเซ็งบ่นงึมงำ “ชาตินี้จะได้ไปหากอหญ้ากับเฮียป้องไหมเนี่ย?”
บ่นไม่ทันขาดคำ คุณหยกก็เข้ามาบอกแม่แก้วให้ไปรับเสื้อที่สั่งตัดไว้และเลยไปเอาดอกไม้จากร้านประจำให้ด้วย ให้นายชุ่มขับรถไปจะได้เร็ว แม่แก้วเลยหันบอกซุ่ยให้จัดการงานครัวที่เหลือต่อด้วย ซุ่ยโวยวายว่ากับข้าวตั้งเกือบสิบอย่างตนทำไม่เป็นสักอย่าง ไม่เคยทำด้วย
คุณหยกและแม่แก้วตกใจ ซุ่ยรู้สึกตัวเปลี่ยนท่าทีฉับพลัน หัวเราะแหะๆ แก้ตัวว่า
“กอหญ้าล้อเล่นค่ะ โอ๊ย...ทำคนเดียวสบาย กอหญ้าจัดการได้หายห่วง” แต่พอคุณหยกกับแม่แก้วออกไป ซุ่ยก็มองไปรอบครัวบ่นหนักใจ “จะรอดไหมเนี่ย?”
แต่ซุ่ยซะอย่าง เมื่อไม่เคยทำ ทำไม่เป็น ก็เปิดมือถือเข้าไปดูวิธีทำอาหารในเว็บไซต์ ดูไปทำไป แม้จะเงอะงะแต่ก็ทำได้สำเร็จทุกอย่าง ดูอาหารหน้าตาจืดชืดทั้งหมดแล้ว พูดให้กำลังใจตัวเองว่า
“กอหญ้าเก่งเรื่องนี้อยู่แล้ว ยังไงก็ต้องอร่อยแหละ”
เหลือบมองนาฬิกาเห็นบ่ายสี่แล้วก็เริ่มลำเลียงอาหารไปตั้งโต๊ะแล้วเตรียมตัวจะไป คุณหยกเข้ามาเห็นอาหารเต็มโต๊ะก็โวยว่าทำไมรีบเอามาวาง แขกยังไม่มาเดี๋ยวก็เย็นหมด พลางชิมอาหาร พออาหารเข้าปากก็บ้วนทิ้งแทบไม่ทัน เข้าไปดูในครัว เห็นทั้งรกทั้งสกปรกราวกับกองขยะ คุณหยกแทบเป็นลม โวยลั่น
“กอหญ้า!! นี่มันอะไรกันเนี่ย!!!”
ooooooo
กอหญ้าในร่างซุ่ยได้ยินแม่บ่นเรื่องของแพง ผักชีกำละตั้ง 15-20 บาท เลยคิดปลูกพืชผักสวนครัวไว้กินเอง ป้องปกกลับมาเห็นบอกกอหญ้าว่าเฮียบอกแล้วว่าอย่าเปลี่ยนแปลงตัวเองเยอะนัก มันแปลก
กอหญ้าถามว่าแปลกยังไง
“ก็เมื่อก่อนเจ๊ซุ่ยมีแต่สิ้นเปลืองน่ะสิ” หลิวตอบแทน กอหญ้าถามว่าจริงหรือ ป้องปกตัดบทถามว่าปลูกอะไรบ้าง กอหญ้าบอกว่าสะระแหน่ โหระพา พริก ผักชี ต้นหอม กะเพรา ป้องปกชมว่าทำได้หลายเมนูเลยนะเนี่ย แต่ปลูกแบบนี้ไม่ขึ้นหรอก ป้องปกสอนตั้งแต่การเตรียมดิน จนเลือกเมล็ดและกิ่งพันธุ์ หลิวเห็นป้องปกกับกอหญ้าช่วยกันเตรียมดินอย่างใกล้ชิดก็ค่อยๆเลี่ยงออกไป
ม่ากับแม่แอบดูอยู่ ม่าพูดกับแม่อย่างสบายใจว่า “ไม่ได้เห็นภาพแบบนี้มาตั้งนาน ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมด้วยกัน” แม่พูดอย่างสบายใจเช่นกันว่าเป็นอย่างนี้ได้เสียทีก็ดีเหมือนกันนะ ทันใดทุกคนก็สะดุ้งเมื่อซุ่ยยื่นหน้ามาถามว่าอะไรดีเหรอคะ?
“อ้าว พี่กอหญ้า” หลิวหันมาทัก ซุ่ยถามว่าแอบดูอะไรกันอยู่หรือ แม่ ม่า หลิวชี้ให้ดู ซุ่ยหน้าเสียเมื่อเห็นป้องปกกับกอหญ้าสอนเตรียมดินกันกะหนุงกะหนิงหยอกล้อกันอย่างร่าเริงก็ทนไม่ได้เดินลิ่วไปทำทีเป็นห่วงกอหญ้าว่าสุขภาพไม่ดีไม่ควรมาตากแดด ดินก็มีเชื้อโรคเดี๋ยวจะยิ่งแย่ให้เข้าบ้านไปดีกว่า หลิววิ่งมาบอกว่า
“ไม่เป็นไรหรอกพี่กอหญ้า เฮียป้องก็อยู่ ยังไงเฮียป้องก็ต้องดูแลเจ๊ซุ่ยอยู่แล้ว”
ซุ่ยยิ่งไม่พอใจบอกกอหญ้าว่าเธอต้องดูแลตัวเองอย่ารบกวนคนอื่น ป้องปกบอกว่าไม่รบกวนตนเต็มใจดูแลอยู่แล้ว ซุ่ยหันขวับถามว่าในฐานะอะไร ป้องปกบอกว่าพี่ชาย แต่ม่า แม่ และหลิวที่ตามมาต่างพยายามบอกว่ามากกว่าพี่ชายแต่ไม่ใช่แฟน หลิวโพล่งไปว่า “งั้นเป็นเพื่อนสนิทที่สุดแบบที่ดาราชอบตอบ” แต่ม่าติงว่าเฮียป้องเป็นมากกว่านั้น แม่ถามว่าเฮียป้องเป็นอะไร กอหญ้าตอบทันทีว่า
“เป็นคนพิเศษค่ะ เฮียป้องเป็นคนพิเศษ พิเศษเหมือนแม่ เหมือนม่า เหมือนหลิว เฮียป้องคือครอบครัว ซุ่ยอยู่กับเฮียป้องแล้วรู้สึกอบอุ่นมากค่ะ”
กอหญ้าในร่างซุ่ยพูดซื่อๆ จริงใจ แต่ซุ่ยในร่างกอหญ้าฟังแล้วทนไม่ได้ ชักสีหน้าใส่อย่างไม่พอใจ หมั่นไส้มาก ทำอะไรไม่ได้ก็เดินไปที่ต้นลีลาวดีเด็ดใบระบายอารมณ์อย่างที่เคยทำ ป้องปกมาเจอถามว่าทำไมมาเด็ดใบต้นนี้
“ทำไม เด็ดไม่ได้หรือ ก็ฉันเห็นเพลี้ย” ป้องปกหน้าเครียดทันทีถามว่าเธอรู้เรื่องนี้ด้วยหรอ ซุ่ยทำไขสือถามว่าเรื่องอะไร ป้องปกบอกว่า ต้นเฮียป้อง ซุ่ยทำเฉไฉว่าต้นอะไรชื่อเชย ขอโทษที่เด็ดใบต้นไม้ของเขา แต่เด็ดไม่กี่ใบเดี๋ยวมันก็งอกใหม่ ซุ่ยกลบเกลื่อน แต่ป้องปกมองอย่างสงสัยพึมพำ “อีกคนแล้วหรือ ทำตัวเหมือนซุ่ยเมื่อก่อน”
ซุ่ยถามว่าซุ่ยเมื่อก่อนเป็นยังไง เขาบอกกว่าก็เหมือนคุณตอนนี้ไง ซุ่ยถามว่าแล้วตอนนี้เป็นยังไงพูดมาเลย กอหญ้ารีบเข้ามาขวางขอร้องว่าอย่าทะเลาะกันเลย ซุ่ยโต้ว่าไม่ได้ทะเลาะแต่เป็นการถามเฉยๆ คาดคั้นป้องปกว่า
“ว่าไงล่ะเฮียป้อง พูดมาเลย เฮียป้องชอบซุ่ยตอนนี้มากกว่าใช่ไหม”
ป้องปกนิ่ง แต่กอหญ้าทำท่าเหมือนปวดหัว บ่นเบาๆ “เสียงดังจัง...” แล้วจู่ๆกอหญ้าก็ร่วงไป ป้องปกตกใจรีบรับไว้ เมื่ออุ้มกอหญ้าเข้าไปในบ้าน แม่บ่นว่านึกว่าวันนี้จะไม่หลับแล้วเสียอีก ป้องปกตำหนิตัวเองว่าไม่น่าให้ซุ่ยไปตากแดดขุดดิน ม่าติงว่าออกกำลังนิดๆ หน่อยๆไม่น่าเหนื่อยมาก หลิวพูดสบายๆหน้าระรื่นว่า
“ทุกคนไม่ต้องคิดมากเดี๋ยวเจ๊ซุ่ยก็ตื่น เจ๊ซุ่ยยังไม่ได้ปลูกผักชีเลยหลิวไม่ปลูกให้นะ รีบตื่นมานะจ๊ะเจ๊ซุ่ย”
ooooooo
ซุ่ยลากลับ ขณะเดินออกมานึกถึงสภาพของกอหญ้าในร่างตนที่อ่อนแอหนักขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็หนักใจว่าปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไปต้องยิ่งแย่ลงแน่ๆ ป้องปกตามมาถามว่าดึกแล้วจะกลับอย่างไร
“ถ้าจะเรียกแท็กซี่เจ้าเก่าให้ ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันกลับเองได้”
ป้องปกชะงักถามว่ารู้เรื่องแท็กซี่เจ้าเก่าด้วยหรือ เธอโมเมว่าซุ่ยเคยเล่าให้ฟัง ป้องปกแย้งว่าเรื่องนี้ซุ่ยไม่รู้ เพราะตนเคยเรียกแท็กซี่ให้คุณโรส พอถูกจับได้ซุ่ยแกล้งพาลหาว่าเขาจับผิด แก้ตัวว่าตนฟังคนนี้เล่าคนนั้นเล่าก็สับสนไปบ้าง ไม่ได้ตอบคำถามชิงรางวัล จะต้องให้ถูกเป๊ะๆ
“รู้ไหมคุณมีหลายอย่างเหมือนซุ่ยมาก แต่บางครั้งคุณโรสกับคุณแวนด้าก็ชอบทำอะไรหลายๆอย่างเหมือนซุ่ย ทำสิ่งที่ซุ่ยเลิกทำแล้วหลังจากที่สุขภาพเริ่มแย่ลง” เขาพูดถึงซุ่ยอย่างเสียดายว่า “ที่จริงซุ่ยน่าจะรู้ว่าตัวเองเป็นคนมีเสน่ห์ มีชีวิตชีวา แต่เขาชอบพูดว่าใครๆ ก็ดีกว่า เขาสู้ใครไม่ได้เลย...ขอบคุณมากนะครับที่เป็นห่วงซุ่ย กลับบ้านดีๆนะครับ”
“เดี๋ยว...ที่ฉันถามเมื่อตอนเย็นน่ะ เรื่องซุ่ยเมื่อก่อนกับซุ่ยตอนนี้ เฮียป้องจะตอบว่าอะไรเหรอ”
“ผมรู้ว่าซุ่ยแปลกไป แต่ไม่ว่าจะเป็นตอนไหน ขอแค่เป็นซุ่ย ผมก็จะดูแลอย่างดีที่สุด”
ซุ่ยนิ่งอึ้ง อยากบอกเหลือเกินว่า “ซุ่ยอยู่ตรงนี้ไง เฮียป้อง...ซุ่ยอยู่ตรงนี้...” แต่ก็พูดไม่ได้
ดึกแล้วซุ่ยเพิ่งกลับถึงบ้าน ทั้งคุณหยก แม่แก้วและนายชุ่ม ทุกคนรอซุ่ยอยู่ คุณหยกพูดอย่างผิดหวังว่าไม่นึกว่าซุ่ยจะทิ้งงานไปอย่างนี้ นายชุ่มว่าอาหารที่ทำก็แย่มาก จนแม่แก้วต้องทำใหม่ทั้งหมด
คุณหยกตำหนิว่าทิ้งงานไปปล่อยให้แม่แก้วต้องเหนื่อยขนาดนี้ได้ยังไง ซุ่ยโต้ว่าถ้าไม่อยากให้แม่เหนื่อยคุณหยกก็อย่าใช้งานแม่มาก ให้แม่ได้พักบ้าง แม่แก้วปรามและให้ขอโทษคุณหยก ซุ่ยยกมือไหว้ขอโทษถามว่า ขอโทษแล้วพูดต่อได้ใช่ไหม แล้วซุ่ยก็พูดต่อโดยไม่รอฟังคำตอบ
ซุ่ยสาธยายการทำงานของแม่แก้วตั้งแต่ตีสามตีสี่จนถึงเที่ยงคืนทุกวัน คุณหยกถามว่าที่อาหารไม่อร่อยเพราะทำประชดตนใช่ไหม เสียใจที่ซุ่ยมีอะไรไม่พูดกันดีๆ แม่แก้วขอโทษคุณหยกแทนลูก รับปากว่าจะสั่งสอนลูกเองแล้วลากซุ่ยออกไป
แม่แก้วดุซุ่ยที่พูดจาก้าวร้าวกับคุณหยก ซุ่ยเถียงว่าแม่อยากให้ตนเป็นคนโกหกหรือ ตนพูดความจริงที่คุณหยกใช้งานแม่เหมือนเราไม่ใช่คนไม่รู้แม่จะทนไปทำไม
“แม่ไม่ได้ทน แต่แม่ยินดีรับใช้คุณหยกตอบแทนบุญคุณที่คุณหยกมีให้ครอบครัวเรา” ซุ่ยถามว่าบุญคุณอะไร แม่แก้วดุว่า “ทำเป็นจำไม่ได้ ลืมแล้วหรือที่เรามีวันนี้เพราะใคร?”
แล้วแม่แก้วก็ทบทวนความหลังให้ฟังว่า หลายปีก่อนพ่อเป็นคนขับรถพาคุณพ่อ คุณแม่ พี่สาวและน้องชายคุณหยกไปเที่ยวต่างจังหวัด เกิดอุบัติเหตุทุกคนจากไป เหลือแต่คุณหยกที่ติดธุระไม่ได้ไปด้วยแม่กับกอหญ้าก็ต้องเสียพ่อไป แต่คุณหยกรับอุปการะเลี้ยงดูส่งเสียกอหญ้าเรียนจนจบ เล่าแล้วแม่บอกกอหญ้าจริงจังว่า
“คุณหยกเมตตาเราสองแม่ลูก ให้ที่อยู่ ที่กิน ให้ความรู้ ต่อให้เราต้องทำงานหนักกว่านี้แม่ก็เต็มใจ... กอหญ้า...ถึงมันจะเหนื่อย เราก็ต้องภูมิใจนะ เราทำดี ความกตัญญูเป็นพื้นฐานของคนดี ถ้ากอหญ้าไม่รู้จักคุณคน ไม่ตอบแทนคนที่ดีต่อเรา ชาตินี้กอหญ้าจะเจริญได้ยังไง กอหญ้าไปขอโทษคุณหยกนะ”
รุ่งขึ้น แม่แก้วพาซุ่ยในร่างกอหญ้าไปกราบขอโทษคุณหยก คุณหยกเมตตาให้อภัย แนะนำว่า คำพูดอันตราย มาก ก่อนพูดเราเป็นนายแต่หลังพูดไปแล้วเราแก้ไขอะไรไม่ได้ ตนยกโทษให้ แต่ยังไงก็เรียกคืนความรู้สึกที่เสียไปไม่ได้ ครั้งนี้ให้ถือเป็นบทเรียนต่อไปอย่าทำอีก แต่ก็ติงว่าที่จริงนี่ไม่ใช่นิสัยของกอหญ้า ถามว่ามีปัญหาอะไรไหม ถ้างานหนักเครียดจะเรียนต่อไหม ซุ่ยตกใจเพราะไม่เคยคิดเรื่องเรียนต่อ ได้แต่ยิ้มให้คุณหยกแบบแบ่งรับแบ่งสู้
ooooooo
ในการทำตลาดสูตรสมุนไพรกันแดดและไล่แมลงได้สองตัวคือมหาหงส์กับแคทนิป งานนี้โรสมีกอหญ้าเป็นผู้ช่วยและรังสิตร่วมทีม ทั้งคู่หมางเมินกัน ซ้ำความเห็นต่อสินค้ายังขัดแย้งกัน
โรสชอบแคทนิปเพราะกลิ่นอ่อนๆซึมเร็ว อีกทั้งชื่อก็แปลกน่าจะเป็นจุดขายได้ แต่รังสิตชอบกลิ่นมหาหงส์ ชื่อก็เพราะคนน่าจะชอบ ซุ่ยจึงเอาแคทนิปไปถามป้องปกว่ารู้จักไหมเขาจะเอามาผสมกับครีมเป็นสูตรใหม่ ไล่แมลงได้ จะเป็นอันตรายหรือเปล่า
ป้องปกบอกว่าคล้ายสะระแหน่ หรือจะเป็นต้นกัญชาแมว เพื่อความแน่ใจเขาพาซุ่ยไปดูที่เรือนเพาะต้นไม้ เปิดโน้ตบุ๊กหาข้อมูลในกูเกิล
ซุ่ยมองไปรอบๆอย่างแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นเรือนเพาะต้นไม้นี้มาก่อน นึกถามตัวเองว่าเขาสร้างตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมตนไม่เคยเห็น ทำให้รู้สึกตัวว่า “ที่ผ่านมา เราละเลย ไม่ใส่ใจในตัวเฮียป้องขนาดนี้เลยเหรอ”
ป้องปกค้นหาจนได้ข้อมูลว่าน้ำมันระเหยจากแคทนิปสามารถไล่ยุงได้ดีกว่ายาที่ขายตามท้องตลาดอีก แต่ยังไม่มีผลการวิจัยรับรองว่าปลอดภัยกับคน ซุ่ยดีใจมากรีบไปดูจนสะดุดสายยางหน้าคะมำมือไปคว้าต้นโป๊ยเซียนที่ตั้งอยู่ข้างโต๊ะโดนหนามโป๊ยเซียนตำเลือดไหล เลยหันมาสนใจเรื่องบาดแผลดูแลกันอย่างใกล้ชิด
ความห่วงใยดูแลกันใกล้ชิดนี้ทำให้นึกถึงตอนที่ป้องปกสอนซุ่ยขี่จักรยาน เมื่อล้มฟกช้ำเป็นแผลก็ดูแลกันอย่างดี ป้องปกคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตจนเหมือนตกอยู่ในภวังค์ เห็นกอหญ้าตรงหน้าเป็นซุ่ย พลั้งปากเรียกเป็นซุ่ยไปหลายครั้ง
กอหญ้าเดินมาเห็นถามว่าทำอะไรกันอยู่ ป้องปกรีบผละออกจากซุ่ย จนซุ่ยแปลกใจว่าเขาทำเหมือนไม่อยากอยู่ใกล้ตนต่อหน้ากอหญ้า
กอหญ้ามาชวนซุ่ยอยู่กินข้าวเย็นด้วยกัน บอกว่าวันนี้มีพะแนงไก่ของโปรดเฮียป้องด้วย ป้องปกบ่นว่าบอกให้พักก็เข้าครัวอีกแล้ว ความห่วงใยกอหญ้าของป้องปกทำให้ซุ่ยหมั่นไส้ไม่สบายใจเลยขอกลับ แต่กอหญ้ามึนหัวและชักเสียก่อนเลยโกลาหลกัน ป้องปกหาอะไรใส่ปากกอหญ้าไม่ให้กัดลิ้นตัวเองไม่ทันจึงเอานิ้วใส่ปากแทน ถูกกอหญ้ากัดจนเลือดออก...
“เฮียป้องยอมเจ็บเพื่อซุ่ยขนาดนี้เลยเหรอ?” ซุ่ยพึมพำ อดคิดไม่ได้ว่า “กอหญ้าอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ
เลยนะ เพราะเธออยู่ในร่างฉันเธอเลยอ่อนแอใช่ไหม แล้วถ้าเรายังเป็นอย่างนี้ต่อไป เธอจะไหวไหม หรือจะแย่กว่านี้ นี่ฉันควรช่วยเธอแล้วก็ช่วยร่างฉันยังไงดี”
ซุ่ยเห็นนิ้วป้องปกถูกกัดจนเลือดออก จึงทำแผลให้ ระหว่างนั้นซุ่ยถามวัดใจเขาว่า “ถามจริงๆทำไมคุณต้องห่วงซุ่ยนัก ทั้งๆที่ซุ่ยก็ไม่ค่อยจะดูดำดูดีคุณเท่าไหร่
ยิ่งเมื่อก่อนยิ่งร้าย ทะเลาะกับคุณทุกวัน ทำไมคุณยังทนอยู่อีกล่ะ”
ป้องปกนิ่งไปอึดใจก่อนตอบเสียงหนักแน่นว่า
“ถ้าวันไหนคุณรักใครสักคนมากๆ อยากเห็นเขามีความสุข ไม่อยากให้เขาเจ็บป่วยหรือเศร้าเสียใจ ไม่อยากได้อะไร แค่อยากดูแลเขาไปตลอด...วันนั้น คุณจะเข้าใจ”
ซุ่ยชะงักอึ้งเมื่อรู้ว่าป้องปกรักตน กังวลขึ้นทันทีว่า เมื่อวันนี้ซุ่ยไม่ได้เป็นซุ่ยแล้วจะทำอย่างไรดี ว้าวุ่นใจจนร้องไห้
กลับถึงบ้านแล้วยังว้าวุ่นใจจนนอนไม่หลับ วนเวียนถามแต่ว่าเฮียป้องรักซุ่ยจริงๆหรือ ผุดลุกขึ้นนั่งเครียดว่า
“รักซุ่ยคนเดิมที่นิสัยเป็นซุ่ย หรือรักตัวซุ่ยที่มีนิสัยเป็นกอหญ้า แล้วจิตใจของกอหญ้าที่อยู่ในตัวซุ่ยคิดอะไรกับเฮียป้อง แล้วร่างกายของซุ่ยล่ะ จะเป็นอะไรมากไหม อาการจะหนักอย่างนี้หรือเปล่า...โอ๊ย...จะทำยังไงดี...” ยิ่งคิดยิ่งกังวล สับสน สุดท้ายบอกตัวเองว่า “ปล่อยไปอย่างนี้ไม่ได้แล้ว...ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง!”
ฝ่ายคมน์ หลังจากหึงแวนด้าจนชกป้องปกเสียเพื่อนไปแล้ว ก็หลงมารยาของแวนด้าหัวปักหัวปํา เมื่อแวนด้า อ้อนคมน์ให้พาเข้าวงการ วันนี้คมน์จึงพาไปแคสกับผู้จัดคือต้น แวนด้าแคสไม่ผ่านเพราะเล่นแข็งเป็นหุ่นยนต์ แต่คมน์คุกเข่าอ้อนวอนต้น บอกว่าจะไม่ลุกจนกว่าต้นจะรับแวนด้าร่วมแสดงในละครที่ตนแสดงอยู่ จนผู้จัดต้นต้องยอม
นอกจากแวนด้าจะเล่นแข็งต้องเทกจนทีมงานอ่อนใจแล้ว แวนด้ายังยั่วยวนอ่อยผู้จัดต้นจนคมน์หึง ที่เคยเล่นละครได้อย่างถึงบทก็กลายเป็นเทกแล้วเทกอีกจนผู้กำกับหัวเสียบ่นว่า เมื่อก่อนไม่เคยเป็นอย่างนี้เลย เหลือบไปเห็นแวนด้ากำลังหัวเราะคิกคักกับผู้จัดต้นก็ถึงบางอ้อว่า “สงสัยจะมาเสียเพราะชะนี”
ooooooo
ซุ่ยตัดสินใจจะต้องสลับร่างคืนกับกอหญ้าให้ได้ จึงส่งข้อความหลอกให้กอหญ้ามาที่สนามกีฬา กอหญ้ารีบมาด้วยความเป็นห่วง พอเจอหน้า ซุ่ยเสนอทันทีว่า “ฉันอยากได้ร่างฉันคืน”
กอหญ้าไม่รู้อิโหน่อิเหน่ถามซุ่ยว่าไม่สบายหรือเปล่า ซุ่ยเห็นว่าการขอตรงๆไม่ได้ผล จึงใช้แผนสองกระโดดทับร่างกอหญ้าหมายให้สลับร่างคืน ก็ไม่ได้ผลอีก กอหญ้าบอกซุ่ยว่าเธอไม่สบายแน่ๆ ให้เฮียป้องพาไปหาหมอไหม
“ไม่!!! ฉันไม่ได้ป่วย เธอนั่นแหละป่วยกอหญ้า เธอป่วยเพราะเธอมาเป็นฉัน แล้วนับวันเธอก็ยิ่งอาการแย่ลงเรื่อยๆ ฉันปล่อยให้เธอเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เราต้องสลับร่างกัน เธอต้องกลับมาเป็นกอหญ้า ฉันจะได้กลับไปเป็นซุ่ย ฉันต้องการร่างของฉันคืน”
ทดลองมาสองวิธีไม่ได้ผล ซุ่ยจึงใช้วิธีสุดท้ายลากกอหญ้าไปที่สระว่ายน้ำในสนามกีฬา ดึงกอหญ้ากระโดดลงสระด้วยกันกอดกอหญ้าไว้แน่นหมายให้ตายจะได้สลับร่างคืน ขณะที่กอหญ้ากำลังจะหมดลม ป้องปกก็มาดึงร่างเธอขึ้นมา เพราะกอหญ้าเขียนโน้ตทิ้งไว้ก่อนออกมาหาซุ่ย เขาจึงตามมาด้วยความเป็นห่วง
ป้องปกโมโหซุ่ยในร่างกอหญ้ามาก ปรามไม่ให้ยุ่ง ไม่ให้เข้าใกล้ซุ่ยอีก แล้วอุ้มซุ่ยออกไป
ซุ่ยถูกทิ้งให้อยู่ลำพังที่สนามกีฬา ฟุบหน้ากับฝ่ามือหลังงอห่อไหล่อย่างหมดแรง....เฝ้าถามตัวเองว่า ฉันจะทำยังไงดี? พลันก็นึกถึงด็อกเตอร์ถ้วยทองขึ้นมา ตะโกนหาด็อกเตอร์ถ้วยทองให้มาหาตนเดี๋ยวนี้ ตะโกนบอกว่า
“ฉันไม่อยากเป็นคนอื่นแล้ว ฉันอยากกลับไปเป็นซุ่ย ด็อกเตอร์ออกมานะ มาทำให้ฉันกลับร่างตัวเองสิ”
ทันใดนั้นมีกระดาษแผ่นหนึ่งปลิวลงมาเป็นแผ่น ปลิวเปิดตัวหนังสือของด็อกเตอร์ถ้วยทองชื่อ “เพราะคุณมีแค่หนึ่งเดียว” พร้อมกับบอกสถานที่และเวลาจัดงาน ซุ่ยบ่ายหน้าไปทันที
แต่เมื่อเจอด็อกเตอร์ถ้วยทอง ด็อกเตอร์กลับจำซุ่ยไม่ได้และรีบไปงานเปิดตัวหนังสืออีกแห่งหนึ่ง ซุ่ยทรุดตัวลงอย่างหมดแรง เดินคอตกไปถึงสวนแห่งหนึ่งมองตัวเองอย่างสิ้นหวังถามตัวเองว่าจะต้องกลายเป็นกอหญ้าไปไม่มีที่สิ้นสุดเลยหรือ?
“แล้วไม่ดีหรือไง ได้เป็นคนที่เธออยากเป็น” เสียงด็อกเตอร์ถ้วยทองถามขึ้น ซุ่ยพรวดขึ้นมองหาด็อกเตอร์ถ้วยทองยิ้มให้ เอ่ยเนิบๆ “นางสาวบุษบา แก้วเกิด หนึ่ง ในล้านที่ได้รับพรวิเศษสามารถเป็นใครก็ได้ที่อยากเป็น เธอนี่โชคดีจริงๆ”
“โชคดีอะไรล่ะ ไม่เห็นมีใครดีเลยสักคน โรสก็บ้างานเกินไป แวนด้าก็มีแต่ปัญหาเรื่องผู้ชาย ส่วนกอหญ้านี่สุดๆ เป็นลูกคนใช้ผู้ซื่อสัตย์และสุดกตัญญู ฉันไม่อยากเป็นใครแล้วฉันอยากเป็นฉัน ทำให้ฉันกลับร่างตัวเองเถอะนะฉันขอร้อง”
“เหมือนเธอจะเข้าใจ แต่จริงๆแล้ว เธอก็ไม่เข้าใจสักอย่าง...เธอเฝ้าฝันอยากเป็นคนนั้นคนนี้แต่พอมัน
ไม่เป็นอย่างภาพที่เธอวาดไว้ เธอก็ไม่พอใจ ไม่อยากเป็นเสียแล้ว ชีวิตมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ ถ้าเธอยังไม่รู้ว่าตัวเองพลาดตรงไหน ฉันก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้จริงๆ”
ด็อกเตอร์ถ้วยทองค่อยๆก้าวถอยหลังช้าๆร่างเริ่มจางคล้ายจะเลือนหายไป ซุ่ยร้องโวยวายว่าจะทิ้งกันอย่างนี้ไม่ได้นะ จะวิ่งตามแต่ก็ไม่ทัน
ทันใดนั้นร่างซุ่ยก็ถูกเขย่าอย่างแรง ซุ่ยเงยหน้า พบว่าตัวเองฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะอาหารในครัว และแม่แก้วมาเขย่าตัวถามว่าทำไมมาหลับอยู่ตรงนี้ นายชุ่มบอกว่าสงสัยทำงานหนักจนเบลอ อย่างนี้ไปเรียนต่ออย่างที่คุณหยกว่าดีไหมกอหญ้า
“กอหญ้า...นี่ฉันยังเป็นกอหญ้าอยู่ใช่ไหม?” ซุ่ยเศร้าใจไม่รู้จะทำอย่างไรฟุบหน้าร้องไห้
“กอหญ้า...เป็นอะไรลูก” แม่แก้วตกใจ กอดซุ่ยไว้ ซุ่ยกอดตอบร้องไห้สะอึกสะอึ้นอย่างอัดอั้น ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปแล้ว...
ooooooo