ตอนที่ 5

อัลบั้ม: ละครฟอร์มยักษ์ "บางระจัน"


ขณะที่เฟื่องต้องหวาดระแวงตลอดเวลาว่าขาบจะผิดคำสัญญาหรือไม่ ทัพก็ทุกข์ใจไม่ต่างกัน ด้วยความคิดถึงและเป็นห่วงคนรัก แต่จำต้องก้มหน้ารับชะตากรรม เพราะถูกพวกเสือปิ่นจับมัดไว้ รวมทั้งอ้ายเลา โดยไม่ให้กินอาหารหรือน้ำดื่ม เพื่อทรมานจนกว่าทัพจะยอมจำนน

อีกด้านที่ค่ายอังวะในเขตวิเศษไชยชาญ ภายใต้การดูแลของสุรินทจอข่องและอากาปันญี สองนายกองจอมโฉด เดินตามฉับกุงโบนายกองคู่ใจเนเมียวสีหบดีตรวจค่ายด้วยสีหน้าภูมิใจยิ่ง เพราะภายในค่ายเต็มไปด้วยเสบียงและเชลยไทยชายหญิงมากมายพร้อมใช้งาน ฉับกุงโบพอใจมาก สัญญาจะรายงานแม่ทัพใหญ่ถึงความดีความชอบ หากสองนายกองจอมโฉดกวาดล้างชาวไทยในเขตวิเศษไชยชาญได้ทั้งหมด

สุรินทจอข่องและอากาปันญีรับปากด้วยความเต็มใจ ฉับกุงโบชอบใจมาก และอารมณ์ดีพอจะพูดถึงแผนการยึดครองกรุงศรีฯ ว่ากำลังใกล้ความจริง เพราะเพลานี้กองทัพฝ่ายใต้ของมังมหานรธาได้มาสมทบและตั้งค่ายที่สีกุกบางไทรแล้ว สามขุนพลโฉดแห่งอังวะคงจะอวยกันไปมาอีกนาน ถ้าทองแก้วกับดอกไม้สองเชลยชายไทยที่ถูกจับตัวมาขัง จะไม่โพล่งออกไปด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นเสียก่อน ว่าพวกอังวะมีสันดานโจร!

ถ้อยคำด่าทอของสองเชลยทำให้สามขุนพลโกรธมาก โดยเฉพาะสุรินทจอข่องกับอากาปันญีถึงกับสั่งโบยให้ตายตรงหน้า โชคดีที่ฉับกุงโบห้ามไว้ สั่งให้แค่สั่งสอนเท่านั้น เพราะนึกสนุกอยากฟังฝีปากเชลยไทย

ทองแก้วถูกบังคับให้คุกเข่าต่อหน้าสามขุนพล แต่กลับไม่มีท่าทีหวั่นเกรง “ชาวบ้านเราไปทำอะไรให้ มึงถึงมาฆ่าเอาเสียหลายโคตร ยกทัพมาอย่างเจ้าล่ะ กูไม่ว่าหรอก แต่นี่มาอย่างโจร ใครเขาจะยกย่องมึง”

ดอกไม้ถูกจับให้นั่งข้างกัน เสริมเพื่อนเชลยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “คนจะทำสงคราม เขาต้องรู้ว่าถ้ายกทัพใหญ่ใช้คนมาก มันต้องเตรียมเสบียงมาให้พอ ไม่ใช่มากวาดเก็บเอาตามรายทาง ฆ่าฟันชาวบ้านเขาตายอย่างนี้”

“ก็นี่มันสงคราม ถ้าพวกเอ็งยอมยกข้าว ยา ปลา เกลือ เนื้อหมู เนื้อวัวให้กองทัพข้าดีๆ มันก็ไม่ตายหรอก”

น้ำเสียงเย้ยหยันของฉับกุงโบ ทำให้สองเชลยแค้นมาก แต่ต้องพยายามข่มไว้ แล้วทองแก้วก็เป็นฝ่ายตั้งหลักได้ก่อน ยิ้มเจ้าเล่ห์ เสนอจะพาไปหาหญิงไทยที่แอบซ่อนตัวละแวกนี้แลกกับอิสระของตน ดอกไม้ตามความคิดเพื่อนไม่ทัน โมโหมากที่อีกฝ่ายทรยศคนไทยด้วยกัน ขายคนอื่นเพื่อเอาตัวรอด แต่ทองแก้วก็ไม่สนใจ มัวมองไปทางสามขุนพลจอมโฉดด้วยแววตาเข้มขึ้น รอเวลาเพื่อแผนการบางอย่าง...

สามขุนพลโฉดจัดงานเลี้ยงฉลองในค่าย คืนเดียวกัน เหล่าทหารชั้นผู้น้อยมัวเมากับสุราและอาหารมากมาย โดยมีเชลยหญิงไทยที่ถูกเกณฑ์มายกอาหารให้ด้วยความไม่เต็มใจ แต่ที่ทำให้พวกเชลยชายในกรงขังทรมานใจที่สุด ก็เมื่อเห็นเหล่าทหารอังวะลวนลามและข่มเหงเชลยหญิงต่อหน้าต่อตา

ทองแก้วนั่งรอเวลาในกรงขัง เมื่อได้ยินเสียงเพลงจากภายในค่าย ก็ก้าวไปยืนหน้ากรง ตะโกนร้องเรียกทหารยามชาวอังวะ และแกล้งบอกให้ไปร่วมงานข้างใน ทหารอังวะไม่พอใจ ยกหอกมาจ่อที่คอเชลยหนุ่ม

“อย่าทำข้านะ...ข้าเห็นใจพวกเอ็ง เดินทัพมาไกลคงอยากเจอผู้หญิง ข้าจะบอกที่ที่พวกผู้หญิงหนีไปซ่อนให้รู้”

ได้ยินคำว่าผู้หญิง เหล่าทหารอังวะก็ตาโต ลดหอกและคุยกับเชลยหนุ่มอย่างดี แถมใจปํ้าเสนอจะใช้งานน้อยลง หากหาผู้หญิงมาปรนเปรอได้ ดอกไม้ได้ยินก็โกรธมาก ตั้งท่าจะฟัดกับเพื่อนเชลยให้หายแค้นที่ขายคนในชาติเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่ทันขยับก็ต้องเบิกตาโพลง เมื่อเห็นทองแก้วเปลี่ยนจากท่าทีจะกระซิบกับทหารเป็นรัดคอ พวกเชลยหนุ่มๆเลยช่วยกันจัดการทหารยามที่เหลือ ก่อนจะคว้าอาวุธและพากันหนีออกจากค่าย

พวกทหารยามบนหอประตูค่ายเห็นเข้า ก็ร้องบอกคนอื่นให้ไล่จับเชลย ทองแก้วกับดอกไม้ตาเหลือก ออกแรงวิ่งเต็มกำลังจนพ้นประตูค่ายจนได้ แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตเชลยไทยบางส่วนที่ไม่มีฝีมือ ถูกทหารอังวะฆ่าไปหลายคน

ooooooo

ทองแก้ว ดอกไม้และเชลยที่เหลือบุกป่าฝ่าดงไปซ่อนตัวในป่าตั้งแต่มืดจนเช้า กว่าพวกอากาปันญีจะรู้เรื่องก็ปาไปรุ่งสางเมื่อสร่างเมา โกรธและหัวเสียมากที่พวกทหารยามสะเพร่า ปล่อยให้พวกเชลยปากกล้าหนีจากค่ายไปได้ แต่ก็ทำได้เพียงให้เร่งหาเสบียงมาเพิ่มเพื่อแก้ตัว และห้ามไม่ให้แพร่งพรายเรื่องจนถึงหูเนเมียวสีหบดีแม่ทัพใหญ่เด็ดขาด!

ด้านทัพ...ยังถูกมัดมือไพล่หลังกับต้นไม้ในป่าลึกที่ซ่อนซ่องโจรเสือปิ่น แต่ถึงกระนั้น...อดีตทหารกล้าก็ไม่ยอมแพ้ ตั้งหน้าตั้งตาขูดเชือกกับต้นไม้ หวังให้เชือกขาด ท่ามกลางเหล่าสมุนโจรที่เมามายไร้สติ นอน เกลื่อนกลาดมากมาย เสือปิ่นเพิ่งปล้นกลับมา เห็นสีหน้าเอาเรื่องของทัพ เลยแกล้งเดินมายั่วประสาท

ทัพโกรธมากที่เห็นบรรดาโจรขนข้าวของเงินทองของครัวไทยที่กำลังลำบากเข้ามา และยิ่งโมโหเมื่อได้ยินถ้อยคำบาดหูของหัวหน้าโจรว่าอยากให้เขาเปลี่ยนใจมาร่วมขบวนปล้นด้วย เพราะเห็นว่ามีฝีมือดี

“ทำมาหากินอย่างเอ็งช่างเลวบัดซบ ปล้นฆ่า ฉกฉวยสมบัติ ไม่ต่างกับข้าศึกปล้นแผ่นดิน แต่เอ็งชั่วช้ากว่าข้าหลายเท่า เพราะเอ็งปล้นคนไทยด้วยกัน ปู่ย่าตายาย บรรพบุรุษจะสาปแช่งลูกหลานที่มันทรยศแผ่นดิน!”

เสือปิ่นตาวาวด้วยความโกรธสุดขีด เช่นเดียวกับพวกสมุนที่ทำท่าจะเข้ามาฆ่าทัพทิ้งให้ได้ อดีตทหารกล้าไม่กลัว สบตาแบบไม่สะทกสะท้าน อ้ายเลาเสียอีกที่เดือดร้อน แทนเจ้านายอันเป็นที่รัก ทั้งร้องทั้งเตะจนเหล่าสมุนแตกตื่น ชิดชักดาบจะฆ่าม้า ทัพเห็นท่าไม่ดีเลยตะโกนห้ามเสียงอ่อน

“อ้ายเลา...หยุดเถอะ อ้ายเลาเพื่อนยาก เอ็งอย่าดิ้นรนช่วยข้าเลย อ้ายเลาเพื่อนยาก ชะตาข้าต้องตายด้วยมือโจร ก็ปล่อยให้ข้าตายเถิด เอ็งจงรักษาชีวิตไว้ไม่ต้องตายตามข้าไปด้วย”

อ้ายเลานิ่งสงบอย่างเหลือเชื่อ มองไปทางเจ้านายด้วยความจงรักภักดี เป็นที่ตื่นตะลึงแก่เหล่าโจรมาก โดยเฉพาะเสือปิ่น ซึ่งเปลี่ยนใจลดดาบในมือ เอ่ยชมเสียงเข้มว่าทัพเป็นคนกล้าเด็ดเดี่ยวเกินชาวบ้าน อดีตทหารกล้าก้มหน้านิ่ง ก่อนจะบอกว่าตัวเองไม่ได้วิเศษมาจากไหน ก็แค่ชาวบ้านธรรมดาและได้ขึ้นชื่อว่าเป็นโจรเหมือนกัน

“ข้าเป็นโจรหนีทัพ ทหารกรุงต้องการตัวข้าไม่ต่างจากเอ็ง มันจับข้าไม่ได้ เลยต้อนครัวข้าไปรับโทษที่กรุงศรี”

“ทำแบบนั้นเท่ากับเอ็งวิ่งหาคมดาบทหารกรุงศรีหรือไม่ พวกอังวะเพ่นพ่านทุกหัวระแหง เอ็งอยากตายนักหรือ”

“ทุกคนเกิดมาก็ต้องตายทั้งนั้น แต่ข้าขอเลือกตายเพื่อคนที่ข้ารัก”

เสือปิ่นถึงกับอึ้งในความกล้าของทัพ ต่างจากชิดที่ยุให้ฆ่าทิ้งเสีย อย่าเก็บไว้ให้เปลืองข้าวสุก แต่เสือปิ่นกลับหัวเราะชอบใจ แล้วตัดสินใจว่าจะเก็บทัพไว้ก่อน...ถ้าทางการบุกมาเมื่อไหร่ กูจะส่งไอ้นี่ไปรับโทษแทน!

ฝ่ายทองแก้วกับดอกไม้หนีพวกทหารอังวะเข้าไปในป่านอกเขตหมู่บ้านศรีบัวทอง เจอเข้ากับสาวชาวบ้านคนหนึ่งกำลังขุดหน่อไม้ สองหนุ่มเร่งให้หนี แต่สาวชาวบ้านไม่กลัว กลับบอกให้ทั้งสองหนีไป เพราะเธอมีแผนบางอย่าง แล้วทองแก้วกับดอกไม้ก็ได้ประจักษ์ถึงแผนที่ว่า เมื่อสาวชาวบ้านคนนั้นหลอกล่อทหารอังวะที่ไล่ตามพวกเขาไปติดกับ ถูกชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งฆ่าทิ้งอย่างโหดเหี้ยม

สาวชาวบ้านใจกล้าคนนั้นก็คือแฟง ส่วนชายฉกรรจ์ที่สังหารเหล่าทหารอังวะคือพวกแท่น ทองแก้วกับดอกไม้ดีใจมากที่ได้เจอกลุ่มผู้กล้า จัดแจงแนะนำตัวง่ายๆว่าเป็นเชลยที่ถูกจับตัวจากหมู่บ้านในแขวงวิเศษไชยชาญ แต่แหกคุกออกมาเพราะทนไม่ไหว อยากตายดาบหน้าดีกว่าถูกทรมานเป็นขี้ข้าอังวะไปตลอดชีวิต

โชติยิ้มดีใจจะได้พวกเพิ่ม “งั้นดีเลย ข้าชื่อโชติ พวกเรากำลังรวบรวมครัวไทยแตกพลัดให้เป็นกลุ่มเป็นกอง เพื่อสู้กับไอ้พวกอังวะ นี่พ่ออิน พ่อเมือง และพ่อแท่น ผู้ใหญ่บ้านศรีบัวทอง แล้วนั่น...แม่แฟงสาวบ้านคำหยาด”

ทองแก้วกับดอกไม้ทึ่งมากในความกล้าหาญของ แฟง ยอมเอาตัวเข้าล่อให้พวกแท่นได้ฟาดฟันข้าศึก โชติเห็นหน่วยก้านสองเชลยหนุ่ม เลยชวนให้มาร่วมกันสู้ ทองแก้วกับดอกไม้คิดนิดเดียว ก่อนจะตอบรับ แต่ขอตัวกลับไปพาพวกชาวบ้านที่หลบซ่อนตัวมาสมทบด้วย ไม่อยากทิ้งไว้ เดี๋ยวจะตายด้วยมือข้าศึกเปล่าๆ

ooooooo

พวกทองแก้วกับดอกไม้ตามมาสมทบพวกบ้านศรีบัวทองในเช้าวันต่อมา กลุ่มของแท่นกำลังประชุมเคร่งเครียด เพราะพวกอังวะอาละวาดหนัก ปล้นสะดมและข่มเหงชาวบ้านในแขวงวิเศษไชยชาญจนเดือดร้อนไปทั่ว เมืองฟังแล้วของขึ้น อยากจะออกไปฆ่าฟันศัตรูให้หายแค้น แต่แท่นห้ามไว้ เพราะยังมีชาวบ้านที่เหลือต้องดูแลมากมาย

เมืองฮึดฮัดไม่อยากรอ โชติต้องช่วยกล่อมอีกแรงว่าพวกเราคนน้อย ต้องสู้กันแบบกองโจร

“ทำอย่างพี่แท่นว่า แผนนี้แหละดี ให้ผู้หญิงหลอกล่อพวกทหารเลวออกมา แล้วเราก็ลอบฆ่า ตัดกำลังมันเสีย”

“แต่ไม่นานหรอกโชติ พวกมันจะจับทางได้ ไม่หลงกลเราอีก” แท่นยังกังวลแฟงฟังอยู่นาน โพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่น “กว่าจะถึงตอนนั้น พวกมันก็ต้องตายเพราะฝีมือดาบของพี่แท่น พี่โชติ พี่อิน พี่เมืองจนนับไม่ถ้วน พวกพี่เห็นความกล้าของฉันแล้ว ขอให้ฉันเป็นตัวล่อพวกมันทุกครั้งไปเถิดนะจ๊ะ”

เหล่าผู้กล้าบ้านศรีบัวทอง รวมทั้งทองแก้วกับดอกไม้ ทึ่งกับความกล้าบ้าระห่ำของแฟงมาก และอดเย้าไม่ได้ว่าสาวห้าวแห่งบ้านคำหยาดเคยกลัวอะไรบ้างหรือไม่ แฟงสีหน้าหม่นลง ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

“ฉันอยากจะให้พี่สาวที่ฉันรักที่สุดในชีวิตอภัยให้ฉันก่อนตาย ฉันทำผิดต่อพี่เฟื่อง ถ้าชาตินี้มีบุญพอ นังแฟงคนนี้ก็อยากกลับไปกราบพี่เฟื่อง ขอให้พี่เฟื่องยกโทษ ให้สักครั้ง กับความผิดที่นังแฟงทำให้พี่เฟื่องต้องถูกจับไปตกระกำลำบาก หากฉันทำอะไรที่จะชดใช้ความผิดครั้งนี้ได้ ขอให้บอก ถึงตายฉันก็ยินดีจะทำ”

เวลาเดียวกันที่หมู่บ้านสะแกโทรม...กองคาราวาน ของสังข์ยังไม่เคลื่อนไปไหน ตามคำสั่งของคุณพระนายเฟื่องช่วยดูแลคนแก่และเด็ก ระหว่างที่ขาบไปลาด ตระเวนรอบๆ แต่ความกังวลเรื่องศึกก็ทำให้อยากรู้ว่าจะเคลื่อนขบวนเข้ากรุงเมื่อใด ขาบเห็นเฟื่องกระตือรือร้นอยากไปจากที่นี่ ก็เข้าใจว่าเธอคงอยากหนีเขาไปหาคนรัก คนงามบ้านคำหยาดเลือกจะไม่ต่อปากต่อคำด้วย แต่อยากรู้ชะตากรรมของตัวเองกับจวงมากกว่า

“พี่ขาบ...พี่ไม่คิดจะไปจากที่นี่ก่อนอังวะมันจะมาเจอหรือ”

“คิด...แต่ทหารผู้น้อยต้องทำตามคำสั่ง ยังไม่มีใบบอกให้เคลื่อน เราก็ต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน ไม่ต้องกลัวหรอกเฟื่อง คนอย่างพี่ ถึงไม่เก่งเท่าไอ้ทัพคนรักเอ็ง แต่คมดาบพี่ก็ลับคมไว้เสมอ คงพอปกป้องเอ็งจากศัตรูได้อยู่หรอก”

ขาบพูดด้วยความน้อยใจแล้วผละจากไป ทิ้งให้เฟื่องมองตามด้วยความสงสาร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

เฟื่องไม่ใช่คนเดียวที่ต้องทรมานใจ ทัพเองก็แทบหมดหวังไม่แพ้กัน เมื่อต้องเสียเวลาเปล่าๆกับการถูกพวกเสือปิ่นจับมัดไพล่หลังกับต้นไม้ จะหนีไปไหนก็ไม่ได้เพราะมีพวกสมุนเฝ้าตลอด เช่นเดียวกับพวกสไบ ต้องตรากตรำเดินทางหนีพวกข้าศึกอย่างไม่รู้ทิศรู้ทาง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอพวกที่พลัดพรากจากกันอีก

แต่คนขมขื่นใจสุด คงหนีไม่พ้นเฟื่อง ต้องระแวงตลอด กลัวขาบซึ่งกำลังเคืองจะผิดคำสัญญา หัวหมู่หนุ่มแกล้งขยับไปใกล้ หัวเสียไม่น้อยที่หญิงอันเป็นที่รักทำท่าเหมือนรังเกียจเขาเสียเต็มประดา

“อย่านะพี่ขาบ...พี่สัญญาแล้วว่าจะไม่ข่มเหงฉัน พี่สัญญาแล้วว่าจะให้ฉันกลับไปหาพี่ทัพ”

ถ้อยคำมีความหวังของเฟื่อง ทำให้ขาบโมโห โพล่งกลับอย่างเหลืออด “ลมหายใจเอ็ง หัวใจเอ็งไม่เคยมีให้ใครอื่น นอกจากไอ้ทัพบ้างเลยหรือเฟื่อง สายตาเอ็งไม่เคยมองเห็นหัวใจของคนที่รักเอ็งบ้างเลยหรือ”

เฟื่องกลัวมาก ยิ่งเห็นสายตาคุกคาม ยิ่งร้อนรนเตรียม ขยับออกจากกระท่อม แต่ก็ถูกเขาดึงตัวมาชิดเสียก่อน

“เอ็งรู้จักผู้ชายน้อยไปเฟื่อง ต่อให้เป็นไอ้ทัพ คนดีของเอ็งมาอยู่แบบข้า มันก็คงไม่คิดจะรักษาสัญญา”

“หรือพี่อยากเป็นคนไม่รักษาสัตย์ หรือพี่อยากจะให้ฉันเกลียดพี่จนวันตาย”

“ไม่เป็นไรหรอกเฟื่อง ถ้าเอ็งจะเกลียด...ก็ในเมื่อทำยังไงเอ็งก็ไม่มีวันรักข้าอยู่แล้ว”

เฟื่องอึ้ง หน้าซีดเผือดเมื่อเห็นสายตาเต็มไปด้วยความ ปรารถนาของขาบ กลัวเหลือเกินว่าเขาจะผิดคำสัญญา

จวงทรมานใจไม่ต่างกัน ถูกสังข์ขังไว้ในกระท่อมและบีบบังคับให้ทำหน้าที่เมีย เธอพยายามสะบัดหน้าหนี ร้องไห้สะอึกสะอื้นขอให้หยุด แต่สังข์ไม่ยอม โมโหเสียอีกที่เธอมัวร้องไห้ จวงจะเสียทีอยู่แล้ว ถ้าเสียงเคาะประตูกระท่อมจะไม่ดังขึ้น นายกองจอมโอ่หัวเสียมาก แต่เมื่อไปเปิดก็ถึงกับตะลึง...คุณพระนายมาหาถึงที่!

ooooooo

คุณพระนายมาถึงสะแกโทรมพร้อมข่าวร้ายว่ากำแพงกรุงศรีฯใกล้ปิดเต็มที และที่สำคัญชาวบ้านก็อพยพเข้าไปจนแน่นขนัด แทบไม่มีที่อยู่และอดอยากเสียมาก แต่สังข์ยืนกรานจะพาพวกบ้านคำหยาดเข้าไป คุณพระนายเลยโพล่งกลับด้วยความหงุดหงิด...ตามใจ ข้าเตือนเอ็งแล้ว อย่าแย่งของกินกันให้ข้าเห็นแล้วกัน!

ฟากเฟื่องกับจวงนั่งมองไปทางพวกคุณพระนายด้วยสายตาหดหู่ รู้ชะตากรรมของตนดี ว่าคงต้องห่างไกลพวกทัพและคนอื่นๆที่กระทุ่มด่านมากขึ้นทุกที โดยเฉพาะเฟื่อง น้อยใจคนรักมากที่จนป่านนี้ก็ยังไม่มาช่วย จวงต้องปลอบให้คลายใจ ยังเชื่อมั่นว่าพี่ชายคนเดียวต้องมาแน่ แต่เฟื่องแทบไม่เหลือความหวัง ตัดพ้อด้วยความเสียใจ

“เมื่อไหร่กัน เมื่อไหร่พี่ทัพจะมาถึง ถ้าหัวใจพี่ทัพอยู่ที่นี่ กายพี่ทัพจะต้องมาถึงแล้ว นอกเสียจากว่าพี่ทัพหมดรัก หมดอาลัย ปล่อยให้หัวใจดวงนี้มีแต่ความหวัง...หวังลมๆแล้งๆว่าจะได้พ้นไปจากอ้อมแขนของชายอื่น”

เฟื่องน้ำตาไหลด้วยความอัดอั้นตันใจ จวงได้แต่ปลอบ แต่ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะตัวเองก็แทบไม่รอดเหมือนกัน

แต่ที่เฟื่องไม่รู้คือทัพไม่เคยเปลี่ยนใจ ยังรักและห่วงใยเธอเหมือนเดิม แต่เพราะถูกพวกโจรเสือปิ่นจับตัวไว้ เลยตามไปช่วยไม่ได้ อดีตทหารกล้าเจ็บใจมาก แต่ไม่หมดหวัง พยายามสอดส่ายสายตามองหาทางหนีทีไล่ในซ่องโจรตลอด เสือปิ่นเฝ้ามองพฤติกรรมนักโทษหนุ่มอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจสั่งสมุนให้แก้มัด แล้วให้ข้าวให้น้ำ ชิดมองมาด้วยแววตาเกรี้ยวกราด อยากฆ่าทัพให้ตายคามือ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะเสือปิ่นคอยขวางตลอด

ระหว่างที่ชาวบ้านแขวงวิเศษไชยชาญและพื้นที่อื่นๆเดือดร้อนไปทั่ว เหล่าข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่ในกรุงศรีฯต่างถกเถียงกันอย่างคร่ำเคร่งถึงสถานการณ์ศึก คุณพระนายเพิ่งกลับจากสะแกโทรมได้เข้าร่วมด้วย และถือโอกาสกลบเกลื่อนความผิดตัวเองที่ถูกทัพอังวะตีพ่ายมาหลายรอบ ว่าเป็นเพราะชาวบ้านรอบนอกลอบส่งเสบียงให้ข้าศึก

พระยาธรรมานั่งฟังอยู่นาน ไม่เห็นด้วย เพราะได้ยินว่าชาวบ้านต่างหากที่เป็นฝ่ายเดือดร้อน ถูกปล้นสะดมและข่มเหงจนล้มตายเป็นจำนวนมาก คุณพระนายหน้าเสียที่ถูกย้อน โต้กลับเสียงเบาว่ากองทัพอังวะยกมาเยี่ยงโจร พระยารัตนาธิเบศร์มองมาอย่างรู้ทันก่อนจะตอกกลับคุณพระนายแบบไม่ไว้หน้า

“จมื่นศรีสรรักษ์...กองทัพอังวะมีไพร่พลนับแสน ช้างม้าปืนใหญ่มากมาย ยกมาทั้งเหนือใต้ อย่างนี้ท่านยังกล้าเรียกว่าโจรได้หรือ ข้ารู้แล้วว่าทำไมทัพของท่านจึงแพ้ศึก เพราะมองข้าศึกเป็นมดปลวก ทั้งๆที่เขาเป็นราชสีห์”

“ที่กองม้าของข้าไม่อาจจะชนะได้ เพราะทหารไม่รู้เห็นเป็นใจ และคำสั่งจากเบื้องบนไม่เด็ดขาด”

คุณพระนายแก้ตัวไปเรื่อยเพื่อเอาตัวรอด โดยมีพระยาพลเทพช่วยสนับสนุน

“นั่นสิ...กรุงศรีเราเพลานี้ระส่ำระสายไปหมด เพราะ เจ้านายแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่า จนเราผู้น้อยไม่รู้จะฟังใคร”

สี่ข้าราชบริพารใหญ่มองหน้ากันเครียดๆ ก่อนที่พระยาธรรมาจะเสนอทางแก้เฉพาะหน้า

“เราควรเร่งปิดกำแพงเมือง ถ้าทัพอังวะเข้ามาประชิดกำแพงกว่านี้ เราจะป้องกันเมืองไม่ทัน”

พระยารัตนาธิเบศร์ไม่เห็นด้วย ชาวบ้านมากมายกำลังอพยพมา ถ้าปิดประตูก่อนกำหนด ชาวบ้านเหล่านั้นต้องเดือดร้อนล้มตายเพราะข้าศึกแน่ แต่พระยาธรรมากับพระยาพลเทพยืนยันให้ปิดประตู เช่นเดียวกับคุณพระนายที่ไม่รู้อะไรมาก แต่เลือกเข้าข้างพวกมากกว่าเพื่อเอาหน้าและเอาตัวรอด สร้างความหนักใจให้แก่พระยารัตนาธิเบศร์มาก...ปัญหาข้าศึกเข้าประชิดนั้นสำคัญ แต่ชีวิตของเพื่อนร่วมชาติก็สำคัญมากไม่ต่างกันเลย

ooooooo

พวกสังข์เคลื่อนขบวนมุ่งสู่บ้านพรานใกล้เขตกรุงศรีฯในเช้าวันต่อมา เฟื่องกับจวงไม่มีทางเลือก ต้องติดสอยห้อยตามไปด้วย ใจหายไม่น้อยเมื่อคิดได้ว่าหนทางกลับไปสมทบกับพวกกระทุ่มด่าน ช่างห่างไกลมากขึ้นทุกที ส่วนพวกบ้านศรีบัวทอง แฟง ทองแก้วและดอกไม้กลับเต็มไปด้วยความฮึกเหิม ที่ใช้แผนล่อฆ่าพวกอังวะได้มากขึ้นทุกวัน

ด้านชาวบ้านบางระจัน...ช่วยกันสร้างเชิงเทิน ระเนียดค่าย ป้อมใหญ่ ด้วยน้ำพักน้ำแรงของชาวบ้าน โดยมีพวกผู้นำค่ายอย่างนายทองแสงใหญ่ นายจันทร์หนวดเขี้ยว นายทองเหม็นและพันเรือง คอยควบคุมดูแลให้กลายเป็นค่ายใหญ่ขึ้นมา เพื่อรวบรวมชาวบ้านพลัดถิ่นและพวกผู้กล้ามาร่วมกันสู้เพื่อปกป้องแผ่นดิน

ฝ่ายพวกสไบ...เดินทางผ่านป่าจิกโพรงด้วยความยากลำบาก เหล่าชาวบ้านอ่อนกำลังลงมาก เพราะต้องระแวดระวังภัยตลอดเวลา กลัวเจอข้าศึกหรือพวกโจรซึ่งชุกชุมเหลือเกิน สไบช่วยดูแลอาหารการกินของทุกคน และอาสาไปตักน้ำที่ลำธาร ดอกรักเป็นห่วงเลยตามไปด้วย แต่ก็ต้องช้ำ เพราะสไบไม่พูดด้วย...ไม่แม้แต่จะมองหน้า

แต่ที่ทำให้ดอกรักแทบกระอัก ก็เมื่อญาติสาวยิ้มหน้าบานได้เจอใจนอนสลบไสลกลางลำธาร และ กระตือรือร้นจะช่วยพรานหนุ่มศัตรูหัวใจจนน่าหมั่นไส้ แถมเมื่อใจฟื้นขึ้นกลางดึกของวันเดียวกัน ก็รับปากจะร่วมเดินทางไปด้วยจนกว่าจะได้เจอเจิดกับจาดอีก...ไอ้ใจ มึงจะตามมาขัดขวางหนทางรักของกูไปถึงไหน!

คืนเดียวกันในซ่องโจรเสือปิ่น...ทัพแทบผงะเมื่อเห็นร่างโชกเลือด มีมีดปักที่ท้องของหัวหน้าโจรวิ่งมาขอให้ช่วย ทัพซึ่งเตรียมจะหนีต้องคิดหนัก แต่ก็ไม่มีเวลามาก เพราะชิดถือดาบก้าวตามมาด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม เสือปิ่นร้องบอกให้ทัพฆ่าลูกน้องคนสนิท แต่ทัพลังเลไม่อยากหาเรื่องหรือฆ่าคนไทยด้วยกัน ชิดซึ่งกำลังคลั่ง พุ่งตัวเข้าหาด้วยท่าทางบ้าบิ่น แต่ก็สู้ทัพไม่ได้ พลาดท่าถูกอดีตทหารกล้าแย่งดาบมาจ่อคอแทน

ชิดตาเหลือก กลัวหัวหด เสือปิ่นเห็นทัพลังเลเลยตะโกนสั่งให้ฆ่าลูกน้องคนสนิทเสีย พร้อมขู่ว่าถ้าปล่อยไป ชิดต้องหวนมาแว้งกัดแน่ ทัพจ้องหน้าสองโจร ก่อนจะโพล่งออกไปเสียงเข้ม

“ข้ารู้ดี...แล้วข้าก็เห็นแล้วว่าไม่มีสัจจะในหมู่โจร แต่คนไทยไม่ควรจะฆ่ากันเอง” ชิดสะดุ้งเฮือก มองทัพด้วยสายตากลัวตายสุดขีด “ไอ้ชิด...เอ็งจะสาบานต่อหน้าคมดาบของข้าได้ไหม ข้าจะไว้ชีวิตเอ็ง ถ้าเอ็งยอมสาบาน จงเลิกชีวิตอย่างโจร เลิกเสียเดี๋ยวนี้ ถ้าเลิกไม่ได้ ก็จงยอมให้หัวหลุดจากบ่า”

ข้อเสนอของทัพทำให้สองโจรขนลุก โดยเฉพาะชิด ละล่ำละลักรับปากจะเลิกเป็นโจรเด็ดขาด แต่ถึงกระนั้น...

ทัพก็ยังไม่เชื่อ ขยับดาบในมือ ก่อนจะขู่ซ้ำ “ถ้าเอ็งผิดคำสาบานกับข้า กลับไปเป็นโจร ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนแม้เพียงขโมยข้าวหยิบมือเดียว คมดาบร้อยเล่มพันเล่มจะลงโทษเอ็ง!”

ทัพลดดาบ ชิดรีบลุกยกมือไหว้ท่วมหัว ย้ำสัญญาว่าจะไม่หวนเป็นโจรอีก ทัพมองไปทางเสือปิ่น ก่อนจะพูด

“หนีไปซะไอ้ชิด ก่อนที่ลูกน้องทั้งหมดที่โดนเอ็งมอมเหล้ารมยาจะตื่นขึ้นมาลากตัวเอ็งตามคำสั่งเสือปิ่น”

ชิดมองซ้ายขวาเลิ่กลั่ก หน้าซีดเผือดเมื่อถูกจับได้ว่าเป็นคนวางยาเหล่าสมุนโจร ก่อนจะหมุนตัวหนีไม่คิดชีวิต ทิ้งทัพไว้กับเสือปิ่นซึ่งมองไปทางนักโทษหนุ่มด้วยแววตาหวาดหวั่น...อย่านะไอ้ทัพ อย่าทำอะไรข้าเลย

ขณะที่เสือปิ่นตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก พวกบ้านศรีบัวทองต้องย้ายออกจากหมู่บ้านกะทันหัน เมื่อกองลาดตระเวนค้นพบว่ากองทัพอังวะรู้ทันแผนพวกเขาแล้ว และกำลังยกทัพหลายร้อยมาที่นี่ พวกแท่นยินดีสู้ตาย แต่เป็นห่วงชาวบ้านที่เหลือ เลยตัดสินใจอพยพเพื่อไปสมทบกลุ่มบ้านระจัน เพื่อร่วมกันสู้เพื่อแผ่นดิน

แต่ขบวนที่เต็มไปด้วยคนแก่และเด็ก ทำให้การเดินทางล่าช้าและยากลำบาก แต่พวกแท่นก็ไม่ท้อ ช่วยกันคุ้มกันกลุ่มชาวบ้านด้วยความเต็มใจ แฟงช่วยดูแลเด็กๆด้านหลังขบวน มองสภาพหน้าตาอิดโรยและเศร้าหมองของชาวบ้านคนอื่นด้วยความเห็นใจ แอบสะเทือนใจไม่น้อยเมื่อคิดถึงชะตาชีวิตตัวเอง ที่ต้องพลัดพรากจากครอบครัว

“แม่จ๋า พี่ฟัก พี่เฟื่อง...ไม่รู้อีกนานแค่ไหนเราจะได้เจอกัน ฉันมันคนบาป ฉันผิดเองที่ทำให้พี่เฟื่องกับพี่ทัพต้องผิดใจกัน ถ้าพวกพี่ไม่มีฉัน คงไม่มีใครทำให้ความรักของพวกพี่ทั้งสองต้องพลัดพรากจากกันอีก”

ooooooo

จวงฉวยโอกาสที่ตัวเองเพิ่งหายจากการปวดระดูเมื่อไม่กี่วันก่อน หลอกให้สังข์ออกห่างและทิ้งตนไว้ให้เฟื่องดูแล สองสาวเลยได้อยู่ร่วมกันอีกครั้งหลังจากถูกแยกจากกันทุกคืนตั้งแต่ถูกจับมา จวงเห็นท่าทาง เศร้าสร้อยของว่าที่พี่สะใภ้ ก็เข้าใจว่าคงน้อยใจทัพที่ยังไม่มาช่วย เฟื่องถอนใจยาว ก่อนจะบอกว่าทัพคง อยู่กับแฟง

จวงมองมาด้วยความเห็นใจ เอื้อมไปจับมือไว้ “พี่เฟื่องไม่ให้อภัยพี่ทัพกับแฟงมันหรือจ๊ะ”

“พี่จะว่าอะไรได้ ถ้าพี่ทัพกับแฟงจะชอบพอกัน”

“ทำไมพี่ถึงคิดแบบนั้น พี่ทัพกับพี่รักกันมาหลายปี”

“ตะวันยังรู้จักเปลี่ยนจากเช้าเป็นสาย ใจคนที่อยู่ใต้แสงตะวันก็เปลี่ยนแปรไปตามนั้นได้เหมือนกัน”

จวงส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะบอกว่าเฟื่องคงแค่น้อยใจ ทัพอาจกำลังตามมา แต่ยังมาไม่ถึง

“หรือไม่ก็คงไม่มาแล้ว เพราะถ้าพี่ทัพจะมาจริงๆ ใครหน้าไหนก็รั้งพี่ทัพไว้ไม่ได้หรอก”

ขาดคำก็วิ่งร้องไห้ลงจากกระท่อม ขาบผ่านมาเห็นก็ซักถามด้วยความเป็นห่วง แต่ท่าทีนิ่งเงียบของเฟื่องก็ทำให้เข้าใจไปอีกทางว่าคงเสียใจที่ต้องติดอยู่กับเขา คนงามบ้านคำหยาดไม่อยากเถียงด้วย และเลือกถามถึงระยะทางถึงกรุงศรีฯว่าอีกไกลแค่ไหน ขาบยังน้อยใจคิดว่าเธออยากไปจากเขา เฟื่องเลยต้องโพล่งออกไปอย่างอัดอั้น

“ถ้าต้องไปกรุงศรี ฉันก็อยากถึงเร็วๆ จวงไม่ค่อยสบาย ฉันกลัวจะเจอพวกอังวะเสียก่อน จะยิ่งลำบาก”

“พี่ไม่ปล่อยให้พวกทหารอังวะมันแตะต้องเอ็งได้หรอกเฟื่อง พี่จะปกป้องเอ็งด้วยชีวิต”

สายตาหนักแน่นของขาบทำให้เฟื่องอดหวั่นไหวไม่ได้ แต่ก็ยังไม่เปลี่ยนใจ เพราะรักทัพคนเดียว

ด้านทัพ...นั่งมองเสือปิ่นที่มีผ้าพันแผลตรงท้องด้วยแววตาแข็งกร้าว โมโหมากเมื่ออีกฝ่ายพยายามรั้งตัวไว้ อยากให้เป็นหัวหน้าโจรสืบต่อ เสือปิ่นเห็นท่าทางอดีตนักโทษที่กลายมาเป็นผู้มีพระคุณแล้วยอมแพ้

“คนดีอย่างมึง ไม่สมควรมาตายด้วยฝีมือคนชั่วอย่างพวกข้า ไปซะ...ข้าตอบแทนน้ำใจเอ็งได้แค่นี้ ลูกน้องข้าจะนำเอ็งออกไปจากป่าที่ซ่อน รีบไปตามน้องสาวกับคู่ชิ้นของเอ็งเถอะ”

เหล่าลูกสมุนรีบจูงอ้ายเลามาส่ง พร้อมดาบคู่ของทัพที่เสือปิ่นเป็นคนยื่นให้ ทัพรับดาบแล้วขึ้นอ้ายเลา

“เอ็งเปลี่ยนใจได้นะเสือปิ่น แทนที่เอ็งจะปล้นฆ่าคนไทยด้วยกัน จงหันคมดาบของพวกเอ็งไปหาศัตรูที่กำลังจะมาปล้นแผ่นดินเรา หรือเอ็งจะยอมยกบ้าน ยกเมืองให้พวกมันมาข่มเหงเราชั่วลูกชั่วหลาน”

พูดจบก็กระตุกอ้ายเลาควบจากไป ทิ้งพวกเสือปิ่นให้ได้คิด ว่าตัวเองกำลังทำเรื่องที่ถูกแล้วหรือยัง...

หลังออกจากซ่องโจรได้ ทัพก็ควบอ้ายเลาไม่หยุด ใจพะวงถึงคนรักกับน้องสาว ว่าจะเป็นตายร้ายดีเช่นไร ไม่รู้เลยว่าสองสาวยังใช้แผนเดิม หลอกสังข์ให้ตายใจไม่กล้ายุ่ง โดยมีขาบซึ่งรู้ทันแผนการ แต่ไม่บอกให้เพื่อนรักนายกองรู้ แถมร่วมมือหลอกด้วยอย่างดี เพราะสงสารและเห็นใจสองสาวที่ถูกบีบคั้นมากพอแล้ว

ฝ่ายสไบและชาวบ้านผู้หญิง...ต้องช่วยกันหาเสบียงด้วยการเกี่ยวข้าวตามทุ่งนาร้าง โดยมีพวกฟักช่วยคุ้มกันไม่ห่าง ดอกรักเห็นใจก็อดของขึ้นไม่ได้ แกล้งพูดกระทบด้วยความหมั่นไส้ ร้อนถึงสไบต้องโต้กลับอย่างเหลืออด

“ถ้าจะหมายถึงฉันหรือพี่ใจ ก็พูดมาเลย ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา”

“เวลานี้สไบเหลือพี่คนเดียวเท่านั้น สไบไม่เห็นหัวพี่ อยากปกป้องคนอื่นอย่างนั้นหรือ”

สไบถอนใจเหนื่อยหน่าย ก่อนจะแหวเสียงเข้ม “ถ้าคนอื่นคือพี่ใจ ฉันว่าพี่ดอกรักคิดใหม่เถอะ ที่ผ่านมาใครปกป้องใครกันแน่ พี่ใจช่วยฉัน ช่วยพ่อ กระทั่งช่วยชีวิตพี่ เราต่างหากที่เป็นหนี้บุญคุณพี่ใจ”

ดอกรักหมดความอดทน ตอกกลับ “สไบเลยคิดเอาตัวใช้หนี้”

สไบเอารวงข้าวฟาดหน้าทันทีที่เขาพูดจบ โกรธจัดที่กล้าหยามเธอเยี่ยงนี้ ก่อนจะวิ่งไปอีกทาง โดยมีใจ ตามติดด้วยความเป็นห่วง ดอกรักจะไปด้วย แต่ถูกพวกฟักห้ามไว้ ไม่อยากให้ตอแยจนเรื่องแย่ไปกว่านี้

สไบหนีไปสงบสติอารมณ์อีกมุมของทุ่งนา ใจตามมาปลอบ พร่ำโทษว่าเป็นความผิดของเขา ทำให้ดอกรักหยาม เธอแบบนั้น สไบส่ายหน้า ก่อนจะบอกว่าตนกับญาติหนุ่มไม่เคยพูดกันไม่รู้เรื่อง และตอนนี้ผู้ใหญ่แสงก็ตายแล้วเธอก็ไม่จำเป็นต้องรักษาสัญญากับใครอีก เพราะเธอไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รัก

สองหนุ่มสาวคงจะสารภาพรักกันไปแล้ว ถ้าสไบจะไม่ถูกงูกัด ใจตกใจมาก รีบล้วงหายาในย่ามและช่วยบีบพิษออกจากแผลให้ คนงามบ้านสามโก้พยายามร้องให้ช่วยแต่เสียงก็เบามากจนพรานหนุ่มเริ่มกังวัล เขย่าตัวไม่ให้หลับ ก่อนจะโพล่งบอกรักไปด้วยใจที่อัดอั้น...แข็งใจไว้สไบ อย่าทิ้งพี่ไป พี่รักสไบนะ กว่าสไบจะรู้สึกตัวอีกครั้งก็บ่ายคล้อย ใจสบตาเธอด้วยความรักลึกซึ้งและเป็นห่วง ก่อนจะโน้มตัวทำท่าจะจูบ สไบเอียงแก้มหลบด้วยความอาย สบตาเขากลับด้วยความรักสุดหัวใจเช่นกัน

“ฉันเป็นหนี้ชีวิตพี่ใจ ชดใช้ทั้งชีวิตก็คงไม่หมด”

“ถ้าจะชดใช้ สไบก็ต้องอยู่กับพี่” สายตาล้ำลึกอ่อนหวาน ของเขาทำให้คนงามบ้านสามโก้เขินจัด ใจยิ้มให้ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนแต่หนักแน่น “พี่ยังไม่เร่งร้อนตอนนี้ แต่ถ้าสไบไม่อยากติดค้าง ก็ต้องอยู่ใช้หนี้กับพี่จนชั่วชีวิตของเรา”

สไบหน้าแดงก่ำ อายสุดขีดแต่ก็สบตาเขาไม่หลบ ใจชอบใจมาก ดึงตัวมากอด แล้วจูบที่ผมแผ่วเบา

“ไม่ว่าต่อไปข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น สัญญากับพี่ได้ไหมสไบ...สไบอย่าเกลียดพี่”

“พี่ใจดีกับฉันทุกอย่าง ฉันจะเกลียดพี่ได้ยังไง ฉันสัญญาจ้ะ...สไบจะไม่มีวันเกลียดพี่ใจ”

“สไบจะเชื่อว่าพี่รักสไบ...พี่รักสไบจากใจจริง”

สไบรับปาก ใจเต้นโครมครามเหมือนสาวแรกรัก ต่างจากใจที่แววตากดดัน เพราะมีความลับมากมายซ่อนอยู่

ooooooo

ดอกรักหน้าเสียเมื่อเห็นใจพยุงสไบที่ถูกงูกัดกลับมา แต่พิษรักแรงหึงก็ทำให้เหวี่ยงไปทั่ว โดยเฉพาะกับใจ พรานหนุ่มเลือกไม่เถียงด้วย และเลี่ยงไปทำอย่างอื่น ทิ้งดอกรักให้หงุดหงิดงุ่นง่านคนเดียว เจ็บใจนักที่ถูกแย่งของรัก

ฟากทัพควบอ้ายเลาไม่หยุดพัก เจอกับกลุ่มชาวบ้านที่กลางป่า เลยได้รู้ว่าพวกสังข์อาจเป็นตัวการลักพาตัวเฟื่องกับจวง แต่ที่เขานึกไม่ถึง คือสองสาวต้องทนรับแรงกดดันจากพวกสังข์ ที่แวะเวียนมากวนไม่หยุด จนแผนแกล้งปวดระดูเกือบแตก ถ้าขาบจะไม่ยื่นมือมาช่วย ด้วยการ นำหญิงแก่ที่อ้างว่าเป็นหมอมาช่วยยืนยัน

“นังหนูนี่มันเป็นโรคแพ้ผัว...มันถูกพาตัวมาใช่ไหมล่ะ ใจมันไม่รัก ไม่ชอบ มันก็กลัวจนขวัญหายกระเจิดกระเจิง พาลจับไข้ไม่หาย นี่ดีนะ...แค่แพ้ยังไม่ถึงขั้นกินผัว”

สังข์ถึงกับพูดไม่ออก ต้องทิ้งให้เฟื่องดูแลจวงต่อไป ขาบเห็นเพื่อนรักจะเมาแก้กลุ้ม ก็พยายามกล่อมให้ปล่อยตัวสองสาว แต่สังข์ไม่ยอม สวนกลับด้วยความหงุดหงิดที่จวงไม่ทำหน้าที่เมียสักที

“ไอ้ขาบ...ไอ้ขี้ขลาด มึงตรองดู ตอนอยู่คำหยาด นังเฟื่องมันมองมึงแค่หมาตัวหนึ่ง ถ้ากูไม่ฉุดมา มึงจะได้มันเป็นเมียไหม มึงจะรอให้ไอ้ทัพแทะเนื้อกินจนหมดแล้วคอยเอากระดูกเขามาเลียงั้นหรือ”

ขาบโกรธมาก เอาเหล้าสาดหน้าเพื่อนรักนายกอง “อย่าหยามกูเยี่ยงนี้ กูไม่เคยคิดหักหาญน้ำใจหญิง เขาไม่รักไม่ชอบก็แย่งชิงฉุดคร่า กูไม่ได้เป็นคนสันดานโจรปล้นเขากินเหมือนมึง!”

สังข์ตั้งท่าจะไปบีบคอเพื่อนด้วยความเมา ขาบเตรียมป้องกันตัวเต็มที่ แต่ไม่ทันขยับ ก็ได้ถอนใจโล่งอก ที่เห็นสังข์สลบไปก่อน หัวหมู่หนุ่มส่ายหน้าหน่ายๆ ก่อน จะดึงร่างเพื่อนมานอนที่แคร่ และหาผ้าหนุนหัวให้อย่างดี

หลังส่งเพื่อนรักเข้านอน ขาบก็แวะกลับไปดูจวง เฟื่องรู้เรื่องจากหญิงแก่ว่าเขาร่วมปดด้วยก็เอ่ยปากขอบคุณ แต่ถึงกระนั้น...คนงามบ้านคำหยาดก็อดกังวลไม่ได้เพราะเมื่อถึงกรุงศรีฯจวงคงต้องไปอยู่กับสังข์ ขาบของขึ้นที่เฟื่องคอยจับผิดเพื่อนรักนายกองตลอด เฟื่องตกใจกับท่าทีแข็งกร้าว แต่ไม่กลัวสวนกลับ

“พี่ก็รู้...คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก พวกฉันถูกลักตัวมา จะให้ทำใจรัก ให้ชอบชั่ววันสองวัน คงทำไม่ได้”

ขาบเสียใจมาก แต่พยายามข่มไว้ และตัดพ้อด้วยความน้อยใจ “พี่รู้ว่าต่อให้ตลอดชั่วชีวิตเอ็ง ก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจมารักพี่ คนขี้ขลาดตาขาว เอาแต่ตามก้นคนอื่นอย่างพี่...ไม่มีวันชนะใจผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น”

ขาบผละไปแล้ว ทิ้งเฟื่องให้มองตามด้วยความสงสาร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่อยากฝืนใจตัวเอง

ระหว่างที่พวกบ้านกระทุ่มด่านและบ้านศรีบัวทองมุ่งหน้าสู่ค่ายบ้านระจัน ชาวบ้านกลุ่มอื่นต่างมุ่งหน้าสู่กรุงศรีฯ แต่ทุกอย่างก็สายเกินไป เพราะคุณพระนายสั่งปิดประตูเข้าเมืองก่อนกำหนด หากใครขัดขืนจะยิงทิ้ง ชาวบ้านผู้โชคร้ายหลายครัวเลยต้องบ่ายหน้ากลับเข้าป่าเพื่อหาที่ซ่อน และบางครัวก็สร้างกระท่อมข้างกำแพงเมือง เพราะไม่มีที่ไป!

กลุ่มบ้านศรีบัวทองมาถึงค่ายบ้านระจันเป็นพวกแรก นายทองแสงใหญ่หนึ่งในพ่อค่ายออกมาต้อนรับและพาเดินรอบค่ายและหาที่อยู่ให้ พันเรืองยิ้มชอบใจที่ได้คนมีฝีมืออย่างพวกแท่น ทองแก้วและดอกไม้มาร่วมสู้ เช่นเดียวกับนายทองเหม็นที่ให้ความเป็นกันเอง พร้อมถ่อมตัวว่าทุกคน ในค่ายเท่าเทียมกัน มีใจเป็นหนึ่งเดียวคือจะสู้เพื่อแผ่นดิน

แต่ที่พวกพ่อค่ายปลื้มปีติสุด คงหนีไม่พ้นของการมาถึงของหลวงพ่อธรรมโชติ พระอาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ที่ว่ากันว่ามีวิชาอาคมเก่งกล้านัก ทองแก้วซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์ เดินทางไปกับพันเรืองและนายทองเหม็น เพื่อนิมนต์ท่านจากวัดเขานางบวช เมืองสุพรรณ มาจำวัดวัดโพธิ์เก้าต้นในค่ายบ้านระจัน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ชาวค่าย

หลวงพ่อธรรมโชติกวาดตามองชาวค่าย แล้วเอ่ยให้กำลังใจทุกคน “พวกเจ้าแม้เป็นคนต่างถิ่น ต่างหน้า แต่เมื่ออ้างความเป็นคนไทย เลือดเนื้อพี่น้องร่วมท้องกำลังไหลนองดิน เหย้าเรือนกำลังถูกยึดจากศัตรู อาตมาขอให้ทุกคนตั้งจิตมั่น อย่าหวั่นไหวกับจิตที่หวาดกลัว การสูญเสียเป็นอนิจจัง ความกลมเกลียวคือกำลังใจ หัวใจหลายร้อยที่แยกอยู่ เมื่อนำมารวมสนิทแนบเป็นใจเดียว ข้าศึกนับพันก็จะเอาชนะได้”

ด้านขาบ...เสียใจที่ถูกเฟื่องปฏิเสธ เลยมุ่งหน้าออกไป ลาดตระเวนรอบๆบ้านพราน แต่โชคร้ายเจอกลุ่มโจรกำลังปล้นสะดมชาวบ้าน เลยรีบไปช่วยจนถูกฟันบาดเจ็บสาหัส ทหารในกองที่ร่วมไปด้วยกลัวหัวหด รีบกลับไปรายงานสังข์ ให้ส่งคนไปช่วยหัวหมู่หนุ่ม แต่สังข์ยังเคืองเพื่อนรัก เลยตัดสินใจไม่ส่งใครไปต่างจากเฟื่อง ได้ยินข่าวร้ายเรื่องขาบก็ร้อนรนนั่งไม่ติด สุดท้ายก็ทนไม่ไหววิ่งไปตามทางเพื่อตามหาหัวหมู่หนุ่ม แต่นอกจากขาบจะไม่ปลื้มแล้ว ยังโกรธเสียอีก เพราะคิดว่าเธอหนีออกมาเพราะอยากไปหาทัพ

“ทนรออีกหน่อยไม่ได้หรือ ถึงกับบุกป่าฝ่าดงไปหามัน ไม่อายผีสาง ไม่กลัวพวกอังวะลากไปปู้ยี่ปู้ยำบ้างหรือไง”

เฟื่องโกรธเลยประชดกลับ “ที่ฉันเจออยู่นี่มันก็ไม่ดีวิเศษอะไรอยู่แล้ว ไปเจอนรกขุมหน้ายังดีเสียกว่า”

“ทำไม...ที่ข้ารักเอ็ง บูชาเอ็ง ถนอมเอ็ง มันไม่มีความดีให้จดจำเลยหรือไงเฟื่อง”

“ความดีของพี่มันไม่ลงไปอยู่ในใจฉันเลย เพราะฉันไม่เคยรักพี่ ไม่มีวันจะรัก...จนตายก็ไม่รัก!”

ขาบโมโห ดึงเธอมาแนบชิด เฟื่องดิ้นรนขัดขืน จนขาบต้องร้องบอก “อย่าเกลียดพี่ได้ไหม...อย่ามองพี่ด้วยสายตาชิงชังอีกเลย พี่รักเฟื่อง รักทั้งๆที่ไม่มีอะไรให้เฟื่องรักได้ แต่พี่รักเฟื่องไปแล้ว...รักเฟื่องคนเดียว”

เฟื่องเห็นแววตาปรารถนาก็พยายามขอร้อง แต่ขาบไม่สน ก้มจูบเธออย่างเรียกร้องและหนักหน่วง คนงามบ้านคำหยาดสะท้านกับรสสวาทจนแทบหักห้ามอารมณ์ไม่ได้ ยอมให้เขาซุกไซ้และดันร่างเธอไปกับพื้นกระท่อม...

ooooooo

เราใช้คุ้กกี้ 

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookie Policy)

รับทราบ