ตอนที่ 12

อัลบั้ม: ละครฟอร์มยักษ์ "บางระจัน"
ใจกำดาบแน่น ต้องทนเห็นทหารชาติเดียวกันล้มตายเป็นเบือด้วยน้ำมือนักรบบ้านระจัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก...แต่แล้วก็สบโอกาสเมื่อเห็นนายทองเหม็นฆ่าฟันข้าศึกอย่างไม่กลัวตาย ไม่ทันระวังหลัง จึงจะเข้าไปจัดการ แต่ไม่ทันเงื้อดาบ ก็ต้องวิ่งหลบห่ากระสุนจากฝ่ายอังวะ ยิงมาอย่างบ้าคลั่งตามคำสั่งสุรินทจอข่อง
ทัพกับพวกนักรบถึงกับตะลึง เมื่อเห็นห่ากระสุนจากฝ่ายอังวะ ระดมยิงจากทุกทิศทาง สังหารไม่เลือกทั้งนักรบบ้านระจันและทหารในกอง แท่นเห็นท่าไม่ดี ควบม้าฝ่าดงกระสุนหวังปลิดชีพสุรินทจอข่องเพื่อยุติศึกครั้งนี้ สองผู้นำประดาบอย่างสูสี ทัพมองมาด้วยความเป็นห่วง แล้วก็ต้องร้องเตือนลั่น เมื่อเห็นนายทหารอังวะเล็งปืนไปที่แท่น!
ทัพไม่รอช้า ควบม้าเต็มกำลังไปช่วยผู้นำทัพจากบ้านศรีบัวทอง แท่นไม่รู้ว่าภัยกำลังมาถึงตัว มัวพะวงกับศัตรูตรงหน้า และในที่สุดก็สมใจ สบช่องแทงอกสุรินทจอข่อง ก่อนจะเงื้อมือฟันฉับที่หัว จังหวะเดียวกันนั้นเอง...กระสุนจากนายทหารอังวะพุ่งทะลุขาแท่นจนร่วงจากหลังม้า ทัพซึ่งเกือบจะถึงตัวอยู่แล้ว เลยรีบถลาไปรับร่าง
ใจมาทันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด สบตาทัพราวจะวัดใจ ก่อนจะพุ่งหอกในมือปักอกทหารอังวะที่วิ่งมาจากอีกด้าน ทัพเอี้ยวตัวยกดาบปะทะ ก่อนจะลากร่างเกือบหมดสติของแท่นขึ้นหลังม้าของสังข์ ฝ่ากองทหารอังวะกลับค่าย
จอกยีโบเจ็บใจมากเมื่อรู้ว่าสุรินทจอข่องถูกนักรบบ้านระจันตัดหัวตายกลางสนามรบ สั่งเสียงกร้าวให้ทหารในกองไล่ต้อนพวกนักรบไปกลางคลองเพื่อตีกระหนาบตามแผนสำรอง พวกทัพไม่รู้เรื่อง ตะลุยไล่ฆ่าทหารอังวะลงน้ำโดยไม่ทันคิดอะไร โดยมีนายทองเหม็นเป็นกำลังสำคัญ โห่ร้องและกระโจนฟันข้าศึกแบบไม่เสียดายชีวิต!
เหล่าทหารอังวะแกล้งถอยร่นไปหลังแนวพุ่มไม้ใหญ่ ก่อนจะโผล่กลับมาอีกครั้งพร้อมไพร่พลที่มากกว่าเดิมอีกหลายเท่า พวกทัพกับพ่อค่ายทั้งหลายถึงกับพูดไม่ออก แค้นใจเหลือเกินที่มาติดกับพวกอังวะเยี่ยงนี้
จอกยีโบเห็นพวกนักรบต่อสู้อย่างไม่อ่อนแรงก็ยิ่งโกรธ สั่งให้เหล่าทหารฆ่าฟันไม่ให้เหลือ และรีบพาตัวอองนายศิษย์รักกลับมา แต่ใจซึ่งติดพันศึกอยู่กับพวกทัพไม่ไปด้วย เพราะคิดถึงคำพูดของสไบเมื่อวันก่อน
“ฉันจะเป็นเมียที่ดีของพี่ มีลูกให้พี่หลายๆคน พี่ใจ...เราจะไม่แยกจากกันอีกแล้วนะจ๊ะ”
ภาพศิษย์รักสะบัดมือจากทหาร ไปสมทบกับพวกบ้านระจันทำให้จอกยีโบหัวเสียมาก
“อองนาย...มึงทรยศกู มึงเห็นแก่พวกโยเดีย!”
ใจไม่สนว่าจอกยีโบจะคิดยังไง มุ่งหน้าไปสู้กับเหล่าทหารจากชาติเดียวกันพร้อมกับพวกทัพ
“อย่ามัวปะทะ ตีฝ่าออกไปให้ได้”
จอกยีโบโมโหมาก คว้าปืนจากมือทหารมาเล็งที่ศิษย์รัก แต่นัดแรกก็พลาด เฉียดหน้าใจไปนิดเดียว
เลยพยายามยิงอีกรอบ ทัพเห็นพอดีเลยเอาตัวเข้ารับแทนจนไหล่สะบัด ใจตกใจมาก หันไปมองทางสยาอีกครั้ง ก่อนจะล้มทั้งยืนเมื่อจอกยีโบเล็งมาที่หน้าอก และที่หน้าผากในนัดถัดมา...
ooooooo
สังข์ควบม้าไปถึงค่ายในเวลาไม่กี่อึดใจ พวกพ่อค่ายที่ไม่ได้ออกรบถึงกับหน้าเสีย เมื่อเห็นสภาพแท่น รีบช่วยกันแบกไปหาหลวงพ่อธรรมโชติเพื่อหาทาง รักษา โดยมีพวกแฟงตามติดด้วยความเป็นห่วง กลัวแท่นจะตาย
เหล่าพ่อค่ายมองหลวงพ่อธรรมโชติท่องคาถาบดยาและโปะไปตามแผลฉกรรจ์บนตัวแท่นด้วยสายตาห่อเหี่ยว ยิ่งได้ยินเสียงครางไม่ได้ศัพท์ของผู้นำจากบ้านศรีบัวทอง ยิ่งสลด ขุนสรรค์เปรยขึ้นอย่างเหนื่อยใจ
“ไม่มีพ่อแท่นเป็นผู้สั่งการเสียคน ทัพบ้านระจันเราจะเป็นอย่างไรบ้าง”
บรรดาพ่อค่ายสีหน้าไม่ดี เมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปจนบ่ายคล้อย แต่พวกนักรบก็ยังไม่กลับ ขุนสรรค์กับนายจันหนวดเขี้ยวอาสาไปช่วยรบ พันเรืองคิดนิดเดียว ก่อนจะพยักหน้าอนุญาต แฟงได้ยินก็เกิดฮึดขอไปด้วย
สังข์มองมาด้วยความตกใจ “เอ็งว่าอะไรออกมา นังคนนี้...ก็เห็นอยู่ว่าตัวเป็นผู้หญิง”
“เป็นผู้หญิง สองมือก็กำดาบฟันไอ้พวกอังวะตายได้เหมือนกัน”
“ฉันก็จะไปด้วย ฉันจะไปล้างแค้นให้พี่ดอกรัก” สไบขอตามไปด้วย
เช่นเดียวกันกับเฟื่อง “ฉันจะไปกับน้อง ผัวฉันก็อยู่กลางศึก”
สังข์กับพวกพ่อค่ายถึงกับพูดไม่ออก แฟงโพล่งขึ้นมาอย่างห้าวหาญ “ข้าศึกมันเข้ามาย่ำยีพี่น้องเราเหลือจะนับ มันเผา มันฆ่า พรากแม่พรากลูก ซากศพก่ายกอง ฉันเคยช่วยพ่อแท่นฆ่าพวกอังวะมาแล้ว อย่าห่วงฉันเลย”
“ขอให้หญิงระจันได้รบให้หายแค้น ได้ทำหน้าที่เยี่ยงหญิงรักพ่อแม่ รักลูกรักผัวด้วยเถอะ” สไบขออีกแรง
“ฉันจะปลื้มใจ ถ้าจักได้ตายเคียงข้างผัวที่เป็นทหารกล้า ได้เอาชีวิตแลกเพื่อแผ่นดินเถิด” เฟื่องช่วยพูด
สายตาสามสาวเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น สังข์รีบหันไปมองจวง แล้วก็ต้องหน้าเสีย เมื่อได้ยินเมียรัก
“อย่าห้ามฉันพี่สังข์ อย่าให้ฉันนั่งตัวสั่นในเรือนยามพี่ไปรบ ฉันขออยู่ข้างพี่ ไม่ว่าที่นั่นจะเป็นสวรรค์หรือนรก”
เหล่านักรบบ้านระจันทึ่งในความกล้าหาญของพวกผู้หญิงมาก แฟงเข้าไปเปลี่ยนเป็นนุ่งตะเบงมานกับพวกพี่ๆ ก่อนจะตัดสินใจหั่นผมยาวสลวยของตัวเองทิ้งต่อหน้าทุกคน
“ต่อแต่นี้ไป ผู้หญิงอย่างฉันจะขอสู้ตายเคียงข้างผู้ชายระจัน!”
ระหว่างที่พวกที่เหลือกำลังตามมาสมทบ ทัพ ประคองร่างใจซึ่งหายใจรวยรินเพราะพิษบาดแผลด้วยความกังวล
“อย่าตายนะไอ้ใจ เอ็งต้องรอด ข้ามีเรื่องต้องพูดกับเอ็ง”
กองทัพอังวะหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย เหล่านักรบที่ยังเหลือเรี่ยวแรงหันหลังชนกันสู้ไม่ถอย จอกยีโบเฝ้ามองกองทัพของตนพุ่งฆ่าฟันพวกบ้านระจันด้วยท่าทางลำพองใจ ก่อนจะสะดุ้งเฮือก เมื่อรู้สึกได้ถึงกระสุนปืนที่ปลิวเฉี่ยวหู!
นายกองอังวะที่อยู่ข้างๆตกจากหลังม้า เห็นรอยกระสุนเจาะกลางหน้าผากแม่นราวกับจับวาง ขุนสรรค์นั่นเองที่เป็นเจ้าของกระสุนนัดนั้น กองทหารอังวะเห็นพวกบ้านระจันตามมาเพิ่มก็ไล่ยิงอย่างไม่ลดละ จอกยีโบเห็นท่าไม่ดี รีบควบม้าหนีจากตรงนั้น พร้อมพวกทหารอังวะที่ถอยร่นตามนายไปติดๆ
เหล่านักรบบ้านระจันที่ตามมาสมทบพร้อมกับพวกผู้หญิง ตามพวกขุนสรรค์มาไม่ห่าง ก่อนจะปะทะกับพวกทหารอังวะอย่างดุเดือดที่ชายป่านั่นเอง และน้ำหนึ่งใจเดียวของพวกชาวบ้านก็ตีข้าศึกแตกพ่ายจนได้ เหลือทิ้งไว้แต่ซากศพมากมายทั้งของฝ่ายไทยและฝ่ายอังวะ
บรรดาพ่อค่ายให้ช่วยกันตรวจดูว่ามีนักรบบ้านระจันบาดเจ็บพอช่วยได้หรือไม่ รวมทั้งเก็บอาวุธจากพวกอังวะกลับค่าย ส่วนพวกผู้หญิงวิ่งหาพวกผัวอันเป็นที่รัก เฟื่องกับจวงวิ่งหาขาบด้วยความรักและเป็นห่วง ต่างจากสไบที่ใจหายวาบ เมื่อเห็นทัพแบกร่างไร้สติของใจมาจากอีกทาง ก่อนจะวิ่งไปช่วยแบกผัวกลับค่าย
นักรบส่วนใหญ่ทยอยกลับค่ายแล้ว ส่วนนายทองเหม็นเดินปิดตาเพื่อนนักรบที่ตายในสนามรบ
“ไปสู่สุคตินะเพื่อน ไม่ต้องห่วงพวกกูที่อยู่ข้างหลังจะเอาเลือดเนื้อรักษาปกป้องแผ่นดินต่อจากพวกเอ็งไว้ให้ได้”
ทุกคนที่ได้ยินต่างมองมาด้วยแววตาสลด แฟงเห็นทัพแบกร่างอ่อนแรงของใจจากมุมไกลๆ เลยพยายามร้องเรียก อดีตทหารกล้ามองไปด้วยความไม่แน่ใจเพราะอีกฝ่ายผมสั้น แต่ไม่ทันทักก็ต้องหันไปช่วยแบกใจกลับค่ายเสียก่อน ทิ้งแฟงให้มองตามทั้งน้ำตานองหน้า โดยมีฟักซึ่งเพิ่งเห็นน้องสาว วิ่งมาหาจากอีกทาง
“แฟง...เอ็งไม่เป็นอะไรนะ ทำไมพวกเอ็งบ้าบิ่นเกินหญิงอย่างนี้”
แฟงทรุดตัวร้องไห้ ทั้งหวาดกลัวและดีใจที่มีส่วนช่วยรบ ฟักดึงตัวน้องมากอดปลอบ
“ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วแฟง พวกเราปลอดภัยแล้ว”
อีกด้านของชายป่า...ขาบพาเมียรักไปนั่งพักด้วยความเป็นห่วง ตรวจตราเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้
“เฟื่องนี่ทำกล้า ออกมาทำไม มันอันตรายมาก ถ้าเป็นอะไรไป พี่จะทำยังไง”
“ก็แล้วถ้าพี่เป็นอะไรไป ฉันจะทำยังไง ต่อไปฉันจะรบกับพี่ทุกศึก”
“พูดไปเรื่อย พี่ออกมาสู้กับพวกมันเพราะอยากให้เฟื่องอยู่ดีมีสุขนะ”
ผัวเมียคู่อื่นโผกอดกันด้วยความดีใจ เช่นเดียวกับจวง กำดาบเปื้อนเลือดในมือแน่น ยืนอยู่ข้างสังข์
“พี่สังข์...ฉันฆ่ามันได้ ฉันฆ่าพวกอังวะมันตายไปตั้งหลายศพ”
“จวง...เอ็งเป็นยอดหญิง เอ็งเก่งเหลือเกิน”
สังข์โอบกอดเมียไว้ด้วยความรักและภูมิใจ ท่ามกลางสมรภูมิรบที่เต็มไปด้วยความตายอันน่าสะเทือนใจ
ooooooo
กว่าแฟงจะได้เจอทัพอีกครั้งก็เมื่อกลับถึงค่ายแล้ว เห็นพวกฟักวิ่งกันให้วุ่น ตามหาหยูกยาและตระเตรียมแคร่ให้พรานหนุ่มนอนรักษาตัว ทัพหันมาเห็นแฟง เนื้อตัวเปื้อนเลือดข้าศึก ก็มองมาด้วยความชื่นชม
“ไอ้ใจ...มันช่วยรบกับพวกเรา”
“แสดงว่าพี่ใจไม่ใช่สายของพวกอังวะ”
แฟงโล่งใจมาก ยืนมองสไบโอบกอดผัวไว้ด้วยความรัก และพร่ำขอให้เขาอดทน อย่าทิ้งเธอไปแบบนี้ ทัพถอนใจหนักหน่วง ก่อนจะหันมายิ้มกับแฟง ดึงดาบเปื้อนเลือดข้าศึกออกจากมือเธอ
“แฟง...เอ็งออกไปรบ เอ็งไม่กลัวเลยหรือ”
“ฉันไม่กลัวตาย อย่างเดียวที่ฉันกลัวคือถ้าต้องตาย ตกไปเป็นขี้ข้าพวกอังวะ!”
อาการของใจยังน่าเป็นห่วง เช่นเดียวกับอาการของแท่น พันเรืองมองมาด้วยความหนักใจ “หลวงพ่อธรรมโชติให้ยาสมานแผลแล้ว กระสุนมันเข้าที่เข่า ยังเอาออกไม่ได้ กลัวพ่อแท่นจะไม่ไหว รอให้ฟื้นตัวกว่านี้ ค่อยผ่าออกมา”
เหล่าพ่อค่ายและบรรดานักรบมีสีหน้าไม่ดีเมื่อรู้อาการแท่น นายทองแสงใหญ่เปรยขึ้นเครียดๆ
“วันนี้ถ้าขุนสรรค์กับพ่อจันหนวดเขี้ยวไม่ตามไป เห็นทีพวกเราคงได้เป็นผีเฝ้าคลองสะดือกันหมด”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ขุนสรรค์กวาดตามองกองกำลังที่ยังเหลือ ถอนใจหนักหน่วง
“เราฆ่าพวกอังวะตายเป็นเบือ เหลือกลับค่ายไปถึงร้อย คงทำให้พวกมันแค้นใจ ยกทัพมาตีเราอีกแน่”
“ให้มันมา ข้าจะขอย่ำบนหน้าไอ้นายทัพมันให้สะใจ วันนี้ไอ้นายทัพมันถูกพ่อแท่นตัดหัวขาดทีเดียว”
นายทองเหม็นประกาศกร้าว พันเรืองเห็นด้วย แต่คิดว่าต้องหาผู้นำรบคนใหม่มาแทนในระยะนี้
“พวกพ่อจะเห็นประการใด ถ้าฉันจะขอให้ขุนสรรค์กับพ่อจันหนวดเขี้ยวเป็นคนนำรบแทนพ่อแท่นที่เจ็บอยู่”
“ข้าเห็นด้วย ขุนสรรค์ยิงปืนแม่น ข้าศึกล้มตายไปมาก ส่วนพ่อจันฝีมือดาบก็ดุดันดี”
นายทองแสงใหญ่กล่าวเป็นคนแรก โดยมีพ่อค่ายคนอื่นสนับสนุน พันเรืองเลยหันไปทางหนึ่งในผู้นำคนใหม่
“ขุนสรรค์...ศึกนี้เราได้ปืนไฟพวกอังวะเพิ่ม ฉันขอให้เป็นธุระหัดคนของเรายิงปืน จัดเป็นกองไฟขึ้นมาเลยนะ”
“ได้สิพันเรือง ฉันจะหัดให้เก่ง ไว้ยิงหัวพวกมันให้เละไปเลย”
พันเรืองพอใจมาก และหันไปพูดกับนายจันหนวดเขี้ยว “เลือกหมู่ของพ่อที่ชอบใจฝีมือมาเป็นกองหน้า หัดดาบเสียให้เชี่ยวชาญ ฉันสังหรณ์ใจนัก ศึกหน้าคงใกล้เข้ามา ชะรอยจะไม่กี่วันพวกอังวะคงมาท้าทายถึงหน้าค่ายเราแน่”
การคาดการณ์ของพันเรืองไม่เกินจริงเลย เพราะเนเมียวสีหบดีโกรธมากเมื่อรู้ข่าวความพ่ายแพ้ของทัพตน
“สุรินทจอข่องถูกพวกบ้านระจันตัดหัวกลางสนามรบ ทหารของข้านับพันถูกพวกชาวบ้านไล่ฆ่ายิ่งกว่าผักปลา ทหารของข้ามันไร้ฝีมือหมดสิ้น หากมังมหานรธาแม่ทัพค่ายสีกุกรู้ มันคงเยาะเย้ยหยามหยั่นข้าไปถึงพระเจ้ามังระอังวะเป็นแน่ ไอ้พวกบ้านระจันมันแค่ชาวบ้าน แค่นั้นไม่ใช่หรือจอกยีโบ”
จอกยีโบก้มหน้านิ่ง เหล่านายกองและทหารพากันหมอบต่ำเมื่อได้ยินเสียงกราดเกรี้ยวของแม่ทัพใหญ่
“แค่ชาวบ้านเรายังสู้ไม่ได้ แล้วอย่างนี้ข้าจะพาทหารบุกเข้ากรุงโยเดียได้อย่างไร แสงเพลิงที่จะเผากรุง
โยเดียให้เหลือแต่เถ้าถ่าน มันต้องถูกจุดขึ้นจากมือข้า ไม่ใช่มังมหานรธาแม่ทัพใต้”
จอกยีโบตัดสินใจเอ่ย หลังได้ยินคำประกาศของเนเมียวสีหบดี “คนของข้าพเจ้าแฝงตัวในหมู่ชาวบ้านระจัน เคยบอกว่าที่พวกมันกล้าบ้าบิ่นได้ เพราะเจ็บแค้นที่ถูกพวกเราบุกปล้น ยึดเสบียง เผาหมู่บ้านพวกมัน”
“หมายความว่าเราไม่ต้องไปเผาบ้านบังคับเอาเสบียง เพราะกลัวมันจะสู้เราอย่างนั้นใช่ไหม”
“ข้าพเจ้าเพียงอยากจะแจ้งท่านแม่ทัพ ว่าแผนของพวกมันไม่ได้ลึกซึ้งอันใด แต่เพราะสายสืบข้าพเจ้ามันทรยศ”
ทุกคนมองมาทางจอกยีโบเป็นสายตาเดียว รวมทั้งเนเมียวสีหบดีที่เอ่ยเสียงเข้ม
“จอกยีโบ...สุดท้ายท่านก็สารภาพเอง”
“ข้าได้สำเร็จโทษมันไปแล้ว ข้ายิงมันกับมือข้าเอง ไม่พ้นคืนนี้ มันต้องตาย!”
ooooooo
ใจค่อยๆรู้สึกตัวในคืนเดียวกันนั้นเอง ตัวสั่นสะท้านด้วยความเสียใจ เมื่อค้นพบว่าตัวเองมองไม่เห็น สไบรวบมือผัวมากุม พร่ำปลอบว่าอยู่ข้างๆ ไม่ได้ไปไหนไกล
“ไม่เป็นไรนะพี่ใจ ไม่เป็นไร...เดี๋ยวพี่ก็มองเห็น ฉันอยู่ตรงนี้กับพี่แล้วจ้ะ”
“ไม่จริง...ฉันต้องมองเห็น ทำไม...ทำไมฉันมองไม่เห็นอะไร มันมืด...มืดไปหมด”
“พี่ใจ...ฉันจะไม่ทิ้งพี่ไปไหน ฉันจะอยู่กับพี่ พี่ใจ...พี่ต้องมองเห็นฉัน”
สไบโอบกอดผัวด้วยความรักและสงสาร ใจมีสีหน้ากดดันอย่างเห็นได้ชัด พวกนักรบบ้านคำหยาดซึ่งมาเยี่ยมดูอาการถึงกับพูดไม่ออก เวทนาพรานหนุ่มเหลือเกินที่ถูกยิงจนมองไม่เห็น โดยเฉพาะทัพ...รู้สึกผิดมาก เพราะใจพุ่งตัวมาขวางกระสุนแทนเขา ขาบกับเฟื่องพยายามปลอบให้ทำใจและอย่าโทษตัวเอง ต่างจากสังข์ที่คิดว่าสมควรแล้ว
“มันเคยสาบาน กินน้ำมนต์หลวงพ่อธรรมโชติไง มันอาจจะช่วยเรา หลอกเราอีกก็ได้ไอ้ทัพ”
“พอเถอะไอ้สังข์ ไอ้ใจมันไม่จำเป็นต้องเสียสละตัวเองเพื่อหลอกใคร วันนี้ข้าเห็นกับตา มันช่วยข้า”
สังข์มองมาด้วยความโมโห สวนกลับเสียงเข้ม “ไอ้ทัพ...ทำไมมึงไม่เชื่อกู ไอ้ใจมันมีพิรุธมาตั้งแต่ต้น หัวนอนปลายตีนก็ไม่มี พวกมันเข้ามาฆ่าไอ้ดอกรักถึงในค่าย นี่แหละกรรมสนองมัน มันอยากสาบานท้าทายความศักดิ์สิทธิ์น้ำมนต์หลวงพ่อธรรมโชติ คนดีอย่างมึง เที่ยวให้โอกาสคนอื่น ระวังภัยมันจะมาถึงไม่รู้ตัว”
“ถ้ากูไม่ให้โอกาสคน มึงคงไม่ได้มายืนที่นี่เหมือนวันนี้”
“เออ...กูมันเพื่อนเลว แต่คนเลวอย่างกูขอเตือนมึงครั้งสุดท้าย ไอ้ใจมันคือไส้ศึกอังวะ มันกำลังตลบตะแลงหลอกพวกเรา ครั้งนี้มันยอมเจ็บตัว แต่ครั้งหน้ามันจะเปิดประตูให้พวกมันมาฆ่าเราทั้งค่าย เพราะความไว้ใจของมึง”
ขาดคำสังข์ก็ถูกถีบกระเด็น ขาบถลาไปห้ามทัพ เช่นเดียวกับพวกฟักที่ดึงสังข์ไว้
ทัพโกรธมาก ประกาศกร้าว “อย่าพูดว่าไอ้ใจมันเป็นคนทรยศให้กูได้ยินอีก”
สังข์สะบัดตัวออกจากพวกฟัก โพล่งกลับเกลอรักอย่างหัวเสีย
“เชิญมึงเทิดทูนไอ้ใจ วันหนึ่งที่มึงกำลังจะตายด้วยคมดาบมันเมื่อไหร่ อย่ามานึกถึงคำพูดกูวันนี้”
สังข์หุนหันออกไปแล้ว ท่ามกลางสายตาตกใจของทุกคน โดยเฉพาะจวงที่ละล้าละลัง แต่สุดท้ายก็วิ่งตามผัว ทิ้งพวกที่เหลือให้มองทางทัพด้วยความเห็นใจ แต่อดีตทหารกล้าก็ไม่ยี่หระ เอ่ยเสียงเข้ม
“ข้าบอกแล้วว่าที่นี่ต้องมีแต่น้ำหนึ่งใจเดียว อย่าให้ข้าได้ยินว่ามีคนสงสัยคนที่ยอมตายเพื่อช่วยข้าอย่างไอ้ใจอีก”
ใจไม่รู้เรื่องพวกทัพทะเลาะกัน พยายามดิ้นรนผลักไสเมียรักไม่ให้มายุ่งเพราะตัวเองกลายเป็นคนตาบอดไร้ค่า สไบไม่ยอม โถมตัวกอดเขาไว้ด้วยความรักและสงสาร อาสาจะเป็นตาให้เขาตลอดชีวิต
“พี่ใจ...ฉันรักพี่ ฉันไม่มีวันทิ้งพี่...ชีวิตฉัน หัวใจฉันเป็นของพี่ ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข เราจะไม่ทิ้งกัน”
ใจสะอื้น สะเทือนใจมากเพราะความรักของเมีย “สไบ...พี่ไม่ใช่คนดี”
“ไม่ว่าพี่จะเป็นใคร พี่คือพี่ใจคนดีของสไบ”
สไบจูบแก้มเขาด้วยความรักล้นใจ โอบกระชับให้กำลังใจ ใจร้องไห้โฮด้วยความตื้นตัน ครางเสียงแผ่ว
“สไบ...ยกโทษให้พี่ด้วย อย่าทิ้งพี่ไปเลย”
ระหว่างที่ใจกับสไบหัวใจแทบสลายกับโชคชะตาอันโหดร้าย ทัพกับแฟงกำลังมองตากันด้วยความซึ้งใจ
“แฟง...พี่เคยบอกแฟงใช่ไหมว่ากลับจากศึกครานี้ พี่มีเรื่องจะถาม...แฟงยังชังน้ำหน้าพี่อยู่ไหม แฟงเห็นพี่พอจะเป็นที่พึ่งพิงให้แก่ชีวิตของแฟงได้ไหม” แฟงใจเต้นไม่เป็นส่ำ ไม่กล้าตอบ ทัพยิ่งรุกหนัก “ถ้าแฟงยังข้องใจเรื่องเฟื่อง พี่ขอบอกตรงนี้ด้วยคำสัตย์ พี่กับเฟื่องเหลือเยื่อใยกันแค่ความเป็นพี่น้อง”
สายตาวิบวับของเขาทำให้แฟงเขินจัด ทัพเห็นเธอไม่รังเกียจเลยดึงมือมากุม
“บัดนี้ใจของพี่มีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นเจ้าของ ผู้หญิงคนนั้นหัวใจกล้าหาญเด็ดเดี่ยวเกินผู้หญิงอื่น แต่ไม่ใช่ความกล้าหาญนั้นหรอก ที่ทำให้พี่เฝ้าคิดถึงหน้านั้นทุกวันทุกคืน...” ทัพมองเข้าไปในดวงตาแฟงที่ระยิบระยับเหมือนลูกกวางน้อย “ปากคำมันช่างยอกย้อน กับรอยยิ้มจริงใจของมันต่างหาก ที่ทำให้พี่ไม่อยากห่างไปไหน”
แฟงหลบตาด้วยความอาย ทัพชอบใจมาก เร่งเร้าให้ตอบว่าคิดกับเขาเช่นไร
“ฉันจะมีคำใดตอบได้ พี่ทัพ...นอกเสียจากว่า... ฉันก็ไม่ได้ชังน้ำหน้าพี่”
ทัพชื่นใจมาก และย่ามใจพอจะรบเร้าถามว่าเธอรักเขามากแค่ไหน แฟงไม่ตอบ ทัพเลยรวบตัวมากอด
“หากไม่ตอบว่ารักพี่คนนี้ พี่จะกอดไว้อย่างนี้จนเช้า...บอกให้ชื่นใจทีเถิด รักพี่ทัพคนนี้มากแค่ไหน”
“อยากเห็น อยากอยู่ใกล้ อยากดูแล อยากมีแต่รอยยิ้มให้พี่หายเหนื่อย อย่างนี้เรียกว่ารักไหม”
ทัพดีใจมาก ดึงเธอมากอดแน่นด้วยความรัก ก่อนจะบรรจงจูบที่หน้าผากอย่างอ่อนโยน
“ชื่นใจของพี่...แฟงเอ๋ย คำรักของเอ็งมันหวานนัก พี่จะจำมันไว้ในชีวิต ในวิญญาณ จวบลมหายใจสุดท้าย”
จบคำก็เชยคางแฟงขึ้นอย่างทะนุถนอม จูบประทับแนบแน่น เหมือนเป็นสัญญาว่าจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ
ooooooo
สังข์ฮึดฮัดคนเดียวที่เรือน โดยมีจวงนั่งมองทั้งน้ำตานองหน้า เสียใจมากที่ผัวกับพี่ชายมีเรื่องกันไม่ต่างจากเฟื่อง ไม่สบายใจที่เห็นทัพกับสังข์ทะเลาะกัน ขาบปลอบให้ทำใจ และพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย
“ไม่รู้ว่าเฟื่องไปหัดดาบตอนไหน เกิดเคืองพี่ขึ้นมา ดาบเฟื่องเห็นจะฟันพี่ขาดเป็นริ้วๆ”
“พี่ก็อย่าทำให้ฉันโกรธแค้นอะไรขึ้นมา” ขาบดึงมือเฟื่องมาดู “ฉันไม่เคยจับดาบมาก่อนก็จริง แต่เมื่อถึงคราวต้องไล่ฟันข้าศึก เรี่ยวแรงมันมาจากไหนก็ไม่รู้”
“พี่นับถือน้ำใจ นับถือความกล้าของเฟื่องและผู้หญิงทุกคน แต่พี่ก็ไม่อยากให้ผู้หญิงออกรบ”
“พี่อย่าห้ามเลยนะ เวลานี้นักรบบ้านระจันเรา ผู้ชายเหลือน้อยลงทุกวัน ข้าศึกมันก็ยกมามากขึ้นทุกครั้ง ถ้าพี่กลัวว่าฉันจะเป็นอะไร พี่ก็สอนให้ฉันฟันดาบให้เก่งๆสิ ฉันจะได้สู้กับพวกอังวะได้”
ขาบลูบหัว กอดเมียรักด้วยความรักและหวงแหน... หวังลึกๆจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขหลังเสร็จศึก
แม้จะมีเรื่องขัดแย้ง แต่พวกทัพก็ไม่ละเว้นการซ้อมดาบ รวมถึงช่วยพวกผู้หญิงซ้อมด้วย ไม่รู้เลยว่าใจต้อง นอนระทมทุกข์คนเดียวในเรือน คับแค้นใจในโชคชะตา ยิ่งนัก ต้องมานอนไร้ค่าในค่ายศัตรูเช่นนี้
“ข้ามันคนทรยศ ข้าต้องฆ่าพวกระจัน แต่ข้าทำไม่ได้...พวกเขาทำดีกับข้า สไบ...คือคนรักของข้า ยกโทษให้ข้าด้วยสยา ข้ากำลังรับกรรมที่ข้าก่อไว้ทั้งหมดแล้ว”
สไบเพิ่งซ้อมดาบกับพวกทัพเสร็จ เลยกลับมาดูแลผัวที่เรือน ทันพบนายทองเหม็นที่ตั้งใจมาเยี่ยมพรานหนุ่ม สภาพช่วยตัวเองไม่ได้ของใจ ทำให้พ่อค่ายจอมเมาเวทนา ออกปากให้ไปอยู่ด้วยกันที่เรือน จะได้มีคนดูแล สไบรีบขวาง เพราะอยากดูแลผัวเอง ใจกลัวนายทองเหม็นโกรธเลยอธิบายว่าอยู่กับสไบฉันผัวเมีย แต่ไม่ได้แต่งงาน
“บ๊ะ...จะเอาลูกสาวเขามาใช้ แล้วไม่สู่ขอให้เป็นเรื่องเป็นราวได้ยังไงวะ”
“พ่อสไบตายระหว่างอพยพมาบ้านระจัน ฉันเลยไม่รู้จะไปสู่ขอกับใคร”
“แล้วเอ็งจะอยู่กับคนตาบอดได้ไหมนังหนู”
“ไม่ว่าพี่ใจจะตาบอดแขนขาด ฉันก็จะไม่มีวันทิ้งพี่ใจจ้ะ”
“เออ...นังหนูนี่มันรักเอ็งแท้ ถ้ารักกันขนาดนี้ก็ไม่ต้องกลัว เอ็งช่วยข้ารบมาถึงป่านนี้ เป็นตายยังไง เอ็งสองคนก็คือลูกหลานคนระจัน ข้าจะเป็นผู้ใหญ่จัดพิธีให้เอง เอ็งสองคนจะได้ดูแลกันและกันออกหน้าออกตาได้เต็มที่”
งานแต่งใจกับสไบถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายไม่นานหลังจากนั้น โดยมีพวกพ่อค่ายกับพวกบ้านคำหยาดเป็นพยาน ร่วมอวยพรให้สองหนุ่มสาวอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ใจซึ้งใจมาก เปรยกับสไบเมื่อได้อยู่กันตามลำพัง
“พี่เป็นหนี้ชีวิตพ่อทองเหม็นมากจนชดใช้ไม่หมด ถ้าไม่ได้แก พี่คงไม่มีปัญญายกย่องสไบให้สมหน้าอย่างนี้”
“แกรักพี่เหมือนลูก เป็นบุญของเราที่มีผู้ใหญ่เอ็นดู”
“ตั้งแต่เกิดมา...ไม่มีใครเอ็นดูพี่เท่าแกจริงๆ”
คำพูดเหมือนน้อยใจของผัว ทำให้สไบอดสงสัยไม่ได้ แต่ไม่ทันขยับ ก็เผอเรอถูกเข็มตำนิ้วเลือดออก ใจหันขวับคว้านิ้วเมียมาดูดห้ามเลือด สไบมองมานิ่งๆ ก่อนจะโพล่งออกไปเสียงสั่น ว่าเป็นลางไม่ดี เจ้าบ่าวเจ้าสาวเลือดตกยางออกในงานแต่ง ใจหน้าเสีย ดึงเมียรักมาโอบปลอบ สัญญาหนักแน่นจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
แต่คนที่ไม่มีความสุขเลยในงานแต่งใจกับสไบคือสังข์ โดยเฉพาะเมื่อรู้จากขาบ เรื่องทัพได้เป็นหัวหมู่กองนายจันหนวดเขี้ยว ทัพไม่ถือสาถ้อยคำประชดประชันของเกลอรัก แต่เมื่อใจปรากฏตัว สังข์ก็หมดความอดทน
“ไอ้ทัพ...มึงจะเชื่อคนนอกอย่างไอ้ใจมากกว่าเพื่อนอย่างกูใช่ไหม เอาสิวะ...มึงมันคนดี อยู่ที่ไหนก็ได้ดีเกินหน้าทุกคน กูก็รบเท่าๆกับมึง แต่มึงดันได้เป็นหัวหมู่ มึงกำลังจะได้ดิบได้ดี มีลูกน้องอีกเป็นร้อย ไม่ต้องมีเพื่อนอย่างกูมารบเคียงบ่าเคียงไหล่กับมึงแล้ว โน่นไง...เพื่อนรักคนใหม่ของมึง แตะต้องไม่ได้ ไอ้ใจหน้าซื่อใจคด...ไอ้ไส้ศึก!” ทัพชกหน้าสังข์เต็มแรง แหวลั่น “กูไม่เคยอยากได้ดีเกินหน้าเพื่อน ถ้ามึงอยากเป็นหัวหมู่ มึงก็เป็นไปเลย”จวงตัวสั่น เมื่อเห็นพี่ชายทะเลาะกับผัว สังข์โกรธจัด ประกาศลั่นไม่ญาติดีกับใจ “ในเมื่อที่นี่ไม่มีคนเห็นค่ากู ในเมื่อมึงนับคนที่กูเกลียดเป็นเพื่อน กูกับมึงก็รบด้วยกันไม่ได้อีกแล้วไอ้ทัพ!”
ooooooo