ตอนที่ 14
นาวินกับลูกทีมลงมายืนกลางถนนคอยการมาถึงของผจญกับพวก หมึกที่อยู่บนรถตู้ถือปืนยิงจรวดในมือ เมื่อขบวนรถคนร้ายแล่นเข้ามาใกล้ นาวินสั่งทุกคนให้เตรียมพร้อม ทันทีที่รถนำขบวนแล่นมาได้ระยะ ปืนทุกกระบอกระดมยิงใส่ รถนำขบวนระเบิดตูมเสียงดังสนั่น ไฟลุกโชนท่ามกลางความมืดมิด รถที่แล่นตามมาด้านหลังพากันเลี้ยวหลบ
ตู้คอนเทนเนอร์เอียงวูบตามแรงรถที่หักหลบกะทันหัน ยอดรัก ผจญและสมุนล้มกลิ้งล้มหงายไปตามๆกัน ปืนในมือยอดรักหล่น...
นาวินกับพวกรีบวิ่งขึ้นรถขับตามไปอย่างไม่ลดละ
ooooooo
รถบรรทุกกลับมาแล่นได้ตามปกติอีกครั้ง สมุนตั้งหลักได้ชักปืนจะยิงยอดรัก ผจญร้องห้ามเสียงหลงไม่ให้ใช้ปืนระเบิดเต็มคันรถไม่เห็นหรือ สมุนเก็บปืนชักมีดขึ้นมาแทน
ยอดรักชักมีดขึ้นมาเช่นกัน ขอบใจผจญที่แถมมีดพกมาให้ด้วย ผจญมองสมุนขวับ
“โธ่ ก็บอสให้จัดเต็มพวกมันนี่ครับ”
มีเสียงพนักงานสื่อสารสาวพูดผ่านทางวิทยุสื่อสาร “บอสคะ เราเสียอัลฟ่าสองไปค่ะ”
“ไอ้พวกหน่วยพิเศษ...บอกทุกคนเราจะไม่มีถอย” ผจญสั่งเสร็จมองยอดรัก “แกเตรียมตัวตายได้”
“เออ ก่อนจะฆ่ากันมาฟังเพลงเพราะๆสักเพลงหนึ่งไหม”
ยอดรักคิดหาทางลัดจัดการศัตรู แต่ผจญรู้ทันว่าเขาจะใช้เสียงเพลงสะกดพวกตนเองก็สั่งห้ามร้อง ยอดรักบ่นอุบเกลียดนักคนรู้ทัน
“ขอบอก เสียงเดียวที่ฉันอยากได้ยินตอนนี้คือเสียงร้องของแกที่กำลังโดนเชือด...ลุยมัน”
จากนั้นทั้งคู่พุ่งเข้าใส่ยอดรักพร้อมกัน สองฝ่ายต่อสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใครโดยมีกล่องเหล็กใส่ระเบิดวางอยู่เต็มไปหมด ยอดรักเสียเปรียบเนื่องจากมีเพียงคนเดียว...
บนถนนสายเปลี่ยว ขบวนรถของผจญวิ่งตะบึงฝ่าความมืดโดยมีรถตู้ของนาวินแล่นตามประกบ ต่างฝ่ายต่างเปิดประตูรถ บ้างก็โผล่หน้าออกมายิง รถตู้ของนาวินพยายามจะวิ่งแซงแต่เนื่องจากขบวนรถของผจญอยู่ทางขวาทำให้ต้องแซงซ้าย แถมประตูรถตู้เปิดได้แค่ทางซ้ายเท่านั้นทำให้เสียเปรียบถูกสมุนกระหน่ำยิง
นาวินกับลูกทีมต้องหลบกระสุนกันวุ่นวาย นอกจากโดนยิงถล่มแล้ว สมุนยังโยนระเบิดใส่อีกด้วย แช่มต้องขับรถหลบหลีกและลดความเร็วลง ทำให้ขบวนรถของผจญแล่นผ่านเลยไป
“ครูครับ อำนาจการยิงมันสูงกว่าพวกเราชนิดเทียบกันไม่ติด เราจะทำอย่างไรกันดีครับ”
เวชมองนาวินอย่างรอคำตอบ เขานิ่งใช้ความคิดอยู่อึดใจก่อนจะร้องออกมาว่ายุทธนาวีที่ช่องแคบสึชิมะ
“ยุทธนาวีที่สึชิมะ?” ลูกทีมร้องขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน
“ใช่แล้ว กองเรือของราชนาวีที่เล็กกว่า อำนาจการยิงน้อยกว่าสามารถทำลายกองเรือของราชนาวีที่ยิ่งใหญ่กว่า อำนาจการยิงมากกว่า”
นาวินหัวเราะชอบใจที่คิดถึงแผนการรบนี้ขึ้นมาได้ แต่พอมองไปที่ทุกคนกลับเงียบเป็นเป่าสาก ชักจะไม่พอใจโวยวายทำไมถึงเงียบกัน แล้วถามหมึกว่ามีปัญหาอะไร เขาโยนให้แช่มในฐานะอาวุโสที่สุดตอบคำถามแทน
“เข้าใจโยนขี้ให้น้านะ คือท่านขอรับ ด้วยความเคารพอย่างสูงสุด เรากำลังอยู่บนบกขอรับ แถวนี้ไม่มีน้ำสักหยด จะใช้แผนการรบทางทะเลได้อย่างไรขอรับ”
“ปัดโธ่ เป็นทหารนะต้องไม่หน่ายแผนการรบ ยุทธวิธีมันปรับใช้กันได้ นายแช่ม รถเราเร็วกว่าเบากว่า หาทางลัดตัดหน้าขบวนของพวกมัน เร็วเข้า”
สิ้นเสียงนาวิน แช่มเลี้ยวรถเข้าทางลัดทันที
ooooooo
“ทั้งๆที่ส้มจี๊ดควรจะดีใจที่เรื่องร้ายๆจบลงเสียที แต่พอคิดถึงคนดีๆที่ต้องจากไป ส้มจี๊ดกลับเศร้า”
สมุทรดึงส้มจี๊ดมากอด มองไปทางชลดาที่ยืน ร้องไห้เพียงลำพังก็สงสารจับใจ ขอเวลาส้มจี๊ดสักครู่แล้วเดินไปหาเธอ เห็นยืนมองแสงเพลิงที่กำลังไหม้รังของผจญที่ห่างออกไปก็ร้องเรียก “คุณหมอ”
ชลดาไม่หันมามอง สายตายังคงจับจ้องไปทางกองเพลิงที่ลุกโชน
“ผู้หมวดเคยถามตัวเองไหมว่าทำไมเขาต้องทำแบบนี้ เขาไม่ใช่ทหาร ที่จริงเขาไม่ใช่แม้แต่จะเป็นคนกล้าด้วยซ้ำ”
“ผมจะคิดยังไงมันไม่สำคัญหรอกครับ สิ่งที่เขาบอกผมต่างหากที่มันสำคัญ”
“เขาบอกผู้หมวดว่ายังไง”
“เขาบอกผมว่า ในชีวิตคนเราต้องการเรื่องราวดีๆ เพื่อให้ผู้คนได้จดจำเพื่อที่จะมีกำลังใจต่อสู้เพื่อความดีงาม วีรกรรมของผู้กองนักรบคือเรื่องที่โลกของเราต้องการ”
คุณหมอสาวน้ำตาไหลอีกครั้ง หันมองสมุทร “แต่เราสองคนรู้ดีว่าความจริงคืออะไรใช่ไหมผู้หมวด...”
“ครับ”
“ชั่วชีวิตนี้ชลจะไม่มีวันลืมเขา...ไม่มีวัน”
ooooooo
หลายวันผ่านไป...
น้อยเห็นคุณๆทั้งหลายกลับจากไปลอยอังคารรีบเข้ามาต้อนรับพร้อมกับรายงานว่าเตรียมอาหารกลางวันไว้ให้แล้ว กลับมาคงจะหิวกันแย่ ชลดาขอบใจน้อยมากแต่เธอยังไม่หิวเดี๋ยวจะเปลี่ยนชุดไปเข้าเวรที่โรงพยาบาลเลย แล้วเดินขึ้นห้อง น้อยมองตามเป็นห่วงก่อนจะหันไปทางนาวิน
“คุณท่านคะ น้อยว่าคุณชลคงยังทำใจไม่ได้ที่ผู้กองจากไป”
นาวินเองก็ยังทำใจไม่ได้เช่นกัน ขอตัวไม่กินข้าวกลางวัน ภคินีเป็นห่วงลูกกินอะไรไม่ลงเหมือนกัน ถามน้อยว่าผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วยังเห็นหมอชลยังร้องไห้อยู่ไหม เธอไม่เห็นแล้วสงสัยคุณหมอคงร้องไห้จนไม่มีน้ำตาเหลือ แถมข้าวปลาก็ไม่ยอมแตะ ภคินีทนไม่ไหวบอกนาวินว่าขอตัวไปดูลูกสักหน่อย