ตอนที่ 14
“สถานที่นี้จะระเบิดในอีกห้านาที เจ้าหน้าที่ทุกนายขอให้ประจำรถคุ้มกันด่วน โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง สถานที่นี้จะระเบิดในอีกห้านาที เจ้าหน้าที่ทุกนายขอให้ประจำรถคุ้มกันด่วน”
สมุทรมองเหตุการณ์เบื้องหน้าด้วยความร้อนใจ ระหว่างนั้นนาวินโทร.เข้ามือถือของเขาพอดี เขารายงานพวกมันกำลังเคลื่อนไหวแล้ว นาวินที่อยู่ในรถตู้ถึงกับหน้าเครียด
“ผู้หมวดผมใกล้ถึงแล้วนะ รายงานสถานการณ์ล่าสุดด้วย”
“พวกมันกำลังจะระเบิดฐานปฏิบัติการของมันทิ้งครับครู”
“พวกมันคงตั้งใจทำลายหลักฐานที่จะโยงไปถึงตัวมันให้หมด”
“แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือมันกำลังจะเคลื่อนขบวนรถระเบิดแล้วครับครู”
นาวินร้องเอะอะจะปล่อยให้ทำอย่างนั้นไม่ได้ แล้วนี่ผู้กองนักรบไปไหนทำอะไรอยู่ทำไมไม่รีบทำลายไอ้รถบ้าคันนั้น สมุทรแจ้งว่าผู้กองกำลังเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกเพื่อทำตามคำสั่งของท่านอยู่
“ถ้าเขาทำไม่ได้ พวกเราทุกคนต้องทำให้ได้ ...เลิกกัน”
สมุทรวางสาย มีเสียงประกาศเตือนเรื่องจะระเบิดสถานที่นี้ดังขึ้นอีกครั้ง เรียกเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยให้ไปประจำที่รถคุ้มกันด่วนที่สุด
ส้มจี๊ดเห็นสมุนที่เฝ้ารถสมุทรอยู่ถอนกำลังวิ่งไปขึ้นรถตู้ก็ตื่นเต้นเขย่าแขนสมุทรให้ดูว่าพวกมันเลิกเฝ้ารถเราแล้ว เขามองตามมือเธอเห็นบริเวณนั้นไม่มีกองกำลังของผจญ หันไปอุ้มชลดาวิ่งนำทุกคนไปที่รถ...
อีกมุมหนึ่งที่ลานจอดรถใหญ่ ผจญขึ้นไปบนตู้คอนเทนเนอร์ เห็นระเบิดวางเรียงเป็นตับ มีร่างยอดรักในคราบผู้กองนักรบกับหมอในชุดดำพร้อมรบวางอยู่ตรงที่ว่างใกล้ๆ ก็ยิ้มพอใจหันไปสั่งสามสมุน
ที่เป็นคนขนศพ
“แกสองคนเตรียมออกรถ ส่วนแก ขึ้นมากับฉัน” ผจญสั่งเสร็จหันไปทางพนักงานสื่อสารสาว “เธอไปอยู่รถสื่อสารคุ้มกันท้ายขบวน จำไว้งานนี้ถ้าพลาดคือตาย ถ้ารอดคือรวย”
พนักงานสาวรับคำ เดินไปขึ้นรถคันสุดท้าย ผจญมองร่างยอดรักที่คิดว่าเป็นนักรบ
“ผู้กองคงพร้อมสำหรับการทำหน้าที่ครั้งสุดท้ายแล้วนะครับ”
ผจญหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาแจ้งทุกคนให้เริ่มปฏิบัติการได้ สิ้นเสียงเขา รถคุ้มกันคันแรกแล่นนำขบวนออกไป...
ทางด้านสมุทรกับพวกขึ้นรถเรียบร้อยเตรียมหนี แต่รถเจ้ากรรมดันสตาร์ตไม่ติด...
ผจญรอจนรถทุกคันแล่นออกจากลานจอดรถและพ้นระยะทำการของระเบิด หยิบรีโมตกดระเบิดขึ้นมานับถอยหลังจากสิบ แต่นับถึงแค่สี่ เขากดรีโมตเกิดการระเบิดขึ้นในรังโจรเสียงดังกึกก้อง
ระเบิดเริ่มจากด้านในสุดค่อยๆไล่มากระทั่งถึงลานจอดรถด้านหลัง รถของสมุทรถูกแรงระเบิดไฟลุกวอดทั้งคัน แรงสั่นสะเทือนไปถึงขบวนรถของผจญ สมุนที่ยืนอยู่กับซีไอเอชั่วตกใจ
“บอส มันระเบิดก่อนเวลา”
“เปล่า ฉันต้องการแบบนี้ จำไว้ ทำอะไรก็อย่าให้คนคาดเดาได้”
ผจญหัวเราะชอบใจ
ooooooo
แม้รถจะระเบิดเป็นจุณ แต่สมุทรกับพวกไม่ได้อยู่ในรถ หนีกลับไปซ่อนตัวในพงหญ้าได้ทันเวลารอดตายหวุดหวิด ส้มจี๊ดกอดสมุทรที่ประคองชลดาซึ่งยังไม่ได้สติ ขณะที่ครูสมัยโอบกอดชบาไว้
“โอ๊ย หวุดหวิดชนิดเส้นยาแดงผ่าแปดเลยพวกเรา” ครูสมัยว่าแล้วถอนใจโล่งอก ชบาพยักหน้าเห็นด้วย
“นั่นสิพี่ ขืนพวกเราออกจากรถช้าอีกนิดเดียว คงไม่มีใครรอด”
ชลดาค่อยๆรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมองไปรอบบริเวณอย่างงงๆตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วมองไปรอบๆอีกครั้งไม่เห็นยอดรักอยู่ด้วยก็ถามหา ทุกคนนิ่งไม่มีใครตอบ เธอมองสถานที่ที่เคยเป็นรังของผจญซึ่งไฟลุกท่วม ยังมีเสียงระเบิดดังต่อเนื่องก็ร้องตะโกนสุดเสียงเรียกหายอดรัก ก่อนจะทรุดลงนั่งแปะกับพื้นคิดว่าเขาอยู่ในกองไฟ ส้มจี๊ดกับชบาเข้าไปช่วยกันกอดปลอบใจ...
นาวินกับลูกทีมที่อยู่ในรถตู้ซึ่งกำลังแล่นมาตามทางมุ่งสู่รังของผจญเห็นแสงไฟเจิดจ้าจากการระเบิดในระยะไกลๆพากันหน้าเครียด จังหวะนั้น แช่มตะโกนบอกนาวินว่าพบรถต้องสงสัยกำลังแล่นสวนมา
“รถของพวกมัน แช่ม...เตรียมเข้าสกัด”
แช่มลดความเร็วลงแล้วหันข้างรถตู้ไปทางขบวนรถของผจญ หมึกเลื่อนประตูรถตู้เปิดออกเตรียมอาวุธทั้งหนักและเบารอการปะทะ
ผจญรู้ตัวเสียก่อนเพราะรถนำขบวนวิทยุแจ้งว่ามีรถของหน่วยพิเศษดักรออยู่เบื้องหน้า เขารีบสั่งการให้สมุนจัดการศัตรูให้ได้ แล้วบ่นอุบ พวกมันรู้เรื่องเราได้อย่างไร
ทันใดนั้นมีเสียงหัวเราะดังขึ้น ทีแรกผจญกับสมุนตกใจที่เห็นศพนักรบค่อยๆลุกขึ้นนั่ง โดยเฉพาะสมุนร้องลั่นว่าผีหลอก ผจญตั้งสติได้จะคว้าปืน แต่ยอดรักไวกว่าชักปืนที่สมุนเหน็บเอวไว้ให้ขึ้นมาส่องมันได้ก่อน
“อยู่นิ่งๆอย่ากระดุกกระดิก ไม่งั้นพ่อยิงไส้แตกจริงๆด้วย”
“ไอ้ยอดรัก...แก” ผจญขบกรามแน่นด้วยความแค้น ยอดรักยิ้มเหี้ยม
“มีไอ้คนชั่วเคยพล่ามให้ฉันฟังว่า เวลาทำอะไรอย่าให้คนคาดเดาได้ คุ้นๆไหม...แกสั่งลูกน้องแกให้หยุดรถแล้วยอมแพ้เดี๋ยวนี้” ยอดรักสั่งเสียงเฉียบ...