ตอนที่ 14
“ไหนขอฉันดูหน้าอดีตว่าที่พ่อตาแม่ยายฉันหน่อยสิ” ผจญหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความ อึดใจมีเสียงเตือนมาที่มือถือของมือสังหารว่ามีข้อความเข้า เวชหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่านมีข้อความจากผจญที่ให้ส่งรูปเป้าหมายมาให้ดู เงยหน้าถามนาวินว่าจะเอาอย่างไรดี
“เรายังไม่รู้ว่าหมากต่อไปของมันคืออะไร เพราะฉะนั้น เราควรจะทำให้มันตายใจไปก่อน”
“ทำไงครับครู” หมึกมองนาวินสีหน้าสงสัย
“ก็ถ้ามันอยากให้เราตาย เราก็ตายให้มันสมใจอยากสิ” จากนั้นนาวินกับภคินีทำเป็นตายแล้วถ่ายรูปส่งไปให้ผจญดู มันเห็นรูปสองผัวเมียที่ทำท่าตายได้เหมือนมากก็หลงเชื่อว่าเป็นความจริงยิ้มมีความสุข เก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงแล้วหันไปสั่งสมุนที่กำลังขนระเบิด
“พวกเรา กระฉับกระเฉงกันหน่อย ขอให้คิดว่าทำเพื่อบริษัทใหม่ของพวกเราก็แล้วกันนะ นี่ถ้าเรากำจัดไอ้พวกหน่วยพิเศษไปได้ ธุรกิจของเราก็จะหมดอุปสรรค ผลประกอบการปีแรกคงทะลุเป้าอย่างแน่นอน”
ooooooo
อีกมุมหนึ่งบริเวณทางเดินใกล้ห้องทำงานผจญ สมุทรกับเฮียกวงเดินหาพนักงานสื่อสารสาวแต่ไม่พบ ต่างแปลกใจว่าเธอหายไปไหน เมื่อครู่นี้ยังเห็นหลังไวๆ
พลันมีเสียงฝีเท้าใครบางคนดังเข้ามา ทั้งคู่รีบซ่อนตัว แอบมองตรงรอยแตกเห็นสมุนเฝ้าระวังพร้อมอาวุธครบมือสองคนกำลังเดินลาดตระเวนตรงมาทางตัวเอง สมุทรไม่อยากใช้เสียงจึงเอานิ้วแตะปากเป็นทำนองให้เฮียกวงเงียบเสียง เขาเข้าใจสัญญาณมืออันนี้ แต่พอสมุทรใช้นิ้วชี้มาที่ตัวเองสลับกับเฮียกวงแล้วเอามือตีหัวตัวเองสองทีเป็นทำนองให้เราสองคนคอยคุ้มกันซึ่งกันและกัน
คราวนี้เฮียกวงไม่เข้าใจสัญญาณมือ พอสมุนเฝ้าระวังเดินมาถึงจุดซ่อนตัว เขาโดดออกไปขวางหน้าตบกบาลสมุนทั้งสองคนคนละหนึ่งที สมุนจะชักปืนยิง สมุทรที่ซุ่มอยู่พุ่งใส่ สองฝ่ายต่อสู้กันด้วยมือเปล่า ไม่กี่กระบวนท่า สมุทรกับเฮียกวงจัดการสมุนได้ราบคาบ สมุทรกระชากคอเสื้อเฮียกวงเข้ามาหาอย่างเอาเรื่อง
“แกไปตบกบาลมันทำไมวะ”
“ก็อั๊วเห็นลื้อเอามือตีกบาล อั๊วก็นึกว่าลื้อจะให้อั๊วตบกบาลไอ้สองตัวนี่อ่ะดิ”
“ฉันแค่ให้สัญญาณบอกให้คอยคุ้มกัน”
“แล้วลื้อคิดว่าอั๊วจะรู้ไหม คราวหน้าลื้อมีปากลื้อก็พูดเถอะ”
“เอาเถอะ ลากมันเข้าไปซ่อนในห้องข้างหน้านี่ก่อน”
สมุทรลากสมุนคนหนึ่งเข้าไปในห้องโดยไม่รู้ว่าเป็นห้องทำงานของผจญ เฮียกวงลากตัวสมุนอีกคนตามเข้ามา พนักงานสื่อสารสาวกำลังเก็บเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงาน เงยหน้าขึ้นมาเห็นทั้งคู่ก็ตกใจ รีบเปิดลิ้นชักจะหยิบปืนแต่สมุทรไวกว่าขว้างมีดที่เหน็บข้างเอวปักบนโต๊ะใกล้มือจนเธอชะงักไม่กล้าขยับ เขาย่างสามขุมเข้าหาคาดคั้นให้บอกที่คุมขังส้มจี๊ดกับครอบครัว
“ถ้าฉันไม่บอก นายทหารอย่างผู้หมวดจะกล้าทำร้ายผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้อย่างฉันเหรอ”
ผู้หมวดหนุ่มชะงัก แต่เฮียกวงไม่สนใจเดินกวนโอ๊ยเข้ามาสีหน้าหื่นสุดๆ จับข้อมือพนักงานสาวบิด
“แต่อั๊วเป็นอสรกุ๊ย อั๊วตบจูบลื้อแหงถ้าไม่บอกมา หรือลื้ออยากปะทะกับอั๊ว...หา!”
เฮียกวงยื่นหน้าเข้าไปจนชิด พนักงานสาวถึงกับหน้าซีด
ooooooo
ยอดรักที่ได้รับการคลายโซ่ลงตระกองกอดชลดาที่นั่งแปะกับพื้นด้วยความทะนุถนอม
“ชลทำไมไม่ทำอย่างที่มันสั่งล่ะ รู้ไหมต่อให้มันให้คุณตีผม หรือแม้แต่เอาชีวิตของผมผมก็ยอม ชลไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวผมจะแก้แค้นให้คุณเอง”
“ยอดรักยังคิดว่าเราจะรอดออกไปได้อีกเหรอ”
“รอดสิ นี่อย่าหาว่าโม้ ไอ้ที่ผมยอมให้โดนจับมันคือแผนของผมที่จะมาช่วยชล”
ชลดาปรี๊ดแตก ยอมให้ถูกตีจนเกือบตายนี่หรือคือแผนการของเขา ยอดรักตอบอย่างภูมิใจว่าใช่ เธอโวยเสียงลั่นใช้อวัยวะส่วนไหนคิดแผนนี้ขึ้นมา ยอดรักตกใจขอร้องให้เธอเบาเสียงลงหน่อยเดี๋ยวแผนแตกกันพอดี เธอโมโหระดมทุบอกเขาไม่ยั้ง
“ก็ให้มันแตกไปสิ รู้ไหมว่าชลรู้สึกยังไงทุกครั้ง ที่เขาทุบนาย ทุกครั้งที่เขาตีนาย...คุณพระคุณเจ้าช่วย ทำไมฉันต้องเจอแต่ผู้ชายบ้าๆแบบนี้ด้วยนะ เอาล่ะพ่อคนฉลาดพ่อคนเจ้าแผนการ พ่อจะหลุดออกมาจากโซ่ได้ยังไง”
“โอ๊ย นั่นน่ะมันสิวๆ เออ แต่ชลต้องช่วยนิดนึงนะ เอางี้ ใครอยากให้โซ่หลุดขอเสียงหน่อย”
ยอดรักทำราวกับตัวเองอยู่บนเวทีคอนเสิร์ต ขณะที่ชลดาหน้าเครียดไม่สนุกด้วย...
สมุนที่เฝ้าอยู่หน้าห้องได้ยินเสียงร้องเอะอะของชลดาดังมาจากในห้องว่ายอดรักตายแล้ว ก็ตกใจรีบไขประตูห้องขังเข้าไป เห็นชลดาคุกเข่าร้องไห้อยู่หน้ายอดรักที่ห้อยอยู่กับโซ่ ปราดเข้าไปดู
“อ้าว ก็เมื่อครู่นี้มันยังดีๆอยู่นี่หว่า”
ยอดรักรอจนสมุนเข้ามาได้ระยะก็จัดการอย่างรวดเร็วใช้โซ่พันคอรัดขาดใจตาย แล้วควานหากุญแจและไขตัวเองหลุดจากโซ่ที่พันธนาการจนเป็นอิสระ
“สุดยอดไหมแผนผม” คุยโวจบยอดรักหยิบปืนของสมุน ก่อนประคองชลดาออกจากห้อง เธอไม่อยากให้เขาเสี่ยงชีวิตอีก ขอร้องให้พาเธอหนีออกจากที่นี่ เขาส่ายหน้าไม่ยอมไปไหนจนกว่าจะชำระหนี้ที่ติดค้างผู้กองนักรบตามที่ให้สัญญากับเธอไว้
“ชลไม่สนใจอีกแล้ว ถ้าคุณรักชล คุณต้องไม่สู้กับผจญ คุณต้องหนีไป”
“คนบ้านผมไม่หนี เรารักษาสัญญา”