ตอนที่ 14
พูดถึงตรงนี้ ยอดรักปล่อยโฮ หันมองถังขยะไม่ได้มองหน้าชลดา
“แต่เพราะหมอทำมีดบาดผม ชาตินี้ทั้งชาติฝันของผมคงไม่มีทางเป็นความจริง นี่ต่อให้ถูกลอตเตอรี่ ผมคงไม่มีหน้ากลับไปหาเขาทั้งๆที่ผมคิดถึงเขาใจจะขาด”
“ถ้าอยากเจอหน้าชล คุณก็แค่ผงกหัวขึ้นมาเท่านั้น”
“ถ้ามันง่ายอย่างที่หมอพูดก็ดีอ่ะดิ”
ชลดาแนะให้ยอดรักลองทำดู เขาผงกหัวขึ้นมาเห็นเธอยืนยิ้มอยู่ถึงกับหน้าตื่น “หมอ ผมคงเสียเลือดมาก ตาผมลายดันเห็นหน้าหมอเป็นหน้าชล”
“ก็ชลน่ะสิ”
ชลดายิ้มหวานทั้งน้ำตา ยอดรักดีใจโดดผลุงเดียวไปกอด สองคนกอดกันกลม เขาหมุนตัวไปรอบๆ ราวกับเหมือนไร้น้ำหนัก แต่อยู่ๆเขาแหกปากร้องโอ๊ยลั่น เธอตกใจถามว่าเป็นอะไร เขาเจ็บแผล เธอรีบเช็กแผลที่แขน เตือนให้ระวังหน่อยเดี๋ยวแผลที่เย็บไว้จะปริ เขาดึงเธอมาจูบอย่างดูดดื่มไม่สนใจบาดแผลตัวเอง จู่ๆเขาร้องออกมาอีกแล้ววิ่งไปที่ถังขยะ เธอถามว่ามีอะไรอีก
“ไอ้เรื่องทั้งหมดเมื่อกี้ไม่จริงใช่ป่ะ มันไม่มีอะไรในถังขยะใช่ไหม ตัวเองไม่ได้ตัดอะไรของเค้าทิ้งใช่ป่ะ”
หญิงสาวส่ายหน้าหัวเราะ ยอดรักถอนใจโล่งอก ชวนเธอมาทำสิ่งที่ทำค้างไว้ต่อ จากนั้นสองคนจูบกันด้วยความรักและคิดถึง ส้มจี๊ดค่อยๆคลานออกจากใต้เตียง ยิ้มให้ทั้งคู่ที่ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แล้วเดินออกจากห้อง สมุทรเข้ามาหา ส้มจี๊ดจุ๊ปากเป็นทำนองให้เขาเงียบๆ พยักพเยิดให้ดูในห้อง เขาเห็นทั้งคู่ลงเอยกันด้วยดีก็พลอยดีใจไปด้วย
ooooooo
ภายในลานวัดหนองอียอที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ประดับไฟสว่างไสว ชบากำลังร้องเพลงอยู่บนเวทีโดยมีส้มจี๊ดช่วยร้อง ยอดรักในชุดแสดงคอนเสิร์ตยืนมองเหตุการณ์อย่างมีความสุข
“ก็อย่างที่ผมบอกพี่น้องไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องว่าชีวิตของผมมันแปลกประหลาด มันพลิกผันอย่างไม่น่าเชื่อ จากไอ้ยอดรัก หนองอียอ นักร้องลูกทุ่งที่มุ่งแต่จะหาชื่อเสียงเงินทอง คนขี้ขลาดที่ไม่เคยสู้ใคร ผมกลายมาเป็นนักรบฝีมือจัดจ้านไม่ต้องกลัวผู้ใดอีกต่อไปในเวลาเพียงแค่สามสิบวัน”
ยอดรักว่าแล้วมองไปที่ชลดาซึ่งมีสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุขอยู่กับนาวินและภคินี
“ทั้งหมดนี้ ผมขอยกความดีให้กับผู้หญิงคนนี้ ความรักที่เขามอบให้ผมมันเปิดหัวใจผมให้รู้ว่าคนเราเกิดมาทุกคนมีหน้าที่ที่สำคัญต่อบ้านเกิด
เมืองนอนของตัวเอง เขาทำให้ผมรู้ว่าเราต้องต่อสู้กับเหล่าอธรรมเพื่อทำให้ผู้คนรอบข้างมีความสุข ที่แปลกก็คือตอนผมพาชลไปไหว้หลวงปู่ ท่านแค่ยิ้มๆ
แต่ไม่ได้แสดงอาการแปลกใจเลย เหมือนกับท่านรู้มาก่อนแล้วอ่ะครับ”
ชลดาหันมาเห็นยอดรักมองอยู่ก็ยิ้มให้ เขายิ้มตอบแล้วหันไปมองบนเวทีอีกครั้ง “ตอนนี้ผมตัดสินใจที่จะก้าวต่อไปในอาชีพใหม่ที่จะทำให้พี่น้องบ้านผมมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น”
ยอดรักมองไปที่ป้ายผ้ามีชื่อของเขาติดอยู่ว่าเป็นผู้สมัคร อบต.หนองอียอ ขออาสาพี่น้องสู่ความรุ่งเรือง
“ครับ ผมก้าวสู่ถนนสายการเมืองเริ่มจากเล็กๆก่อนอ่ะ”
จังหวะนั้นครูสมัยวิ่งหน้าตื่นเข้ามาบอกยอดรักว่าแย่แล้ว รถหางเครื่องดันไปผิดวัด คนขับพาหางเครื่องที่จะเต้นให้เขาไปวัดหนองไอ้ยอ ยอดรักเห็นชุดหางเครื่องมาถึงนี่ตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว
“มันมากันคนละคัน ชุดคันหนึ่ง หางเครื่องคันหนึ่ง”
“หนองไอ้ยอ...ตายโหง มันห่างจากวัดนี้ไม่ต่ำกว่า แปดสิบโล กว่าจะมาถึงที่นี่ได้ผมว่ามีตีสอง”
“แล้วเราจะทำอย่างไรดี คืนนี้มันคอนเสิร์ตเปิดตัวแกในฐานะผู้สมัคร อบต.ด้วย ลำพังชบากับส้มจี๊ดคงไม่พอ ต้องหามาเพิ่มอีกสักหกเจ็ดคน”
นักร้องหนุ่มหน้าเครียดทันที จะไปหาหางเครื่องสาวๆสวยๆที่ไหนมาแทน แล้วเหลือบมองชลดา ภคินี น้อย มาลัย และมะลิ ก็ยิ้มออกมาได้
“ครูว่าสักห้าคนพอไหวไหมอ่ะ”...
ครู่ต่อมา ยอดรักไปขอร้องชลดาช่วยมาเป็นหางเครื่องจำเป็นให้เขาหน่อย เธอส่ายหน้าดิกไม่เอาด้วย ต่อให้เขาเอาปืนมาขู่ เธอกับทุกคนก็ไม่มีวัน ขึ้นไปเต้นบนเวทีเด็ดขาด หากเขารักพวกเรา
อย่าขอแบบนี้อีก เขาตัดพ้อถ้าเธอกับพวกไม่ช่วย อนาคตของเขาคงหมดสิ้นกันในคืนนี้ ไม่ว่าจะอ้อนวอนอย่างไรชลดายืนกรานไม่ยอมเป็นหางเครื่องให้เขาเด็ดขาด ยอดรักหันไปขอร้องนาวินช่วยสั่งพวกสาวๆให้ช่วยเขาหน่อย
“ยอดรัก ตั้งแต่ฉันลาออกจากหน่วยพิเศษเพราะเรื่องของนาย ฉันมันก็แค่คนธรรมดาจะไปสั่งใครเขาได้”
สมุทรสงสารยอดรัก รีบกระซิบบอกว่าตนพอจะช่วยเขาได้แล้วดึงตัวเขาห่างออกมา แนะว่าเวลาคับขันอย่างนี้ เขาน่าจะงัดอาวุธลับของเขาออกมาใช้ ยอดรักตกใจก้มมองตัวเอง
“ผู้หมวดขืนผมทำเรื่องลามกอนาจารกลางงานวัดก็คุกสิครับ”
“ไม่ใช่...นายมีเสียงที่สะกดผู้คนได้ไม่ใช่เหรอ จริงหรือเปล่า ทำไมไม่ลองใช้กับสาวๆพวกนั้นดูล่ะ”
“จริงดิ โธ่ไอ้ยอดรัก อยู่กับทหารอยู่กับปืนผาหน้าไม้มานานจนลืมว่าตัวเองมีทีเด็ดที่พ่อแม่ให้มา”
ยอดรักยิ้มเจ้าเล่ห์ให้สมุทรแล้วเดินกลับไปที่กลุ่มชลดากับพวกสาวๆยังไม่ทันพูดอะไร ชลดาชิงบอกว่าไม่ต้องพยายามเลยไม่มีทางทำตามที่เขาต้องการ
“ทุกคนฟังนะ ยอดรักจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่ยอมคงต้องปล่อยของ”
สาวๆไม่สนใจเชิญยอดรักนับตามสบาย ครั้นนับถึงสาม เขายกมือขึ้นพนม ร้องเพลงประจำตัวสะกดพวกสาวๆทุกคนไม่เว้นแม้แต่ภคินีให้ต้องมนตร์เสียงเพลงของเขา ยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าไปแต่งชุดหางเครื่อง ขึ้นไปเต้นลีลาประกอบเพลงระหว่างที่เขาขึ้นร้องเพลงบนเวทีได้อย่างสวยงามราวกับหางเครื่องมืออาชีพ
“สำหรับไอ้ยอดรัก นักร้องที่กลายมาเป็นนักรบ เรื่องราวของผมคงต้องจบลงในค่ำคืนนี้ แต่สำหรับ อบต.ยอดรักที่กำลังจะเป็นปากเป็นเสียงให้พี่น้องประชาชนต่อสู้กับผู้มีอิทธิพลมากมาย โดยมีหมอชลดาคนงามอยู่เคียงข้าง เรื่องราวของผมเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น”
ooooooo
–อวสาน–