ตอนที่ 12
ชลดาสงสัยจุ่นคือใคร ป้าจุ๊เล่าว่าจุ่นเป็นลูกชายคนเล็กของแกเอง ก่อนที่จะบวชมันเกเรมาก แต่พอสึกออกมาเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย ขยันขันแข็งทำมาหากิน ยอดรักดีใจกับป้าจุ๊ด้วยที่ลูกกลับตัวกลับใจได้
“นี่ป้าต้องขอบใจไอ้ยอดรักมันที่มันอุตส่าห์ไปขอหลวงปู่ที่วัดให้ลูกป้าได้บวชใกล้บ้านแล้วนอกจากจะมาร้องเพลงวันไอ้จุ่นบวช ยังมีใส่ซองให้อีกด้วยนะนี่หมอชล ไอ้ยอดรักน่ะมันมีดีซ่อนอยู่อีกเยอะนะ”
“ป้ายังไม่ยอมเลิกใช่ไหม” ชลดายิ้มขำที่ป้าจุ๊พยายามขายยอดรักให้
“ยัง หมอชลมากับป้า...ไอ้ยอดเอ็งรอตรงนี้ก่อนนะ” ป้าจุ๊ว่าแล้วกึ่งลากกึ่งจูงชลดาออกจากใต้ถุนบ้านไปที่ทุ่งนาซึ่งอยู่หลังพุ่มไม้ท้ายบ้าน
เห็นทุ่งนาเขียวขจีไกลสุดลูกหูลูกตา เธอชมว่าสวยจังที่ที่เธอมามีแต่ทะเล แล้วถามว่าพาเธอมาดูทำไม ป้าจุ๊เล่าว่าที่ผืนนี้ยังสวยงามอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้เป็นเพราะยอดรัก
“ชาวนาพวกนี้รวมทั้งตัวป้าพอขัดสนขึ้นมาก็ไปยืมตังค์ไอ้ยอดรักมาแก้ขัดทุกคน”
“ขอโทษเถอะป้า แต่ขอบอกว่าชลไม่มีวันเชื่อว่าเขาจะเป็นเศรษฐีใจบุญช่วยชาวบ้านอย่างที่ป้าว่ามา”
“ก็ใครบอกล่ะว่ามันช่วยเพราะมันเป็นเศรษฐีใจบุญที่มันช่วยเพราะมันเป็นเด็กวัดกตัญญูต่างหาก นี่หมอคงไม่รู้ใช่ไหมว่าเจ้ายอดรักน่ะมันกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เล็กๆ เลยไปอยู่วัดและที่นั่นแหละมันเริ่มต้นอาชีพนักร้อง มันแอบไปเอาเครื่องเสียงหลวงปู่ที่ใช้เทศน์ออกไปร้องเพลงหาเงิน คนเขาก็สงสารจะให้เงินแต่มันหยิ่ง มันไม่เอา มันบอกว่ามันไม่ใช่ขอทาน ใครจะให้เงินมันต้องฟังมันร้องเพลงก่อน” ป้าจุ๊หยุดเล่าไปอึดใจก่อนจะเล่าอีกว่า
“แล้วทุกครั้งตอนมันจบคอนเสิร์ตอนาถาของมัน มันจะบอกคนที่ให้เงินมันว่ามันจะไม่มีวันลืมสักวันถ้ามันดัง ใครขัดสนเงินทางให้ไปหามัน ตอนนั้นคนที่ได้ยินขำกันทุกคน”
ชลดาขำเช่นกันที่ยอดรักสะตอเก่งตั้งแต่เด็ก ทีแรกป้าจุ๊ก็คิดแบบนั้น แต่ปรากฏว่าเขาทำอย่างที่พูดจริงๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งหลังจากได้เงินค่าจ้างร้องเพลง ยอดรักเจอครอบครัวชาวนาที่กำลังลำบากมาขอให้ช่วย เขาไม่รีรอยื่นซองเงินค่าตัวที่เพิ่งได้รับให้ ป้าจุ๊กลัวชลดาจะไม่เชื่อท้าให้พาไปสาบานที่ไหนก็ได้
“ไอ้ยอดรักมันไม่เคยหลบไม่เคยหนีพวกแฟนเพลงที่เคยให้สตางค์มันสักคนเดียวถ้ามันมีเงิน ทุกคนจะรอฟังว่าเมื่อไหร่มันจะรับงาน เชื่อไหมบางคนไปรอยืมสตางค์มันถึงข้างเวทีด้วยซ้ำ”
ooooooo
ความดีที่ยอดรักทำให้คนที่หนองอียอยังความปลาบปลื้มใจให้ชลดา แต่ก็แอบหึงหวงเขาในเวลาเดียวกัน
“ฟังที่ป้าเล่าบ้านเขาคงหัวกระไดไม่แห้งเพราะสาวๆคงเดินขึ้นเดินลงตลอด สายเปย์ซะขนาดนั้น”
“ใครว่า ไอ้ยอดรักมันประกาศว่าบ้านนี้บ้านแม่มัน สาวที่จะเดินขึ้นชั้นสองต้องเป็นสะใภ้ของแม่มันเท่านั้น ถ้าไม่ใช่อยู่ได้แค่ใต้ถุน ก็มีหนูนี่แหละที่ป้าเห็นว่าเข้าไปอยู่ในห้องนอนของมันได้” ป้าจุ๊พาชลดาเดินเรื่อยเปื่อยมาถึงหน้าบ้านยอดรักพอดี เธอเผลอยิ้มออกมาด้วยความภูมิใจ ป้าจุ๊เห็นก็ดีใจ
“งั้นป้าขอปิดการขายเลยแล้วกัน น้ำลายเหนียวแล้ว หมอแต่งงานกับมันเถอะนะ แถวนี้นะมันดีที่สุดแล้ว”
“แต่โลกทั้งใบไม่ได้มีแต่หนองอียอนะป้า มีผู้ชายที่ดีมากๆคนหนึ่งเขาเป็นทหารเหมือนชลนี่แหละ เขาขอชลแต่งงานด้วยก่อนที่เขาจะออกไปรบ สักวันหนึ่งเขาคงกลับมาขอคำตอบ”
คำตอบของชลดาทำเอาป้าจุ๊ไปไม่เป็น พึมพำกับตัวเอง “ไอ้ยอดรักเอ๊ย กูว่าเรื่องมึงจบเศร้าแล้วล่ะ”...
จากนั้นสองสาวต่างวัยพากันกลับมาที่บ้านป้าจุ๊ ยอดรักที่รอกินข้าวอยู่บ่นอุบหายไปไหนกันมา รอจนไส้กิ่วแล้ว ป้าจุ๊โวยใส่หิวก็กินได้เลย จะรอทำไม เขากินไม่ลงถ้าไม่เห็นหน้าหวานใจ ป้าจุ๊ยิ้มขำ
“ก็ไอ้ปากแบบนี้ไงสาวๆถึงหลงแต่ผู้ชายคงอยากกระทืบ”
“คงต้องรอให้ฉันมีเมียแล้วไอ้ปัญหาพวกนี้มันก็คงหมดไป...ชลว่าไงล่ะ”
“แหม มาเนียนๆเลยนะ นี่แน่ะ” ชลดาศอกยอดรักหนึ่งทีถึงกับร้องลั่นเพราะโดนแผล เธอตกใจรีบเข้าไปดูแลพร้อมกับขอโทษไม่ได้ตั้งใจ แล้วหันไปถามป้าจุ๊มีแอลกอฮอล์ สำลีและผ้าพันแผลไหม จะทำแผลให้เขา
“น่าจะหมดอ่ะ ไอ้ยอดรักเดี๋ยวกินข้าวเสร็จแกพาหมอไปหาซื้อของสิ”
ยอดรักขอกินก่อนค่อยไปซื้อของทีหลัง แล้วชมว่าอาหารฝีมือป้าจุ๊อร่อยที่สุดในโลก จากนั้นปั้นข้าวเหนียวจิ้มปลาร้าสับป้อนให้ชลดาที่อ้าปากจะกินแต่รีบปิดปากแทบไม่ทันเมื่อได้ยินเขาพูดขึ้นว่า
“แต่ถ้ากินของเค้าแล้ว ต้องเป็นของเค้านะ”
ป้าจุ๊รู้เหตุผลที่ชลดาทำอย่างนั้นก็สงสารยอดรักจับใจ พุ่งไปกินข้าวเหนียวในมือเขาแทน ยอดรักโวยลั่นทำไมทำแบบนี้ ป้าจุ๊พูดติดตลกเผื่อตนจะตกเป็นของเขาบ้างไง
“โอ๊ย จัดเป็นเหตุอาเพศขนาดฝนฟ้าไม่ตกกันเลยทีเดียว แค่คิดก็ขนลุกแล้วอ่ะ” ยอดรักไม่ได้คิดอะไรแซวป้าจุ๊อย่างสนุกสนาน ชลดายิ้มให้ป้าจุ๊เป็นทำนองขอบคุณโดยที่ยอดรักไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย
ooooooo