ตอนที่ 10
สมุทรหยิบจดหมายลาออกขึ้นมายื่นให้นาวิน “นี่คือจดหมายลาออกของผมครับครู ขอให้ถือว่ามันมีผลทันทีถ้าผู้กองผ่านการทดสอบ”
นาวินรับจดหมายลาออกมาจากมือสมุทรแล้วหันไปทางเจ้าหน้าที่ ยังไม่ทันจะให้สัญญาณเริ่มทดสอบ เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งเข้ามากระซิบบางอย่างกับนาวินซึ่งทั้งตกใจและโมโห แล้วขยับจะออกจากห้อง สมุทรร้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“หมวดไม่ต้องยุ่ง รออยู่ที่นี่แหละ” นาวินพูดจบ เดินออกจากห้อง เจ้าหน้าที่ที่มาแจ้งข่าวรีบเดินตาม ไม่นานนัก นาวินมาถึงห้องทำงานตัวเองเจอชลดายืนรอท่าอยู่ ถามว่ามาที่นี่ทำไม เธอเป็นห่วงผู้กองอยากมาดูว่าเขาปลอดภัยดีหรือเปล่า ท่านต่อว่าลูกว่าที่นี่เป็นหน่วยลับไม่ใช่ที่สาธารณะที่ใครอยากจะมาก็มาได้ เจ้าหน้าที่เข้ามาแจ้งว่าพร้อมจะสแกนม่านตาแล้ว
“ทำไมต้องถึงขั้นสแกนม่านตาผู้กองด้วย”
“ก็เพราะว่าเราสงสัยว่านักรบจะไม่ใช่นักรบน่ะสิ”
ชลดาเถียงแทนคนรักว่าเขาอาจสมองเพี้ยนไปเพราะความกระทบกระเทือนทำให้พ่อคิดว่าเขาไม่ใช่นักรบ แต่เขาก็แสดงฝีมือให้เห็นแล้วนี่ว่าเขายังเป็นคนเดิม หรือเขาต้องตายในหน้าที่ท่านถึงจะพอใจ สองพ่อลูกมีปากเสียงกัน ไม่ว่าชลดาจะพูดอย่างไร นาวินก็ไม่ยอมปล่อยตัวยอดรักเพราะเขาจะต้องถูกทดสอบตามขั้นตอนจนเสร็จสิ้นเสียก่อน จังหวะนั้นเจ้าหน้าที่เข้ามาเตือนเป็นครั้งที่สองเรื่องเครื่องสแกนพร้อมแล้ว
ท่านนายพลหันไปทางลูกสาว “ก็จะรออะไรอยู่ล่ะในเมื่อมาแล้วก็ตามมา” นาวินเปิดทางให้ชลดา เดินตามเจ้าหน้าที่ไปก่อน ส่วนท่านค่อยเดินตาม...
ยอดรักเห็นชลดาเดินเข้ามาก็มองตาเชื่อม เริ่มเห็นทุกคนเป็นภาพซ้อนเนื่องจากเมายา เพ้อบอกรักเธออีกต่างหาก เธอสงสารเขาจับใจ บอกให้เข้มแข็งไว้ ไม่ต้องกังวล เธอจะอยู่ที่นี่กับเขาไม่ไปไหน และเมื่อความจริงกระจ่าง เธอจะพาเขาออกจากที่นี่แล้วจะคอยดูแลเขาเอง นาวินสั่งให้เริ่มสแกนม่านตาได้เลย ชลดาเดินกลับไปยืนกับพ่อและสมุทรกับพวก การสแกนม่านตาใช้เวลาไม่กี่นาทีก็เสร็จสิ้น
เครื่องสแกนยืนยันว่าผู้ถูกทดสอบคือ เรือเอกนักรบ มุ่งโรมรัญ ชลดาดีใจมากวิ่งไปหาเขาที่กำลังหมดเรี่ยวแรงเพราะฤทธิ์ยา บอกเขาว่าทุกอย่างจบแล้ว เราไปจากที่นี่กันได้แล้ว หมึกกับเวชเข้ามาหายอดรัก
“ไม่ว่าผู้กองจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ทั้งหมดที่เราทำไปก็เพื่อผู้กอง”
ผู้กองตัวปลอมไม่สนใจสิ่งที่เวชพูด เดินตรงไปที่ประตู เจอสมุทรที่ยืนก้มหน้าไม่กล้าสบสายตาด้วย
“ผู้กอง ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ผมขอโทษ”
ยอดรักไม่แม้แต่จะมองหน้าสมุทร ปล่อยให้ชลดาประคองออกไป นาวินพยายามเรียกลูกให้กลับมาก่อนแต่เธอทำหูทวนลมประคองยอดรักออกไป ไม่สนใจ ทำเอานาวินความดันขึ้นถึงกับกุมขมับปวดหัว
ooooooo
ชลดาพายอดรักมาที่บ้านพักหมอซึ่งเป็นสวัสดิการของโรงพยาบาล ฝนยังตกพรำๆอย่างต่อเนื่อง เขามองไปรอบๆบ้านก่อนถามว่าที่นี่ที่ไหน
“บ้านพักหมอ ชลบอกเพื่อนๆไว้แล้วว่าเราจะมาอยู่ที่นี่กันสักพัก” ชลดาเห็นยอดรักสะบัดหัวเหมือนจะไล่ความมึนงงถามว่ายังปวดหัวอยู่หรือ เขามองมือตัวเองตอนนี้ไม่เป็นภาพซ้อนแล้ว ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ
“หายแล้วจ้ะ”
หญิงสาวคล้องแขนพาเขาไปนั่งที่โซฟา เขาเจอเรื่องหนักๆมาทั้งวันแล้วถึงเวลาต้องพักบ้าง นั่งรอตรงนี้ก่อนเดี๋ยวเธอจะขึ้นไปดูข้างบนว่าเรียบร้อยไหม แล้วเดินลิ่วขึ้นข้างบน ทิ้งยอดรักไว้ลำพัง
“รอดมาได้หวุดหวิดเลยฉัน” ยอดรักพึมพำหน้าเครียด พลันภาพตอนที่ตัวเองอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์โดยมีผจญกำลังคีย์ข้อมูลบางอย่างอยู่ข้างๆ หน้าจอถูกแบ่งเป็นสองส่วน ด้านหนึ่งเป็นรูปนักรบรวมทั้งประวัติ ลายนิ้วมือ ภาพดวงตาที่ถูกสแกน จอด้านขวาเป็นรูปของยอดรักพร้อมกับประวัติ
“การทำให้คุณเป็นผู้กองมันง่ายมาก เพียงแค่คุณกดปุ่มนี้ ผู้กองนักรบจะหายสาบสูญไปจากโลกและคุณจะกลายเป็นเขาทันที” ผจญพูดจบชี้ไปยังปุ่มที่ว่า ยอดรักอดถามไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้กองนักรบ
“เขาตายแล้ว ตายในขณะปฏิบัติหน้าที่...หรือว่าคุณจะเปลี่ยนใจ”
“ไม่ ผมไม่เปลี่ยนใจ ไหนๆผู้กองก็ตายไปแล้ว มันคงไม่เป็นอะไรเนอะ...ขอโทษนะผู้กอง” ยอดรักว่าแล้วกดปุ่ม รูปนักรบรวมทั้งประวัติต่างๆหายไป ปรากฏเป็นรูปเขาพร้อมประวัติ ลายนิ้วมือและภาพสแกนม่านตาขึ้นมาแทนที่กลายเป็นผู้กองนักรบโดยสมบูรณ์ ผจญยิ้มพอใจที่แผนการขั้นแรกสำเร็จด้วยดี
ยอดรักหน้าเครียดเพราะเหมือนเขาขโมยชีวิตของนักรบมา ทนอยู่ต่อไม่ได้ขอตัวกลับห้องแล้วลุกขึ้นจะไป ผจญดึงแขนไว้บอกว่าสายของตนเพิ่งรายงานว่าหลายคนในหน่วยของเขาเริ่มสงสัยแล้วว่าเขาไม่ใช่ผู้กองนักรบซึ่งพวกนั้นอาจจะเอาเขาเข้าเครื่องจับเท็จเพื่อจับโกหก ยอดรักตกใจเครื่องนี้มีจริง ด้วยหรือ
“จริง และขอบอกว่าไม่มีใครที่โกหกแล้วจะผ่านเครื่องนี้ได้” ผจญยื่นแหวนวงหนึ่งให้ยอดรักรับไว้ กำชับว่าก่อนจะโดนเข้าเครื่องจับเท็จให้รีบเปิดหัวแหวนเอายากล่อมประสาทอย่างแรงหนึ่งเม็ดมากิน ยานี้จะช่วยให้เขาผ่านเครื่องจับเท็จได้ ยอดรักสวมแหวนวงนั้นไว้ที่นิ้ว ถามผจญมาช่วยเขาเพื่ออะไร ญาติพี่น้องพ่อแม่ก็ไม่ใช่