ตอนที่ 10
“แต่ผมต้องทำตามคำสั่ง”
“เรื่องนั้นหมวดไม่ต้องเป็นห่วง ดิฉันจะพาตัว
ผู้กองนักรบไปปรากฏตัวต่อหน้าพลเรือตรี นาวิน ด้วยตัวเอง และนี่คือคำสั่ง” ไม่ขู่เปล่าชลดาเดินไปจ้องหน้าสมุทร พร้อมกับยกข้อกฎหมายขึ้นมาขู่
“พระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ.2476 มาตรา 5 ตัวอย่างการกระทำผิดวินัยทหาร มีดัง
ต่อไปนี้ ข้อ 1 ดื้อ ขัดขืน หลีกเลี่ยงหรือละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเหนือตน”
“ครับผมเข้าใจและจะปฏิบัติตามครับผม...ถอนตัว”
ทั้งสามคนเก็บอาวุธไว้อย่างเดิม ทำความเคารพชลดา ก่อนล่าถอยออกจากห้อง เธอถึงกับถอนใจโล่งอก จ้อหันมาทางชลดาขออนุญาตพูดความในใจ เธออนุญาต
“เมื่อสักครู่หมอชล...เอ่อ ผู้กองชลดาสุดยอดมากครับผม”
“ผู้กอง เราไปพบคุณพ่อด้วยกัน”
ยอดรักกลัวมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลัวเสียชลดาไป
ooooooo
เช้าวันนี้ท้องทะเลปั่นป่วนผิดปกติ จ้อยืนรอการมาถึงของเพื่อนที่หน้าบ้านนาวิน อึดใจรถของฉลามแล่นมาจอดอย่างแรงเสียงเบรกดังสนั่น ฉลามกับชะลอลงจากรถด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
น้อยได้ยินเสียงเบรกวิ่งหน้าตื่นออกมาดู
“พี่หลามพี่ลอเขามาทำไม”
“มาตามคำเรียกร้องของฉัน มาช่วยกันคิดหาทางช่วยผู้กอง” จ้อพูดไม่ทันขาดคำฉลามเข้ามากระชากคอเสื้อ สั่งให้สาบานว่าเรื่องที่ผ่านจากปากของเขาเป็นความจริงว่าหมวด หมึก เวชจับผู้กองใส่กุญแจมือ
“ฉันสาบาน” สิ้นเสียงจ้อ เสียงฟ้าร้องครืนๆ เหมือนจะช่วยยืนยันอีกแรง ฉลามเสียงกร้าว
“ไอ้จ้อ จำคำฉันไว้นะ ถ้าเจอหน้าไอ้หมึกไอ้เวชเมื่อไหร่ ฉันจะกระทืบมันให้จมธรณีไอ้พวกเนรคุณ”
“แกต้องต่อคิวฉันเพราะฉันจะกระทืบพวกมันก่อน”
ชะลอของขึ้นไม่แพ้กัน ฉลามเป็นห่วงชลดาถามน้อยว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง น้อยเล่าว่าตั้งแต่เธอกลับมาไม่ยอมพูดยอมจา ข้าวปลาก็ไม่กิน พยายามโทร.หาคุณท่าน แต่ท่านไม่ยอมรับสาย ชะลอเห็นจ้อเฉยๆชักยัวะ
“ไอ้จ้อ นี่แกไม่ของขึ้นเหมือนเราสองคนเหรอวะ หรือแกทนดูผู้กองผู้มีพระคุณของพวกเราถูกลบหลู่ได้โดยไม่รู้สึกอะไร นี่ถ้าเมื่อคืนพวกฉันอยู่ ยังไงก็ต้องมียิงกับพวกไอ้หมึก”
จ้อไม่พอใจชกชะลอเปรี้ยง สองคนจะมีเรื่องกันฉลามต้องล็อกคอชะลอ ส่วนน้อยดึงจ้อออกห่าง
ต่อว่าทั้งคู่ไหนว่าจะมาช่วยกัน ไม่ทันไรฟัดกันเองหน้าตาเฉย
“ก็มันปากเสียทำไม ฉันน่ะรักผู้กองพอๆกับพ่อฉันเลย แต่ถามหน่อย แค่ไปกระทืบไอ้หมึกไอ้เวชมันช่วยผู้กองได้ไหม ว่าไงไอ้ลอว่าไงไอ้หลาม”
“เออพี่จ้อ พี่มันมีสติดีกว่าสองคนนี้ งั้นพี่ว่าวิธีไหนที่จะช่วยผู้กองได้ล่ะพี่”
“ง่ายมากน้อย เราก็แหกคุกบุกเข้าไปชิงตัวผู้กอง ดีไหม...”
จ้อไม่ทันพูดจบถูกฉลามกับชะลอถีบโครมหงายหลัง น้อยตกใจรีบเข้าไปพยุงเขาลุกขึ้น ต่อว่าทั้งคู่ไปถีบเขาทำไม เขาแค่พยายามคิดหาทางช่วยแม้ความคิดของเขาจะโง่กว่าวัวกว่าควายก็ตาม จ้อน้อยใจพูดแบบนี้ถีบให้รู้แล้วรู้รอดยังเจ็บน้อยกว่า
“ไอ้เวร นึกว่าจะฉลาด แค่คิดก็ตายตั้งแต่ตรงนี้แล้ว” ฉลามด่าซ้ำ
ชลดาในชุดเครื่องแบบทหารเรือเดินลงบันไดมา พวกฉลามเห็นรีบทำความเคารพ
“ทุกคนไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เรื่องของผู้กองหมอจะจัดการเอง นี่คือคำสั่ง”...
ด้านยอดรักถูกกักตัวอยู่ที่ห้องควบคุมตัวซึ่งมีผนังห้องด้านหนึ่งเป็นกระจกเงา ถูกสวมกุญแจมือติดกับห่วงเหล็กบนโต๊ะขยับไปไหนไม่ได้โดยมีหมึกยืนเฝ้าอยู่ สักพักเวชยกกาแฟใส่ในถ้วยโลหะมาให้ ยอดรักขยับมือให้ดูว่าดื่มไม่ถนัดเพราะติดกุญแจมือ เวชมองหน้าหมึกที่หยิบปืนขึ้นมากระชับในมือแล้วพยักหน้าให้ เวชถึงได้ไขกุญแจมือข้างขวาให้เขา แม้จะไม่เป็นอิสระแต่เขาสามารถใช้มือซ้ายนวดข้อมือขวาที่แดงเถือกได้
“จะต้องมารออะไรกันอีกล่ะ ก็ในเมื่อทำกันถึงขนาดนี้แล้ว” พูดจบยอดรักขว้างถ้วยกาแฟใส่กระจกเงาแตกกระจาย หมึกกับเวชมัวแต่ตะลึง จึงไม่เห็นยอดรักแอบเอายาบางอย่างใส่ปาก นาวินได้ยินเสียงเพล้งเข้ามากับสมุทรเห็นกระจกแตก
ถามหมึกกับเวชว่าเกิดอะไรขึ้น เงียบไม่มีใครตอบ ท่านนายพลสั่งให้ สมุทร หมึกกับเวชเอาตัวยอดรักไปได้ หมึกกับเวชถือปืนคุมเชิงขณะที่สมุทรไขกุญแจมือให้เขา
“ถ้าคุณคือนักรบคุณไม่ต้องกลัวอะไร แต่ถ้าไม่ใช่รีบสารภาพออกมา” นาวินเสียงเข้ม
ยอดรักไม่ตอบอะไรได้แต่เอามือบีบขมับตัวเองเพราะยาที่กินเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์
ooooooo
ครู่ต่อมา ยอดรักถูกนำตัวมาทดสอบกับเครื่องจับเท็จ ยาระงับประสาทอย่างแรงที่เขาแอบกินเข้าไปตอนอยู่ในห้องควบคุมตัวทำให้ผ่านเครื่องจับเท็จไปได้อย่างง่ายดาย
ขั้นตอนต่อไป เป็นการตรวจลายนิ้วมือด้วยเครื่อง สแกนความละเอียดสูง เขาผ่านการทดสอบได้อีกครั้ง สมุทรที่ยืนสังเกตการณ์อยู่กับนาวินถึงกับหน้าเครียด
“เป็นไปไม่ได้” สมุทรโพล่งออกมาอย่างไม่อยาก เชื่อสายตา นาวินเริ่มไม่ชอบใจเขานักที่เป็นต้นเหตุให้เกิดการสอบสวนครั้งนี้ จังหวะนั้น เจ้าหน้าที่เอาเครื่องสแกนม่านตาเข้ามา นาวินมองไปที่สมุทร
“ยังเหลือแค่ขั้นตอนสุดท้ายนะหมวด...การสแกน ม่านตาให้ผลที่เที่ยงตรงถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าผู้ชายคนนั้นผ่านด่านนี้ นั่นแสดงว่าเขาคือผู้กองนักรบตัวจริง”