ตอนที่ 13
ทินกรจงใจประจานลูกชาย ภาสกรเห็นสายตาทั้งหมดมองมา กลัวเรื่องจะไปกันใหญ่รีบดึงพ่อกลับมาคุยกันที่บ้าน อยากรู้ว่าเอาเรื่องพวกนี้มาจากไหน
“แล้วมันจริงใช่ไหมล่ะ แกถึงกลัวฉันจะประจานต่อหน้าคนทั้งบริษัท”
“ไม่จริง มันเป็นความเข้าใจผิด”
“งั้นแกกล้าไปบอกยายสวาทนั่นไหมล่ะ”
ภุมวารีแอบฟังอยู่ได้ยินชื่อสวาทก็โผล่พรวดมาถามทินกรว่ารู้จักสวาทด้วยหรือ ทินกรไม่ตอบแต่มองลูกสะใภ้อย่างเป็นต่อ
“แต่แกจะกล้าเหรอไอ้ภาส ในเมื่อแม่ผึ้งน้อยลูกสาวของยายนั่นยืนทนโท่อยู่ตรงนี้ ฉันได้ยินที่พวกแกสองคนคุยกันเมื่อคืนก่อน สงสัยอยู่แล้วเชียวว่าแม่คนนี้ถึงได้มีสองชื่อ แต่ก็ไม่นึกว่าจะได้เจอญาติของเธอในบ่อน แผนสูงดีนักนะ หลอกคนที่บ้านว่าโดนลูกชายฉันปล้น แต่ที่แท้ก็หอบเอาสมบัติมาเสวยสุข ฉันยังคิดไม่ได้เลยว่ะ”
“คุณพ่อจะบอกเรื่องนี้ให้นังสวาทรู้ไม่ได้นะคะ”
“ถ้าพวกแกไม่ทำให้ฉันจนตรอก ฉันก็อาจไม่จำเป็นต้องกลับไปที่บ่อนนั่นอีก”
ทินกรทำให้ภุมวารีกระวนกระวายว้าวุ่นใจ หารือภาสกรขณะอยู่กันสองคนว่าถ้าพ่อของเขาไปบอกสวาท มันต้องตามมาถึงที่นี่แน่ แล้วเราจะทำยังไงดี
“ผมไม่คิดว่าคุณพ่อจะกล้าทำแบบนั้นหรอกครับ คุณพ่อรู้ว่าคุณผึ้งมีเงิน ถ้าทำให้คุณผึ้งเดือดร้อน ท่านก็จะไม่ได้เงิน ผมจะให้คุณพ่อกลับมาอยู่ที่บ้าน อย่างน้อยใกล้หูใกล้ตาเราจะได้สบายใจ ระหว่างนี้คุณผึ้งก็พยายามอย่ามีเรื่องกับท่านเลยนะครับ”
ภุมวารีเชื่อฟังภาสกร แต่สำหรับภาสกรนั้นพอวันรุ่งขึ้นไปทำงานกลับโดนผู้จัดการไล่ออก สาเหตุมาจากเมื่อวานและปัญหาเรื่องผู้หญิงเพราะมันอาจกระทบกับชื่อเสียงบริษัท ภาสกรรู้สึกท้อแท้ไปปรับทุกข์ให้ขวัญเรือนฟังว่าไม่รู้จะทำยังไงต่อ ถ้าไม่มีงานทำคงต้องเอาน้องชายออกจากโรงพยาบาลกลับไปอยู่บ้าน ส่วนกับภรรยานั้นตนพึ่งเธอมามากแล้ว เท่านี้ก็แทบไม่เหลือศักดิ์ศรี
“คุณขวัญได้โปรดอย่าคิดว่าที่ผมเล่าให้ฟังเพราะต้องการจะขอความช่วยเหลือนะครับ ผมเพียงแค่อยากบอกใครสักคนให้หายอัดอั้นตันใจเท่านั้น”
“ฉันเข้าใจและเต็มใจที่จะรับฟังค่ะ ค่อยๆคิดไปนะคะ ฉันเชื่อว่าทุกปัญหามีทางออก”
ooooooo