ตอนที่ 13
ทินกรเก็บความสงสัยในตัวลูกสะใภ้คนสวยเอาไว้โดยไม่ได้ซักถามเอาความจริงจากลูกชาย แต่คอยจับตาดูและพูดให้เธอแคลงใจบ้างในบางครั้ง
ฝ่ายชายใหญ่กับนวลที่ยังอยู่ไร่ภักดิ์ภิรมย์ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีขึ้นเพราะชายใหญ่ตั้งมั่นว่าจะอยู่กับปัจจุบัน ไม่เหลียวกลับไปมองอดีต เพื่อภรรยาจะได้มั่นใจว่าอนาคตข้างหน้าเขาไม่มีวันเปลี่ยนความตั้งใจที่ต้องการให้เธอเคียงข้างเขาตลอดไป
นวลมีความสุขมากกับความเอาใจใส่ของชายใหญ่ แต่คนที่ไม่พอใจคือหญิงเล็ก ยิ่งเห็นทั้งคู่มีความสุขและเข้าอกเข้าใจกันก็พยายามยัดเยียดดาริกาเข้ามาแทรก แต่เวลานี้ความคิดของดาริกาเปลี่ยนไปแล้ว เธอเบื่อหน่ายกับความเป็นอยู่ที่ไม่หรูหราและไม่อยากตอแยชายใหญ่เหมือนแต่ก่อน จึงเปลี่ยนใจไปรับเล่นหนังกับภัทรยศเพื่อตีตัวออกห่างจากหญิงเล็กและเป็นเหตุผลที่จะไปจากไร่นี้
แต่กลายเป็นภัทรยศยกกองมาถ่ายทำหนังที่ไร่ของชายใหญ่ โดยมียุทธผู้เป็นพ่อของเขามาคอยกำกับดูแล หนังเรื่องนี้เป็นแนวตบจูบ แน่นอนว่าพระเอกนางเอกต้องมีฉากถึงเนื้อถึงตัว เหตุนี้ทำให้ภัทรยศซึ่งมีใจให้ดาริกาออกอาการหึงหวงจนเป็นเรื่อง
ภัทรยศแก้บทตามอำเภอใจเพื่อไม่ให้พระเอกหนังได้กอดจูบลูบคลำดาริกาซึ่งเล่นเป็นนางเอกจนแทบไม่มีฉากรัก ทั้งที่หนังชื่อเรื่องวีรบุรุษเถื่อน เล่นเอายุทธบ่นลูกชายว่าจะเป็นเรื่องวีรบุรุษพ่อพระอยู่แล้ว แต่ภัทรยศก็มีข้ออ้างข้างๆคูๆ จนพ่อรู้ทันว่าหึงดาริกา จึงแก้ปัญหาให้เองเพื่อลูกชายสุดที่รัก
อยู่ดีๆทุกคนในกองถ่ายก็งุนงงเมื่อพระเอกขอถอนตัว ยุทธยัดเยียดภัทรยศมาเล่นแทน แต่ดาริการู้ทันจึงประกาศถอนตัวด้วย แน่นอนว่าภัทรยศไม่ตกลงและพูดยั่วยุว่าหญิงสาวไม่ใช่มืออาชีพ เหตุนี้ทำให้ดาริกาอยากเอาชนะจึงรับเล่นหนังต่อไป
ทางด้านขวัญเรือนกับภานุโรจน์ที่ไปพักผ่อนที่เพชรบุรี ถึงเวลาทินกรต้องรับกลับบ้าน ภุมวารีไม่ว่าอะไรสักคำ แถมยังพูดดีทำดีกับทั้งสองคน โดยเฉพาะกับขวัญเรือนที่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันนั้น วันนี้แทบจะโอบอุ้มเธอเข้าบ้าน ซึ่งความจริงมันคือการฝืนใจของภุมวารีล้วนๆ
ทินกรกลับเข้าบ้านได้จังหวะร่วมโต๊ะอาหารกับทุกคน พอหลังอาหารมื้อนั้นภาสกรตัดสินใจพูดกับพ่ออย่างเด็ดขาด เขาให้เงินพ่อก้อนหนึ่งลงใต้ไปทำธุรกิจกับเพื่อนอย่างที่เคยบอกไว้ ทินกรรู้ทันทีว่าลูกไล่ออกจากบ้านจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ภาสกรให้เหตุผลว่า
“ผมคิดว่าคงไม่เป็นการดีถ้าคุณพ่อจะพักอยู่ที่นี่ ที่ผ่านมาเราถูกคนที่บ่อนนายแสวงรังควานจนไม่เป็นสุข มันเคยมาจับตัวนายโรจน์ไปกักขังไว้จนป่วยหนัก ที่คุณขวัญเรือนถูกทำร้าย ตำรวจก็บอกว่าอาจจะเป็นฝีมือของลูกน้องนายแสวง”
“แต่ฉันไม่เกี่ยว”
“ผมรู้ว่าคุณพ่อไม่เกี่ยว แต่คุณพ่อเป็นคนชักนำพวกมันเข้ามาในชีวิตของพวกเรา ผมไม่อยากให้คนในบ้านนี้ต้องตกอยู่ในอันตราย”
“แล้วฉันล่ะ แกไม่ห่วงฉันบ้างเลยหรือไงไอ้ภาส”
“คุณพ่อเป็นคนเก่ง ผมรู้ว่าคุณพ่อจะเอาตัวรอดได้”
ทินกรเลิ่กลั่กเมื่อเห็นว่าภาสกรเอาจริงไม่เปลี่ยนใจแน่ มองไปด้านหลังก็เห็นภุมวารียิ้มเย้ย
“ไอ้ลูกเนรคุณ มึงไล่พ่อไล่เชื้ออย่างกับหมูกับหมาได้ยังไง”
“ผมปกป้องคุณพ่อมามากแล้ว ต่อไปนี้ผมคงต้องปกป้องคนที่ผมรักไม่ให้เดือดร้อนเพราะคุณพ่ออีก ก่อนที่ชีวิตพวกเราทุกคนจะต้องลงเหวไปด้วยกัน”
“ไอ้สารเลว มึงไล่กูออกจากบ้าน มึงคอยดูนะมึงจะต้องเสียใจ ไอ้ลูกอกตัญญู”
ภาสกรรู้สึกผิดแต่กล้ำกลืนแข็งใจเดินหน้าต่อ...แล้วกลับเข้ามากอดคอน้องชายร้องไห้ไปด้วยกัน
ขวัญเรือนรับรู้เรื่องนี้ด้วยความอึดอัดใจไม่น้อย ตรงข้ามกับภุมวารีสะใจเหลือเกินที่ทินกรไปจากบ้านนี้เสียได้ แล้วพอตกค่ำภุมวารีก็ทำดีด้วยการเอาชุดเครื่องนอนใหม่มาให้ขวัญเรือนเปลี่ยน แต่ความจริงอยากมาสอดแนมเรื่องคดีข่มขืน