ตอนที่ 13
“คุณผึ้งพูดถูกแล้ว ไม่มีที่ไหนในอาณาเขตไร่นี่ เป็นของเธอ พี่มีสิทธิ์จะไล่เธอกลับไปอยู่กับท่านพ่อ ถ้าเธอประพฤติตัวไม่เหมาะสม ถ้าจะอยู่ที่นี่ เธอก็ต้องทำตัวให้มีประโยชน์ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป มาช่วยงานพี่ที่สำนักงานนี่”
“อะไรกัน หญิงไม่ทำ”
“ทุกคนต้องมีหน้าที่ ถ้าจะล่องลอยไปวันๆ ก็กลับไปอยู่ที่วัง รวมทั้งเธอด้วยขิม...พี่มีทางเลือกให้เธอแค่นี้ ถ้าพรุ่งนี้เธอไม่ลงมาที่สำนักงาน พี่จะโทร.เรียกนายพันมารับกลับวัง”
หญิงเล็กเจ็บแค้นใจ เดินกระฟัดกระเฟียดไปห้องตัวเอง ทำอะไรไม่ได้นอกจากจิกทึ้งหมอน ขิมเห็นแล้วกลุ้มแทน
“เรากลับกันดีไหมคะคุณหญิง ขืนอยู่ต่อไปขิมต้องถูกสั่งให้ไปทำงานในไร่แน่ๆเลยค่ะ ขิมกลัวหน้าดำ”
“ถ้ากลับก็เท่ากับฉันยอมแพ้นังผึ้งน่ะสิ ไม่เห็นหรือว่าพี่ชายลงโทษฉันเพื่อเอาใจมัน หลงเมียจนโงหัวไม่ขึ้น”
ดาริกานอนอ่านบทอยู่มุมหนึ่งในห้อง ได้ยินแต่ไม่สนใจ จนหญิงเล็กหันมาแหวใส่
“นี่เธอจะไม่ทำอะไรซักอย่างหรือไงยายดาว พี่ชายให้ฉันไปช่วยงานที่สำนักงาน ก็เพราะจะไล่เธอกลับหรอกนะ”
“ฉันเป็นคนบอกพี่ชายใหญ่เองว่าฉันคงไม่ได้ช่วยงานที่ไร่แล้ว เพราะฉันจะต้องเล่นหนังให้คุณยศ”
“นี่เธอคิดอะไรของเธอ”
“ฉันรู้ตัวแล้วว่าไม่ถนัดงานที่ไร่ ก็อยากจะลองเปลี่ยนมาทำอย่างอื่นดู เธอน่าจะพอใจนะที่ฉันยังไม่หนีกลับพระนคร”
ดาริกาลุกขึ้นถือบทออกไปจากห้อง ทิ้งให้หญิงเล็กอึ้งงัน...ดาริกาดูเหมือนจะถอยห่างจากชายใหญ่ไปทุกที
ooooooo
ที่ห้องนอนชายใหญ่ นวลอาบน้ำแต่งตัวใหม่ เธอตกใจที่จู่ๆชายใหญ่เดินเข้ามากอดด้านหลัง เอาคางเกยไหล่เธออย่างอ้อนๆ
“ผมดีใจนะที่คุณกลับมานอนที่บ้านเรา”
“ฉันสงสารรุจน์ กลัวว่าคุณหญิงจะตามไปเอะอะทุกคืนจนเขานอนไม่ได้ ไม่ได้ทำเพื่อคุณชายหรอกค่ะ”
“ปากแข็ง...ผมจะทำยังไงให้มันอ่อนกว่านี้ดีนะ” ชายใหญ่ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วยื่นหน้าเข้ามาจูบ นวลตกใจดันเขาไว้
“อย่าค่ะ คุณชายยังลงโทษฉันไม่พออีกเหรอคะ”
ชายใหญ่ชะงักแปลกใจ คิดว่าเธอหมายถึงเรื่องที่ตัวเองพูดจาไม่ดี “ถ้าคุณหมายถึงเรื่องที่ผมเคยพูดไว้...”
“ไม่ใช่ ฉันหมายถึงเรื่องที่คุณชายทำเมื่อคืนก่อน”
“ผมทำอะไร คุณกำลังจะบอกว่า...”
นวลน้ำตาซึมรีบเมินหน้าหนี ชายใหญ่ยิ่งตกใจและพยายามนึกทบทวน จำได้แต่ภาพตัวเองที่ตื่นขึ้นมาบนเตียงโดยไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า...นึกแล้วรู้สึกผิด จับไหล่เธอให้หันมา
“ผมไม่รู้เลย...”
“คุณผึ้ง...ผมขอโทษ ผมไม่ได้มีเจตนา แต่คุณรู้ไหมผมดีใจที่มันเกิดขึ้น เพราะในที่สุดมันก็ทำลายกำแพงระหว่างเราสองคนลงได้เสียที ความหวาดระแวง ความไม่เข้าใจระหว่างเรา มันจะไม่มีอีกแล้ว อย่าร้องไห้นะครับ”
คำพูดนั้นทำให้นวลใจอ่อนยวบ ชายใหญ่ก้มหน้าเข้ามาใกล้ จูบเบาๆที่รอยน้ำตานั้น แล้วค่อยๆเลื่อนต่ำลงมาข้างแก้ม จนมาถึงริมฝีปาก จูบอย่างดื่มด่ำโดยที่นวลไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด...
คืนเดียวกันที่บ้านเช่า ภาสกรสะดุ้งตื่นกับเสียงกรีดร้องของภุมวารีที่นั่งหลับหูหลับตา สองมือปัดป่ายหวาดกลัว แล้วลุกขึ้นวิ่งออกจากห้อง
“ช่างเถอะค่ะ รู้ไว้ก็พอว่าฉันชดใช้ความหวาดระแวงให้คุณชายไปแล้ว ฉันไม่มีอะไรเหลือที่จะพิสูจน์กับคุณชายได้อีกแล้ว”
ทินกรได้ยินเสียงก็ลุกเดินโวยวายจากห้องตัวเอง “โว้ย! เอะอะอะไรกัน เมียแกเป็นบ้าอะไรไอ้ภาส”
“คุณพ่อกลับไปนอนเถอะครับ ไม่มีอะไรหรอก” ภาสกรรีบไล่พ่อแล้วตามภุมวารีไปทางห้องครัว เห็นเธอซุกตัวในมุมมืดจึงปลอบโยนและบอกให้ตั้งสติ
ทินกรไม่ได้กลับไปนอนตามที่ลูกชายบอก แต่เดินมาแอบดูด้วยความสงสัย เห็นลูกสะใภ้โผกอดภาสกรพร้อมพูดระรัว
“คุณภาส...ผึ้งกลัว ไอ้จักรกับพวกมันจะมาทำร้ายผึ้งอีก”
“คุณผึ้งฝันไปเท่านั้น พวกมันไม่มีทางมาถึงที่นี่หรอกครับ”
“แต่มันรู้ว่าผึ้งอยู่แถวนี้ ถ้ามันไม่ตายมันต้องกลับมาตามหาผึ้งแน่”
ภาสกรกอดปลอบประโลมเธอ ขณะที่ทินกรยังจับตามอง แปลกใจที่ลูกสะใภ้ชื่อนวลแต่เรียกตัวเองว่าผึ้ง
ooooooo