ตอนที่ 13
ภาสกรขับรถกลับมาถึงบ้านเช่าเจอภุมวารีในสภาพอ่อนระโหยเหมือนคนอดนอน เสื้อผ้าสกปรกมอมแมม เธอสวมกอดเขาด้วยความดีใจ รำพันว่านึกว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว ภาสกรตกใจซักถามว่าหายไปไหนมา แต่จู่ๆร่างเธออ่อนยวบหมดสติในอ้อมแขนของเขา
หลังจากเขาปฐมพยาบาลอยู่ครู่หนึ่ง ภุมวารีรู้สึกตัวแต่ร้องไห้ออกมาอีก ท่าทางขวัญเสีย
“ผึ้งดีใจเหลือเกินที่ได้เจอคุณอีก”
“ทำไมคุณผึ้งพูดเหมือนกับว่าจะไม่ได้เจอผมอีก ตกลงคุณหายไปไหนมา”
ภุมวารีหน้าถอดสี รู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองหนีไปเพราะกลัวตำรวจ แต่บอกว่าตนกลับไปบ้านเมื่อสองวันก่อน
“งั้นคุณผึ้งคงไม่รู้ว่าคุณขวัญเรือนถูกคนร้ายบุกขึ้นไปหาถึงบนหอพัก”
ภุมวารีใจเต้นแรงรู้ว่าภาสกรกำลังสอบสวน พยายาม เก็บอาการไว้
“จริงหรือคะ แล้วจับคนร้ายได้หรือเปล่า”
“มันหนีไปได้...คุณผึ้งพักผ่อนก่อนเถอะครับ” ภาสกรตัดบทแล้วหันหลังเปิดประตูออกจากห้อง ภุมวารี ตะโกนด้วยความน้อยใจ
“ไม่คิดจะถามผึ้งซักคำเหรอคะว่าเกิดอะไรขึ้นผึ้งถึงได้มีสภาพแบบนี้ หรือใจคอคุณภาสจะห่วงแต่นังขวัญเรือน คุณภาสไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผึ้งออกจากบ้านไปตั้งแต่วันไหน”
ภาสกรอึ้ง ยอมรับว่าตัวเองไม่ได้สนใจเธอจริงๆ หันกลับมาเห็นเธอพูดทั้งน้ำตา
“เพราะคุณภาสหมางเมินผึ้ง ทำเหมือนผึ้งไม่มีตัวตนในบ้านนี้ ผึ้งถึงต้องกลับไปบ้านพรรณภิรมย์”
จังหวะนี้ทินกรเปิดประตูบ้านเข้ามาเงียบๆ ได้ยินเสียงพูดแว่วๆเลยหยุดฟัง
“ผึ้งตั้งใจจะกลับไปเอาเงินจากพ่อก้อนสุดท้าย แล้วก็หลบไปตั้งตัว ในเมื่อไม่มีใครในโลกนี้ต้องการผึ้งอีกแล้ว แต่คุณภาสรู้ไหมคะว่าเกิดอะไรขึ้น...ผึ้งถูกไอ้จักรผัวนังนวล ผู้หญิงที่หน้าเหมือนผึ้งคนนั้นฉุดไป มันเอาตัวผึ้งไปย่ำยีเพราะคิดว่าผึ้งเป็นเมียมัน”
“คุณผึ้ง...” ภาสกรตะลึง
“ไอ้วิปริตนั่นมันแค้นที่รู้ว่านังนวลทิ้งมันไปแต่งงานกับคุณชายใหญ่ มันก็เลยมาลงกับผึ้ง ตอนนี้ผึ้งแปดเปื้อนจนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว ถ้าคุณภาสคิดว่าผึ้งทำผิดคิดร้ายอะไรไว้ ก็จับผึ้งส่งตำรวจเลยสิคะ ชีวิตผึ้งคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว...เอาสิคะ เอาตัวผึ้งไปโรงพัก ถ้าความผิดมันหนักหนาถึงขั้นต้องถูกประหาร ผึ้งก็ยินดีจะตายให้พ้นเวรพ้นกรรมนี้เสียที”
ภุมวารีร้องไห้หนักด้วยความอดสูใจจริงๆ ภาสกรดึงเธอมากอดด้วยความสงสาร
“อย่าร้องไห้เลยครับ ผมเข้าใจแล้ว ผมขอโทษ”
เธอซุกอ้อมอกเขาแต่ยังคงร้องไห้ไม่หยุด ขณะที่ทินกรแอบมองผ่านประตูที่เปิดแง้มด้วยสีหน้างุนงงสงสัย
ooooooo
เอื้อยขนข้าวของสัมภาระของนายสาวกลับมาที่บ้านโดยมีนวลเดินตามหลัง ตั้งใจเอาขึ้นไปไว้บนห้องชายใหญ่ แต่ไม่ทันจะขึ้นบันไดหญิงเล็กกับขิมก้าวลงมาขวาง
“อะไรกัน...อวดเก่งไปอยู่กินแบบคนงานได้ไม่กี่วันก็ทนไม่ได้แล้วเหรอ ถึงได้แจ้นกลับมาที่นี่”
“แหม...ก็คุณชายตามไปง้อแล้วนี่คะ เรื่องอะไรจะนอนกระท่อมต่อให้โง่” ขิมลอยหน้าลอยตาใส่นวลอย่างไม่เกรง เอื้อยคันปากอยากด่าขิม แต่นวลแตะมือห้าม และสวนด้วยตัวเอง
“สำหรับฉันนอนที่ไหนก็เหมือนกัน ยังไงก็ไม่พ้นคนตามไปรังควานอยู่ดี กลับมานอนเสียที่บ้านนี้ คนที่คิดจะรังควานจะได้ไม่ต้องลำบากเดินไปถึงท้ายไร่ ไม่ดีหรือจ๊ะขิม”
“ฉันรังควานแก หรือแกรังควานฉันกันแน่ รู้ทั้งรู้ว่าฉันอยากให้แกไปพ้นๆ แต่แกก็หน้าด้านไล่ไม่ไป”
“คุณหญิงดีแต่ไล่ฉันไปทางนั้นทางนี้ ตัวเองได้ถือสิทธิ์เป็นเจ้าของที่ไหนซักแห่งหรือยังคะ”
“อีผึ้ง!” หญิงเล็กเงื้อมือจะตบ แต่ชายใหญ่ปราดเข้ามาจับมือลากไปในสำนักงาน ขิมตามติดด้วยความเป็นห่วงนายสาว
“พี่ไม่อนุญาตให้เธอมาทำตัวต่ำที่นี่ ขนาดคนงานในไร่ยังไม่เคยมีใครทะเลาะตบตีกัน เธอไม่อายเขาหรือ”
“ไม่อาย นี่มันไร่ของหญิง ใครมันกล้าว่าอะไรหญิงก็ไสหัวไป”