ตอนที่ 11
“ไม่จริงนะคะ ฉันไม่ได้ไปที่นั่น”
“นี่แกยังหน้าด้านปฏิเสธอีกเหรอ”
“ฉันไม่รู้จักวังอภัยรัตน์ด้วยซ้ำนะคะคุณหญิง”
“ถ้างั้นใครที่เข้าไปหึงหวงไอ้ภาสกร แล้วหน้าถอดสีตอนที่เห็นฉันกับท่านพ่ออยู่ในงาน”
“ต้องเป็นผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ ตอนที่ฉันไปรับเสื้อที่ร้าน ฉันเจอผู้หญิงคนนึงหน้าตาเหมือนฉันค่ะคุณชาย เธอเห็นฉันแล้วก็รีบวิ่งหนีไป ฉันสงสัยเลยตามเธอไป แต่สุดท้ายก็คลาดกัน ฉันทำกระเป๋าสตางค์หายบนรถแท็กซี่ที่เรียกให้มาส่งแถวๆที่ผู้หญิงคนนั้นหายไป ก็เลยกลับมาหาพี่เอื้อยไม่ได้ จนค่ำถึงมีคนใจดีรับมาส่งที่นี่”
“โกหกหน้าด้านๆ แกเห็นพวกฉันมีเขาควายอยู่บนหัวหรือไงถึงปั้นเรื่องปัญญาอ่อนแบบนี้มาหลอก”
“มันเป็นเรื่องจริงค่ะคุณหญิง ฉันสาบาน”
“ถ้าสิ่งที่เธอพูดเป็นเรื่องจริง ฉันกับหญิงเล็กก็คงโกหกสินะ” ท่านพ่อของชายใหญ่และหญิงเล็กเข้ามามองลูกสะใภ้ด้วยสีหน้าเย็นชา “ถ้าพ่อไม่เห็นกับตาก็คงจะคิดว่าหญิงเล็กปั้นเรื่องมาหลอกอย่างที่ชายอาจจะกำลังคิดอยู่ แต่ผู้หญิงที่พ่อเจอในงานวันนี้คือเธอไม่ผิดแน่ ภุมวารี”
ท่านชายแสดงท่าทีผิดหวังในตัวลูกสะใภ้อย่างเห็นได้ชัด ถามเอื้อยว่าเจ้านายของเธอมีพี่น้องฝาแฝดอย่างนั้นหรือ เอื้อยไม่กล้าโกหก จำต้องตอบตามความจริงว่าคุณผึ้งเป็นลูกคนเดียว
“ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ ไม่เคยได้ยินคุณเกรียงไกรพูดถึงลูกอีกคน ถ้าเธอมีข้อแก้ตัวที่ดีกว่านี้ ฉันก็คงพอจะคล้อยตามได้บ้าง แต่เธอก็คงจะไม่ได้คิดเอาไว้ล่วงหน้าใช่ไหมล่ะภุมวารี”
นวลน้ำตาไหลรินด้วยความเสียใจ...ชายใหญ่มองภรรยาอย่างสับสน ใจหนึ่งก็เชื่อเธอ แต่อีกใจก็เชื่อท่านพ่อ
ooooooo
ทันทีที่ภาสกรกับขวัญเรือนกลับมาถึงบ้านภุมวารีเปิดประตูโยนกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาตรงหน้าขวัญเรือน
“ฉันปรานีเก็บข้าวของของแกให้แล้ว ไสหัวไปจากบ้านนี้ซะ”
สองคนตกใจ ภาสกรทำท่าจะพูด แต่ภุมวารีประกาศเฉียบขาดว่า
“ไม่มีข้อต่อรองอะไรทั้งนั้น นังนี่จะต้องไป”
ขวัญเรือนเหมือนโดนตบหน้าซ้ำจนทำอะไรไม่ถูก ภาสกรรีบดึงแขนภุมวารีเข้ามาในห้องนอน ดุเสียงเบาเพราะกลัวพยาบาลสาวได้ยิน
“มีสติหน่อยได้ไหมคุณผึ้ง วันนี้มันยังไม่วุ่นวายพออีกหรือไง”
“ก็เพราะใครล่ะ เพราะนังขวัญเรือนนั่นแหละ ถ้ามันไม่กินบนเรือนขี้รดหลังคา มันก็ไม่เกิดเรื่องหรอก”
“มันไม่มีเรื่องสกปรกอย่างที่คุณคิด...ผมไม่ได้ตั้งใจจะไปที่งานเลี้ยง แต่ถูกลูกพี่ลูกน้องมาตามที่ทำงาน ก็เลยพาคุณขวัญเรือนไปด้วย”
“มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่คุณพามันไปควงอวดคนทั่วงานหรอก”
“แล้วมันไม่ดีหรือไง ถ้ามีคนเข้าใจไปแบบนั้นว่าเราไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว คุณอยากจะให้ชาวบ้านรู้กันหมดเหรอว่าภุมวารี พรรณภิรมย์ ตัวจริงหนีมาอยู่กับผม ตอนนี้คุณอาจจะทำลายแผนของตัวเองพังหมดแล้วก็ได้ ถึงคุณชายใหญ่ไม่ได้มางาน แต่พ่อกับน้องสาวเขาก็อยู่ที่นั่น ป่านนี้คงจะคิดว่าสะใภ้ตัวเองทำลิงหลอกเจ้า ถ้าตัวปลอมของคุณโดนเฉดหัวออกมาจากวัง คุณจะทำยังไง”
“ก็ช่างหัวมันสิ ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา”
ภาสกรถอนใจส่ายหน้ากับความไม่ถ้วนถี่ของภุมวารี “คุณทำลายชีวิตของผู้หญิงคนนั้นไปแล้วครั้งนึง พรากเธอมาจากครอบครัว ใจคอคุณจะไม่นึกสงสารเธอบ้างเลยเหรอ”
“มันก็ได้ความสุขสบายในฐานะเมียคุณชายใหญ่ไปแล้วไง ถ้ามันไม่รู้จักตักตวงเอาไว้ก่อนจะตกสวรรค์ก็เป็นเวรกรรมของมัน”
“คุณใจร้ายมาก คุณไม่มีหัวใจเผื่อไว้ให้คนอื่นเลยเหรอคุณผึ้ง นอกจากความสุขความพอใจของตัวคุณเอง”
ภุมวารีเหมือนถูกจี้ใจดำจนร้องกรี๊ดระเบิดอารมณ์ออกมา “คุณกล้าว่าผึ้งไม่มีหัวใจงั้นหรือ แล้วเรื่องเลวๆที่ผึ้งทำลงไปทั้งหมดเพื่อที่จะให้ตัวเองได้มาอยู่กับคุณมันคืออะไร มันไม่ใช่เพราะผึ้งรักคุณหรือคุณภาส”
ภาสกรอยากจะตอบภุมวารีว่าตัวเองไม่เคยร้องขอสิ่งเหล่านี้ แต่ก็ทำได้เพียงเบือนหน้าหนีปัญหา แล้วพยายามใจเย็นลง
“คุณขวัญเรือนจะไปจากบ้านนี้ไม่ได้ เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าคุณจะโกรธ จะลงโทษ ก็มาทำที่ผมคนเดียว”
ภุมวารีเจ็บปวดกว่าเดิม ยิ่งเห็นว่าภาสกรปกป้องขวัญเรือนมากกว่าจะรักษาน้ำใจของตน พูดทั้งน้ำตาเต็มหน้าด้วยความเสียใจอย่างที่สุด
“ถ้าคุณไม่ไล่มันไป ผึ้งจะไปเอง”
ooooooo