ตอนที่ 14
แต่เพียงวันรุ่งขึ้น ความเครียดก็ครอบงำทุกคนอีก เมื่อหนังสือพิมพ์ลงข่าวครึกโครม ทั้งยังลงภาพที่เพลิงนอนกอดกับน้ำฝนที่ริมหาดหราที่หน้าหนึ่ง
หลินเห็นถึงกับกรี๊ดออกมาอย่างรับไม่ได้ ทองตราพูดกับนิรุตและผ่องว่าแบบนี้น้ำฝนเสียหายมาก ผ่องปรารภว่าปกติเพลิงไม่ใช่คนเหลวไหล แต่ทำไมถึงได้ทำแบบนี้ ตนละอายใจจริงๆ นิรุตติงว่าให้ทุกคนใจเย็นก่อน ตนคิดว่าคงไม่มีอะไร เพราะถ้ามีอะไรแม้นมาศคงบอกพวกเราไปแล้ว
“ก็อาจจะเป็นอย่างที่ลูกพูดนะ แต่ยังไงเราเป็นฝ่ายชายเราก็ต้องทำอะไรสักอย่าง” พูดแล้วทองตรานิ่งไป นิรุตถามว่าแม่จะทำอะไร “เย็นนี้เชิญคุณแม้นมาศกับลูกๆมาพบแม่หน่อย” ทองตราสั่งหน้าเครียดขรึม
ที่คอนโดฯน้ำฝนก็ร้อนระอุขึ้นมา เมื่อสปอนเซอร์รายการของน้ำฝนโทร.มาแต่เช้า น้ำฝนบอกว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่สปอนเซอร์ก็ขอถอนตัว
น้ำฝนสับสน เสียใจ พอดีโทรศัพท์ของแม้นมาศกับสิตาดังขึ้น แม้นมาศบอกว่าไม่ต้องรับสายและให้ปิดเครื่องไปเลย น้ำฝนขอโทษแม่กับพี่สาว สิตาบอกว่าไม่เป็นไรตอนนี้เราคิดหาทางออกกันดีกว่า
ขณะที่สามแม่ลูกกำลังคิดหนักนั่นเอง นิรุตก็โทร.มา แม้นมาศรีบรับสาย
ส่วนเพลิงไปทำงานตามปกติ ครู่เดียวชนนท์ก็มาตามบอกว่าคุณย่าให้กลับบ้านด่วน เพลิงถามว่ามีอะไรหรือ ชนนท์จึงเอาหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวและภาพเพลิงกับน้ำฝนให้ดู เพลิงดูแล้วตกใจอุทาน
“นี่มันอะไรกัน!”
ooooooo
เพลิงกลับบ้านด่วน เจอหลินนั่งจับเจ่าอยู่ที่บันไดทางเข้าบ้าน พอเจอหน้าเพลิงหลินก็ตีโพยตีพายหาว่าเพลิงโกหก เพลิงพยายามชี้แจง แต่หลินฟังไม่เข้าหู จนเพลิงตัดบทว่า
“หลินจะโกรธจะเกลียดพี่ก็ได้ แต่สำหรับพี่แล้วหลินยังเป็นน้องสาวที่น่ารักของพี่ตลอดไป”
เพลิงผละจะเข้าบ้าน ก็เจอผ่องมายืนดักอยู่ เขารีบบอกแม่ว่าตนไม่ทราบจริงๆว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง
“เข้าไปข้างในเถอะ ทุกคนรออยู่” ผ่องบอกแล้วเดินนำเข้าไป เพลิงกอดแม่ไว้ ผ่องสะเทือนใจจนร้องไห้ บอกลูกว่า “ตลอดเวลา เพลิงไม่เคยทำให้แม่เสียใจ แม่เชื่อว่าลูกของแม่เป็นคนดี คิดดี ไม่เป็นไรนะลูก แม่จะอยู่ข้างลูกของแม่เสมอ”
ที่ห้องรับแขกบ้านทองตรา แม้นมาศกำลังชี้แจงเรื่องราวทั้งหมดต่อหน้าทุกคนที่กำลังทุกข์ร้อนใจ
“ที่จริงฝ่ายดิฉันก็ละอายใจนะคะ ที่ต้องมาบอกว่าน้ำฝนวางยาเพลิง จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตแบบนี้ ดิฉันกราบขอโทษคุณหญิงกับคุณผ่องแผ้วด้วยนะคะ” แม้นมาศยกมือไหว้ ทั้งสองรีบรับไหว้
ทองตราพูดอย่างผู้ใหญ่ที่พร้อมจะช่วยแก้ไขปัญหาว่า เมื่อเกิดเรื่องขึ้นอย่างนี้แล้ว เราคงต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา แม้นมาศถามว่าร่วมมืออย่างไรหรือ
“ไหนๆเรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ทางออกที่ดีที่สุด ตอนนี้คือเพลิงกับน้ำฝนต้องแต่งงานกัน” แม้นมาศตกใจ ทองตรายืนยันว่า “ค่ะ ดิฉันขอถือโอกาสนี้เจรจาสู่ขอหนูน้ำฝนเลย ไม่ทราบว่าคุณแม้นมาศจะว่ายังไง”
น้ำฝนตกใจพยายามทักท้วง ถูกแม้นมาศดุเบาๆว่าผู้ใหญ่กำลังคุยกันอยู่ เธอเลยต้องเงียบ
“เพื่อรักษาเกียรติของน้ำฝนและครอบครัว นี่คือวิธีที่ดีที่สุดจ้ะ” ทองตราสรุป มองหน้าแม้นมาศต่างยิ้มให้กันอย่างพอใจ
ooooooo
น้ำฝนกับเพลิงออกมายืนคุยกันอยู่ที่ใต้ต้นไม้ในบ้านทองตรา น้ำฝนถามว่าเขาจะไม่คิดทำอะไรสักอย่างหรือ เพลิงบอกว่าทางเดียวคือเธอต้องแถลงข่าวบอกความจริงแก่สังคม แต่น้ำฝนทำไม่ได้ที่จะออกมาบอกกับสังคมว่าตนวางยาเพลิง
เมื่อไม่มีทางออก เพลิงบอกเธอว่าไม่ต้องห่วง ตนจะแต่งงานกับเธอเพราะมันเป็นหน้าที่ ที่แม่ตนจะต้องปกป้องศักดิ์ศรีของเธอตามคำสั่งคุณย่า
“ใช่สิ มันเป็นหน้าที่” น้ำฝนเสียงเข้ม ย้ำว่า ถ้าอย่างนั้นเราก็ถือว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นงานของเราสองคน จะไม่มีการจดทะเบียนสมรส ถามว่า “นายเคยบอกใช่ไหมว่าจะอยู่ที่นี่แค่สามเดือน พอครบสามเดือน เราก็แยกย้ายกันไปมีชีวิตอย่างเดิมของเรา”
เมื่ออาณัติรู้เรื่องนี้จากบุษกล เขาโยนหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นลงอย่างโกรธจัด ด่าเพลิงว่าจงใจแย่งทุกอย่างของตน บุษกลติงว่าจะไปเสียดายอะไรกับน้ำฝน น่าจะคิดเรื่องอื่นมากกว่า
“เรื่องอะไรครับ”
“ก็เรื่องสมบัติน่ะสิ ไอ้เพลิงมันทำแต่เรื่องเสื่อมเสีย แต่ยายแกแทนที่จะไล่มันกลับช่วยทำให้มันดูดีขึ้นอีก แม่ว่ายายแกต้องมีแผนยกสมบัติให้ไอ้เพลิงมันแน่”
อาณัติบอกแม่ว่าเรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เพลิงจะไม่ได้อะไรสักอย่าง อีกไม่นานตนจะทำให้เพลิงอับโชคอีก แล้วถามว่า “งานแต่งงานมันจะมีขึ้นเมื่อไหร่ครับ”
ฝ่ายทองตรา เรียกนิรุตมามอบหมายให้ดูแลเรื่องงานแต่งงานของเพลิง ตนต้องการให้จัดเร็วที่สุด นิรุตติงว่ากำหนด 3 เดือนที่เพลิงต้องพิสูจน์ตัวเองใกล้ครบแล้ว เราจะทำอย่างไรต่อไป
“สำหรับแม่ ถือว่าเรื่องเงื่อนไขนั้นยกเลิกไป แม่จะให้เพลิงกับผ่องแผ้วอยู่ที่นี่” ครั้นนิรุตถามว่า เพลิงรู้แล้วหรือยัง ทองตราบอกว่า “เขาจะรู้วันแต่งงาน”
ooooooo
คืนนี้ น้ำฝนไปเคาะประตูห้องนอนสิตา เจ้าตัวกำลังยืนร้องไห้อยู่ รีบเช็ดน้ำตาก่อนอนุญาตให้เข้ามาได้ น้ำฝนมาบอกสิตาว่าตนกับเพลิงตกลงกันแล้วว่า เมื่อครบกำหนดที่เพลิงต้องกลับระนอง งานแต่งงานของเราก็จะจบลง
สิตาตกใจถามว่าทำอย่างนี้ทำไม น้ำฝนอ้างว่า ที่ตนแต่งงานกันก็เป็นเพียงทำตามหน้าที่เท่านั้น เพราะเพลิงไม่ได้รักตนยังไงก็ไปกันไม่ได้
“น้ำฝน ฟังพี่นะ ไม่ว่าน้ำฝนกับคุณเพลิงจะแต่งงานกันด้วยอะไรก็ตาม แต่พี่เชื่อนะว่าคนดีๆอย่างคุณเพลิงกับน้ำฝน จะต้องใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุข”
น้ำฝนทำท่าจะชี้แจง สิตาขัดขึ้นว่า น้ำฝนจะเลิกกับเพลิงเพื่อตนใช่ไหม พอน้ำฝนพยักหน้าสิตาถามว่าถ้าน้ำฝนเลิกกับเพลิงแล้วคิดหรือว่าตนจะแต่งงานกับเพลิงได้ เตือนสติน้องว่า
“เรื่องมันเลยมาไกลจนเกินกว่าเราทุกคนจะย้อนกลับไปแล้ว เชื่อพี่นะ น้ำฝนกับคุณเพลิงต้องเดินหน้าไปด้วยกัน พี่จะเป็นกำลังใจให้นะ”
น้ำฝนพูดไม่ออก กอดพี่สาวไว้ร้องไห้สะอึกสะอื้น...
ooooooo
หลินคิดไม่ตก พยายามที่จะคุยให้เพลิงเห็นถึงความรักที่ตนมีต่อเขา เพลิงรู้เพลิงเห็นแต่เขามีให้หลินได้แค่ความรักแบบพี่ชายกับน้องสาว เพลิงขอโทษหลินที่ทำให้เธอเสียใจ
หลินยังรับไม่ได้ เช้าวันรุ่งขึ้นก็ไปนั่งเหม่อใจลอยที่สระน้ำ ทองตรามาเจอถามว่าเสียใจเรื่องเพลิงจะแต่งงานใช่ไหม หลินร้องไห้ออกมาบอกว่าถ้าเพลิงแต่งงานตนก็จะฆ่าตัวตาย
“คิดว่าคำพูดของเธอจะทำให้ฉันล้มเลิกงานแต่งงานได้เหรอ...น่าเสียดายที่เธอต้องมาตายด้วยเรื่องแบบนี้”
“ถ้ารักไม่สมหวัง หลินก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเหมือนกัน หลินคิดเสมอว่า ความรักคือสิ่งสวยงามน่าเทิดทูนบูชา แต่สุดท้ายมันก็ย้อนกลับมาฆ่าตัวหลินให้ตายทั้งเป็น หลินก็ไม่รู้จะอยู่ทำไม”
“เด็กหนอเด็ก! ฉันจะบอกให้นะ ไม่มีใครตายเพราะความรักหรอก มีแต่คนตายเพราะความโง่ เธอจะทำแบบนั้นเพื่ออะไร”
หลินมองทองตราอึ้ง ทองตราสอนหลินเยี่ยงผู้ใหญ่สอนเด็กด้วยความรักและห่วงใยว่า
“เธอยังเด็ก ยังมีอนาคต ยังมีพ่อและมีความหวังของพ่อรออยู่ ถ้าเธอตาย เธอไม่ได้ฆ่าเฉพาะตัวเธอนะ แต่เธอได้ฆ่าความหวังของพ่อให้ตายตามไปด้วย ฉันรู้ว่าการสูญเสียลูกจากอกมันเจ็บแค่ไหน”
หลินทรุดนั่งร้องไห้ ทองตรานั่งบนเก้าอี้ ลูบหัวหลินอย่างเมตตา หลินพูดไปร้องไห้ไปอย่างสำนึกว่า
“จริงด้วย ทำไมหลินถึงลืมป๊า...คุณย่าคะ ขอบคุณที่ช่วยเตือนสติหลิน”
“ไม่หรอก ความจริงเธอก็สอนฉันหลายอย่างเหมือนกัน ฉันถือว่าเธอคือเพื่อนที่อายุน้อยที่สุดของฉัน” ทองตรามองหลินอย่างเอ็นดู ยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร แม้จะต่างวัย แต่มิตรภาพไม่มีเส้นแบ่ง...
หลังจากนั้น หลินก็ไปคุยกับเพลิง บอกเพลิงอย่างคนที่คิดตกแล้วว่า
“หลินเหนื่อยวิ่งไล่ตามคนที่เขาไม่รัก อาละวาดไปหลินก็เป็นได้แค่น้องสาวพี่อยู่ดีจริงไหม หลินตั้งใจจะกลับไปเรียนต่อให้จบ คนอย่างหลินอาจจะเป๋ไปบ้างเพราะความรัก แต่หลินจะไม่ยอมล้มเพราะความรักเด็ดขาด”
หลินยื่นนิ้วก้อยออกไป ชวนเกี่ยวก้อยเพื่อสัญญาว่าจะเป็นพี่น้องกันตลอดไป ต่อไปนี้ถึงเราจะอยู่ไกลกัน แต่เพลิงต้องไม่ลืมตน เพลิงถามงงๆ ว่าทำไมเราต้องอยู่ไกลกันด้วย?
ooooooo
ที่แท้หลินตัดสินใจกลับระนอง ทองตราจะให้เพลิงไปส่งก็ไม่เอาบอกว่ายังมีธุระที่จะต้องแวะทำอีก
ธุระของหลินคือไปหาน้ำฝนที่คอนโดฯ พอน้ำฝนลงมาพบที่ล็อบบี้ ถามว่ามาหาตนหรือ แล้วนี่จะไปไหน
“กลับบ้าน ฉันไม่อยากอยู่เห็นงานแต่งงานของคุณกับพี่เพลิง แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าฉันแพ้คุณนะที่คุณได้แต่งงานกับพี่เพลิงก็เพราะฉันหลีกทางให้ แต่คุณจำไว้เลยนะ ถ้าวันไหนที่คุณทำพี่เพลิงเจ็บหรือทิ้งพี่เพลิงฉันจะกลับมาเอาเรื่องคุณแน่”
น้ำฝนอึ้งไปนาน ถามว่าแล้วหลินจะไปยังไง อาสาจะไปส่ง
“ไม่จำเป็น เราอย่าทำดีต่อกันเลย ยังไงฉันก็จะเกลียดคุณเพราะคุณแย่งคนที่ฉันรักที่สุดในชีวิตไป”
พูดเสร็จหลินหันหลังเดินออกไป น้ำฝนมองตามไปด้วยความเศร้าใจ...
เมื่อกลับขึ้นห้อง สิตาถามว่าใครมาหา พอรู้ว่าหลินมาหาสิตาถามว่ามาคุยเรื่องเพลิงใช่ไหม
“ใช่...เขาบอกว่าถ้าวันไหนที่น้ำฝนทำให้เพลิงเจ็บเขาจะกลับมาเอาเรื่อง พี่สิตา น้ำฝนรู้สึกผิดทั้งกับพี่สิตาแล้วก็หลินด้วย น้ำฝนไม่ควรแต่งงานกับเพลิงใช่ไหม”
สิตาบอกน้องว่าถึงไม่แต่งงานกับเพลิงก็คงไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น มีแต่จะทำให้แย่กว่าเดิม น้ำฝนรำพึงว่ารู้สึกเหมือนตนเป็นคนเลวที่แย่งของรักของคนอื่น
“น้ำฝน...คุณเพลิงยังไม่ได้เป็นคนรักของใครนะ พี่กับหลินถึงยอมให้การแต่งงานเกิดขึ้นโดยไม่มีปัญหาไงล่ะ” สิตาดึงน้องเข้าไปกอด “ตอนนี้ที่น้ำฝนต้องทำคือ ทำสิ่งที่รออยู่ข้างหน้าให้ดีที่สุดนะ”
ooooooo
ไพโรจน์โกรธมากเมื่อรู้ว่าเรื่องที่เกิดกับน้ำฝนและเพลิงนั้นเป็นฝีมือของอาณัติ เพราะถ้าตำรวจขุดคุ้ยแล้วโยงมาถึงเรื่องเพชรตนก็จะซวยไปด้วย
“คุณนี่ขี้ขลาดเหมือนกันนะคุณไพโรจน์” อาณัติเย้ย
“ผมขี้ขลาดเพราะฉลาด ก็ดีกว่าโง่ดักดานเหมือนคุณ จำไว้นะ อย่าก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก ผมยังอยากหากินกับเพชรไทยอยู่ ไว้สมบัติพวกคุณหมดเมื่อไหร่ คุณจะฆ่าล้างตระกูลพวกคุณผมก็ไม่เกี่ยว”
พูดจบไพโรจน์ผลักอาณัติให้ออกจากบ้านตน ด่าตามหลังไปอย่างโกรธจัด
“โง่ทั้งพี่ทั้งน้อง!”
นาฎนรียังตกอยู่ในเงื้อมมือของไพโรจน์ เขาเรียกเธอไปที่บ้าน นอนกอดเธอและจิบไวน์อย่างมีความสุข บอกเธอว่า รู้ว่าเธอเกลียดตน แต่นับวันตนก็ยิ่งรักเธอ สักวันหนึ่งจะไปสู่ขอเธอกับคุณแม่
นาฎนรีตกใจขอร้องว่าอย่าทำ ไพโรจน์เปลี่ยนเรื่อง ถามว่าพร้อมจะลงมือรอบใหม่หรือยัง พอเธอขอร้องว่าไว้ลอตหน้าได้ไหมตนยังไม่พร้อม ไพโรจน์ไม่ยอมเพราะของปลอมทำเสร็จแล้ว ไม่อยากเสียเที่ยว
“ตอนนี้บริษัทเริ่มเข้มงวดมากขึ้น ฉันกลัวถูกจับได้”
“เลือกเอา ระหว่างเสี่ยงทำงานให้ผม กับการเป็นนางเอกหนังโป๊เพียงชั่วข้ามคืน” ไพโรจน์ขู่อย่างเลือดเย็น แล้วลุกเดินไปห้องน้ำ
“แก...ไอ้สารเลว” นาฎนรีด่าเบาๆ กำมือแน่นแล้วฟุบหน้าร้องไห้อย่างกดดัน
ooooooo
เช้าวันนี้ สิตาเตรียมอาหารเสร็จ เรียกน้องกับแม่มาทานแต่ตัวเองกลับแต่งตัวจะออกข้างนอกทั้งที่เป็นวันหยุด พอน้ำฝนถามก็บอกว่านัดชนนท์ไว้จะคุยเรื่องงาน
แม้นมาศออกมาถามว่าไม่ไปด้วยกันหรือ วันนี้คุณหญิงทองตรานัดไปช่วยเลือกการ์ดแต่งงาน อยากให้ไปช่วยเลือกด้วย
สิตาขอตัว เพราะมีงานเร่งจริงๆ น้ำฝนมองหน้าพี่สาว เรียกอย่างตัดพ้อ...พี่สิตา...
“ถ้าไม่ใช่งานฉุกละหุกจริงๆ พี่จะออกแบบการ์ดให้น้ำฝนเลยนะ แต่วันนี้พี่ไปไม่ได้จริงๆ พี่ขอโทษด้วยนะ” สิตาพยายามยิ้มแย้ม กระซิบน้องว่า “พี่ไม่เป็นไรจริงๆ” แล้วเดินออกไป
ที่แท้ สิตาออกแบบเครื่องประดับเพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงานให้น้ำฝน เธอนัดให้ชนนท์มาช่วยดู เขาชมว่าสวยมากถ้าทำเสร็จต้องสวยกว่าในแบบแน่นอน
ระหว่างนั้น สิตาซึมเศร้าจนชนนท์รู้สึกถามว่า ยังคิดเรื่องการแต่งงานของเพลิงกับน้ำฝนใช่ไหม เมื่อสิตายอมรับ ชนนท์พูดจากความรู้สึกของตัวเองว่า
“ผมเข้าใจคุณสิตาครับ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะตัดใจจากใครสักคน เพราะผมเคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน” เมื่อสิตาขอถามอะไรหน่อย เขายินดี สิตาจึงถามว่า
“คุณนนท์ใช้เวลานานไหมคะกว่าจะทำใจ...เอ่อ...ให้เลิกรัก”
“ผมไม่เคยเลิกรักคนที่ผมรักครับ...ความรักมันบังคับกันไม่ได้หรอกนะครับ การที่เรารักใครแล้วจะให้ฝืนใจเลิกรัก มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ง่ายๆ”
“สิตาเข้าใจนะคะ แต่ถ้าคุณนนท์ยังคิดอยู่แบบนี้ มันจะทำให้คุณเป็นทุกข์เหมือนกับที่สิตาเป็น”
“ใช่ครับ ผมก็คงจะมีความสุขไม่ได้ ถ้าผมยังเห็นคนที่ผมรักเขาทุกข์อยู่อย่างนี้” ชนนท์มองหน้าจนสิตาต้องหลบสายตา “ไม่รู้คุณสิตาจะว่าผมแก่ไปหรือเปล่า ถ้าผมจะบอกว่า บางทีเราก็คิดเสียว่า อะไรที่ไม่ใช่ของเรามันก็ไม่มีวันเป็นของเรา แต่อะไรที่มันจะเป็นของเรา ต่อให้วิ่งหนียังไงมันก็จะหล่นใส่หัวเราอยู่ดี”
สิตามองชนนท์ยิ้มออกมาได้ เอ่ยชมว่า “คุณนนท์นี่มองโลกในแง่ดีจังเลยนะคะ”
“ผมมองโลกอย่างที่มันเป็นมากกว่าครับ เพราะมันจะทำให้เรามีความสุขมากกว่าที่เราจะมองโลกที่เราอยากให้เป็น”
“สิตาจะพยายามคิดให้ได้แบบคุณนนท์นะคะ เผื่อสิตาจะได้มีความสุขแบบคุณนนท์บ้าง”
ooooooo
ที่ห้องรับแขกบ้านทองตรา ทั้งทองตรา แม้นมาศ น้ำฝน และเพลิง ช่วยกันเลือกการ์ดแต่งงาน ผู้ใหญ่ทั้งสองช่วยกันเลือกแล้วถามหนุ่มสาวว่าเป็นอย่างไร ชอบไหม ทั้งเพลิงและน้ำฝนต่างบอกว่ายังไงก็ได้ ส่วนผ่องที่นั่งอยู่ห่างๆ บอกทองตราที่เอาการ์ดให้ดูว่า “แล้วแต่คุณหญิงแม่ค่ะ”
สุดท้ายจึงกลายเป็นผู้ใหญ่ทั้งสองช่วยกันเลือก ต่างขำกันเองที่ต้องมาตัดสินใจแทนหนุ่มสาว
ที่อีกมุมหนึ่ง บุษกลแอบฟังอยู่ เห็นบรรยากาศสดชื่นของผู้ใหญ่ทั้งสองแล้วก็ไม่พอใจ กลับไปถึงห้องนั่งเล่นบ้านตัวเอง บ่นกับนาฎนรีที่นั่งซังกะตายอยู่ว่า
“ฉันอยากจะบ้าตาย นี่มันอะไรกันนรี คุณยายแกเขาจะรีบจัดงานแต่งงานไอ้เพลิงไปถึงไหน”
นาฎนรีบอกว่า เขารีบแต่งก็ดีอย่างน้อยยังดีกว่าผู้หญิงบางคนที่ชาตินี้คงไม่มีวันได้ใส่ชุดเจ้าสาว แต่บุษกลไม่ได้รับรู้ถึงนัยในคำพูดของลูกเลย มัวแต่บ้าสมบัติ กลัวเพลิงจะได้สมบัติไปมากกว่าตน
นาฎนรีถามอีกว่า ถ้าตนจะติดคุกอยู่วันสองวันนี้ คุณแม่จะห่วงเหมือนห่วงสมบัติเหล่านั้นไหม ถูกบุษกลตวาดว่า อย่ามาพูดบ้าๆไร้สาระอะไรแบบนี้กับตน เพราะตนกำลังมีเรื่องปวดหัวอยู่มากพอแล้ว
“ได้ค่ะ...นรีจะไม่ถามอะไรคุณแม่อีกแล้วแม้แต่คำเดียว” พูดแล้วนาฎนรีลุกเดินออกไป บุษกลมองตามอย่างหงุดหงิดที่ลูกช่างไม่ได้ดั่งใจเลย
นาฎนรีเดินออกมาเจอเพลิงกับน้ำฝนยืนคุยกันอยู่ พอน้ำฝนเรียก เธอหันไปแสดงความยินดีด้วยที่กำลังจะแต่งงาน น้ำฝนถามว่ารู้เรื่องนี้ด้วยหรือ
“ฮื่อ...รู้จากคุณแม่ น้ำฝน...เธอโชคดีนะที่ได้แต่งงาน ผู้หญิงหลายคนอิจฉาเธอนะ”
น้ำฝนขอบใจ แต่พอนาฎนรีเดินไป เธอปรารภกับเพลิงว่านาฎนรีดูแปลกๆไป เพลิงเองก็รู้สึกว่าเธอเงียบๆไป
ฝ่ายบุษกลทนอัดอั้นไม่ได้ เดินเข้าไปในครัวไล่คนใช้อื่นให้ออกไป เหลือแต่ผ่องยืนทำครัวอยู่ เธอเข้าไปด่าผ่องว่ามาแย่งสมบัติของชาตโยธิน แม้ผ่องจะพยายามชี้แจงว่าตนกับลูกมาเพื่อจะให้คุณหญิงแม่อภัยให้พิภัชเท่านั้น บุษกลก็ไม่ฟัง นอกจากด่าแล้วยังโทษผ่องว่า
“ตาณัติต้องกระเด็นออกไปจากชาตโยธินก็เพราะฝีมือลูกแก แล้วตอนนี้ไอ้เพลิงก็จะแต่งงานกับน้ำฝน เพื่อจะทำให้พวกแกได้เสวยสุขอยู่ที่นี่ต่อไป”
บุษกลยิ่งพูดก็ยิ่งแค้นจนกระทั่งขู่อาฆาตผ่องว่า ถ้าฆ่าแล้วตนไม่ต้องติดคุกก็จะฆ่าให้ตายกับมือ แต่ก็ไม่แน่ ถ้าสักวันตนทนไม่ไหวอาจทำอะไรรุนแรงก็ได้ ถึงวันนั้นอย่าหาว่าตนไม่เตือนก็แล้วกัน
เข้ามาด่าระบายอารมณ์แค้นแล้วก็เดินปึงปังกลับไป
ooooooo
เครื่องเพชรที่ทำเสร็จแล้วเตรียมจะส่งให้ลูกค้าพรุ่งนี้ เพลิงถามนิรุตกับชนนท์ว่า เราย้ายที่เก็บดีไหม กลัวจะถูกขโมยไปอีก แต่นิรุตยืนยันเก็บไว้ที่เดิม เชื่อว่า ถ้าพวกนั้นรู้ก็จะต้องมีการเคลื่อนไหว พวกเราต้องช่วยกันจับตาดูทุกคน ยังไงมันต้องมีพิรุธให้เราเห็นแน่ๆ
นาฎนรีถูกทั้งอาณัติและไพโรจน์ขู่เข็ญบังคับให้ทำงานอีกครั้ง เธอต้องฝืนใจทำทั้งที่กลัวมาก
เธอแอบเข้าไปในห้องทำงานของทองตรา ซึ่งบุษกลยึดเป็นที่ทำงานของตัวเองแล้ว เข้าไปรื้อจนพบกุญแจเซฟ พร้อมรหัสที่เก็บไว้ในซอง เธอขโมยเอาใส่กระเป๋าถือออกมา อารามรีบร้อนทำให้ชนเพลิงที่ยืนอ่านเอกสารอยู่แถวนั้น กระเป๋าหล่นทำให้ซองกุญแจเซฟแพลมออกมา
เพลิงเอะใจ ว่าทำไมเธอมีกุญแจเปิดเซฟ พอจับได้นาฎนรีก็แย่งเอาคืน ขณะกำลังยื้อแย่งกันอยู่นั้น ชนนท์มาเจอ พอรู้จากเพลิงว่านาฎนรีมีกุญแจเซฟ ชนนท์ขอดู นาฎนรีไม่ยอมให้ดู ทั้งยังเดินหนี ถูกชนนท์ดึงกระเป๋าไปค้น นาฎนรีแย่งกลับไป ทำให้กระเป๋าหล่นอีกครั้ง กุญแจเซฟกระเด็นออกมา ชนนท์รีบเก็บขึ้นมา
“รหัสเซฟนี่...” นี่นรีเข้าไปขโมยออกมาเหรอ” นาฎนรีหน้าซีดเผือดทำท่าจะหนี ชนนท์ดึงไว้บอกว่า “เราต้องคุยกัน”
ooooooo
จากการเข้าไปนั่งคุยกันสามคน นาฎนรียอมรับว่าตนมีความจำเป็นต้องใช้เงินจึงขโมยกุญแจเซฟ เพื่อขโมยเพชรไปขายเอาเงินไปใช้หนี้การพนัน
เพลิงกับชนนท์ไม่เชื่อ เพราะเธอไม่เคยเล่นการพนัน เพลิงนึกได้ลุกออกไปโทร.ขอความร่วมมือจากน้ำฝนให้มาช่วยคุย
เพราะน้ำฝนโตมาด้วยกันกับนาฎนรีและคอยปกป้อง เป็นเพื่อนนาฎนรีเสมอมาเมื่อถูกอาณัติรังแก ทำให้ทั้งคู่มีความผูกพันและมีความรู้สึกดีๆต่อกัน
ทีแรกนาฎนรีก็ไม่ยอมพูดอะไร จนเมื่อน้ำฝนหว่านล้อมให้เธอสบายใจและเชื่อใจ สุดท้ายนาฎนรีก็ยอมเล่าให้ฟังว่า ตนจำเป็นต้องทำ เพราะไพโรจน์ขู่ว่าถ้าไม่ทำก็จะเอาคลิปไปลงในอินเตอร์เน็ต
ชนนท์ด่าไพโรจน์ว่าเลวมาก น้ำฝนก็ตำหนิอาณัติว่าไม่น่าเสียรู้คนเลวอย่างนั้นเลย ทำให้น้องตัวเองต้องถูกรังแกถึงขนาดนี้
“พี่ณัตินั่นล่ะ เลวที่สุด” นาฎนรีโพล่งออกมาอย่างเจ็บใจ
เมื่อปรึกษากันแล้ว เพลิงให้กำลังใจว่าไม่ต้องกลัวตนจะหาทางช่วยเธอ โดยตัวเธอจะไม่เสื่อมเสีย แต่เธอต้องให้ความร่วมมือกับตนด้วย คือต้องพูดความจริงทั้งหมดกับตำรวจ นอกจากนั้น สิ่งที่เธอพูดยังจะช่วยเพชรไทยได้ด้วย
“จริงด้วย ถ้านรียอมช่วยเพชรไทย นรีน่าจะได้รับการกันไว้เป็นพยาน” ชนนท์เห็นด้วย
นาฎนรียังกลัวติดคุก เพลิงรับรองว่าเธอจะไม่ต้องเข้าคุกแน่นอน ตนจะพยายามช่วยเต็มที่ กระนั้นนาฎนรีก็ยังวิตกกังวล
ooooooo
อาณัติอยู่กับไพโรจน์ที่บ้านเขา อาณัตินั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ครู่ใหญ่ก็โทร.บอกนาฎนรีว่า ตนแฮ็กกล้องวงจรปิดแล้ว เข้าไปเอาเพชรได้เลย ครู่หนึ่งโทรศัพท์อาณัติดังขึ้น เขามองโทรศัพท์แล้วหัวเราะชม “เก่งมากน้องรัก”
ไม่นานนักนาฎนรีก็ขับรถมาที่บ้านไพโรจน์ โดยมีเพลิงกับชนนท์ขับตามมาห่างๆ เมื่อเธอเข้าไปหาไพโรจน์กับอาณัติ เอาสร้อยเพชรให้แล้วจะขอกลับเลยอ้างว่ามีธุระ
ไพโรจน์รั้งไว้ให้อยู่ฉลองกันก่อน ระหว่างรั้งกันนั่นเอง กระเป๋าถือนาฎนรีเปิดทำให้โทรศัพท์มือถือตก นาฎนรีตกใจรีบเก็บขึ้นมา ถูกไพโรจน์แย่งไปดู เห็นที่หน้าจอโชว์ว่า “บันทึกข้อความเสียง” รู้ทันทีว่าถูกแอบบันทึกเสียงไว้
“นรี...แกหักหลังพวกฉัน” อาณัติเหี้ยมใส่น้อง นาฎนรีจะวิ่งหนี ถูกไพโรจน์รวบตัวไว้
เพลิงกับชนนท์เห็นนาฎนรีเข้าไปนานผิดปกติกลัวว่าเธอถูกจับแผนได้ เพลิงบอกว่า เราโทร.แจ้งตำรวจแล้วรีบเข้าไปช่วยนาฎนรีกันดีกว่า
ขณะนาฎนรีถูกไพโรจน์กับอาณัติคาดคั้นอยู่นั้น ลูกน้องไพโรจน์เข้ามารายงานว่า เห็นเหมือนมีคนเข้ามารายงานแล้วรีบวิ่งออกไป ไพโรจน์เค้นนาฎนรีว่าจับได้ว่าเธอหักหลังจะเอาให้ตายแน่
ooooooo
เพลิงกับชนนท์แอบเข้ามาเห็นลูกน้องไพโรจน์วิ่งย้อนกลับออกมา คาดว่าพวกมันคงรู้ตัวแล้ว ตัดสินใจรีบเข้าไปช่วยนาฎนรี โดยตีหัวลูกน้องไพโรจน์จนสลบแล้ววิ่งเข้าไปข้างใน
ที่ห้องรับแขกบ้านไพโรจน์ นาฎนรีกำลังตกอยู่ในอันตราย ทั้งไพโรจน์และอาณัติช่วยกันลากนาฎนรีจะให้หนีไปด้วยกัน เจอเพลิงกับชนนท์โผล่พรวดมาพอดี จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น นาฎนารีร้องตะโกนให้เพลิงกับชนนท์ช่วยตนด้วย แต่ก็ถูกไพโรจน์ลากติดมือออกไปจนได้ ส่วนอาณัติในสภาพสะบักสะบอม เก็บปืนของลูกน้องไพโรจน์ที่หล่นอยู่ ประคองตัวหนีไปได้
ในที่สุดตำรวจก็บุกมาทัน เพลิงกับชนนท์ช่วยกันดึงนาฎนรีจากไพโรจน์ ตัวไพโรจน์ถูกตำรวจจับไป นาฎนรีถามอย่างกังวลว่าตนจะติดคุกไหม เพลิงบอกว่าตอนนี้เราไปตรวจร่างกายก่อนแล้วค่อยไปให้การตำรวจ
เมื่อกลับมาที่ห้องสอบสวน เพลิงถามสารวัตรสอบสวนที่ฟังเสียงบันทึกจากโทรศัพท์ของนาฎนรี ตำรวจบอกทั้งสอง ว่านี่เป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยเอาผิดกับคนร้ายได้เป็นอย่างดี
“แล้วคุณนรีจะโดนข้อหาอะไรบ้างไหมครับ” เพลิงถาม
“ผมเชื่อว่าคุณนรีน่าจะถูกกันเป็นพยานได้ครับ เพราะเธอถูกบังคับให้ร่วมมือ”
เพลิงแสดงความยินดีด้วย นาฎนรีพูดอย่างซึ้งใจว่าถ้าไม่ได้เพลิงช่วยตนคงแย่
“นี่ถ้าพี่ณัติคิดกลับตัวได้แบบนรีก็ดีสินะ” ชนนท์เอ่ยอย่างเสียดาย
ฝ่ายอาณัติหนีรอดไปได้ พาร่างบอบชํ้าไปนั่งที่ศาลาริมทาง คลำปืนที่เก็บได้ก่อนหนีมา คำราม
“ไอ้เพลิง มึงกับกูต้องตายกันไปข้างนึง ไม่งั้นกูตายตาไม่หลับแน่!”
ooooooo
เมื่อพานาฎนรีกลับมาที่บ้าน ทองตราดีใจที่ทุกคนปลอดภัย นาฎนรีขอโทษทองตรา ขอโทษผ่องที่ตนเคยทำไม่ดี ทองตราให้กำลังใจว่าไม่เป็นไร เรามาเริ่มต้นกันใหม่ พูดกับเพลิงและชนนท์ว่า
“ถึงยังไงย่าก็ขอบใจเราสองคนมากนะที่ช่วยน้อง” ชนนท์บอกว่าทั้งหมดเป็นแผนของเพลิง “ขอบใจมากนะเพลิง สิ่งที่เราทำครั้งนี้ไม่ใช่แค่ช่วยนรี แต่ได้ช่วยเพชรไทยไว้ด้วยนะ” บอกทุกคนว่า “เอาล่ะเรื่องร้ายๆก็ผ่านไปแล้ว ต่อไปคงไม่มีอะไรอีกแล้วล่ะ”
เมื่อนาฎนรีออกมาคุยกับเพลิงที่หลังบ้าน เธอไหว้ขอบคุณเพลิง เขาบอกว่าอย่าเพิ่งขอบคุณเลย เพราะการช่วยของตนยังไม่หมดสิ้น นาฎนรีถามว่าหมายถึงคลิปนั่นใช่ไหม เรื่องนี้ตนทำใจแล้ว
“ผมไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนั้นแน่ครับ” เพลิงบอกพลางหยิบมือถือของไพโรจน์ส่งให้นาฎนรี บอกว่าตนฉวยมาตอนตำรวจเข้าไปจับไพโรจน์ “ส่วนคอมพิวเตอร์ของนายไพโรจน์ ผมกับตำรวจช่วยกันหาข้อมูลการแฮ็กกล้องวงจรปิด แล้วเลยแอบดูไฟล์อื่น ไม่พบอะไรที่เกี่ยวกับคลิป น่าจะมีแค่ในโทรศัพท์ครับ”
นาฎนรีรับไปแล้วขอบคุณเขาด้วยความซึ้งใจ เพลิงบอกว่ามันอยู่ในมือเธอแล้วจะจัดการยังไงก็เชิญตามสบาย พูดแล้วเดินออกไป ปล่อยให้นาฎนรีตัดสินใจกับคลิปในมือ
นาฎนรีเปิดดูคลิปด้วยสีหน้าเจ็บปวด แค้นใจร้องไห้กับความทารุณทั้งร่างกายและจิตใจที่ตนได้รับจากการกระทำของไพโรจน์
ครู่หนึ่งเธอถอดมือถือ ดึงแบตและถอดเมมโมรี่มาหักทิ้ง ขว้างลงแม่นํ้าหลังบ้านพร้อมมือถือ
“จบสิ้นกันที” นาฎนรีสูดลมหายใจเต็มปอด เชิดหน้าอย่างพร้อมจะก้าวเดินต่อไป
ooooooo