ตอนที่ 9
หาญหาสมุนไพรมารักษาศรีแพรจนอาการดีขึ้น แต่เพราะศรีแพรไม่ได้รับอาหารที่พอเพียง เมื่อหาญ ออกไปหาสมุนไพร เธอจึงออกไปหาผลไม้ป่ากิน เธอปีนเถาวัลย์เพื่อเด็ดลูกหว้า แต่ก้าวพลาดก้อนหินแตก ร่างเธอร่วงลงมา
“เป็นอะไรรึเปล่า” หาญพุ่งเข้ารับกอดศรีแพรไว้ เธอรีบบอกว่าตนไม่เป็นไรแล้วผลักหาญออกไป หาญบ่นว่าบอกให้รอทำไมถึงไม่เชื่อ แต่พอเห็นลูกหว้า
สองสามลูกที่ศรีแพรเก็บมา หาญจึงนึกได้ ตำหนิตัวเองว่า
“ข้า ขอโทษที่ให้เอ็งกินแต่เหง้าพยับหมอกเพียงอย่างเดียว ร่างกายเอ็งยังอ่อนแอมาก ถ้ากินอย่างอื่นเข้าไป อาจเป็นของแสลง อีกอย่างข้าไม่แน่ใจว่าผลไม้พวกนี้จะเป็นพิษรึเปล่า”
หาญเอาลูกหว้ามากัดชิม แน่ใจแล้วจึงให้ศรีแพรกินบอกว่าไม่ต้องห่วง ถึงมีพิษตนก็รักษาให้ได้
ที่นี่เอง หาญมองเถาวัลย์ที่ศรีแพรโหนแล้วพลัดตกลงมา เห็นเครือเถาวัลย์เลื้อยขึ้นไปถึงปากโพรงถ้ำ
“เราพบทางออกอีกทางแล้ว ศรีแพร” หาญดีใจมาก
หาญให้ศรีแพรขี่หลังมัดไว้กับตัวแล้วค่อยๆ เหนี่ยวเถาวัลย์ปีนขึ้นไปช้าๆอย่างระมัดระวัง บางครั้งเหยียบชะง่อนหิน ก้อนหินร่วงพรู ดีแต่หาญคว้าเถาวัลย์ได้ทัน ศรีแพรตกใจมาก หาญโหนเถาวัลย์ห้อยกลางอากาศ บอกศรีแพรว่า
“ไม่ต้องกลัว ข้าไม่มีวันปล่อยให้เอ็งเป็นอะไรไป เราสองคนต้องออกจากที่นี่อย่างปลอดภัย ข้าให้สัญญา”
หาญรวบรวมกำลังโหนเถาวัลย์ไต่ไปตามหน้าผาชันขึ้นไปยังปากปล่องถ้ำอย่างระมัดระวัง มองปากปล่องถ้ำที่อยู่อีกไม่ไกลอย่างมีความหวัง...
ooooooo
งามตากับนงคราญมางานศพของเริง เมื่อได้พบภูมินทร์และรู้ว่าเขาเป็นผู้รับผิดชอบการจัดงานศพนี้ ทั้งยังเห็นภูมินทร์สนิทสนมกับราชาวดี ก็หว่านเสน่ห์หวังแย่งชิง อีกด้านก็พูดกระแนะกระแหนปรามาสราชาวดีต่างๆนานา
ภูมินทร์ไม่พอใจงามตา จึงให้คนจับเธอไปส่งที่โรงแรม งามตาตกใจกลัว บอกภูมินทร์ว่าถ้าไม่พอใจเรื่องเมื่อกลางวันตนขอโทษ แล้วพุ่งไปที่ประตูพยายามจะหนี ภูมินทร์คว้าตัวไว้กระชากเข้ามา เอามีดจ่อจ้องหน้า
“เธอนี่ มองใกล้ๆ ก็สวยเหมือนกันนะ เสียดายที่ต่อไปจะเหลือแค่หน้าสวยแต่พูดไม่ได้เพราะถูกตัดลิ้นออก”
“อย่า...อย่าทำอะไรงามเลยนะคะ งามกลัวแล้ว งามจะไม่ยุ่งกับพ่อเลี้ยงกับวดีอีก งามสาบาน ปล่อยงามไปเถอะค่ะ”
ภูมินทร์ปล่อยมือถอยออกไป งามตายังพนมมือด้วยความหวาดกลัว เอ่ยขอบคุณแล้วจะลุกไป ถูกภูมินทร์พรวดเข้าคว้าแขนเหวี่ยงไปที่เตียง เดินเข้าหาด้วยแววตาหื่น
“ฉันรู้นะว่าเธอต้องการอะไรจากฉัน เมื่อเธอมีโอกาสนั้นอยู่ในมือ จะไม่ไขว่คว้าเอาไว้เหรอ” พลางลูบไล้ต้นขาอย่างกระสัน
วินาทีนั้น งามตาเปลี่ยนจากกลัวเป็นยั่วยวนหมายชิงภูมินทร์เอาชนะราชาวดี เธอรุกเร้าอย่างเร่าร้อนทันที...
เช้าวันรุ่งขึ้น งามตาตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุข เห็นภูมินทร์ยืนแต่งตัวอยู่ เธอลุกไปกอดเขาจากข้างหลังอย่างมั่นใจว่ารสสวาทที่ตนปรนเปรอมัดใจเขาไว้ได้
แต่ภูมินทร์มองเธอเยี่ยงนางบำเรอ เขาเบี่ยงตัวออกหยิบเงินปึกหนึ่งให้เป็นค่าตอบแทน เธอพูดอย่างตัดพ้อว่าตนไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น ภูมินทร์ก็โยนเงินให้อีกปึก พูดอย่างเย็นชาว่า
“เพิ่มให้แค่นี้คงพอนะ เลือกเอาว่าจะรับเงินนี่ไปหรือจะไม่รับอะไรเลย อ้อ...แล้วก็หวังว่าเรื่องวันนี้คงจบอยู่ที่นี่นะ”
งามตาเจ็บใจมากที่ไม่อาจชิงภูมินทร์มาเป็นของตนเอาชนะราชาวดีได้ เลยยุแหย่
“หึ! พ่อเลี้ยงระวังไว้เถอะค่ะ วดีไม่ได้ซื่ออย่างที่พ่อเลี้ยงคิด มันอาจจะยอมคบกับพ่อเลี้ยงเพราะเงิน แต่ใจจริงยังใฝ่ต่ำรักพี่กล้าอยู่ก็ได้”
“หุบปาก ถ้าไม่อยากตาย” ภูมินทร์ตบหน้าเธอฉาดใหญ่แล้วออกไป งามตาจ้องจิกตามไปด้วยความแค้น
เพื่อกำจัดเสี้ยนหัวใจ ภูมินทร์เข้าไปหมายฆ่ากล้า ถูกกล้าด่าว่าเขาเป็นพวกดีแต่ลอบกัด ภูมินทร์โมโหสั่งให้คมปลดโซ่ที่ล่ามกล้ามาสู้กันตัวต่อตัว แต่คมปลดโซ่ไม่ทันหมด ภูมินทร์ก็พุ่งเข้าเล่นงานกล้าก่อนแล้ว แต่สู้กล้าไม่ได้ คมจึงเข้าไปช่วยอัดกล้าจากข้างหลังจนทรุด ภูมินทร์ชักปืนออกมาคำราม
“ไอ้กล้า ถ้ามีแกก็ต้องไม่มีฉัน ตายซะเถอะ”
ภูมินทร์ลั่นไกทันที แต่กระสุนกลับหยุดค้างกลางอากาศแล้วร่วงลงพื้น ภูมินทร์หันมอง เห็นอาจารย์ยอดกางมือออกบริกรรมคาถา แล้วเตือนว่า
“อย่าวู่วามเกินไป มันจะเสียงานใหญ่นะพ่อเลี้ยง ถ้ามันตายไป แล้วเราจะเอาอะไรไปต่อรองกับขุนโชติ”
“โธ่เว้ย! จะทำอะไรก็รีบทำ ฉันจะรอไม่ไหวแล้ว” ภูมินทร์ลดปืนลงอย่างหัวเสีย
กล้ามองภูมินทร์เครียด อ่านใจไม่ออกว่า เขาจะมีแผนชั่วอะไรตามมาอีก
ooooooo
เมื่อฆ่ากล้าไม่สำเร็จ ภูมินทร์วางแผนให้อาจารย์ยอดใช้วิญญาณเสือทับแปลงร่างเป็นกล้า ไปดักภูมินทร์ที่จะพาราชาวดีไปส่งบ้านแต่ชวนดวงใจไปเป็นเพื่อนอ้างว่า หากไปกันลำพังสองคนกับราชาวดีจะไม่งาม
วิญญาณเสือทับที่แปลงร่างเป็นกล้าตรงเข้าฉุดราชาวดีแต่กลับจับตัวดวงใจที่เข้าช่วยเพื่อนไปข่มขืนอย่างทารุณ ระหว่างนั้นก็ให้กล้าที่ถูกคุมขังอยู่ดูอย่างทรมานใจที่ช่วยอะไรดวงใจไม่ได้เลย
ดวงใจหวาดกลัวจนคลุ้มคลั่ง ภูมินทร์ทำตัวเป็นคนดีพาดวงใจไปส่งโรงพยาบาล เป็นโรงพยาบาลเดียวกับที่สุพจน์พากระเต็นมารักษาตัว
ทั้งราชาวดีและคะนึงนิจเห็นกับตาว่าคนที่ทำร้ายดวงใจคือกล้า ต่างเคียดแค้นชิงชังกล้า โดยไม่รู้ว่ากล้าที่ก่อกรรมทำเข็ญกับดวงใจนั้นที่แท้คือวิญญาณเสือทับแปลงร่างมา คะนึงนิจแค้นกล้ามากด่าว่าย่ำยีเพศแม่ได้ถึงขนาดนี้ก็ไม่ใช่คนแล้ว
“นิจ...พูดอะไรเห็นแก่ใจวดีบ้าง” ภูมินทร์ทำเป็นเตือนน้องสาว
“คนที่ทำกับพ่อกับเพื่อนวดีขนาดนี้ คงไม่มีเหตุผลอะไรที่วดีต้องแคร์เขาอีกแล้ว ต่อไปนี้ถือว่าผู้ชายที่ชื่อกล้ากับวดีไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันอีก” ราชาวดีพูดช้าๆ อย่างเด็ดขาด ภูมินทร์ฟังแล้วแอบสะใจ
หลังแผนการนี้สำเร็จ ภูมินทร์ชื่นชมอาจารย์ยอดว่า
“ครั้งนี้อาจารย์แสดงฝีมือได้เด็ดขาดมาก อย่าว่าแต่ผมเลยที่พอใจแม้แต่ขุนโชติเองก็ดูจะพอใจมาก”
“ข้ายังมีทีเด็ดกว่านี้อีก เอ็งคอยดูต่อไปเถอะ”
“ผมจะรอดู ว่าไอ้กล้ามันจะทุกข์ทรมานแค่ไหนก่อนที่มันจะตาย” พูดแล้วภูมินทร์เดินออกไปทางประตูหน้า อึดใจเดียวเสี่ยไพบูลย์ก็โผล่มาจากประตูหลังมองตามภูมินทร์ พูดอย่างหงุดหงิดว่า
“ผมยังไม่เห็นเลยว่า แผนของอาจารย์จะเกิดประโยชน์กับเราตรงไหน นอกจากเศษทองเล็กๆ น้อยๆ แทนที่เราจะใช้ไอ้ขุนโจรนั่น ช่วงชิงสมบัติล้ำค่าของแผ่นดินมาให้เรา แต่นี่อะไร มัวแต่จะแก้แค้นอะไรไม่รู้ เสียเวลา!”
“การจะหลอกใช้พวกมัน ก็ต้องทำให้มันไว้ใจเราเสียก่อน เล่ห์เหลี่ยมระดับเด็กอนุบาล อย่าบอกนะว่าระดับเสี่ยไพบูลย์จะไม่รู้” อาจารย์ยอดกระหนาบในทีทำเอาเสี่ยไพบูลย์เถียงไม่ออก ต้องอดทนต่อไปอย่างอึดอัด
ooooooo
หาญพาศรีแพรขึ้นมาถึงปล่องถ้ำ ระหว่างทางก็หาของป่ากินประทังชีวิต ทั้งสองได้คุยกันถึงเรื่องราวในอดีตบางช่วงบางตอน
หาญรู้จากศรีแพรว่า มักเห็นแม่นั่งเหม่อบ่อยๆ เวลาอยู่คนเดียว บางครั้งก็เห็นแม่ร้องไห้ พ่อคิดว่าแม่คงคิดถึงญาติพี่น้องที่แม่จากมา แต่ตนว่าไม่ใช่ หาญถามว่าทำไม?
“ข้าได้ยินแม่พูดกับเจ้าป่าเจ้าเขา ขอให้แม่ได้เจอคนที่แม่รักก่อนแม่จะตาย ข้าว่าแม่ต้องเคยมีคนรักก่อนมาเจอพ่อแน่ๆจริงด้วย...ถ้าเจ้ารู้จักแม่ข้าจริง เจ้าก็ต้องรู้สิว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”
หาญร้อนผ่าวไปทั้งตัว กลืนน้ำลายฝืดคอ ปฏิเสธเสียงปร่าๆว่า “ข้าไม่รู้หรอก ข้าว่าเรารีบไปกันดีกว่า ป่านนี้ไม่รู้ว่าพ่อเอ็งจะเป็นยังไง” พูดแล้วลุกเดินนำไปเลย
“อ้าว...เฮ้ย...รอด้วย...เชอะ...ที่แท้ เจ้าก็ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ” ศรีแพรบ่นอุบอิบรีบตามไป
หาญพาศรีแพรกลับมาถึงหมู่บ้านม่อนช้างเผือก หัวใจเธอแทบสลายเมื่อทั้งหมู่บ้านถูกเผาวอดวาย ผู้คนถูกฆ่าตาย แม้จะโชคดีที่เจอจันทารอดชีวิตอยู่แต่ก็อยู่ในสภาพถูกทำร้ายสาหัส จันทาพยายามเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างยากลำบากจนหมด...
“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละลูกพี่ พอพวกปางไม้มันเผาหมู่บ้านเรา ข้าหนีออกมา นึกว่าจะพ้น แต่กลับเจอพวกมันเข้าอีก พวกมันรุมซ้อมข้า แต่ข้าแกล้งตายถึงรอดมาได้”
“แล้วพ่อข้าล่ะ เจ้าเห็นพ่อข้าบ้างไหม”
“ข้าแอบตามดู เห็นพวกมันเอาตัวพ่อเฒ่าไปจ้ะพี่”
“งั้นพ่อข้าก็ยังมีชีวิตอยู่นะสิ พวกมันจับพ่อข้าไปไว้ที่ไหน”
ไม่ทันที่จันทาจะบอก ก็กระอักเลือดออกมาเสียก่อน หาญพยายามช่วยแต่อาการจันทาสาหัสเกินกว่าจะช่วยได้ เขากระอักเลือดออกมาอีกครั้งแล้วสิ้นใจต่อหน้าทั้งสอง ศรีแพรกอดร่างจันทาร้องไห้อย่างหนัก
ทั้งสองฝังศพจันทาไว้ที่ป่าท้ายหมู่บ้าน ศรีแพรปฏิญาณเบื้องหน้าหลุมศพว่า
“ข้าสัญญา ข้าจะตามหาพ่อและแก้แค้นให้เจ้า ให้พี่น้องของเราให้ได้” ศรีแพรกุมคชกุศของจันทาไว้แน่นพรวดพราดจะออกไป หาญขวางไว้ถามว่าจะไปไหน ศรีแพรบอกว่าจะไปฆ่าพวกมัน
หาญเตือนสติ แต่ศรีแพรแค้นจะไปให้ได้ หาญต้องกอดไว้ เธอดิ้นรนจนหมดสติไป...
ooooooo
กระเต็นนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เธอดิ้นรนจะไปตามหากล้าจนหมอต้องให้ยานอนหลับ กระเต็นทำทีกินยา แต่พอหมอและพยาบาลออกไปก็คายยาทิ้ง แอบออกจากห้อง ไปเห็นหนังสือพิมพ์พาดหัวว่า
“ลูกผู้การเพชรเหิมเกริม ย่ำยีหญิงสาว หลบหนีลอยนวล”
กระเต็นไม่เชื่อว่ากล้าจะทำเช่นนั้น เมื่อรู้ว่าดวงใจมารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเดียวกันจึงแอบไปหา บอกดวงใจว่าตนเป็นแม่ของกล้า
ได้ยินชื่อกล้า ดวงใจก็คลุ้มคลั่งขึ้นมา หวีดร้องอย่างหวาดกลัว
เวลาเดียวกันนั้น ภูมินทร์พาราชาวดีและคะนึงนิจมาเยี่ยมดวงใจก่อนที่จะไปให้ปากคำตำรวจเพิ่มเติม แต่พอทั้งสามเดินมาถึงหน้าโรงพยาบาล ร่างดวงใจก็ลอยละลิ่วตกลงมาตรงหน้าพอดี!
ทุกคนช็อก มองดวงใจที่ตายตาเหลือกค้าง!
ooooooo
กระเต็นถูกเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสองคนตามจับตัวไว้ มีหมอ พยาบาลและตำรวจยืนคุมอยู่ สุพจน์มองกระเต็นหน้าเครียด ภูมินทร์ ราชาวดี และคะนึงนิจเดินเข้ามา
พอเห็นหน้าภูมินทร์ กระเต็นก็ชี้หน้าด่า “ไอ้ภูมินทร์ แกอีกแล้ว ฝีมือแกแน่ๆ แกใช้นารายณ์แปลงรูปกลั่นแกล้งกล้าใช่ไหม” กระเต็นดิ้นหลุดพุ่งเข้าไปจะเอาเรื่องภูมินทร์ ถูกสุพจน์ล็อกตัวไว้ เธอดิ้นรนตะโกน “ปล่อยฉัน...ปล่อยฉัน ฉันจะฆ่ามัน มันใช้อาคมแกล้งลูกฉัน”
หมอเห็นอาการและฟังกระเต็นแล้วบอกสุพจน์ว่ากระเต็นมีอาการทางประสาทให้เอาตัวไปที่แผนกจิตเวชก่อน มิไยว่ากระเต็นจะตะโกนบอกว่าตนไม่บ้าก็ไม่มีใครฟัง
หาญพาศรีแพรเข้ากรุงเทพฯ ไปที่บ้านกระเต็น รู้จากรักยมว่ากระเต็นอยู่โรงพยาบาลเขารีบไปทันที เจอสุพจน์นั่งหลับคอพับอยู่ ปลุกอยู่นานสุพจน์จึงรู้สึกตัวขึ้นมางงๆ หาญถามว่าทำไมมานั่งหลับตรงนี้แล้วกระเต็นล่ะ
สุพจน์ชี้ไปที่เตียง ปรากฏว่ากระเต็นหายไปแล้ว หาญบอกว่าเขาถูกกระเต็นวางยาแน่ๆ ร้ายกว่านั้นคือ ปืนของสุพจน์ก็หายไปด้วย!
ooooooo
เช้านี้ ภูมินทร์แปลกใจเมื่อคมมารายงานว่ามีผู้หญิงมานั่งคุกเข่าอยู่หน้าบ้านไล่เท่าไรก็ไม่ยอมไป บอกว่ายังไงก็จะขอให้พ่อเลี้ยงยกโทษให้กล้าให้ได้
ภูมินทร์แปลกใจเดินออกไปดู เห็นกระเต็นคุกเข่าอยู่ เขาพูดอย่างสะใจว่า ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจจริงๆ แต่ตนคงช่วยอะไรไม่ได้เพราะกล้าเลวจริงๆเลวโดยสันดาน
“แกตาย!” กระเต็นชักปืนออกมาลั่นไกทันที แต่จู่ๆก็มีคลื่นพลังซัดกระสุนเบนทิศทาง ภูมินทร์กับคมยิงกระเต็นแต่หาญเคลื่อนตัวอย่างเร็วมาฉุดกระเต็นเคลื่อนหายไปในพริบตา
ภูมินทร์กับคมมองตะลึง รู้ว่าไม่ธรรมดาแน่ คมนึกได้ร้องบอก “มีคนมาช่วยมัน”
“ในเมื่อไอ้หาญมันตายไปแล้ว...แล้วใครมาช่วยมันวะ” ภูมินทร์งง แต่เมื่อไปหาอาจารย์ยอด อาจารย์ยอดยืนยันว่าไม่มีทางเป็นคนอื่นแน่
ภูมินทร์ยืนยันว่าเราเห็นกับตาว่าหาญตกเหวไปแล้ว อาจารย์ยอดติงว่าแต่ยังไม่มีใครพบศพ ภูมินทร์ตกใจถามว่าถ้าเป็นหาญจริงๆ เราจะทำอย่างไรต่อไป อาจารย์ยอดหัวเราะอย่างใจเย็นย้อนถามว่า
“อย่างน้อยหลานมันก็ยังอยู่ในกำมือเรา พ่อเลี้ยงจะต้องกลัวอะไร” ภูมินทร์ฉุกคิดได้ว่าหาญต้องมาชิงตัวกล้าแน่ๆ “หึๆ งั้นทำไมเราไม่ชิงบุกก่อนล่ะ” อาจารย์ยอดยิ้มเจ้าเล่ห์
ooooooo
หาญพากระเต็นกลับบ้าน ตำหนิว่าทำไมวู่วามอย่างนี้ ถ้ากล้าอยู่กับภูมินทร์จริง การกระทำของกระเต็นจะทำให้กล้าตกอยู่ในอันตราย
ทันใดนั้นเอง มีเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากห้องนอนกล้าข้างบน ทั้งสองรีบวิ่งขึ้นไป เห็นรักยมกำลังช่วยกันดึงศรีแพรไว้ไม่ให้ออกจากห้องอ้างว่าปู่สั่งไว้ แต่ศรีแพรออกแรงเหวี่ยงทีเดียว ทั้งรักทั้งยมก็กระเด็นไปคนละทาง เป็นจังหวะที่กระเต็นกับหาญเปิดประตูเข้ามาพอดี
“เธอเป็นใคร เข้ามาบ้านฉันตั้งแต่เมื่อไหร่” กระเต็นจ้องหน้าศรีแพร หาญบอกว่าตนเป็นคนพามาเอง
ส่วนศรีแพรก็ดิ้นรนจะหาทางออกไปให้ได้ บอกว่าตนจะไปช่วยพ่อ จะไปแก้แค้นแทนพี่น้องตน หาญปลอบว่า
“ข้าต้องพาเอ็งกลับไปช่วยพ่อของเอ็งแน่ แต่ตอนนี้เอ็งต้องหายดีเสียก่อน พิษตะขาบไฟยังไม่หมดจากตัว ขืนเอ็งใจร้อนก็เท่ากับไปตายเปล่า”
ศรีแพรยังรั้นจะไปแต่แค่ยืนก็เซแล้ว หาญจึงพาไปนั่งหว่านล้อมให้รักษาตัวให้หายดีก่อน ตอนนี้ตนพามาอยู่ในพระนคร เป็นที่ที่ปลอดภัย แล้วหาญก็แนะนำว่ากระเต็นเป็นเจ้าของบ้านเป็นแม่ของกล้า ส่วนรักกับยมเป็นวิญญาณที่เราเลี้ยงไว้เหมือนญาติ เป็นลูกหลานของบ้านนี้
กระเต็นนิ่งฟัง แต่อดสงสัยไม่ได้ว่าศรีแพรรู้จักกล้าได้อย่างไร?
แต่เมื่อได้ฟังศรีแพรเล่าว่ากล้ากับขุนโชติเสี่ยงชีวิตช่วยหมู่บ้านตนไว้จากพวกปางไม้ กระเต็นก็แค้นขึ้นมา
“พ่อเลี้ยงภูมินทร์มันก่อกรรมทำชั่วไปทุกหย่อมหญ้า จริงๆ” ฉุกคิดได้ถามว่า “เมื่อกี้เธอพูดว่าขุนโชติช่วยไว้ ตกลงขุนโชติมันชั่วหรือดีกันแน่”
“ขุนโชติมันอาฆาตหลวงณรงค์ รวมถึงทุกคนที่เกี่ยวข้องด้วย ที่มันจับตัวกล้าไป คงเป็นเพราะเหตุนี้” หาญชี้แจง กระเต็นสงสัยอีกว่าแล้วกล้าไปเกี่ยวอะไรกับหลวงณรงค์ “ข้าพบว่า หลวงณรงค์ที่มันตามหา มีหน้าตาเหมือนข้า อาจเป็นไปได้ว่าข้าคือหลวงณรงค์ในชาติก่อน เพราะกรรมที่ข้าเคยก่อ จึงย้อนกลับมา ทำให้พวกเอ็งเดือดร้อน”
ศรีแพรฟังทั้งสองคุยกัน ถามว่า “เจ้าสองคนพูดเรื่องอะไรกัน ชาติก่อนชาตินี้ ข้างงไปหมดแล้ว”
หาญบอกว่าเรื่องซับซ้อนเกินกว่าที่ศรีแพรจะเข้าใจ เอาไว้มีเวลาจะอธิบายให้ฟัง แต่ตอนนี้ที่น่าสงสัยคือ...
“ตอนที่ข้าสู้กับวิญญาณ ไอ้ทับก็เข้าสิงกล้า แล้วหันกลับมาเล่นงานข้าแทน” กระเต็นนึกได้บอกว่าขุนโชติกับพ่อเลี้ยงภูมินทร์เป็นพวกเดียวกัน ศรีแพรแย้งว่า ขุนโชติเป็นคนปลุกระดมให้พวกตนสู้กับพวกปางไม้
“มันอาจจะแสร้งทำดีตบตาพวกเธอ สันดานโจรยังไงก็เป็นโจร” กระเต็นบอก ถามหาญอย่างร้อนใจว่า “แล้วเราจะทำยังไงดีคะ ลำพังอาจารย์ยอดก็รับมือยากแล้ว นี่มีขุนโชติอีกคน อย่างนี้พวกมันก็เหมือนพยัคฆ์ติดปีก”
“บางที...หากใช้ลูกสะกดหัวใจสิงห์ร่วมกับตะกรุดสามกษัตริย์ อาจจะเล่นงานขุนโชติได้” หาญนึกได้ คลำหาลูกสะกดปรากฏว่าหายไปตอนกล้าถูกศรีแพรโจมตีและหาญพุ่งเข้าไปช่วยลูกสะกดหล่นไม่รู้ตัว
“มีอะไรเหรอคะคุณพ่อ” กระเต็นเห็นหาญสีหน้าตกใจ
“ตะกรุด! ตะกรุดสามกษัตริย์หายไปแล้ว!”
ooooooo
เพื่อเป่าหูยุยงให้ขุนโชติแค้นหลวงณรงค์และทำตามแผนการของพวกตน วันนี้เสี่ยไพบูลย์และอาจารย์ยอดจึงพาขุนโชติ เสือดำและเสือไทมาดูสมบัติโบราณ มีทั้งหีบทองคำลงยาประดับเพชร กาทองคำทรงกระบอก พระพุทธรูปแก้วไพฑูรย์ วางเรียงราย
“เอ็งไปได้สมบัติพวกนี้มาจากที่ใด” ขุนโชติตาลุกวาว
“ของล้ำค่าสมัยแผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวงนี้ถูกซื้อขายเปลี่ยนมือมาหลายต่อหลายทอด จนกระทั่งมาถึงมือผม ผมแน่ใจว่าเป็นสมบัติของพวกท่าน” เสี่ยอ่อย
“ใช่ มันต้องใช่สมบัติที่ข้าปล้นมาแน่ๆ” ขุนโชติมั่นใจ เสือดำถามดักคอเสี่ยว่าจำของพวกนี้ได้ด้วยหรือเพราะผ่านมาตั้งหลายร้อยปีแล้ว “จริงอย่างไอ้ดำว่า สมบัติมากมายที่ข้าปล้นชิงมา ข้ามิได้จดจำว่ามีอะไรบ้าง เอ็งแน่ใจได้กระไรว่าเป็นของข้า” ขุนโชติเอะใจขึ้นมา
เมื่อลวงขุนโชติมาเข้าทางแล้วเสี่ยเหลือบมองอาจารย์ยอด อาจารย์รับลูกทันทีว่า
“แน่ใจสิ ในเมื่อเราสืบมาแล้วว่า สมบัติเหล่านี้อยู่ในบ้านของหลวงณรงค์ฤทธิโยธา” เห็นขุนโชติแค้นขึ้นมา ก็ยุยงต่อ “ลำพังรับราชการสนองคุณแผ่นดิน รับเบี้ยหวัดเงินเดือนไม่เท่าไหร่ จะมีของมีค่าอย่างนี้ได้ยังไงนอกจากจะเป็นของที่ยึดมาจากท่าน”
“ไอ้โปลิศชั่ว ข้าต้องสั่งสอนให้มันสำนึก” ขุนโชติคำราม
“ข้าคิดวิธีแก้แค้นให้ท่านแล้ว เราจะปล้นสมบัติล้ำค่าของท่านกลับคืนมา ป่วนเมือง ปั่นหัวพวกตำรวจให้มันคลั่ง แล้วคนที่เหมาะจะทำงานนี้แทนเรา มีเพียงทายาทของหลวงณรงค์เท่านั้น”
“ไอ้กล้า...” ขุนโชติจิกตาแค้น
ooooooo
เวลาเดียวกัน ภูมินทร์ก็ไปขู่กล้าที่ห้องขังใต้ดิน โดยเอากระเต็นมาหลอกว่า กระเต็นเพิ่งมาคุกเข่าฟูมฟายอย่างน่าสมเพชอ้อนวอนให้ตนปล่อยเขา
“ตอนนี้แม่ฉันอยู่ไหน ถ้าแม่ฉันเป็นอะไรไป ฉันไม่เอาแกไว้แน่” กล้าทั้งตกใจทั้งแค้นใจ
“จะไม่มีใครแตะต้องแม่ของแกเด็ดขาด ถ้าแกยอมออกปล้นกับฉัน”
“ไม่มีทาง ยังไงฉันก็จะไม่ยอมเป็นโจรชั่วอย่างพวกแกหรอก”
“งั้นแกก็จงรอดูความพินาศของครอบครัวตัวเองก็แล้วกัน” ภูมินทร์ยิ้มเยาะ
กล้าฉวยโอกาสที่ทุกคนเผลอ แย่งปืนจากคมจับตัวภูมินทร์ไว้ เล็งปืนไปทางพวกสมุน แต่ปืนทุกกระบอกของสมุนก็เล็งมาที่กล้าเช่นกัน คมสั่งกล้าให้ปล่อยพ่อเลี้ยงเสีย ภูมินทร์ก็บอกให้ใจเย็นๆ เรื่องแค่นี้เจรจากันได้
“ไม่เจรจาอะไรทั้งนั้น ฉันจะไม่ทำผิดมากไปกว่านี้ ฉันจะไม่ยอมเป็นโจร ไม่มีวันนั้น ฉันจะจบทุกอย่างตรงนี้”
กล้าผลักภูมินทร์ออกไปและจ่อปืนยิงตัวเอง แต่พอเหนี่ยวไกกระสุนเกิดด้าน ครั้นยิงลงพื้นกระสุนกลับลั่น
ที่แท้ขุนโชติมาว่าคาถามหาอุดอยู่ข้างหลังกล้า ครั้นกล้าพุ่งเข้าจะเอาหัวชนกำแพงก็ถูกคมเตะขัดขาล้มลง ถูกคาถานะจังงังของขุนโชติเข้าอีก กล้าก็ขยับไม่ได้ ขุนโชติจ้องลึกเข้าไปในดวงตากล้าพูดเบาๆ
“ชีวิตเอ็งเป็นของข้า ถ้าข้าไม่ยอมเอ็งก็ยังตายไม่ได้” ภูมินทร์ถามว่าเมื่อกล้าอยากตายทำไมไม่ปล่อยให้ตาย “เรื่องของไอ้หนุ่มนี้ ข้าเป็นคนลิขิต เอ็งอย่าสอด”
ปรามภูมินทร์แล้วหันไปทางกล้า “เอ็งมันกล้าสมชื่อผิดกับหลวงณรงค์ยิ่งนัก เสียดายเอ็งน่าจะเกิดเป็นลูกหลานข้ามากกว่า แต่เมื่อชะตากำหนดเยี่ยงนี้ ข้าก็ไม่มีทางเลือก”
ooooooo
หาญร้อนใจ หาทางช่วยกล้าให้รอดเงื้อมมือของขุนโชติ จึงไปที่โบสถ์ร้างสำนักป่าอิสุโร คุกเข่าอยู่หน้าองค์พระประธาน เพ่งจิตระลึกถึงพ่อปู่บุญทา ไม่นานพ่อปู่บุญทาก็ปรากฏกายขึ้นถามว่าอยากพบด้วยเหตุของขุนโชติหรือ
“ครับพ่อปู่ มีหนทางใดบ้างที่ผมจะเอาชนะขุนโชติได้ เพื่อช่วยกล้าให้ปลอดภัย” พ่อปู่เตือนว่าเขากำลังฝืนวิบากกรรม “แต่ผมเป็นต้นเหตุให้ขุนโชติอาฆาตแค้น จนไปก่อกรรมกับกล้าที่เป็นผู้บริสุทธิ์”
“เจ้าเป็นแค่หนึ่งในเหตุปัจจัย อีกหลายสิ่งที่กล้าต้องเผชิญย่อมเกิดจากเหตุที่กล้าได้กระทำมา ไม่ใช่ เพราะเจ้าเพียงคนเดียว หาญ เจ้าศึกษาพระธรรมมานานน่าจะเข้าใจ”
“ผมยอมรับว่าไม่อาจปล่อยวางจริงๆ ตราบใดที่ยังหาทางช่วยหลานไม่ได้”
“วิธีที่จะช่วยหลานเจ้ามีทางเดียว คือเจ้าควรละทิ้งทางโลก และมุ่งหน้ากลับสู่หนทางธรรม”
“แต่ถ้าไม่มีผม อาจมีคนตายเพิ่มอีกหลายคน พวกไอ้ยอดกับขุนโชติ มันต้องฆ่าคนเป็นผักปลา ผมยอมไม่ได้”
พ่อปู่บุญทาเอาตะกรุดสามกษัตริย์ออกมาให้หาญ หาญถามว่ามาอยู่ที่ท่านได้ยังไง
“ใจที่ถูกกิเลสครอบงำ เป็นใจที่มืดบอด เต็มไปด้วยอวิชชา ไม่อาจมองเห็นหนทางพ้นทุกข์” พ่อปู่บุญทาหันหลังเดินไปไม่กี่ก้าวร่างก็จางหายไป
หาญก้มกราบ กำตะกรุดในมือแน่น คิดหาทางช่วยกล้า โดยหารู้ไม่ว่า นั่นเท่ากับสร้างกรรมต่อไปไม่สิ้นสุด...
ooooooo
ที่ห้องลับในโรงงาน สุขุมนำเสนอสินค้ากับเสี่ยไพบูลย์มีเครื่องประดับทองมากมาย เสี่ยชมว่างามจริงๆ
“รับรองของแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมอยู่ในวงการนี้มานาน ค้าขายกับคนต่างชาติมาก็เยอะ ถ้าผมปล่อยนี่ราคาไม่ต่ำกว่าสิบล้าน แต่เห็นว่าเราเป็นคนไทยด้วยกัน ผมเลยให้โอกาสเสี่ยก่อน”
เสี่ยอยากได้จนตัวสั่น พยักหน้าให้ลูกน้องเอากระเป๋ามาวางเปิดให้ดูในนั้นอัดแน่นด้วยเงิน ทันใดนั้นมีลมพัดวูบใหญ่เข้ามา เงินปลิวว่อนไปทั่วห้อง ขณะเสี่ยกับสุขุมกำลังงงนั้น ขุนโชติก็ระเบิดหัวเราะออกมากึกก้อง แล้วทั้งขุนโชติ เสือดำ และเสือไท ก็ผงาดขึ้นยืนบนโต๊ะกลางโถง ขุนโชติประกาศตัว
“ข้าขุนโชติแห่งทุ่งพระกาฬ สมบัติเหล่านี้เป็นของข้า ข้าจักมาเอาคืน”
“เฮ้ย แกเป็นใคร เข้ามาได้ยังไงวะ...เฮ้ยจัดการ!” สุขุมสั่งลูกน้อง พริบตานั้นทั้งลูกน้องและการ์ดของสุขุมก็ระดมยิงใส่พวกขุนโชติ แต่กระสุนไม่ระคายผิวทั้งสามเลย แต่ลูกน้องและการ์ดของสุขุมกลับถูกทั้งสามยิงตายเป็นเบือ
“มันผู้ใดที่คิดจักครองสมบัติของพวกข้า มันต้องสังเวยด้วยเลือด!” กล้าประกาศเหี้ยม
สุขุมช็อกกับพวกขุนโชติที่อาวุธทันสมัยไม่อาจทำอะไรพวกเขาได้ แต่ลูกน้องของตนกลับล้มตายเป็นเบือ ต่อหน้าปรากฏการณ์ลึกลับอัศจรรย์นี้ สุขุมวิ่งหนีสุดชีวิต ถูกกล้าตามไปคว้าตัวไว้ที่หน้าโรงงาน เขาร้องขอชีวิตบอกว่าอยากได้อะไร ตนยกให้หมด
“ข้าอยากได้อย่างเดียว คือหัวเอ็ง!” กล้าผลักสุขุมกระเด็น สุขุมหยิบพระที่ห้อยคอขึ้นอมพนมมือว่าคาถา
“เอ็งมีของดีเหมือนกันรึ ข้าอยากรู้นักว่าจักเหนียวสักเพียงใด” กล้าชักปืนพกยิง สุขุมเลือดพุ่งล้มตายทั้งที่อมพระอยู่ในปาก ขุนโชติเดินมาดึงสร้อยพระขึ้นดู พูดอย่างสมเพช
“เอ็งคิดได้เยี่ยงไรวะ พระที่ไหนจักคุ้มครองคนชั่วช้าเช่นเอ็ง”
ทันใดนั้น มีรถบรรทุกแล่นเข้ามาจอด เหล็งลูกน้องเสี่ยไพบูลย์กระโดดลงมาพร้อมสมุน ทุกคนใส่หมวกไอ้โม่ง
“ขนสมบัติข้างในขึ้นรถให้หมด” เหล็งสั่ง
ooooooo
ที่สำนักอาจารย์ยอด เสี่ยหัวเราะสะใจเมื่อเห็นสมบัติโบราณที่เหล็งไปขนมาวางเรียงรายบนโต๊ะ แต่พระพุทธรูปทองคำและเครื่องถมทองหายไป เสี่ยไม่พอใจถามว่าหายไปไหนหมด เพราะของพวกนี้สุขุมหวงที่สุด
“สมบัติบางส่วนขุนโชติเอาไป เหลือแต่ของพวกนี้ที่มันบอกว่าไม่ใช่ของมันครับเสี่ย” เหล็งรายงาน
เสี่ยบ่นเสียดายเพราะตนเล็งไว้นานแล้ว อาจารย์ยอดติงว่าจะเสียดายทำไม คิดเสียว่าเป็นพวกค่าแรงที่พวกนั้นออกปล้นให้เรา ย้ำกับเสี่ยว่า “ถ้าไม่ได้ขุนโชติ เราก็คงไม่ได้สมบัติล้ำค่าพวกนี้มาง่ายๆ”
เมื่อเสี่ยเงียบไป อาจารย์ยอดบอกว่า “จากนี้ไปเสี่ยอยากจะได้อะไรก็สั่งได้เลย รับรองขุนโชติมันจะเสี่ยงตายให้เราแน่” เสี่ยพูดอย่างสะใจว่า งานนี้เราลงทุนแค่เสียน้ำลายไม่เท่าไหร่ ก็หลอกพวกขุนโชติหน้าโง่ได้แล้ว อาจารย์ยอดพูดให้ผยองยิ่งขึ้นว่า “แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าตำรวจจะสาวมาถึงตัว เพราะขุนโชติมันเป็นหนังหน้าไฟให้เราแล้ว ฮ่าๆๆ”
ทั้งอาจารย์ยอดและเสี่ยไพบูลย์แข่งกันหัวเราะอย่างเย้ยฟ้าท้าดิน
ooooooo
เมื่อสุพจน์นำกำลังตำรวจเข้าบุกทลายห้องลับในโรงงาน ตำรวจตะลึงงันกับภาพในห้องลับที่มีศพแขวนห้อยไว้กับเพดานเต็มไปหมด!
ทันใดนั้น ศพสุขุมร่วงลงมา มีกระดาษเขียนด้วยเลือดแปะไว้ที่ศพ กระเต็นหยิบขึ้นอ่าน
“ข้าจะล่าทุกคนที่เอาสมบัติของขุนโชตินายข้าไป ไอ้พวกตำรวจระวังหัวพวกเอ็งให้ดี...เสือกล้า”
กระเต็นไม่เชื่อว่าเป็นกล้า หาญที่เพิ่งโผล่เข้ามาก็ยืนยันว่าคนที่ทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้ไม่ใช่กล้าตัวจริงแน่
“คงไม่มีตำรวจคนไหนเชื่อหรอกครับ จดหมายฉบับนี้เท่ากับกล้าและขุนโชติประกาศตัวท้าทายว่าจะเป็นศัตรูกับตำรวจทุกคน” สุพจน์เอ่ย
“ขอจดหมายให้ข้า” หาญรับจดหมายจากสุพจน์ หลับตาร่ายคาถาเพ่งตาทิพย์ พอลืมตาขึ้นก็บอกทุกคนว่า “พวกมันใช้นารายณ์แปลงรูปแปลงร่างเป็นกล้า”
สุพจน์บอกว่าตนไม่สามารถรายงานเบื้องบนแบบนี้ได้ กระเต็นถามว่าถ้าเห็นกับตาเขาจะเชื่อไหม แล้วหันไปขอร้องหาญ หาญติงกระเต็นว่าวิชาพวกนี้จะไม่แสดงกันพร่ำเพรื่อ ยกเว้นเวลาคับขัน
“เพื่อช่วยชีวิตกล้า หนูกราบล่ะค่ะ”
หาญมองหน้ากระเต็นคิดหนัก...
ooooooo
หลังจากเริงเสียชีวิตแล้ว คะนึงนิจมาอยู่เป็นเพื่อนราชาวดีที่บ้าน เธอเห็นใจเพื่อนที่คำนวณค่าใช้จ่ายเทียบกับเงินที่มีอยู่แล้วไม่พอใช้ จึงอาสาจะทำเครื่องประดับขายช่วยหารายได้
“ไม่เป็นไรหรอกนิจ นิจลำบากเพราะเรามาเยอะแล้ว แค่มาอยู่เป็นเพื่อน เราก็เกรงใจจะแย่ เราต้องยืนด้วยขาของตัวเองให้ได้”
“แต่ถ้าต้องทำงานด้วยเรียนด้วยมันหนักนะ วดีไม่เคยทำมาก่อนจะไหวเหรอ แล้วถ้าเรื่องเรียนเสียล่ะ”
ขณะทั้งสองกำลังคุยกันนั่นเอง ภูมินทร์ก็ให้คนขนทีวีสี เครื่องเสียง เครื่องซักผ้า และตู้เย็นมาให้ บอกว่าเอาไว้ใช้เพื่อจะได้ไม่ต้องลำบาก บอกราชาวดีว่าไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น ตนสัญญาว่าจะดูแลเธอเอง
“วดีขอบคุณมากนะคะที่คุณมีน้ำใจกับวดีเหลือเกิน แต่ของพวกนี้วดีคงรับไว้ไม่ได้ และวดีก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว” เธอปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
ภูมินทร์รู้สึกเสียหน้ามากที่ถูกปฏิเสธ คะนึงนิจบอกพี่ชายว่าผู้หญิงอย่างราชาวดีมีศักดิ์ศรี เงินซื้อใจเธอไม่ได้หรอก
คะนึงนิจเห็นพี่ชายกลับไปอย่างผิดหวังก็อดสงสารไม่ได้ ส่วนราชาวดีที่แอบดูอยู่ที่หน้าต่างก็เริ่มเห็นใจความพยายามของภูมินทร์ขึ้นมา
ooooooo
ที่กองบังคับการปราบปราม ผู้บังคับการไม่เชื่อคำรายงานของสุพจน์ เห็นเป็นเรื่องตลกทั้งปรามว่าให้หยุดทำเรื่องเหลวไหลได้แล้ว ย้ำว่า
“ผมยังไม่ได้ลงโทษคุณเรื่องที่ถูกขโมยปืนไปเลย นี่คุณยังมีหน้ามาบอกผมว่ามีคนร้าย ‘แปลงร่าง’ เป็นนายกล้า เที่ยวไปปล้นไปข่มขืนใครต่อใครเพื่อใส่ความ อย่างนั้นเหรอ!!”
สุพจน์ทำหน้าลำบากใจ ผู้บังคับการถามว่า เขาเสียสติไปแล้วหรือ สุพจน์จึงทำใจกล้าเล่าว่า
“ผมไม่ได้บ้านะครับ แต่มีคนบอกผมว่ามันคือคาถานารายณ์แปลงรูป”
“คาถานั้นมันเป็นแค่ในตำนานไว้เล่ากันสนุกๆ เท่านั้นแหละ ผมไม่เข้าใจว่าคุณเชื่อเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ผมรู้ว่าคุณสนิทกับครอบครัวผู้ต้องหา แต่หลักฐานต่างๆ มันชี้ชัดว่านายกล้าคือคนร้าย คุณทำใจยอมรับความจริงเสียเถอะผู้การ”
เพื่อยืนยันความจริง สุพจน์จึงขอให้หาญมาพิสูจน์ให้เห็นกับตา แนะนำว่าหาญเป็นญาติของผู้การเพชร
หาญจุดธูปร่ายคาถานารายณ์แปลงรูป ท่ามกลางการจ้องจับผิดของผู้บังคับการ ส่วนกระเต็นลุ้นให้หาญสำแดงให้ทั้งสองเห็นกับตา จนหาญที่อยู่ตรงหน้าแปลงร่างกลายเป็นสุพจน์ต่อหน้าต่อตา จนผู้บังคับการพึมพำว่า
“ไม่น่าเชื่อ...”
“ศาสตร์พวกนี้ ครูบาอาจารย์ท่านถ่ายทอดกันมารุ่นต่อรุ่นตั้งแต่โบราณแล้วครับ ถึงท่านจะปฏิเสธ แต่มันมีอยู่จริง” หาญที่กลับมาสู่ร่างเดิมแล้วชี้แจง
“เรื่องที่กล้าถูกใส่ร้าย ท่านเชื่อที่ผมพูดแล้วใช่ไหมครับ” สุพจน์ถาม ผู้บังคับการได้แต่นิ่ง เครียด
แม้จะพิสูจน์ให้เห็นจะจะกับตาแล้ว แต่ผู้บังคับการยังต้องขอเวลาอีกสองวันเพื่อประชุมกับผู้ใหญ่ หาญบอกว่าเราคงต้องรอ แต่กระเต็นร้อนใจว่าสองวันนานไป กล้าต้องถูกมันทรมานแน่ เราต้องรีบช่วย
“ไม่ต้องกลัว ชะตาของกล้ายังไม่ถึงฆาต ตอนนี้เราไม่ควรจะทำให้พวกมันไหวตัว” หาญเตือน กระเต็นถามว่าแล้วจะต้องรอไปถึงเมื่อไหร่ “เอ็งใจร้อนไปก็ไม่เกิด ประโยชน์ ถึงตำรวจจะเชื่อเราว่ากล้าถูกใส่ร้าย แต่การจะ พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกนั้นใช้คาถานารายณ์แปลงรูปปลอมเป็นกล้า ก็เป็นเรื่องยาก”
ขณะนั้นเอง มีควันดำลอยคลุ้งเข้ามา ทั้งสองตกใจรีบวิ่งไปที่ห้องครัว ควันตลบไปหมดจนหาญต้องร่ายคาถาดับไฟ จึงเห็นศรีแพรหน้าตาขะมุกขะมอมอยู่ในครัว
ศรีแพรปรารถนาดีจะทำอาหารให้ทั้งสองเพื่อตอบแทนน้ำใจ แต่ใช้วิธีก่อไฟแบบในป่าจนไฟเกือบไหม้บ้าน กระเต็นดุว่าทำไมไม่ใช้เตาไฟฟ้ากับเตาแก๊ส เกิดไฟไหม้ขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ
“ข้าขอโทษ...” ศรีแพรเดินออกไปอย่างน้อยใจ หาญเตือนกระเต็นว่าศรีแพรไม่เคยใช้ชีวิตในเมือง เราต้องใจเย็นๆ กระเต็นจึงรู้ตัวว่าตนใจร้อนไปหน่อย
เหตุนี้เอง ทำให้ศรีแพรบอกหาญว่าตนอยากกลับไปอยู่ป่า ตนคิดถึงพ่อ เมืองไม่เหมาะกับคนป่าอย่างตน
“ข้าเชื่อว่าพ่อเอ็งยังปลอดภัย ข้ากำลังสืบหาว่าพ่อของเอ็งถูกจับไว้ที่ไหน ข้าสัญญาว่าข้าจะช่วยพ่อเอ็งให้ได้”
“แต่ข้าอยากกลับไปอยู่ป่า เมืองกรุงไม่ใช่บ้านของข้า ที่นี่ไม่มีใครต้องการข้าหรอก”
“ข้ารู้ว่าความรู้สึกของคนที่อยู่ผิดที่ผิดทางเป็นยังไง แต่ข้าอยากบอกเอ็งว่า เอ็งยังมีข้า ข้าจะไม่ทอดทิ้งเอ็งศรีแพร”
ศรีแพรถามว่าทำไมถึงดีกับตน หาญบอกเพียงว่าเพราะตนเคยทำผิดกับแม่เธอไว้ แต่พอศรีแพรถามก็ไม่เล่า ไล่ให้ศรีแพรไปล้างหน้าล้างตาและอาบน้ำเสีย ศรีแพรยังติดใจอยากถามอีกแต่หาญก็เดินออกไปแล้ว
ooooooo
งามตาหลงระเริงกับการปรนเปรอของภูมินทร์ทั้งรสสวาทและเงินทอง พยายามเกาะเขาแน่น แต่ภูมินทร์ไม่แยแส
วันนี้เขาไปที่สหวิช เจอราชาวดีก็รีบเข้าไปหาอาสาจะพาไปส่งบ้าน แต่เธอขอนั่งรถเมล์เหมือนเดิมดีกว่า พอเขาคะยั้นคะยอถามว่าถ้ากล้าโผล่มาอีกจะทำยังไง เธอสะเทือนใจเมื่อนึกถึงดวงใจ ตัดบทว่า
“ถ้ายังอยากคบกันอยู่ ก็ช่วยทำตามที่วดีขอเถอะนะคะ”
งามตาจับตาดูอยู่ พอราชาวดีปฏิเสธ ภูมินทร์เดินกลับมาที่รถ เจองามตายืนเกาะประตูรถคอยอยู่แล้ว ภูมินทร์จึงต้องให้ขึ้นรถ เธอฉอเลาะและขอไปอยู่ที่บ้านด้วย ถูกภูมินทร์ปฏิเสธอย่างไม่แยแสว่า
“ผู้หญิงที่จะเข้าไปอยู่บ้านฉันได้ คือคนที่ฉันเลือกแล้วว่าจะเป็นแม่ของลูก”
“นังราชาวดีน่ะเหรอคะ แน่ใจเหรอคะพ่อเลี้ยง ว่ามันบริสุทธิ์ผุดผ่องขนาดนั้น” พอภูมินทร์ตวัดสายตามอง ก็รีบแก้เกี้ยวว่า “งามตาก็แค่เป็นห่วงพ่อเลี้ยง ไม่อยากให้ไปรับเดนโจรอย่างนายกล้า”
พอดีคมมาบอกว่าอาจารย์ยอดมาแล้ว เขาบอกคมให้พางามตาไปส่งด้วยแล้วเดินออกไปเลย
งามตากำเงินในมือจิกตามองตามอย่างแค้นใจ
ภูมินทร์ให้อาจารย์ยอดมาช่วยทำให้ตนสมหวังกับราชาวดีเร็วๆ อาจารย์ยอดบอกว่ามีวิธีแต่เขาต้องยอมเจ็บตัว ถามว่ากล้าไหม?
ooooooo
อาจารย์ยอดใช้คาถานารายณ์แปลงรูป ให้ไทแปลงร่างเป็นกล้า ทำเป็นแขกเข้าไปเที่ยวที่ห้องอาหาร เมื่อราชาวดีโชว์รำเสร็จก็เรียกไปยื่นทิปให้แล้วฉุดเธอเข้าหาตัว ราชาวดีตกใจเมื่อเห็นเป็นกล้า
ระหว่างที่ไทแปลงรูปเป็นกล้าฉวยโอกาสปล้ำราชาวดีนั้น ภูมินทร์ทำเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย กล้าตัวปลอมจึงโปะยาสลบจนราชาวดีหมดสติแล้วอุ้มวิ่งออกไป ภายในร้านอาหาร เกิดการยิงต่อสู้กันจนแขกแตกตื่นหนีกันอลหม่าน ภูมินทร์ทำเป็นไล่ตามกล้าออกไปแต่ไม่พบใครแล้ว
ส่วนกล้าตัวปลอมพาราชาวดีที่ไม่ได้สติไปที่บ้านร้างกำลังฉวยโอกาสจะลวนลาม ก็ถูกอาจารย์ยอดเข้ามาขัดจังหวะ แล้วบริกรรมคาถาจนร่างกล้า กลายเป็นเสือไทตามเดิม ภูมินทร์ตามมาบอกอาจารย์ยอดว่า
“ท่านทำได้ดีมาก หึๆ ทีนี้ก็เหลือแค่ขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น” เขามองราชาวดีอย่างปรารถนา
ooooooo
คืนเดียวกันคะนึงนิจมาหาภูมินทร์ที่บ้านไม่เจอ เธอเดินหาเพื่อจะถามข่าวเรื่องราชาวดีหายตัวไป ขุนโชติมาเห็นรีบหลบ แต่คะนึงนิจได้ยินเสียงถามว่าใคร ก็เงียบ เธอสงสัยจึงเดินลงบันไดไปที่ห้องใต้ดินที่ใช้ขังกล้า
แต่เมื่อลงไปถึง เห็นแต่ห้องที่ว่างเปล่ารกร้าง ลูกน้องภูมินทร์สองคนทำทีออกมาเจอถามว่าเธอมาตั้งแต่เมื่อไร คะนึงนิจถามว่าทำไมต้องสร้างห้องใต้ดินด้วย ลูกน้องสองคนบอกว่าห้องนี้มีตั้งแต่พ่อเลี้ยงซื้อบ้านหลังนี้ไว้แล้ว
เมื่อคะนึงนิจเข้าไปสำรวจภายในห้องเหลือบเห็นโซ่วางซุกอยู่ที่ตีนบันไดแต่ทำเป็นไม่เห็น แล้วขึ้นไปเพราะอยากไปตามข่าวเรื่องราชาวดีหายตัวไป
เพียงเธอเดินพ้นไป ขุนโชติที่กำบังกายอยู่ก็ออกมาสะบัดมือทีเดียวห้องใต้ดินก็กลับสู่สภาพเดิม
ooooooo
ที่แท้กล้าถูกเอาตัวไปที่บ้านร้าง เขาถูกผลักเข้าไปเห็นราชาวดีอยู่ในสภาพไม่ได้สติ กล้าถลาเข้าไปประคองเขย่าเรียก ราชาวดีรู้สึกตัวขึ้นมาเห็นกล้ามาเขย่าตนอยู่ เธอทั้งตกใจทั้งแค้นใจ ตวาดไล่ด่าว่าถ้าคิดจะข่มเหงตนก็เอาศพไปดีกว่า
“วดี พี่ไม่มีทางทำร้ายวดีเด็ดขาด ต้องเป็นฝีมือไอ้ภูมินทร์แน่ มันให้คนปลอมเป็นพี่แล้วจับวดีมาเหมือนครั้งก่อนๆ”
“ไม่...วดีไม่เชื่อ ปล่อยนะ ปล่อย” วดีดิ้นสุดแรงผลักกล้าออกไปได้ก็คว้าเศษไม้แหลมกำแน่น “ถอยไป!”
“ฟังนะ พี่ถูกไอ้ภูมินทร์จับตัวไว้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่ฝีมือพี่ พี่ไม่ได้ฆ่าครูเริง ไม่ได้ข่มเหงดวงใจ ไม่ได้ปล้น ไอ้พ่อเลี้ยงมันร่วมมือกับอาจารย์ของมัน ใส่ร้ายพี่”
วดีไม่เชื่อ ทำใจไม่ได้และไม่อาจให้อภัยได้ กล้าขอให้ไปจากที่นี่ด้วยกันตนจะพาเธอไปหาตำรวจ
ทันใดนั้น เสือดำกับเสือไทก็เคลื่อนตัวเข้ามาอย่างเร็วเข้าขนาบราชาวดีไว้ เธอร้องให้ปล่อย กล้าก็สั่งให้ปล่อย
“จะปล่อยนังนี่ด้วยเหตุใด ก็เอ็งให้พวกข้ามาช่วยมิใช่รึ เอ็งจะได้สมรักกับมันอย่างไรเล่า ไอ้กล้า”
ราชาวดีมองกล้าอย่างผิดหวัง ทันใดนั้นภูมินทร์ถีบประตูเข้ามาบอกราชาวดีว่าไม่ต้องกลัว ตนมาช่วยแล้ว เกิดการต่อสู้กันให้ดูสมจริง จังหวะหนึ่งกล้าคว้าไม้จะฟาดภูมินทร์ ราชาวดีเอาตัวเข้าขวาง ทำให้กล้าชะงักมองอย่างเจ็บปวดที่เธอยอมเจ็บตัวแทนภูมินทร์
เสียงรถตำรวจแว่วมาแต่ไกล เสือดำกับเสือไทพยักหน้าอย่างรู้กัน ตรงเข้าล็อกตัวกล้า จากนั้นเสือดำร่ายคาถาย่นระยะทาง อากาศแหวกออกเป็นทางแล้วสองเสือก็พากล้าเข้าไปในทางช่องอากาศนั้น
กล้าเหลียวมองเห็นภูมินทร์ตระกองกอดราชาวดีไว้อย่างเป็นห่วง ก็หัวใจแทบสลาย...
ooooooo