ตอนที่ 2
ณ อาณาจักรพุกาม 800 ปีที่แล้ว...
กษัตริย์บาเยงโบมีมเหสีคือชะเวมะรัต และมีพระ–สนมคืออิระวดี ชะเวมะรัตเป็นลูกสาวของมหาราชครูงะดินเด และมีน้องชายคือชะเวโบ
ขณะ บ้านเมืองกำลังเจริญรุ่งเรือง งะดินเดได้คิดก่อการแย่งชิงราชบัลลังก์ โดยมีชะเวโบร่วมแผนการ แต่ชะเวมะรัตไม่ได้รับรู้อะไรทั้งสิ้น เพราะงะดินเดรู้ดีว่าลูกสาวเป็นคนซื่อสัตย์ ยุติธรรม และรักบาเยงโบมาก จึงแอบซ่องสุมผู้คนและทหารที่มีอาคมแก่กล้าเพื่อรอเวลาอันเหมาะสม
เหตุการณ์ ที่ภราดรและกินรีเห็นขณะตกอยู่ในภวังค์นั้นคืออุทยานของราชวังที่บาเยงโบกับ ชะเวมะรัต ซึ่งก็คือเขาทั้งคู่ที่มาเกิดในภพปัจจุบันกำลังพูดคุยเรื่องการก่อกบฏของงะ ดินเด ซึ่งชะเวมะรัตปฏิเสธเสียงแข็งว่าบิดาของตนจงรักภักดีมาตลอด ต้องมีผู้ใดใส่ร้ายท่านอย่างแน่นอน...
ไม่ทันจะเห็นเหตุการณ์ต่อจากนั้น สองคนตื่นจากภวังค์เพราะพะอูโผล่พรวดพุ่งเข้าใส่ภราดรพร้อมเสียงคำรามอย่าง น่ากลัว หมอหนุ่มผงะหงายหลังล้มลง กินรีตกใจร้องห้ามน้องชายเสียงหลงไม่ให้ทำร้ายเขา แต่พะอูไม่สนใจ เงื้อมีดในมือจะจ้วงแทงหมอกะเอาให้ตาย โชคดีที่จ่าชิตเข้ามาสกัดไว้ทันท่วงที
พะอูถูกจ่าชิตเตะเข้าชายโครงล้ม กลิ้ง จ่าชิตมาพร้อมอาวุธครบมือ แต่งกายรัดกุมเหมือนจะเข้าป่า กินรีรีบประคองพะอูแล้วจ้องหน้าจ่าชิตอย่างไม่พอใจ
“พาไอ้ใบ้น้องเอ็งกลับไปกินรี เตือนมันด้วยว่าถ้ามันขืนมาทำร้ายหมออีก ข้าจะฝังมันทั้งเป็น”
กินรีสีหน้าสลดลง ลนลานพาน้องชายกลับบ้าน ภราดรลุกขึ้นยืนมองตามกินรีไปอย่างเสียดาย จ่าชิตเหมือนจะอ่านความรู้สึกเขาออก เอ่ยยิ้มๆ
“คิดจะจีบสาวที่นี่...ยากหน่อยนะหมอ” ว่าแล้วเขาหัวเราะหึๆ ก่อนเดินหายไปในความมืด
ภราดร เองก็ขยับเท้าเพื่อกลับบ้านผู้ใหญ่สน แต่สะดุดกับบางสิ่งบนพื้น เขาก้มเก็บขึ้นมาเพ่งมองจึงรู้ว่าเป็นปิ่นปักผมของกินรีที่ทำหล่นเอาไว้โดย ไม่รู้ตัว
ooooooo
คืนนั้นจ่าชิตเข้าป่าจริงๆ ตั้งใจว่าต้องเจอตัว ประหลาดที่ควักหัวใจมนุษย์เข้าสักวัน แต่เช้าขึ้นแค่ลืมตาเขาก็พบว่ามีเสือโคร่งยืนจังก้าอยู่เบื้องหน้า
อาราม ตกใจ จ่าชิตลั่นกระสุนปืนเข้าใส่แต่เฉี่ยวไปมากโข และที่สำคัญทำให้เสือวิ่งหนีเข้าพงไปอย่าง รวดเร็ว...เขาตื่นตัววิ่งตามมันไปพร้อมปืนในมือ
ขณะเดียวกันที่หน้าโต๊ะหมู่บูชาในบ้านแม่หมอ... กินรีกับพะอูมองยายออย่างแปลกใจหลังถูกแกทักว่าทั้งคู่กำลังมีเคราะห์
“เคราะห์อะไรหรือยาย”
“ยาย ยังไม่รู้ รู้แต่ว่ามันเป็นเคราะห์กรรมที่ติดตัวพวกเอ็งมาตั้งแต่ปางก่อน และยายไม่อยากให้พวกเอ็งถูกใครใช้เป็นเครื่องมือ...ผีฟ้ามีหน้าที่รักษาคน ไม่ใช่ฆ่าคน”
พะอูทำท่าทางถามว่าเป็นเพราะหมอภราดรเรื่องทำหน้ากากหล่น หรือเปล่า แต่ยายบอกว่าเรื่องหน้ากากมันเป็นแค่ลางบอกเหตุ ส่วนกินรีบ่นไม่เข้าใจว่าใครจะเอาพวกเราเป็นเครื่องมือ
“บางเรื่องเราก็ ไม่จำเป็นต้องเข้าใจ ยายจะขอให้เจ้าแม่หน้าทองชะเวมะรัตกับชะเวโบน้องชายของท่านช่วยล้างเคราะห์ ให้พวกเจ้า ตั้งสติให้ดี”
สองพี่น้องพนมมือและหลับตาทำสมาธิ...แม่หมอ หยิบมะพร้าวมาเฉาะเปิดออกพลางบริกรรมคาถาด้วยภาษาพม่าโบราณ จากนั้นจึงใช้น้ำมะพร้าวเทราดรดลงบนฝ่ามือของรูปปั้นชะเวมะรัตและชะเวโบ
พิธีของแม่หมอหยั่งรู้ถึงผู้เฒ่างะดินเดในถ้ำ โกรธแค้นถึงกับคำรามลั่น “เจ้าบังอาจกับข้าหรือ...ไม่มีทาง...ชะเวมะรัตต้องเป็นของข้า”
เพราะงะดินเดสำแดงฤทธิ์เดช ร่างแม่หมอเหมือนถูกของหนักๆผลักจนหงายท้อง เลือดกระอักออกปากทำให้กินรีกับพะอูตระหนกตกใจรีบเข้าประคองยาย
“ยาย...ยายเป็นอะไร” กินรีถามระรัว
“ไม่มีอะไรหรอก ยายไม่เป็นไร เจ้าแม่คงไม่พอใจยาย”
“เจ้าแม่ไม่พอใจ ไม่พอใจเรื่องอะไรจ๊ะยาย หรือว่ากินรีไปทำอะไร”
“ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเอ็งหรอก” แม่หมอปลอบใจหลาน ทั้งที่ใจคิดตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
อาการแม่หมอน่าเป็นห่วง แต่แกไม่ยอมให้กินรีรักษาด้วยวิธีกลืนบาป
“ทำไมล่ะยาย เจ้าแม่ท่านรักษาคนตั้งมากมาย ทำไมท่านรักษายายไม่ได้”
“วันหนึ่งเอ็งจะเข้าใจเอง ปล่อยยายไว้อย่างนี้แหละ นอนพักกินยาเดี๋ยวก็หาย”
“ไม่...ยายต้องบอกกินรีมาก่อนว่าทำไม”
สิ้นเสียงกินรี แม่หมอยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงผู้ใหญ่สนร้องเรียกหน้าบ้าน แม่หมอให้กินรีออกไปดูว่าเขามาทำไม
ผู้ใหญ่ สนแวะมาถามหาแม่หมอเพื่อบอกให้ไปเผาศพสมรเย็นนี้ เสร็จธุระก็จะมุ่งไปอนามัยเพื่อรับยาบำรุงให้ลูกชาย กินรีได้ยินอย่างนั้นจึงขอตามไปด้วย โดยหันไปบอกพะอูให้อยู่เฝ้ายาย
ooooooo
ที่ บ้านพักหมอ...ภราดรฝันเห็นชะเวมะรัตที่เหมือนกินรีราวคนเดียวกันร้องครวญ ครางอยู่ในเปลวเพลิง เขาพยายามจะเข้าไปช่วยเธอ แต่พลันชะเวโบหน้าอัปลักษณ์โผล่พรวดเข้าบีบคอเขา...
ภราดรดิ้นทุรนทุรายอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย พร้อมๆกับได้ยินเสียงประเดิมเรียกอยู่หน้าบ้าน...
ด้าน จ่าชิตที่บุกป่าล่าเสือ...ทำไปทำมาเขาไปพบชายชาวมอญสองคนกำลังจะโดนเสือขย้ำ จ่าชิตช่วยชีวิตพวกเขาไว้ทันเวลา ทั้งคู่ให้ความเคารพนับถือจ่าชิตเป็นผู้มีพระคุณ เมื่อเขาไหว้วานให้ทำบางอย่างจึงรับปากด้วยความเต็มใจ
ชาวมอญสองคนพากัน ไปสมัครงานที่ปางไม้ของเสี่ยรงค์ แต่เบิ้มซึ่งเป็นหัวหน้าทำท่าจะไม่รับเพราะที่นี่มีคนงานมากพอแล้ว มีทั้งพม่าและกะเหรี่ยง...ปะเหมาะพอดีเสี่ยรงค์มาดูงานเห็นเข้าก็สงสาร บอกให้เบิ้มรับพวกมันไว้ เขามั่นใจว่ามอญพวกนี้ไม่มีพิษภัย...
ส่วนที่โรงพัก หมวดสมรักษ์นั่งหน้าเครียด ไม่ได้ดังใจที่สายของตนที่ส่งออกไปตั้งแต่วันก่อนกลับมาบอกว่าไม่มีเบาะแสพวกเสือใจ
“เป็นไปได้ยังไงดาบ มองไปทางไหนก็มีแต่ป่า ไม่มีที่หลบซ่อน ดาบหายังไงถึงไม่เจอ”
“จริงครับหมวด ทั้งพรานป่าที่ชำนาญป่าแถบนี้หลายคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยเห็นชุมโจรในแถบนี้เลย”
“มันไปหลบอยู่ที่ไหนของมันวะ” สมรักษ์บ่นพึม
ทันใดจ่าชิตเดินเข้ามาพร้อมกลิ่นเหล้าโชยหึ่ง “เสือใจไม่ได้ปล้นมาสองปีแล้วนะหมวด ป่านนี้มันคงไปตั้งรกรากที่ไหนแล้วมั้ง”
“ไม่จริง ผมมั่นใจว่ามันยังคงวนเวียนอยู่แถวนี้แหละ”
“ก็แล้วแต่หมวดจะคิด”
“นี่จ่าชิต ตั้งแต่ผมย้ายมาที่นี่ก็เข้าปีที่สามแล้ว ผมไม่เคยเห็นจ่าไม่เมาเลย จ่าเป็นอะไรของจ่า”
“ผมก็เป็นของผมแบบนี้ หมวดไม่พอใจก็ขังผมสิ... หรือไล่ผมออกเลยก็ได้”
“ขังไปก็เปล่าประโยชน์ จ่าจำได้ไหมว่าผมขังจ่าไปกี่ครั้งแล้ว”
จ่า ชิตพูดยียวนว่าจำไม่ได้...ว่าแล้วก็เดินเลยเข้าไปด้านในเพื่อหาที่นอน สมรักษ์มองตามเอือมๆ นึกอยากจะเอาออกซะให้รู้แล้วรู้รอด แต่ลูกน้องอีกคนรีบห้าม
“ใจเย็นครับหมวด เราต้องพึ่งจ่าชิตนะครับ ทั้งแถบเขาตะนาวศรีนี่ จ่าชิตฝีมือดีที่สุดนะหมวด เอาออกไปเสียดายแย่เลย”
สมรักษ์เข้าใจและเห็นด้วยแต่ยังแค้นพวกเสือใจไม่หาย สั่งลูกน้องให้จัดทีมลาดตระเวน ตนจะออกไปล่ามันเอง...
ใน เวลานั้น เสือใจกับจงใจลูกสาวนำดอกไม้มาไหว้หลุมศพจันทร์แก้วบนเชิงเขา...18 ปีแล้วที่เธอจากพวกเขาไป ทั้งที่จงใจไม่เคยเห็นหน้าแม่มาก่อน เสือใจเล่าให้ลูกสาวฟังว่าจันทร์แก้วคลอดลูกออกมาแล้วตกเลือดตาย และวันนั้นพ่อก็รับปากกับแม่ว่าจะดูแลลูกให้ดีที่สุด
จงใจน้ำตาคลอคิดถึงแม่ วางดอกไม้บนหลุมศพแล้วชวนพ่อกลับด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
ooooooo
ที่ อนามัย กินรีตามผู้ใหญ่สนมาเพื่อรอพบหมอภราดรจะให้เขาไปดูอาการยายของตน แต่มาเจอระรินแขวะอย่างไม่ชอบหน้าเรื่องที่เธอเป็นผีฟ้ารักษาคนป่วย
“อ้าว...ไม่สบายทำไมไม่รักษากันเองล่ะ เห็นรักษาคนโน้นรักษาคนนี้ อ๋อ แสดงว่าที่รักษาคนวันก่อนก็หลอกลวงทั้งเพ”
“ฉันไม่ได้หลอกลวง แต่มันมีความจำเป็นบางอย่างที่เรารักษาไม่ได้”
“จำเป็นอะไร บอกมาสิ”
กินรีจนมุมไม่มีคำตอบ ได้แต่อึกอัก มองหน้าผู้ใหญ่สน
“นั่นไง...ไม่มีคำตอบ แสดงว่าพวกเธอมันพวกสิบแปดมงกุฎหลอกลวงชาวบ้านไปวันๆ ไป...กลับไปได้แล้ว รักษาไม่ได้ก็ปล่อยให้ตายไปก็แล้วกัน”
ระ รินพูดแรงจนทุกคนอึ้ง ไม่คิดว่าจะได้ยินคำแบบนี้จากพยาบาล แต่ยังไม่มีใครทำอะไร หมอภราดรก็ก้าวเข้ามาตำหนิระรินเพราะได้ยินประโยคนั้นเต็มสองหู
“พูดอะไรของคุณน่ะ คุณระริน”
ระรินหน้าซีดแล้วพยายามจะแก้ตัว แต่ภราดรไม่ใส่ใจจะฟัง หันไปสอบถามกินรีอย่างสนใจใคร่รู้ถึงอาการของแม่หมอ...
ขณะที่ภราดรเตรียมจะมาดูอาการแม่หมอพร้อมกับกินรีที่บ้าน...งะดินเดในน้ำกำลังสั่งการคนรูสองผัวเมียให้ไปหาหัวใจมนุษย์มาอีก กำชับให้เอามามากๆ เพื่อที่ตนจะได้สร้างพลังชีวิตแล้วออกไปจากถ้ำนี้เพื่อชำระความแค้น!
ระหว่างเดินทางที่ภราดรและกินรีนั่งรถผู้ใหญ่สนโดยมีจ่อยเป็นคนขับ หมอหนุ่มแอบมองหน้าหญิงสาวบ่อย ครั้งแล้วนึกเปรียบเทียบกับหญิงชุดโบราณที่ฝันเห็น ก่อนจะรำพึงว่าเหมือนจริงๆ แต่พอเจ้าตัวได้ยินแว่วๆหันมาถามว่าเหมือนอะไร เขากลับเฉไฉไปเรื่องอาการแม่หมอ กินรีเล่าให้ฟังคร่าวๆ พลันรู้สึกปวดศีรษะจี๊ดขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ...
ทางด้านหมวดสมรักษ์ที่นำกำลังตำรวจออกลาดตระเวนเพื่อค้นหาชุมโจรเสือใจ เขาร้อนใจจนแทบไม่อยาก หยุดพักเพราะต้องการปิดคดีให้ได้เสียที...ไม่คาดคิด ทศกับชินผ่านมาเจอกลุ่มของสมรักษ์เข้า สองคนย่ามใจอยากลองดีกับพวกตำรวจ แต่แล้วทศกลับเป็นฝ่ายถูกสมรักษ์ยิงเข้าที่ไหล่ โชคดีที่ไม่ถูกจับตัวได้เพราะชินรีบพาหนีเข้าประตูลับของชุมโจรได้ทันท่วงที ซึ่งประตูนี้ต้องใช้คาถาอาคมถึงจะเปิดออกได้
จงใจทราบข่าวทศถูกยิงก็วิ่งหน้าตื่นมาตามเสือใจ ครู่ต่อมาสองพ่อลูกจึงร้อนรนไปที่ศาลากลางหมู่บ้าน เสือใจถามทศว่าเกิดอะไรขึ้น ทศกับชินแววตาหลุกหลิก ตอบโดยไม่กล้าสบตาคนถาม
“ฉันออกไปดูลาดเลาตามที่พ่อเสือสั่งแล้วเจอกับไอ้พวกหมวดนั่นเข้าเลยยิงกันนิดหน่อย”
เสือใจไม่ค่อยเชื่อคำพูดทศ จ้องไปที่ชินแล้วคาดคั้นว่าจริงหรือ?
“จริงจ้ะพ่อเสือ”
“ไม่ใช่ว่าเอ็งสองคนไปเปิดฉากก่อนนะ”
“โธ่พ่อเสือ มันตั้ง 7 ฉัน 2 จะไปเปิดฉากได้ยังไง”
เสือใจเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่ปล่อยให้เรื่องผ่านไป ไล่คนที่มุงออกห่าง ใครมีหน้าที่อะไรให้ไปทำ...หลังจากลุงชุมช่วยดูบาดแผลให้ทศแล้วก็เบาใจ เพราะกระสุนไม่ได้ฝังใน และไม่ใช่จุดสำคัญ
“แล้วนี่พวกมันรู้ทางเข้าที่นี่หรือเปล่า”
“ไม่จ้ะ ฉันใช้คาถาเปิดป่าที่พ่อสอนถอนอาคมที่พ่อบังชุมโจรเอาไว้เข้ามา” คำตอบของทศทำให้เสือใจโล่งอก...
แต่เวลานั้น สมรักษ์กำลังเจ็บใจที่ปล่อยให้สองเสือนั่นหนีรอดไปได้ จ่าชิตเห็นว่าเย็นแล้วจึงชวนทุกคนกลับ แต่สมรักษ์ยังดึงดันต้องล่ามันให้เจอ
“ป่านนี้มันไปไกลแล้วล่ะหมวด อย่าดื้อนักเลย ป่าแถวนี้มันชำนาญกว่าเรา ขืนสุ่มสี่สุ่มห้าก็โดนอีกโป้งนึงหรอก คราวนี้ผมว่าหมวดอาจจะไม่โชคดีเหมือนเมื่อกี้ก็ได้”
สมรักษ์ฉุนที่จ่าชิตทำเหมือนทวงบุญคุณที่ช่วยเหลือไว้ แต่เห็นว่าคนอื่นๆเออออตามจ่าชิต จึงยอมถอนกำลังกลับ
ooooooo
ภราดรฉีดยาบำรุงให้แม่หมอแล้วบอกกินรีว่าอาการไม่มีอะไรน่าห่วง ท่านแค่อ่อนเพลีย ช่วงนี้ต้องพักผ่อนเยอะๆ และอย่าลืมกินยาที่ให้ไว้ด้วย
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว ผู้ใหญ่สนกับจ่อยจึงลา
กลับก่อนเพราะเย็นนี้มีพิธีเผาศพสมร...ครั้นอยู่กันตามลำพัง ภราดรถือโอกาสเอาปิ่นปักผมที่เก็บได้ในคืนนั้นคืนกินรี
“ขอบคุณนะคะ นี่เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่แม่ทิ้งไว้ให้ฉัน”
“แม่คุณ...”
“เสียไปนานแล้วค่ะ”
“เสียใจด้วยนะครับ”
กินรีพยักหน้าน้อยๆ แล้วตัดสินใจชวนหมออยู่กินข้าวเย็น เพราะกว่าประเดิมจะขับรถมารับก็คงอีกนาน... ภราดรนั่งรอสักพัก กินรีกับมะค่าก็ยกสำรับอาหารพื้นบ้านออกมา กินรีชวนมะค่าอยู่กินด้วยกันแต่เด็กสาวปฏิเสธ เพราะต้องรีบกลับบ้าน
เมื่ออยู่กันสองคน ภราดรเริ่มสนทนาหัวข้อที่ตนยังค้างคาใจ “ผมยังไม่ได้ขอโทษคุณเลย ที่คืนนั้นทำหน้ากากคุณหล่นลงมา”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณเองก็ไม่ได้เจตนา”
“เห็นคนขับรถของผมบอกว่า มันจะทำให้เกิดลางร้าย”
“ชาวบ้านเขาเชื่อกันอย่างนั้นค่ะ ว่าถ้าหน้ากากผีฟ้าหล่นถึงพื้นก็จะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดี มันเป็นลางสังหรณ์ของพวกเขาน่ะค่ะ”
“ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณจะเป็นร่างทรงคนนั้น คุณดูสวย แล้วก็สาวเกินกว่าที่จะเป็นแบบนั้น”
“เราสืบทอดตำแหน่งกันมานานแล้วค่ะ ตั้งแต่สมัยที่เราอพยพมาถึงที่นี่ใหม่ๆ ลูกสาวคนหนึ่งจะถูกคัดเลือกให้เป็นร่างทรงของผีฟ้าหน้าทอง จนมาถึงยาย แต่ยายไม่มีลูกไม่มีหลานสืบต่อ ก็เลยถ่ายทอดมาให้ฉัน”
“แล้วคุณก็รับ”
“ได้ช่วยคนอื่นให้มีชีวิตต่อ หรือว่าหมอไม่อยากทำคะ”
“ก็จริงของคุณ ได้ช่วยชีวิตคนอื่น ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ถ้าทำได้ผมก็จะทำเหมือนกัน แต่วิธีของคุณแปลกมาก...คุณทำได้ยังไง ไม่น่าเชื่อจริงๆ”
“คนภายนอกมักจะไม่ค่อยเชื่อหรอกค่ะ เขาคิดว่าเป็นเรื่องแหกตา”
“อย่าไปโทษเขาเลยครับ เพราะยังมีอีกหลายคนที่ไม่เข้าใจ”
“ก็ไม่ได้โทษใครนี่คะ โดยเฉพาะแฟนคุณหมอ... พยาบาลคนนั้น”
“ถ้าคุณหมายถึงคุณระรินล่ะก็...ไม่ใช่แฟนผมครับ เธอเป็นพยาบาลผู้ช่วยผมแค่นั้นเอง”
“อ้าว เหรอคะ งั้นฉันต้องขอโทษคุณหมอด้วย”
“ไม่เป็นไรครับ ทานข้าวกันเถอะ”
หนุ่มสาวยิ้มให้กันด้วยไมตรี โดยไม่รู้ว่าทั้งท่าทีและบทสนทนาของพวกตนนั้นแม่หมอรู้เห็นตลอดเวลา
ooooooo
ขณะสมรักษ์นำพาลูกน้องออกจากป่าเป็นเวลาเย็นย่ำใกล้ค่ำ ไม่คาดคิดว่าระหว่างทางจะเจอเสือโคร่งตัวมหึมาเข้าอย่างจัง!
ทุกคนตื่นตัวเพื่อจับเสือโคร่งตัวนี้ให้ได้ แต่ไม่ง่ายอย่างที่คิด กระสุนปืนไม่ระคายผิวมัน ซ้ำร้ายสมรักษ์ถูกมันทำร้ายตกลำธารหายไปต่อหน้าต่อตาพวกจ่าชิต
ส่วนที่อนามัย ประเดิมยังไม่ออกรถไปรับภราดรที่บ้านแม่หมอ จนกระทั่งเดือนกับระรินเลิกงานจะกลับบ้าน ประเดิมถึงตื่นตัวและยอมให้สองสาวติดรถไปด้วยความเต็มใจ...
ขณะนั่งรอรถอยู่นั้น ภราดรมีโอกาสได้พูดคุยกับแม่หมอด้วยเรื่องสมรที่ถูกเสือกัดตาย ก่อนที่เขาจะวกมาเรื่องพิธีกลืนบาปที่ค้างคาใจว่าทำไมถึงรักษาตัวแม่หมอไม่ได้
“ฉันไม่อยากให้กินรีรับบาปมากไปกว่านี้ อีกอย่างนะหมอ อย่าหาว่าฉันใจจืดใจดำ ฉันไม่อยากให้หมอมาที่นี่อีก”
“ทำไมล่ะครับ หรือว่าเรื่องหน้ากากนั่น”
“ไม่ใช่ แต่เพื่อความปลอดภัยของหมอเอง”
ภราดรรับฟังแต่ยังไม่หายข้องใจ พอดีกินรีเก็บถ้วยชามเสร็จกลับออกมา การสนทนาจึงยุติโดยปริยาย เพราะเธอห่วงยายว่ายังไม่หายดี พอยายถามถึงพะอูที่ไม่เห็นหน้า กินรีบอกว่าเขาไปตักน้ำที่ลำธารนานแล้ว
เท่านั้นเอง แม่หมอมีสีหน้าเคร่งขึ้น รีบร้อนกลับเข้าในบ้านโดยไม่สนสายตาของกินรีกับภราดรที่มองตามด้วยความสงสัย...
พะอูตั้งใจมาตักน้ำที่ลำธารแต่ดันเจอเสือโคร่งตัวมหึมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ พะอูมีมีดเป็นอาวุธแต่ก็สู้มันไม่ได้ เขากำลังจะโดนเสือขย้ำ แต่พลันมีเสียงปืนดังเปรี้ยงขึ้นหลายนัดด้วยฝีมืออองไชย
เสือถูกยิงตายสนิทนอนจมกองเลือด อองไชยยิ้มสาแก่ใจ เดินเข้าไปใกล้พะอูที่ยังตกใจหน้าตาตื่น
“เป็นไงไอ้หนู ใจกล้าเหมือนกันนี่หว่า ถ้าเป็นคนอื่นก็เปิดตูดแน่บไปแล้ว”
พะอูนิ่งเฉย มองหน้าชายแปลกหน้าไปมา อองไชย ต่อว่าเพราะนึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้หยิ่ง ไม่ขอบคุณตนสักคำที่ช่วยเหลือ แต่พอรู้ว่าเขาพูดไม่ได้ก็รีบขอโทษ
“เอ็งเป็นใบ้หรอกหรือ โทษทีว่ะ แล้วนี่พวกเอ็งอยู่แถวไหนล่ะ ถึงได้มาปะหน้ากับไอ้เสือตัวนี้ได้ ข้าอุตส่าห์ตามมันมาตั้งนาน”
พะอูชี้มือไปทางบ้านสางแล้วส่งภาษาใบ้ถามเขาว่าตามเสือตัวนั้นมาทำไม
“ก็จะยิงมันเอาหนังไปขายไง ข้าเป็นพรานล่าเสือ” ตอบเสร็จเพิ่งพินิจเด็กหนุ่มต่อ คิดในใจว่ามันไม่ธรรมดา อยากรู้มันลูกเต้าเหล่าใครถึงกล้าสู้เสือ พะอูเองก็จับจ้องสายตากังขาของอองไชย รู้สึกได้ว่าชายผู้นี้ไม่ใช่คนดีอย่างที่เห็น จึงส่งภาษาขอตัวกลับบ้าน ทิ้งให้อองไชยจัดการกับเสือตามสบาย
อองไชยสุมกองไฟกลางลานในป่า เบื้องหน้าเป็นซากเสือโคร่ง แล้วตัวเองนั่งบริกรรมคาถา ครู่เดียวเขาก็ลืมตาพูดพึมพำขึ้นมาด้วยความผิดหวัง
“ไม่ใช่ตัวนี้ ข้าต้องตามล่าเจ้าให้ได้...เสือสมิงตัวที่ 11”
ooooooo
หลังจากพยายามค้นหาหมวดสมรักษ์อยู่พักใหญ่แต่ยังไม่มีวี่แวว กลุ่มของจ่าชิตจึงพากันกลับหมู่บ้านเพื่อขอความร่วมมือจากชาวบ้าน...
เวลานั้น ผู้ใหญ่สนกำลังทำพิธีเผาศพสมร โดยมีชาวบ้านจำนวนมาก รวมทั้งภราดร ระริน และประเดิมมาร่วมไว้อาลัย...ขณะยืนมองเปลวไฟที่มอดไหม้ร่างสมรบนกองฟืน ภราดรกลับเห็นกษัตริย์บาเยงโบเผาชะเวโบทั้งเป็นอย่างโหดเหี้ยม!
หมอหนุ่มสะดุ้งตกใจสุดขีด ผงะถอยหลังแล้วทรุดลงหน้าซีดเผือด ทำเอาผู้คนในงานต่างตกใจ กินรีรีบเข้าประคองและถามหมอว่าเป็นอะไร แต่ทันใดระรินวิ่งเข้ามาผลักเธอออกแล้วเข้าแทนที่ โดยมีประเดิมช่วยพยุงหมออีกแรง
ระรินไล่ทุกคนที่ยืนมุงออกไปเพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวก แล้วจัดแจงปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพราะคิดว่าภราดรเป็นลม แต่แม่หมอจับตามองราวกับมีคำตอบอะไรบางอย่างในใจ จังหวะนี้เองพะอูก้าวเข้ามาบอกกินรีกับมะค่าด้วยภาษามือว่าตนเจอเสือตัวใหญ่ในป่าและต่อสู้กับมัน
ผู้ใหญ่สนและชาวบ้านฟังสองสาวแปลออกมาแต่ไม่เชื่อ หาว่าพะอูหน้าตาอัปลักษณ์แล้วยังขี้โม้ แต่แล้วอองไชยก็ปรากฏตัวพร้อมซากเสือตัวนั้น เขายืนยันว่าพะอูพูดจริง และเห็นกับตาด้วยว่าเด็กคนนี้สู้กับเสือ แต่กำลังจะไม่รอด ตนมาช่วยทันพอดี
“ต้องเป็นไอ้ตัวนี้แน่ที่ฆ่านังหมอนเมียข้า” ผู้ใหญ่สนตาวาวด้วยความเจ็บแค้น อองชัยได้โอกาสพูดทีเล่นทีจริงว่าถ้าอย่างนั้นตนคงได้รับรางวัลนำจับ “ใช่...ข้าจะตอบแทนเจ้า...”
“อองไชย...ข้าเป็นพรานชื่ออองไชย มาจากฝั่งโน้น”
ทันใด จ่าชิตเดินเข้ามามองดูซากเสือบนพื้นแล้วบอกว่าเสือที่กัดเมียผู้ใหญ่ตายไม่ใช่ตัวนี้ ทุกคนแปลกใจมองจ่าชิตเป็นตาเดียว รวมทั้งอองไชยที่ตั้งคำถามขึ้นว่า “เจ้ารู้ได้ยังไง”
“ก็ข้าเพิ่งเจอมันมา...ที่สำคัญ ไอ้เสือตัวนั้นลูกปืนไม่ระคายผิวมันเลย”
“เสือสมิง!! เจ้าเจอมันที่ไหน” อองไชยตาวาวด้วยความดีใจ
“ชายป่าตีนเขา มันโจมตีเราและตะปบหมวดสมรักษ์ตกน้ำหายไป”
ชาวบ้านทุกคนเลิ่กลั่กตกใจ ภราดรซักถามจ่าชิตด้วยความเป็นห่วงสมรักษ์...หลังจากนั้นผู้ใหญ่สนก็ระดมชาวบ้านออกตามหาหมวดสมรักษ์ โดยมีอองไชยติดตามไปด้วย ส่วนภราดรพากินรีกับยายและน้องชายไปส่งบ้าน ซึ่งประเดิมขับรถให้ และมีระรินนั่งมาด้วยอีกคน
ถึงบ้านแม่หมอ ระรินปากดีพูดแขวะกินรีอย่างหมั่นไส้เพราะหึงที่ภราดรดูจะให้ความสนใจเธอเป็นพิเศษ แม่หมอจับตามองไม่พอใจแต่ไม่พูดอะไร นอกจากเชิญหมอขึ้นเรือนสักประเดี๋ยว ทำให้ระรินหน้าคว่ำหนักขึ้นไปอีก แต่ไม่ทันจะว่ากระไร พลันก็เห็นใบหน้าหญิงโบราณในระยะประชิดเข้าเต็มๆ ระรินถึงกับร้องลั่นว่าผีหลอก หลับตาปี๋โผกอดประเดิมแน่น...
ด้านคณะของจ่าชิตที่บัดนี้แยกกับกลุ่มผู้ใหญ่สนเพื่อค้นหาหมวดสมรักษ์ในป่า อองไชยมากับจ่าชิตและตำรวจสองนาย ฟังจ่าชิตเล่าเรื่องเสือที่ทำร้ายสมรักษ์แล้วอองไชยยิ่งมั่นใจว่าต้องเป็นเสือสมิงที่ตนกำลังต้องการตัว
“ทำไมนายถึงต้องการมันนัก” จ่าชิตข้องใจ
“บอกตรงๆ ข้าเป็นพรานล่าเสือสมิง ว่ากันว่าในโลกนี้มีเสือสมิง 12 ตัว ประจำสิบสองราศี ข้าล่ามันมาได้ 10 ตัวแล้ว ทุกตัวที่ข้าฆ่ามันได้ ข้าจะเก็บวิญญาณของมันใส่ไว้ในขวดนี้” อองไชยชูขวดน้ำเต้าให้ดู ก่อนจะเล่าต่อไปเมื่อจ่าชิตอยากรู้ว่าเขาฆ่ามันยังไง “ฆ่าเสือสมิงต้องใช้อาคม แต่เสือบางตัวก็มีอาคมแก่กล้า เอาชนะมันยากเหมือนกัน”
“มิน่า...ข้ายิงมันไม่ตาย”
“จะยิงมันต้องใช้กระสุนเสกแบบนี้” อองไชยหยิบกระสุนออกจากย่ามกำมือหนึ่งส่งให้จ่าชิตพร้อมกำชับว่า “ข้าให้จ่า แต่ถ้ายิงมันได้ต้องให้เสือข้านะ”
“ฉันก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรเหมือนกัน...ให้เจอมันเถอะ ตอนนี้หาหมวดสมรักษ์ก่อนดีกว่า” ว่าแล้ว จ่าชิตก้าวนำทุกคนไป...
ooooooo
ตั้งแต่ออกจากบ้านแม่หมอมา ภราดรนั่งนิ่งไม่พูดอะไรสักคำจนประเดิมกับระรินสงสัยกระเซ้าเขาว่าถูกแม่มดแม่หมอนั่นเสกของใส่หรือเปล่า
ภราดรกำลังคิดถึงเรื่องที่คุยกับแม่หมอแต่กลบเกลื่อนว่าไม่มีอะไร ตนแค่เหนื่อยนิดหน่อย พอประเดิมกับระรินเงียบไป หมอหนุ่มก็มองเหม่อไปนอกรถพลางทบทวนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่แม่หมอเชิญขึ้นเรือน
แม่หมอให้สร้อยประคำแก่ภราดรไว้ป้องกันตัวในยามคับขัน บอกว่าเป็นเครื่องรางที่มีมาตั้งแต่บรรพบุรุษซึ่งก็คือรูปปั้นผีนัตสองตนที่ภราดรเห็นบนโต๊ะหมู่บูชา
“ผีนัตของพม่า ชาวบ้านที่นี่และในพม่าเรียกว่าผีฟ้าหน้าทองกับน้องชายของเธอ ผีนัตสองตนนี้เป็นผีที่ดุมาก ชาวพม่าให้ความเคารพนับถือมากที่สุด”
“คุณยายเป็นคนพม่าหรือครับ”
“เราเป็นคนไทย เพียงแต่เรามีเชื้อสายของพม่า ซึ่งอพยพเข้ามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่สมัยปู่ทวดมาแล้ว”
“มิน่าล่ะ กินรีถึงได้หน้าตาสะสวยคมเหมือนคนพม่า และพะอูทำไม...” ภราดรไม่กล้าพูดว่าอัปลักษณ์ แต่แม่หมอรู้ทันจึงเล่าให้ฟัง
“พะอูไม่ใช่น้องแท้ๆของกินรีหรอก ข้าเก็บมันมาเลี้ยงไว้ตั้งแต่เด็กๆแล้วล่ะ เวทนามัน ตอนที่ไปเจอน่ะ โดนอะไรไม่รู้ทำร้ายจนเนื้อตัวแหลกยับไปหมด รอดมาได้ก็บุญโขแล้ว”
“น่าสงสารจัง แล้วนี่เขาเป็นใบ้หรือครับ”
“ก็น่าเวทนาอยู่หรอก มันเป็นใบ้ หลังค่อมมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่มันฟังรู้เรื่องทุกคำพูดนะ”
“ถ้าเขาฟังรู้เรื่อง ก็อาจจะไม่ได้เป็นใบ้ก็ได้นะครับคุณยาย คนเป็นใบ้พูดไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้ยินเสียงเรา”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันไม่ยอมพูดเลยสักคำ... แล้วนี่คุณหมอทำยังไงถึงได้โดนย้ายมาที่นี่ล่ะ”
“ผมไม่ได้โดนย้ายหรอกครับ ผมขอย้ายมาอยู่เองแหละ”
“ปกติที่นี่ไม่ค่อยมีใครอยากมาอยู่มากนัก มันป่าดงทั้งนั้น”
“นั่นสิครับ ตอนนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากมา เหมือนกับว่ามีอะไรก็ไม่รู้บอกให้ผมมาอยู่ที่นี่”
“คงอาจจะเป็นเพราะเวรกรรมเก่าก็ได้กระมัง”
“อะไรนะครับ” ภราดรนิ่วหน้าสงสัย แต่แม่หมอไม่พูดอะไรอีก ถอนใจยาวแล้วตัดบทให้เขากลับไปได้แล้ว...
ภราดรยังค้างคาใจ นั่งเหม่อคิดอยู่ในรถที่ประเดิมขับ กระทั่งรถมาจอดหน้าบ้านพัก เขาปรับสีหน้าปกติบอกลาประเดิมและฝากให้ไปส่งระรินด้วย
ส่วนที่บ้านแม่หมอ...พะอูและกินรีหลับไปแล้วแต่แม่หมอยังนั่งตาโพลงมองกินรีแล้วพูดพึมพำว่า ยายช่วยเขาได้แค่นี้...จากนั้นลุกไปจุดธูปบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้าน รำพึงรำพันต่อไปด้วยแววตาหวาดกลัวและทุกข์ใจ
“ หรือว่าทุกอย่างมันถูกกำหนดเอาไว้แล้วอย่างนั้นหรือท่าน ข้าไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลยใช่ไหม เวรกรรมทั้งหลายมันมาบรรจบกันในชาตินี้แล้วใช่ไหมเจ้าคะ”
ooooooo
คืนเดียวกัน มีพม่าวัยกลางคนนำรูปไม้แกะสลักมาขายให้เสี่ยรงค์ถึงบ้าน โดยบอกว่าเป็นเทพของมอญ คาดว่าน่าจะสร้างในสมัยพุกามเรืองอำนาจเมื่อ 800 ปีมาแล้ว เป็นเทวดาแต่ตนไม่รู้จักชื่อ เห็นว่าเป็นเทพแห่งจอมราชันย์ทั้งปวง ชาวบ้านเชื่อว่าจะปกป้องอำนาจมืดได้
“อืม...น่าสนใจ ใครก็รู้ว่าฉันสะสมของเก่า ดูในบ้าน ฉันสิ แทบไม่มีที่จะเก็บอยู่แล้ว นายจะขายเท่าไหร่ล่ะ”
ชายกลางคนหันมองรอบบ้านก็พบสิ่งของโบราณเต็มไปหมด จึงบอกเสี่ยอย่างเกรงใจว่าคิดราคากันเองสองแสน เสี่ยรงค์พินิจสินค้าอีกทีก่อนตกลงพร้อมส่งเงินสดให้ไป
ระรินเดินหน้าตูมสวนเข้ามาพอดี เสี่ยรงค์มองสีหน้าลูกสาวก็รู้ทันทีว่าอารมณ์ไม่ดี เขาพูดด้วยสองสามคำ หล่อนก็เดินหนีขึ้นห้อง เป็นจังหวะที่เบิ้มโผล่เข้ามา เสี่ยถามเรื่องงานว่าจัดการไปถึงไหนแล้ว
“ไม้ของเราข้ามผ่านพม่าเข้ามาฝั่งไทยเรียบร้อยแล้วครับ รอแค่พวกคนงานแปรรูปเสร็จก็ส่งเข้าโกดังได้เลย แต่เสี่ยครับ ไอ้มอญสองคนที่มาใหม่มันเที่ยวมาพูดว่าเสือโคร่งตัวเบ้อเริ่มมันออกอาละวาด พวกคนงานใจเสียไปตามๆกัน ผมกลัวว่ามันจะถอดใจกลับบ้านกันหมดครับ”
“ขึ้นค่าจ้างเป็นสองเท่า ใครไม่เอายิงทิ้งได้เลย...ไอ้พวกนี้เพ้อเจ้อ เสือเสอที่ไหน ไฟออกจะเต็มปาง เสือที่ไหนมันจะกล้าวิ่งเข้ามาหาลูกปืน”
เบิ้มเออออ ทั้งที่ในใจหวาดหวั่นอยู่เหมือนกัน...
แล้วกลางดึกนั่นเอง คนงานชาวพม่าคนหนึ่งก็ถูกเสือทำร้ายจนตายแล้วลากร่างไปโคนต้นไม้ ก่อนที่คนรูสองผัวเมียจะเข้ามาควักหัวใจไปให้งะดินเดในถ้ำ ทำให้กายทิพย์ของงะดินเดมีพละกำลังมากขึ้น นั่นหมายถึงวิชาอาคมของเขาก็มีโอกาสที่จะฟื้นขึ้นมาด้วยเช่นกัน
ooooooo