ตอนที่ 14
“ผมว่าความผิดของพวกเขาในคดีเก่า เราก็พอจะรู้ๆกันอยู่ว่าพวกเขาถูกใส่ร้าย เพียงแต่รอรื้อฟื้นคดี ส่วนคดีใหม่ผมดูแล้วมันก็เป็นคดีไม่อุกฉกรรจ์ เช่น ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ซึ่งเราก็ต้องดูที่เจตนาอีกที”
สยุมภูพูดอย่างมีเหตุมีผล ผู้การนภดลคล้อยตาม ตกลงให้ปล่อยตัวชั่วคราว แต่เราจะกำหนดหลักทรัพย์ ยังไง พวกนี้มีหลักทรัพย์มาค้ำประกันหรือ
เสือสักตอบทันที “ผมมีครับ มันเป็นสมบัติเก่าที่ติดตัวมาก่อนปล้น เป็นบ้านและที่ดินในกรุงเทพฯหลายแปลง”
“ถ้าไม่พอผมขอใช้ตำแหน่งผมค้ำประกันครับ”
“ผมด้วยครับ”
หมวดสยุมภูกับสารวัตรดำเกิงเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ผู้การนภดลพยักหน้ายินยอม
“ตกลงตามนี้ สารวัตรดำเกิงตั้งเรื่องมาแล้วกัน
ผมพร้อมจะเซ็นให้ เอ้า...เรามาว่าเรื่องทองกันต่อ จะเอายังไงดี”
จ่าลือคนของหมวดประชาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้เงี่ยหูแอบฟังทันที
ooooooo
เสร็จสิ้นการประชุม ผู้การนภดลตัดสินใจส่งเสือสักเข้ากรุงเทพฯไปพร้อมกับทองทั้งหมดในวันพรุ่งนี้ ซึ่งสารวัตรดำเกิงกับหมวดสยุมภูเชื่อว่าต้องเจออุปสรรค แต่พวกเขาก็มั่นใจว่ารับมือพวกคนร้ายได้แน่
ขณะเดียวกันชัยที่มีตำราอาบน้ำว่านที่คิดว่าจะต่อสู้กับตำรวจได้ก็กำลังทำพิธีให้ประจักษ์แก่สายตาลูกน้องและคิดว่าเจอกันคราวหน้าพวกมะฮาแวไม่รอดแน่ ขณะที่เสือฝ้ายกับเสือแคนแอบคุยกันสองคน
เชื่อว่าเบญจรงค์ที่แม้ดูเก่งกาจ แต่คิดว่าไม่น่าสู้สยุมภูได้ ซึ่งเสือฝ้ายต้องการให้เป็นอย่างนั้นเพราะส่วนแบ่งทองจะได้น้อยลง
เขียวกับปรานจัดหาอาวุธไว้เพียบเพื่อใช้ตอนไปเอาทอง พร้อมกันนี้พวกเขาก็ส่งคนไปสืบข่าวอยู่คาดว่าอีกไม่นานคงรู้เรื่อง ส่วนสำอางที่ยังข้องใจว่าอาจารย์ไพรวัลย์อยู่ในตัวเบญจรงค์ พอกระซิบถามก็ได้คำตอบจากเบญจรงค์ด้วยท่าทีหยิ่งยโสว่า
“ไม่มีคำว่าไพรวัลย์อีกต่อไป ต่อแต่นี้มีแต่เบญจรงค์จอมขมังเวท”
“ไม่น่าเชื่อ คุณกินหัวใจของอาจารย์ได้ยังไง”
“สัญชาตญาณและความแค้น อีกอย่างถ้าฉันไม่กิน อาจารย์ก็ต้องตกเป็นเหยื่อเสือสางอยู่ดี เคยได้ยินเรื่องเสือสมิงไหมล่ะ”
“ก็เคยมาบ้าง”
“เสือที่กินเนื้อคนมีวิชาอาคม วิญญาณของคนนั้นก็จะสิงร่างเสือ วันดีคืนดีก็กลายร่างเป็นคนเที่ยวไล่กินชาวบ้าน”
“ผมสงสัยว่าคุณเบญจรงค์จะสู้กับตะกรุดโทนได้ยังไง”
เบญจรงค์หยิบบ่วงบาศพญาครุฑาออกมา สำอางเห็นแล้วผงะตกใจ
“บ่วงบาศพญาครุฑา ผมเห็นมันหายไปกับอาจารย์ตอนสิ้นลมแล้วนี่”
“แต่ตอนนี้มันอยู่ที่นี่แล้ว จะไปสงสัยทำไม” พูดจบเบญจรงค์ท่องคาถาครู่หนึ่งก็บังเกิดแสงเรืองที่บ่วงบาศ พอเหวี่ยงไปตรงหน้ามีเสียงฟ้าร้องครืนครางให้เห็นเป็นอัศจรรย์
สำอางแทบไม่เชื่อสายตาหลุดปากว่าทำไมดูร้ายแรงยิ่งกว่าตอนที่อาจารย์ใช้
“ก็เพราะฉันมีสองหัวใจร่างเดียวไง ต้องขอบคุณอาจารย์ไพรวัลย์” เบญจรงค์แสยะยิ้ม แววตาแดงฉานไม่ต่างจากปีศาจ!
ooooooo
สยุมภูฝันกลางวันแสกๆว่าได้พบชายสูงวัยที่บอกว่าตัวเองคือพ่อปู่ยมโลกที่เป็นห่วงเขาและมนุษย์ทั้งหลาย เกรงว่าจะตกเป็นทาสของพวกอวิชชาที่นับวันพวกมันชักแก่กล้าขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสิ่งเดียวที่จะ
ต่อกรกับมันได้คือตะกรุดโทนศรีสุทโธโสฬสในคอเขา
ในฝันสยุมภูบอกว่าตนเคยพยายามใช้ตะกรุดโทนแล้วแต่ยังสู้ไม่ได้ พ่อปู่ยมโลกบอกว่าแค่ศีล สมาธิ ปัญญา และหัวใจพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในบทสวดอิติปิโสยังไม่เพียงพอ เขาต้องอัญเชิญพญา นาคราชเจ้าของแผ่นยันต์ศรีสุทโธโสฬสมาสถิตให้เกิดพลังอำนาจและอานุภาพมากขึ้น
ว่าแล้วพ่อปู่ก็สอนสยุมภูให้ท่องคาถาบทหนึ่ง พลันพญานาคปรากฏกายเลื้อยล้อมรอบสยุมภูพร้อมเสียงฟ้าร้องครืนๆ เมื่อสะดุ้งตื่นสยุมภูประหลาดใจมากเพราะมีเกล็ดพญานาคติดมือมา คิดว่าไม่น่าจะเป็น แค่ความฝัน
เมื่อเขาทบทวนท่องคาถาบทนั้นปรากฏว่าจำได้ขึ้นใจอย่างไม่น่าเชื่อ เนตรทรายกำลังตามหาบุญรอดเดินผ่านมาเห็นสยุมภูก็รีบเข้ามาทัก ก่อนจะเล่าให้ฟังว่าบุญรอดหายไป ตนตามหาทั่วบ้านก็ไม่พบ
สยุมภูคิดว่าบุญรอดน่าจะไปล้างแค้นเสือแคนที่ฆ่ามะไฟตาย เมื่อเสือสักรู้เรื่องก็เป็นห่วงจะไปตามบุญรอด แต่สยุมภูอาสาไปเองและให้เนตรทรายคอยดูแลเสือสักที่สมควรวางมือได้แล้ว
บุญรอดควบม้าไปในป่าจุดหมายคือแหล่งที่พักของพวกเสือฝ้าย สยุมภูควบม้าติดตามโดยค่อยๆแกะรอยไปเรื่อย ฝ่ายมะฮาแว ไข่นุ้ย และอุสมานที่ยังปักหลักในบ้านหลังเดียวกับเสือสัก ทุกคนโล่งใจเมื่อรู้ว่าได้ประกันตัว ถึงแม้ต้องต่อสู้คดีต่อไป ก็ยังพอจะมีความหวังเพราะที่ผ่านมาพวกเขาทำความดีช่วยงานราชการหลายครั้ง
Powered by Froala Editor