ตอนที่ 13
ชัยยอมให้สารวัตรดำเกิงนำทางไปยังแหล่ง ซ่อนทอง แน่นอนว่าเสือฝ้ายไม่ยอมให้ไปกันสองคนแน่ เสือฝ้ายขอไปด้วยทั้งที่ตัวเองยังบาดเจ็บ
ชัยให้รินกับเชวงเฝ้าที่แคมป์ไว้โดยไม่ยอมปล่อยคนอื่นๆไปตามที่สารวัตรดำเกิงขอ เขียวกับปรานเห็นด้วยเพราะตราบใดที่ยังไม่เห็นทองก็ไม่มีทางปล่อยเชลย
ทางฝ่ายแทนกับกรที่พยายามตามหาหมวยลี่ สองคนคิดไม่ออกจะไปตามหาที่ไหน กรบอกตนจนปัญญาแล้วจริงๆ แทนเองก็มืดแปดด้าน แต่แล้วกรเหมือนคิดอะไรได้
“เดี๋ยวนะ...มันจับตัวสารวัตรดำเกิงไปทำไม”
“มันก็ต้องอยากได้ทองไง แกบอกว่าสารวัตรดำเกิงเป็นคนเดียวเท่านั้นที่รู้ที่ซ่อนทอง”
“ที่จริงฉันรู้ว่าสารวัตรดำเกิงเอาทองไปซ่อนไว้ที่ไหน”
“แกรู้? แล้วทำไมอมไว้คนเดียว ทองนะโว้ย”
“ทองพวกนั้นมันเป็น...เอ่อ...ช่างเถอะ ฉันว่าพวกนั้นมันต้องบังคับให้สารวัตรดำเกิงไปเอาทอง”
“งั้นก็ได้เรื่องล่ะ” แทนยิ้มพอใจ กรเงียบไปเพราะเขามีความลับบางอย่างเกี่ยวกับทองชุดนี้
ooooooo
พวกเสือสักส่งเนตรทรายถึงมือหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หมอตรวจและบอกว่าคนไข้ปลอดภัย พักสองสามวันจะดีขึ้น เสือสักขอบคุณหมอแล้วถอยออกมาหาพวกสยุมภู
ลุงหรุ่นถามเสือสักว่าจะเอายังไงต่อ เสือสักบอกว่าตนคงต้องดูแลลูกสาวให้หายดีก่อน
“เราต้องรีบจัดการกับอาจารย์ไพรวัลย์ก่อนที่อาคมและอำนาจเขาจะมากไปกว่านี้”
ไข่นุ้ยนึกได้แทรกขึ้นว่า “ฉันเห็นอาจารย์ไพรวัลย์ กับสำอางมีข้าวของกับเครื่องบูชาที่ใช้ทำพิธี”
“มันต้องทำอะไรแน่ หรือว่ามันจะเกี่ยวข้องกับตะกรุดโทนดอกนั้น”
ฟังเสือสักพูดมา ลุงหรุ่นถามทันทีว่าวันนี้กี่ค่ำ เสือสักบอกว่าขึ้น 8 ค่ำ ลุงหรุ่นนับนิ้วไปมาก่อนเอ่ยว่า มันอาจจะทำพิธีในคืนนี้
“เราจะหยุดมันได้ยังไง” สยุมภูร้อนใจ
“ยันต์ที่ลงในตะกรุดนั่น มีใครรู้บ้างว่าเป็นยันต์อะไร”
“ฉันไม่รู้ คนที่รู้ดีน่าจะเป็นพระธุดงค์รูปที่พญานาคมอบตะกรุดให้ แต่ก็รู้ๆกันอยู่ว่าพระรูปนั้นมรณภาพไปนานมากแล้ว”
“แต่ฉันว่าท่านน่าจะเล่าอะไรให้ใครฟังบ้างล่ะ”
“ข้าว่าป่านนี้คนที่พระรูปนั้นเล่าให้ฟังก็คงไปสวรรค์แล้วล่ะ”
ทุกคนถกปัญหาและช่วยกันคิดวิเคราะห์ สยุมภูฉุกคิดขึ้นมาได้ พูดโพล่งว่าอาจจะมีใครบางคนรู้เรื่องนี้
หลังจากนั้นพักใหญ่ๆ สยุมภูกับลุงหรุ่นก็เดินทางไปที่สำนักสงฆ์บนเขา กราบหลวงพ่อที่นั่งหลับตาแต่ทักทั้งคู่เหมือนรู้ทันว่า
“มาเรื่องตะกรุดโทนดอกนั้นใช่ไหม”
สองคนแปลกใจว่าหลวงพ่อรู้ได้อย่างไร หลวงพ่อ ไม่ตอบ แต่ถามว่าใช่ไหม?
“ใช่ครับ หลวงพ่อ”
“โยมติดขัดเรื่องยันต์ในตะกรุดใช่ไหม”
“ครับ เห็นไอ้หมวดนี่มันบอกว่าหลวงพ่อเป็นหลานพระธุดงค์รูปนั้น”
“อาตมาไม่ปฏิเสธ”
“ตอนนี้ตะกรุดดอกนั้นตกอยู่ในมือของพวกอวิชชาครับ”
“คงจะเป็นเหลนของเถรวาทน่ะสิ”
“เถรวาท?” ลุงหรุ่นทวนคำงงๆ
หลวงพ่ออธิบายว่า “เถรวาทคือจอมขมังเวทที่ขับเคี่ยวมากับพรานบุญ ต่างฝ่ายต่างมีของดี พรานบุญมีตะกรุดโทนศรีสุทโธโสฬสและบ่วงบาศนาคราช... เถรวาทมีบ่วงบาศพญาครุฑาที่มีอำนาจเหนือนาคทั้งปวง ซึ่งในการต่อสู้กันพรานบุญได้จบชีวิตลงและหายสาปสูญไปพร้อมบ่วงบาศและตะกรุด”
“แสดงว่าซากศพที่ผมพบคือซากศพของพรานบุญ แต่ตอนนั้นไม่มีบ่วงบาศนาคราช” สยุมภูมั่นใจ
“นั่นไม่สำคัญหรอก”
ลุงหรุ่นเริ่มจับทางได้ “ใช่ครับ สิ่งสำคัญคือบ่วงบาศพญาครุฑา นั่นมันเป็นของแก้อาถรรพณ์ของยันต์พญานาค”
“โยมเข้าใจถูกแล้ว การที่เราจะนำตะกรุดนั่นให้พ้นจากคนชั่ว เราต้องมีสิ่งนี้”
“เราจะหาบ่วงบาศนี้ได้ที่ไหน”
“นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับวาสนาและบารมีของโยมเอง”
หลวงพ่อหมดคำพูด สยุมภูมองหน้าลุงหรุ่นอย่างกลุ้มใจ
ooooooo
อาจารย์ไพรวัลย์ปักหลักในหมู่บ้านส่วย เขาคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่อนามัยแล้วบอกสำอางว่าเราจะประมาทพวกสยุมภูไม่ได้แล้ว สำอางถามว่าแค่ธูปมันมีอานุภาพขนาดนี้เลยหรือ
“มันก็แค่ชั่วคราว ถ้าคืนนี้ฉันทำพิธีสำเร็จ อย่าว่าแต่ผงธูปเลย ไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถทำอะไรฉันได้ทั้งนั้น” อาจารย์หยิบบ่วงบาศพญาครุฑาที่เคยทำเอาไว้ขึ้นมา แล้วพูดต่อ “ยกเว้นคืนนี้ฉันจะทำลายมันในพิธี ดาบนั้นจะได้ไม่กลับมาคืนสนอง”
สำอางพยักหน้าเข้าใจ พอดีหัวหน้าส่วยเข้ามาบอกอาจารย์ไพรวัลย์ว่าของที่จะทำพิธีตนจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว ส่วนคนก็คัดเลือกตามลักษณะที่อาจารย์บอก ได้มา 7 คน รวมตนด้วยเป็น 8
“ดีมาก”
“จะให้พวกเราไปตามเก็บเสือสักไหมครับ” หัวหน้าส่วยเสนอตัว
“ยังไม่ต้อง รอเช็กบิลรอบเดียว” พูดแล้วอาจารย์ไพรวัลย์หัวเราะหึๆ มั่นใจมากว่าพิธีคืนนี้ต้องสำเร็จแน่
ฝ่ายอาต้าที่แนะนำนายตันให้ร่วมมือกับซูเหลียน เขากำลังพาพวกนายตันไปพบซูเหลียนที่โรงแรม ฝนทิพย์เห็นอาต้าก็ชักปืนจะยิง แต่นายตันขอร้องให้ใจเย็นก่อน
Powered by Froala Editor