สมาชิก

สุสานคนเป็น

ตอนที่ 10

รสสุคนธ์นำใบทะเบียนสมรสมาอวดทุกคนในบ้านลั่นทมพร้อมกับแต่งตั้งตัวเองเป็นคุณผู้หญิงคนใหม่ ถ้าใครไม่เชื่อฟังก็จะไล่ออกสถานเดียว คนอื่นฟังแล้วนิ่งอึ้ง แต่หวานทนไม่ไหวลุกพรวดขึ้นด่าอย่างเดือดดาล

“นังกิ้งก่า! ชูคออวดความเลวอย่างหน้าด้านๆ ภูมิใจมากนักเหรอวะกับสิ่งที่แกฉกชิงมาอย่างไม่อายฟ้าอายดิน”

“น้าหวาน...จะมากไปแล้วนะ อย่าคิดว่าเป็นน้าแล้วฉันจะไม่กล้าไล่ออก”

“แกไม่ต้องมาไล่ข้าหรอกนังรส ข้าก็ไม่อยากอยู่ดูความโสมมของแกนักหรอก”

รสสุคนธ์ฮึดฮัดขัดใจ ชีพเห็นท่าไม่ดีรีบเข้ามา

ไกล่เกลี่ย “ไม่เอาน่าน้าหวาน ยังไงรสก็เป็นเมียฉันแล้ว ฉันรู้ว่าน้าหวานจงรักภักดีกับลั่นทม แต่เขาก็ตายไปแล้ว เขาไม่อยู่แล้ว”

“อยู่สิคะ คุณผู้หญิงยังอยู่ยังรับรู้ทุกอย่าง นายฉ่ำก็เห็น”

“จริงครับคุณผู้ชาย ผมไม่ได้ตาฝาด ผมเห็นผีคุณผู้หญิงจริงๆ”

ฉ่ำยืนยันหนักแน่นแต่ชีพไม่เชื่อ ยิ้มดุร้ายท้าทายลั่นทมให้ออกมาเลย ตนจะได้เอาทะเบียนสมรสให้ดู หวานไม่พอใจ ขอร้องชีพอย่าทำอย่างนั้น เพราะคุณผู้หญิงจะเสียใจมาก

“ฉันจะพิสูจน์ให้ดูไงว่าผีมีจริงมั้ย” ชีพสวนทันที ขณะที่รสสุคนธ์ก็มั่นใจว่าไม่มีผีลั่นทมแต่ทุกคนจงใจกุเรื่องขึ้นมาเพื่อทำให้ตนกับชีพกลัว

“วิญญาณคุณผู้หญิงยังอยู่จริงๆ ถ้าแกไปท้าทายท่าน แกจะเดือดร้อน” หวานเน้นย้ำ แต่กระนั้นชีพกับรสสุคนธ์ก็ไม่เชื่ออยู่ดี พากันเดินควงแขนมุ่งหน้าไปยังสุสานเอาใบทะเบียนสมรสมาเย้ย ทั้งที่ร่างลั่นทมนอนนิ่งไม่ไหวติง เนื้อตัวเริ่มเขียวคล้ำ แขนขาร่างกายแข็งเกร็ง

“เธอคุยว่าไม่หายใจแต่ก็รู้สึกตัวทุกอย่างไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นเห็นแล้วใช่ไหมว่านี่อะไร ฉันจดทะเบียนกับรสสุคนธ์แล้ว...ก็เธอมันงกนักนี่ ในที่สุดเงินของเธอก็จะเป็นของฉันกับรส”

ชีพหัวเราะสะใจ รสสุคนธ์เข้ามาคลอเคลียชีพพลางมองลั่นทมอย่างไม่หวาดกลัว

“ฟื้นขึ้นมาสิจ๊ะคุณนายลั่นทม อุ๊ย แต่ถ้าตอนนี้เธอฟื้นขึ้นมาได้เธอจะอยู่ในตำแหน่งไหนดีล่ะ เพราะฉันกลายเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณชีพไปแล้ว สงสัยจะลมจับแล้วช็อกตายไปอีกรอบล่ะมั้ง”

อุษายืนตรงประตูได้ยินทุกคำพูดของทั้งคู่ โกรธแค้นแทนลั่นทมจนระงับอารมณ์ไม่อยู่

“เลวที่สุด! กล้าทำกับคุณน้าถึงขนาดนี้เลยเหรอ ออกไปให้พ้น!”

ทั้งคู่หันขวับไปจ้องอุษาตาขวาง ถามเธอว่าไล่ใคร อุษาตอบเสียงดังฟังชัดว่าไล่หญิงร้ายชายชั่ว...รสสุคนธ์ถึงกับเต้นผางจะเข้าไปตบอุษาแต่ชีพกระตุกแขนเธอไว้ พลางต่อว่าอุษาพูดจาไม่ให้เกียรติตนบ้างเลย

“น้าชีพมีเกียรติด้วยเหรอคะ สิ่งที่น้าชีพทำกับคุณน้าทั้งที่ผ่านมาและทั้งวันนี้มันทำลายเกียรติของน้าชีพรวมถึงความเป็นคนจนไม่มีเหลือแล้วล่ะค่ะ”

ชีพอึ้งไป แต่รสสุคนธ์ยังเถียงคอเป็นเอ็น “ก็น้าเธอแกล้งฉัน แกล้งคุณชีพ พวกเธอก็คบคิดกันรวมหัวให้ฉันกลัวเพื่อฉันจะได้ไปจากที่นี่ ฉันกับคุณชีพจะพิสูจน์ให้เห็นไงว่าผีน้าเธอน่ะไม่มีจริง”

“พิสูจน์ด้วยการทำร้ายจิตใจคุณน้าแบบนี้น่ะเหรอ คิดบ้างไหมว่าคุณน้าจะเสียใจจะเจ็บช้ำแค่ไหน...ษาหวังว่าจะไม่เห็นน้าชีพทำร้ายจิตใจคุณน้าแบบนี้อีกนะคะ” อุษาทิ้งท้ายจริงจังดุดันแล้วหันหลังกลับออกไปทันที

รสสุคนธ์ตะโกนไล่หลังไปอย่างฉุนจัด “ทำปากดีไปเถอะ ไม่มีที่จะซุกหัวนอนยังไม่รู้สึกตัว แกกล้าด่าเจ้าของบ้านอย่างฉันเดี๋ยวแกจะรู้สึก”

ชีพเดินไปที่ศพลั่นทมบนเตียง จับตัวเขย่าอย่างแรง “นอนเฉยอยู่ทำไม ลุกขึ้นมาอาละวาดสิ แน่จริงลุกขึ้นมา ฉันเกลียดเธอลั่นทม ได้ยินไหมฉันเกลียดเธอ”

เมื่อเห็นว่าเธอนอนนิ่งก็เย้ยหยามว่าเป็นแค่ซากศพที่กำลังจะเน่าเปื่อย แต่หารู้ไม่ว่าพอเขากับรสสุคนธ์โอบกอดกันออกไป ศพลั่นทมลืมตาโพลง ดวงตาแดงก่ำมองตามทั้งคู่ไปอย่างโกรธแค้น!

ooooooo

ไม่ทันข้ามวัน รสสุคนธ์วางอำนาจบาตรใหญ่ให้อุษาย้ายลงไปอยู่ห้องเล็กชั้นล่าง โดยที่ชีพก็เห็นดีเห็นงามไม่ห้ามปรามเมียคนใหม่สักคำ แถมยังให้สิทธิ์เธอเต็มที่ในฐานะเจ้าของบ้านหลังนี้

“แต่น้าชีพยังไม่ได้เป็นเจ้าของบ้านนี้” อุษาท้วงเสียงขุ่น

“ทำไมจะไม่ได้เป็น ไหนว่าไม่เคยต้องการอะไรไงล่ะ กะอีแค่ย้ายห้องต้องโยกโย้ทำไม นังหวาด นังจิ้มลิ้ม นังยาใจ ถ้าพวกแกไม่อยากถูกไล่ออกก็รีบไปขนของซะ”

พวกสวาทยังไม่กล้า อุษาข่มใจบอกทุกคนให้เข้ามาขนของ และย้ำกับหญิงร้ายชายเลวคู่นี้ว่าที่ตนยอมย้ายไม่ใช่เพราะกลัวแต่รังเกียจที่จะอยู่ใกล้พวกบาปหนาเต็มที

วิญญาณลั่นทมรู้เห็นทุกอย่าง แผลงฤทธิ์ด้วยการแกล้งกระแทกกลุ่มสวาทไปชนรสสุคนธ์จนกระเด็นล้มลงกับพื้น

“อีพวกบ้าเดินประสาอะไร หรือว่าคิดจะแกล้งฉัน” รสสุคนธ์แว้ดใส่พวกสวาทที่ยืนงงและปฏิเสธเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกตนไม่ได้ผลัก จึงเกิดข้อกังขาว่าใครผลัก

“หรือว่า...คุณผู้หญิง” ยาใจพูดโพล่ง สวาทกับจิ้มลิ้มตกใจโดดเข้ามาเกาะกลุ่มกันอย่างหวาดกลัว เลยโดน รสสุคนธ์ตวาดแว้ดให้อีกรอบ

“เลิกบ้าซะที ก็บอกแล้วว่าผีนังลั่นทมมันไม่มี ใครพูดอีกฉันจะไล่ออก รีบไปเก็บของเดี๋ยวนี้”

สามคนค่อยๆแยกย้ายกันเก็บของอย่างหวาดๆ อุษาเก็บของใช้ส่วนตัวของตนไปไม่แสดงอาการใดๆ รสสุคนธ์ยิ้มเยาะก่อนคล้องแขนชีพพากันออกไป ผ่านวิญญาณลั่นทมที่ทำท่าเหมือนจะทำร้ายแต่ก็ข่มใจ หันมองอุษาด้วยความสงสาร ก่อนจะเลือนหายไป...

ทนายไกรถูกเรียกตัวมาที่บ้านในบ่ายวันนี้ ชีพกับรสสุคนธ์ต้องการตรวจสอบทรัพย์สินต่างๆที่ลั่นทมยกให้ แต่ไกรขอให้รออุษากับธารินทร์ก่อน

“นี่อย่าโยกโย้นักเลยคุณทนาย ทำตัวเป็นกลางหน่อย”

“ผมไม่ได้โยกโย้ แต่คุณอุษามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง ส่วนหมวดธารินทร์เป็นตัวแทนรับรู้แทนท่านผู้ว่าฯ ท่านสารวัตรใหญ่” ไกรหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งชูให้ดู “นี่ไงครับ หนังสือมอบฉันทะที่ท่านทั้งสองส่งมาที่ผม”

“แล้วทำไมยังไม่มา ไม่รู้จักหน้าที่” ขาดคำของชีพ ธารินทร์มาถึงพอดี ชีพหงุดหงิดด่าออกมาเบาๆว่าแส่ทุกเรื่อง แต่ผู้หมวดหนุ่มได้ยินชัด รับคำหน้าตาเฉย

“ครับ...นอกจากมาแทนในเรื่องพินัยกรรมแล้วผมยังมีหมายค้นมาจัดการเรื่องคดีของคุณน้าลั่นทมด้วยว่าทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุหรือฆาตกรรม”

 ชีพหน้าเสียแต่ทำไม่รู้ไม่ชี้ตะโกนเสียงดัง “เอ้า ใครอยู่แถวนี้ไปตามอุษามาเร็วๆ”

รสสุคนธ์สีหน้าไม่ค่อยดีกลัวเรื่องคดีความที่ตัวเองรู้เห็นกับชีพทำให้ลั่นทมตาย แต่ชีพจ้องเขม็งให้เธอเฉยไว้

หวานขึ้นไปตามอุษาถึงได้รู้ว่าบัดนี้เธอถูกรสสุคนธ์สั่งให้ย้ายลงมาอยู่ห้องเล็กชั้นล่าง พวกสวาทสงสารอุษาก็เลยพาลตำหนิหวานว่าไม่คิดจะทำอะไรบ้างเหรอ ปล่อยให้หลานสาวทำตามอำเภอใจจนคนอื่นเดือดร้อนกันไปหมด

“ฉันขอโทษค่ะคุณอุษา ฉันเสียใจจริงๆ ฉันจะไม่ยอมให้มันทำกับคุณษาอย่างนี้ เป็นไงเป็นกันสิ” พูดจบหวานจะผลุนผลันออกจากห้อง แต่อุษารีบคว้าแขนเธอไว้

“ช่างเถอะน้าหวาน อย่าให้มีเรื่องมีราวกันเลย รสสุคนธ์กำลังบ้าอำนาจเขาไม่ฟังใครหรอก ษาเองก็คงอยู่ที่นี่อีกไม่นาน”

“คุณอุษาจะไปไหนคะ” หวานถามร้อนรน

อุษาไม่ทันตอบ พวกสวาทเดาเสียก่อนว่าคงไปอยู่บ้านใหม่กับธารินทร์...ว่าแล้วร่ำร้องเป็นเสียงเดียวกันว่าขอพวกตนไปอยู่ด้วย

“ษาไม่มีเงินจ้างหรอกจ้ะ”

“ไม่ต้องให้เงินหรอกค่ะ พวกเราแค่มีข้าวกิน มีที่ซุกหัวนอนก็พอแล้ว”

“ไว้ษาจะถามรินทร์ให้นะจ๊ะ”

ทั้งสามคนยิ้มกว้างดีใจ อย่างน้อยก็ไม่น่าจะสิ้นไร้ไม้ตอกจนต้องตากหน้าอยู่กับคนบ้าอำนาจอย่างรสสุคนธ์

ooooooo

เมื่ออุษามาสมทบครบถ้วนแล้ว ไกรยื่นพินัยกรรม ชุดเดิมที่ไม่ใช่บัญชีทรัพย์สินให้ชีพดู รสสุคนธ์ขยับมาใกล้กวาดตาครู่หนึ่งก่อนถามหาสิ่งที่ต้องการ

“บัญชีทรัพย์สินล่ะ”

“จะนำมาหลังวันที่หมอผันรักษาคุณลั่นทมเสร็จ พร้อมพินัยกรรมส่วนอื่น”

“แต่ผมต้องการเงินสดในบัญชีลั่นทมมาใช้หมุนเวียน”

“คุณต้องใช้เงินในบัญชีส่วนตัวคุณไปก่อน”

“อะไรกันวะ” ชีพโวยวายอย่างลืมตัว...รสสุคนธ์เจ้ากี้เจ้าการถามว่าเงินใช้จ่ายที่โรงงานล่ะจะให้ทำยังไง

“คุณชีพมีสิทธิ์เบิกจ่ายได้กับคุณอุษา เพราะเธอคุมบัญชีอยู่แล้ว”

 “นี่คุณไกร คุณกำลังเล่นตลกอะไร ผมเป็นผัวลั่นทมจะใช้เงินต้องขอเบิกจากอุษาเหรอ มันมากไปแล้วนะ”

“ผมทำตามที่พินัยกรรมระบุ” ไกรยืนยันสีหน้าเรียบนิ่ง ชีพมองดูพินัยกรรมในมือแล้วปาทิ้งอย่างเดือดดาล

“ไอ้คนเขียนพินัยกรรมฉบับนี้มันบ้า มันวิปริตนี่คุณทนาย...ลั่นทมมีโรคร้ายประจำตัว สติสตังไม่สมบูรณ์จะเชื่อได้ยังไง”

“สมบูรณ์ครับ เพราะมีพยานรู้เห็นครบถ้วน”

“ไม่เป็นไรค่ะชีพ เขาไม่ให้เราเบิกเราก็เอาเครื่องเพชรของลั่นทมที่อยู่กับคุณขายใช้จ่ายก่อนก็ได้ หวังว่าคงไม่มีปัญหานะคุณทนาย”

“มีครับ เพราะเครื่องเพชรรวมทั้งข้าวของในบ้านทุกชิ้นมีบันทึกพร้อมภาพถ่ายครับ ทำกันก่อนที่คุณลั่นทมจะไปเอามาจากธนาคาร ฉะนั้นถ้าคุณเอาไปใช้คุณจะถูกฟ้องและถูกตัดสิทธิ์”

ชีพกับรสสุคนธ์ผิดหวังอย่างแรง เดินปึงปังตามกันออกไปที่สุสานด่าทอศพลั่นทมอย่างเจ็บแค้น

“นังผีบ้า...แกเตรียมการทุกอย่างไว้ก่อนแล้ว แกเลวมาก แกหลอกฉัน ฉันขอให้แกตกนรกอย่าได้ผุดได้เกิด ขอให้วิญญาณแกได้รับแต่ความทุกข์ทรมานทุกๆชาติ”

“มันร้ายกว่าที่คิดจริงๆนะคะชีพ ขนาดตายแล้วมันยังขัดขวางเราจนได้ รสเคยบอกคุณแล้วว่ามันไม่ได้รักคุณ มันเกลียดคุณ มันจะแกล้งคุณ”

ชีพได้แรงยุยิ่งโกรธจัด ทั้งด่าทั้งแช่งลั่นทมแล้วผลุนผลันกลับออกมาพร้อมรสสุคนธ์ แต่ไม่ทันพ้นประตูก็แทบปลิวไปตามแรงลมที่พัดกรูเกรียวมาอย่างรวดเร็วรุนแรงราวพายุ เศษใบไม้ปลิวว่อนเข้าใส่จนทั้งคู่ต้องยกมือปัดป้องและพากันวิ่งล้มลุกคลุกคลานกลับบ้าน หนำซ้ำคืนนั้นชีพยังได้ยินเสียงกริ่งดังที่ข้างเตียง แต่รสสุคนธ์ไม่ได้ยินสักนิด ถามว่ากริ่งอะไรดังมาจากไหน

“ก็ที่ลั่นทมติดไว้เพื่อส่งสัญญาณมาจากโลงศพถ้าเขาฟื้นไง ทำไมมันดังขึ้นมาได้ หรือว่าลั่นทมฟื้น”

“บ้า...เป็นไปได้ยังไง ตัวเขียวออกอย่างนั้น”

“แล้วทำไมมันดังล่ะ”

“พวกนั้นเล่นตลกแกล้งเราน่ะสิ มันยังไม่ได้เอาลั่นทมลงโลงเลย นอนเถอะค่ะ อย่าสนใจเลย รสง่วง”

รสสุคนธ์ล้มตัวลงนอนต่อ ชีพเอนตัวตามแต่แล้วสะดุ้งโหยงขึ้นมาอีก ได้ยินเสียงกริ่งดังไม่หยุดหย่อน แต่คนที่นอนข้างๆกลับไม่ได้ยิน นอนหันหลังให้อย่างรำคาญ

ชีพข่มตาไม่ลงเพราะเสียงกริ่งดังรบกวนตลอดเวลา ที่สุดเขาลุกพรวดผลุนผลันออกจากบ้านไปยังสุสาน เข้าใจว่าพวกอุษาที่ทำพิธีรักษาลั่นทมรวมหัวกันกลั่นแกล้งตน กระชากเสียงถามว่าใครกดสัญญาณในโลงศพทำให้เสียงกริ่งดังไปที่ห้องนอน

ธารินทร์กับอุษายืนยันว่าไม่มีใครไปแตะต้องโลงศพ เขาอาจจะหูแว่วไปเอง ชีพเดินไปชะโงกมองในโลงว่างเปล่า แล้วหันมาตะคอกใส่ทุกคน

“พวกแกไม่ต้องมาหลอกฉัน บอกซะก่อนนะว่าถ้าคิดจะแกล้งละก็ พวกแกจะไม่มีที่อยู่ อย่าให้ฉันจับได้แล้วกัน”

คาดโทษทุกคนแล้วชีพเดินปึงปังกลับไปนอน แต่ครู่เดียวก็ผวาลุกขึ้นอีกเพราะเสียงกริ่งดังรบกวน เขานั่งบ่นไปมาด้วยความสงสัยนักหนาว่ามันดังได้ยังไง แถมบรรยากาศก็วังเวงน่ากลัวจนต้องปลุกรสสุคนธ์ให้ตื่นลืมตา เธอรำคาญเลยให้เขาดึงสายสัญญาณออกและทุบกริ่งทิ้งด้วย แต่เสียงก็ยังดังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งชีพได้ยินเพียงคนเดียว

ชีพนอนลืมตาโพลงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน แต่ไม่เชื่อเรื่องวิญญาณลั่นทม คิดแต่ว่าเป็นแผนของผู้คนที่สุสาน

 ooooooo

เหลืออีกแค่หนึ่งวันในการทำพิธีรักษาลั่นทมตามที่ระบุในพินัยกรรม ศพลั่นทมเริ่มขึ้นอึดและส่งกลิ่นจนหลายคนพากันหมดหวัง แต่อุษายังไม่ถอดใจ บอกหมอผันว่ายังไงก็ต้องทำให้ครบ

วันเดียวกันนี้เอง รสสุคนธ์พาญาติหลายคนเข้ามาอยู่ในบ้านลั่นทมโดยที่ชีพก็เห็นชอบ แต่หวานไม่ชอบใจเพราะรู้เช่นเห็นชาติว่าคนพวกนี้เป็นยังไง จึงต่อว่ารสสุคนธ์ไปหลายคำ แต่หล่อนก็ไม่แคร์อีกตามเคย

รสสุคนธ์ต้องการหาพรรคพวกมาช่วยกันเอาคืนทุกคนที่ไม่อ่อนข้อให้ตน โดยเฉพาะอุษาหลานสาวคนสวยของลั่นทม...แค่มาวันแรกรสสุคนธ์ก็เปิดโอกาสให้ฉลองเข้าไปปลุกปล้ำอุษาแต่ไม่สำเร็จเพราะหวานกับธารินทร์จับได้เสียก่อน

ฉลองถูกพาตัวมาสอบสวนกลางบ้านต่อหน้าทุกคน ชีพเองก็รู้เห็นแต่พยายามไม่แสดงพิรุธ ทำเป็นโมโหตะคอกดุด่าฉลอง ส่วนรสสุคนธ์รีบผสมโรงเพื่อไม่ให้ใครสงสัยว่าเป็นคนบงการ แต่หวานแทรกขึ้นอย่างรู้ทัน แถมด่าประจานรสสุคนธ์อย่างไม่คำนึงถึงความเป็นญาติ ก่อนจะสรุปด้วยประโยคสุดท้ายว่า

“มึงใช่ไหมนังรสที่สั่งให้ไอ้เวรนี่ทำเรื่องอุบาทว์กับคุณอุษา”

“จะมากไปแล้วนะน้าหวาน มาหาคุกให้ฉันทำไมเนี่ย”

หวานเดือดดาลจะเล่นงานต่อ ชีพรีบห้ามทัพแล้วคาดคั้นฉลองเสียงเขียว “ไอ้หลอง แกบอกหมวดว่ารสสั่งให้ทำเหรอ”

“เปล่านะ ผมก็บอกแล้วว่าผมทำเองแต่หมวดไม่เชื่อ”

“ได้ยินชัดแล้วใช่มั้ย” รสสุคนธ์ยิ้มเย้ย

“ถึงยังไงนายฉลองก็เป็นคนของคุณ คุณต้องรับผิดชอบ”

“เรื่องแบบนี้จะโทษฝ่ายชายฝ่ายเดียวไม่ได้หรอกค่ะหมวด แฟนหมวดอาจจะให้ท่านายฉลองก็ได้ ผู้ชายที่ไหนมันจะอดใจไหว”

“อย่าเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานสิรสสุคนธ์ เธอชอบให้ท่าผู้ชายเลยคิดว่าผู้หญิงทั้งโลกจะเหมือนเธองั้นเหรอ”

โดนอุษายอกย้อนให้อย่างเจ็บแสบ รสสุคนธ์โกรธแทบเต้น ชีพรู้ว่ายิ่งพูดก็ยิ่งเข้าเนื้อจึงรีบไกล่เกลี่ยรอมชอม

“เอางี้นะ ให้มันแล้วกันไป ถ้าเรื่องถึงโรงพักจะอื้อฉาว ฝ่ายเสียหายคืออุษา คนจะนินทากันสนุกปาก”

“มันยังไม่ได้ทำอะไรอุษา ผมเป็นพยานได้ ผมไม่มีทางปล่อยให้คนชั่วลอยนวลเด็ดขาด ผมจะสอบตามวิธีของผมจนกว่ามันจะสารภาพว่าใครสั่ง แล้วผมจะจับไอ้ตัวบงการเข้าคุกให้หมด...ไปไอ้ฉลอง”

ธารินทร์กระชากฉลองขึ้นมา พวกชีพหน้าเสีย กลัวฉลองซัดทอดถ้าต้องเข้าซังเต แต่แล้วอุษาก็เดินตามมาขอร้องแฟนหนุ่มอย่าให้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะเธอเองก็ไม่ได้เสียหายอะไร

“คุณใจดีมีเมตตาจริงๆ ผมสำนึกแล้วครับ ผมขอโทษ ผมจะไม่ทำอีก” ฉลองยกมือไหว้อุษาปลกๆแล้วหันมาขอร้องธารินทร์ “อย่าจับผมเลยครับหมวด ผมสัญญา เอ้า สาบานก็ได้ ถ้าผมทำอีกให้ผมตายโหงตายห่า”

ธารินทร์ปล่อยฉลองเพราะเห็นแก่อุษาที่ไม่เอาเรื่อง แล้วพอลับหลังพวกชีพ เขาก็เตือนอุษาว่าอย่าเพิ่งวางใจต้องระวังตัวให้มาก หวานรีบบอกไม่ต้องห่วง ตนจะมานอนเป็นเพื่อนอุษา ถ้าฉลองเข้ามาทำรุ่มร่ามอีกทีจะฟาดให้หัวแบะ ธารินทร์ยิ้มพอใจ มองตามหวานที่กุลีกุจอไปเอาข้าวของมานอนกับอุษา

“ยังดีนะที่น้าหวานแกไม่ได้เข้าข้างรสสุคนธ์”

“แกคอยช่วยกันรสสุคนธ์ให้ษาตลอด...ว่าแต่ทำไมรินทร์ถึงรู้ล่ะคะว่านายฉลองคิดจะเล่นงานษา”

“สังหรณ์ใจตั้งแต่เห็นท่าทางมันเมื่อเช้าแล้วล่ะ”

“ขอบคุณมากนะคะ ถ้าษาไม่ได้คุณก็คงแย่”

“จำไม่ได้เหรอผมเคยบอกว่าผมจะปกป้องคุณด้วยชีวิตของผมไง ไม่ต้องกลัวนะ ใครคิดจะทำอะไรคุณ พวกมันต้องข้ามศพผมไปก่อน”

อุษายิ้มตื้นตันใจในความรักและห่วงใยของแฟนหนุ่ม...ด้านกลุ่มของชีพที่หลบเข้าไปในบ้าน รสสุคนธ์กำลังตำหนิฉลองที่ทำงานพลาด และพาลบ่นนฤมลด้วยว่าไหนคุยนักคุยหนาว่ามันแน่ แค่ผู้หญิงคนเดียวก็ทำไม่สำเร็จ

“ถ้าไม่ติดนายตำรวจคนนั้นต้องเสร็จเจ้าหลองแน่ ไม่น่าปล่อยให้เข้ามาเลย” นฤมลแก้ตัว

“พินัยกรรมระบุให้มันมาตรวจสอบการดำเนินการรักษาลั่นทมได้ทุกขั้นตอน แถมตอนนี้มันได้รับมอบหมายให้หาหลักฐานการตายของลั่นทมด้วย ถึงทำอะไรมันไม่ได้ไง” ชีพอธิบายอย่างสุดเซ็ง แล้วให้ทุกคนแยกย้ายไปนอน แต่รสสุคนธ์ท่าทียังฉุนไม่หาย สบถขึ้นมาอย่างแค้นใจ

“ไอ้หน้าโง่! เข้าห้องได้แต่กลับไม่ปิดประตูใส่กลอน บ้าชะมัด นังอุษามันไหวตัวแล้วแบบนี้ต่อไปจะทำอะไรก็ยาก”

“เอาน่า วันพระไม่ได้มีหนเดียวหรอก นอนเถอะ” ชีพเดินนำรสสุคนธ์ไปล้มตัวลงนอนบนเตียง...ทั้งคู่ไม่เห็นร่างลั่นทมยืนอยู่มุมห้อง ดวงตาแดงก่ำดุดันน่ากลัว

“ทำร้ายฉันไม่พอ ยังคิดจะทำร้ายอุษาอีก”

ooooooo

ในที่สุดอุษาก็ยอมรับว่าลั่นทมตายแน่นอน หลังจากหมอผันยืนยันว่าช่วยไม่ได้ ทั้งร่างกายลั่นทมก็ส่งกลิ่นแล้ว...

ทุกคนเสียใจมาก ยกเว้นชีพกับรสสุคนธ์ที่ตั้งหน้าตั้งตารอรับทรัพย์สินเงินทอง แต่ทั้งคู่ก็ต้องผิดหวังซ้ำสอง เพราะในพินัยกรรมระบุยกทรัพย์สินให้ชีพก็จริงแต่มีเงื่อนไขหลายอย่าง

“เพชรทั้งหมด เงินสดในบัญชีคุณลั่นทม โรงงาน ที่ดินสิบเก้าแปลง บ้านนี้ เรือนไทย ทั้งหมดเป็นของคุณชีพ แต่ต้องหลังหกเดือนไปแล้ว ถ้าคุณชีพต้องการใช้เงินก็สามารถเบิกจากผมได้เฉพาะค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในบ้านตามความจริง ส่วนเครื่องเพชรหรือเงินสดห้ามแตะต้องครับ”

“อะไรวะ” ชีพโวยวาย แต่ไกรไม่สนใจ อ่านพินัยกรรมต่อไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ส่วนเงินหมุนเวียนในโรงงานคุณอุษามีหน้าที่ดูแลอยู่แล้ว คุณชีพก็ได้รับเงินเดือนตามปกติของคุณไป”

“บ้า! ฉันไม่ใช่เด็กจะได้มาแบมือขอเบิกเงินจากคุณนะคุณไกร นังลั่นทมทำแบบนี้มันจงใจแกล้งผัว

ตัวเองชัดๆ ไม่มีใครเขาทำกันหรอกนอกจากคนบ้า นังลั่นทมมันบ้า”

อุษาไม่พอใจชีพแต่สะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ ไกรเลื่อนพินัยกรรมไปตรงหน้าชีพให้อ่านรายละเอียดด้วยตัวเองถ้ายังไม่เชื่อ แต่ทันใดรสสุคนธ์ก็แผดเสียงอย่างฉุนเฉียว

“ทุเรศ! ทุเรศที่สุด เนี่ยเหรอคุณนายลั่นทมที่ใครๆว่าใจดีมีคุณธรรม มันคือนังปีศาจที่นรกส่งมาชัดๆ”

ด่าเสร็จ รสสุคนธ์ผลุนผลันลุกออกไปอย่างเหลืออด นฤมลกับเรวัตรีบตาม ชีพนั่งเครียดกำมือแน่นไม่ยอมแตะพินัยกรรม อุษาเห็นว่าหมดเรื่องแล้วจึงขอตัว แต่ไม่ลืมบอกชีพว่าเย็นนี้จะมีการสวดศพลั่นทมที่สุสาน

“เออ อยากสวดก็สวดไป ฉันจะเตรียมพิธีแต่งงานของฉันกับรสสุคนธ์ มันทำกับฉันแสบแค่ไหนฉันจะทำมันกลับให้เจ็บแสบกว่าฉันเป็นร้อยเท่า” ชีพพ่นถ้อยคำอาฆาตแค้นแล้วลุกพรวดออกไป

อุษาหนักใจและเหนื่อยใจ ค่ำนั้นเธอบอกกับธารินทร์อย่างอัดอั้นว่าเสร็จพิธีสวดตนอยากไปจากที่นี่ ตนทนเห็นชีพกับรสสุคนธ์ดูถูกลั่นทมไม่ได้

“พวกเขาเหยียดหยามคุณน้าทั้งๆที่คุณน้าตายแล้ว ดูสิคะขนาดสวดศพคุณน้าเขาก็ไม่มา ษาทนดูเขาทำร้ายจิตใจคุณน้าไม่ไหวอีกแล้ว”

“ผมเองก็ไม่ได้อยากให้ษาอยู่ที่นี่ แต่ษาก็ต้องทน เขาพยายามบีบให้ษาไปเพื่อพวกเขาจะได้ทำชั่วได้เต็มที่”

“เขาต้องได้ทรัพย์สินทั้งหมดของคุณน้า ษาคงขวางเขาไม่ได้หรอกค่ะ”

“ผมไม่ได้ให้ษาอยู่เพราะเรื่องทรัพย์สมบัติ แต่ผมต้องการคืนความยุติธรรมให้คุณน้า ษาจะให้คุณน้าตายฟรีแล้วให้คนชั่วลอยนวลเหรอครับ ผมกำลังหาหลักฐานเล่นงานพวกเขาอยู่ อดทนอีกหน่อยนะษา”

“ก็ได้ค่ะ ษาเข้าใจแล้ว ษาจะทำตามที่คุณแนะนำ”

ooooooo

ชีพกับรสสุคนธ์เตรียมจัดงานแต่งงานอย่างอลังการที่บ้านลั่นทมโดยไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น ชีพจงใจเย้ยหยันและท้าทายผีลั่นทม โดยไม่รู้ว่าวิญญาณเธอกำลังจะทนไม่ไหวและอาจทำร้ายเขากับรสสุคนธ์ ถ้าอุษาไม่จุดธูปภาวนาอยู่ที่สุสานให้เธอไปสู่ภพภูมิที่ดี ไม่จองเวรกับผู้ใด

นอกจากจะไม่ไปฟังพระสวดศพลั่นทมแล้ว ชีพยังไปเกณฑ์คนงานในบ้านมาจัดเตรียมตกแต่งสถานที่เพื่องานสำคัญของตนกับรสสุคนธ์ในวันพรุ่งนี้ ทุกคนไม่เห็นด้วยแต่ไม่มีใครกล้าคัดค้านหรือทัดทานแม้แต่คนเดียว

ในที่สุดงานแต่งงานระหว่างชีพกับรสสุคนธ์ก็จัดขึ้นจริง แขกเหรื่อมากันมากพอสมควร แต่หลายคนดูจะประหลาดใจเพราะจัดตรงกับงานศพลั่นทมที่เรือนไทย บ่าวสาวไม่สนใจทำตัวสนุกสนานเบิกบานไปกับญาติๆของรสสุคนธ์

แต่แล้วชีพก็เจอดีจนได้ ภายในงานเกิดไฟดับและมีลมพายุพัดข้าวของปลิวว่อนจนแขกเหรื่ออยู่ไม่ได้ แถมชีพก็ได้ยินเสียงพระสวดและเสียงกริ่งสัญญาณจากโลงศพตลอดเวลา โดยที่คนอื่นๆไม่มีใครได้ยิน แม้แต่รสสุคนธ์

วิญญาณลั่นทมทนไม่ไหวกับถ้อยคำด่าทอและท้าทายของชีพ เธอจงใจเล่นงานชีพคนเดียว คนอื่นๆเลยคิดว่าชีพเมาหนักจนประสาทหลอน

ชีพไม่เชื่อว่าผีมีจริง เขาคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นแผนของพวกอุษาที่พยายามกลั่นแกล้ง จึงไปด่ากราดทุกคนที่สุสาน แถมรั้งรสสุคนธ์ในชุดเจ้าสาวมาเย้ยศพลั่นทมด้วย

“นังลั่นทม ลุกมาแสดงความยินดีกับเราหน่อยสิ นี่ไงเมียฉัน หลับตาเฉยอยู่ทำไม ลืมตามามองดูสินังผีบ้า เมียฉันสวยกว่าแกร้อยเท่า”

ศพลั่นทมลืมตาโพลงในโลงศพ...รสสุคนธ์ไม่เห็นแต่ก็หวาดผวาพยายามดึงรั้งชีพที่เมามายแทบยืนไม่อยู่

“กลับกันเถอะชีพ คุณเมามากแล้ว ออกไปกันเถอะ รสหายใจไม่ค่อยออกในนี้อับจะตาย”

“ไม่...ยังไม่กลับ ฉันจะอวดมัน ฉันจะแกล้งมัน ลั่นทมได้ยินมั้ย”

ลั่นทมได้ยินทุกอย่างแต่ข่มใจไม่ให้โกรธ... บรรยากาศวังเวงทำให้รสสุคนธ์กลัวจัด คะยั้นคะยอชีพให้กลับ

“รสจะกลัวมันทำไม นังผีกระจอกมันไม่มีปัญญาทำอะไรหรอก นอกจากนอนขึ้นอืด ถุย! น่าทุเรศ รู้ไว้ด้วยว่าฉันไม่ได้รักแกเลยนังลั่นทม ฉันรักเมียคนนี้มากกว่า คนนี้ๆนี่จูบให้ดูซะเลย”

ชีพกอดจูบรสสุคนธ์...ลั่นทมพยายามข่มอารมณ์ บอกตัวเองว่าอโหสิ ให้อภัย...

“เราจะส่งตัวกันที่นี่ ที่เตียงนี้”

“ไม่เอา...ไม่ค่ะ เตียงเคยวางศพลั่นทม รสขยะแขยง”

“ก็ได้ๆ น่าเสียดายนะลั่นทมเธอเลยอดดูเราสวีต กันเลย เพราะเมียฉันเขาขยะแขยงเธอ ฮ่ะๆๆ ถ้าเธอแน่จริงก็ตามไปดูเราที่บ้านโน้นสิ”

ชีพพูดกลั้วหัวเราะ โอบกอดรสสุคนธ์ออกไปจากสุสาน...ฉับพลันฝาโลงศพเปิดกระเด็นออก ศพลั่นทมลุกพรวด สีหน้าโกรธแค้น สายตาดุดันแข็งกร้าว

“คนอย่างแกเอาชนะด้วยความดีไม่ได้แล้วล่ะชีพ”

ooooooo

สุสานคนเป็น

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด