ตอนที่ 8
พอย่าอ่อนเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่น ทั้งพิมพรรณ และไฉไลที่รอลุ้นอยู่ต่างอยากรู้ผล
พิมพรรณถามขึ้นก่อนว่าเพียงขวัญเป็นอย่างไร? ไฉไลถามว่าร้ายกาจเหมือนที่พวกตนบอกไหม?
“ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวกว่าที่ฉันคิด ทีท่ามั่นใจ แววตา ฉลาด มั่นคง เป็นตัวของตัวเอง ประสบการณ์ของฉัน ห้าสิงห์จุฑาเทพพ่ายแพ้ผู้หญิงแบบนี้!”
คำตอบของย่าอ่อนทำเอาทั้งพิมพรรณและไฉไลที่แต่แรกดี๊ด๊าว่าแผนของเพื่อนต้องสำเร็จถึงกับหน้าเจื่อน กังวล แต่พิมพรรณก็ยังมีความหวังเล็กๆ ว่า
“คุณชายพีร์ปกปิดฐานะที่แท้จริงกับเพียงขวัญ ถ้าวันนี้ถูกเปิดเผย เพียงขวัญคงโกรธและเสียใจมาก”
“แน่ใจหรือว่าเพียงขวัญจะโกรธแล้วยอมเลิกรา” ย่าอ่อนเริ่มสงสัย
“แน่ใจสิคะ ผู้หญิงคนนี้ หวังจะเป็นเมียเอก จะเป็นเมียเดียว เขาหวังจะครอบครองและเป็นที่หนึ่งในชีวิตของพี่ชายพีร์ ถ้าเขารู้ว่าพี่ชายพีร์โกหก รู้ว่าไม่ได้ สิ่งที่ต้องการ เธอจะทิ้งพี่ชายพีร์ทันที!” วิไลรัมภาที่เพิ่งเดินเข้ามาตอบอย่างมั่นใจ
“ถ้าหนูรัมภามั่นใจ งั้นเรามาช่วยกันภาวนา ขอให้ผู้หญิงเต้นกินรำกินคนนี้พ้นไปจากชีวิตชายพีร์ ขอให้แผนการสำเร็จด้วยเถอะ” ย่าอ่อนเอาใจช่วย วิไลรัมภากับไฉไลมั่นใจมาก มีแต่พิมพรรณที่ลังเล
ooooooo
ที่ห้องรับแขกวังจุฑาเทพ บรรดาหลานชาย และหลานสะใภ้ ยกเว้นชายรุจที่อยู่ต่างประเทศ พากันมาอวยพรและมอบของขวัญวันเกิดให้หม่อมย่าเอียด
ชายใหญ่อ่านการ์ดอวยพรและของขวัญจากชายรุจที่ส่งมาให้ก่อน ตามด้วยของตัวเองกับมะปราง ชายภัทร กับกรองแก้ว และชายเล็กกับสร้อยฟ้า ส่วนชายพีร์หลานแก้วหลานขวัญของย่าอ่อน เข้าไปเป็นคนสุดท้าย
“ของผมไม่มีกลอน ไม่มีของฝาก” พูดแล้วเข้ากอดหม่อมย่าเอียดอ้อน “ขอให้มีความสุขมากๆ นะครับหม่อมย่า” แล้วหอมแก้มฟอดหนึ่ง ถูกย่าอ่อนเหน็บอย่างหมั่นไส้ว่า
“ไม่ต้องลงทุนเล่ห์กระเท่ สมเป็นชายพีร์”
ชายพีร์ยิ้มประจบอ้อนๆ ประสาหลานคนเล็ก
“ที่เหลือก็มีแต่ของขวัญวันเกิดที่ท่านพ่อกับรัมภาจัดให้ ของขวัญชิ้นนี้สำคัญมากนะคะ ทุกท่านจะได้เห็น ตอนที่แขกมากันพร้อมหน้าช่วงงานเลี้ยงค่ะ” วิไลรัมภาเอ่ยยิ้มหวานแต่แววตาร้าย
แผนการถูกวางไว้อย่างถี่ถ้วน ไฉไลกับสมศรีเข้าไปในห้องแต่งตัว สั่งเพียงขวัญกับจันทน์กะพ้อว่าแสดงเสร็จให้เข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นี่เหมือนเดิม สมศรีบอกว่าถ้าหิวก็ให้กินด้านหลังโรงครัว อย่าใช้ทางออก ด้านหน้าวัง
“จำไว้อีกอย่าง ส่วนของตรงกลางงานด้านหน้าเป็นที่นั่งสำหรับเหล่าสมาชิกจุฑาเทพเท่านั้น หม่อมย่าเอียด คุณย่าอ่อน คุณชายทั้งสี่และผู้หญิงของท่าน พอคุณรำเสร็จเดินไปหาท่าน ท่านจะมอบรางวัลให้คุณ จากนั้นคุณก็กลับได้” ไฉไลย้ำ
งานนี้ เทวพันธ์มาเป็นพิธีกรตามแผนของวิไลรัมภา เมื่อได้เวลาเทวพันธ์ขึ้นเวทีเอ่ยสวัสดีเจ้าภาพ และสมาชิกในวังจุฑาเทพ แนะนำตัวแล้วแจ้งว่า ตนกับวิไลรัมภาได้จัดเตรียมของขวัญพิเศษมอบแด่ท่านหม่อมย่าเอียด นั่นคือรำ “ฉุยฉายพราหมณ์”
ooooooo
เพียงขวัญออกมารำอย่างอ่อนช้อย ยิ้มน้อยๆแต่พองาม
“เพียงขวัญ!” ชายภัทรจำได้ ชายใหญ่ที่นั่งติดกันกระซิบถามว่าคนนี้หรือ
“นางรำคนนี้คือผู้หญิงชั้นต่ำที่ชายพีร์ไปติดพัน...คุณพี่ทำเฉยไว้ก่อน เดี๋ยวคอยดูอะไรดีๆ” ย่าอ่อนกระซิบบอก หม่อมเอียดแต่ตามองเพียงขวัญบนเวทีอย่างสะใจที่จะได้เห็น “อะไรดีๆ” ที่ว่านั้น
“คุณพีร์!” จันทน์กะพ้อเห็นชายพีร์ก่อนถึงกับหน้าเสีย
ครู่หนึ่งเมื่อเพียงขวัญเริ่มคุ้นชินกับเวทีและแสงแล้ว มองไปเห็นชายพีร์มือเท้าที่รำอย่างสวยงาม ชะงักกึกราวกับถูกตรึงกับที่! แต่เธอตั้งสติแข็งใจรำจนจบเพลง ในสภาพช็อกไม่ได้ยินแม้แต่เสียงปรบมือจากแขกในงาน
แผนฆ่าเพียงขวัญให้ตายทั้งเป็นของวิไลรัมภาและเทวพันธ์ดำเนินต่อไปอย่างเลือดเย็น เทวพันธ์เรียกเพียงขวัญไปรับรางวัลจากหม่อมเอียด ย่าอ่อนและสมาชิกจุฑาเทพทั้งห้า เธอคลานไปรับของขวัญจนถึงชายพีร์ เทวพันธ์จงใจประกาศว่า
“และคนสุดท้าย เรืออากาศโท ม.ร.ว.รณพีร์ จุฑาเทพ คุณชายพีร์ คุณชายสุดท้องแห่งวังจุฑาเทพอันทรงเกียรติ กับคู่หมั้นคู่หมายหม่อมหลวงวิไลรัมภา เทวพรหม”
นาทีนี้...เพียงขวัญกลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่เตือน ตัวเองว่าอย่าร้องไห้...อย่าร้องไห้ให้คนอื่นเห็น กลั้นใจคลานเข้าไป ชายพีร์ลุกยืนทันทียื่นมือจะจับเธอให้ลุกตาม ถูกหม่อมเอียดเรียกปราม ทำให้ชายพีร์ต้องนั่งลงแต่ยังไม่เอาของให้ จนเพียงขวัญเอ่ยขึ้นเสียงสั่นเครือทั้งที่พยายามข่มแล้วว่า
“ถ้าคุณชายพีร์ไม่มีอะไรให้ดิฉันได้โปรดกรุณารับสิ่งนี้ไว้ด้วยค่ะ”
เพียงขวัญถอดสร้อยร้อยแหวนที่คอออกวางที่ข้างเท้าชายพีร์แล้วลุกออกไป ชายพีร์จะตามถูกย่าอ่อนสั่งให้กลับมาเดี๋ยวนี้ บรรยากาศเริ่มเครียด ชายใหญ่จึงเตือนไฉไลให้ขึ้นทำหน้าที่บนเวทีต่อจากเทวพันธ์
ooooooo
ชายพีร์ตามไปเรียกเพียงขวัญเพื่อปรับความเข้าใจ เพียงขวัญหันมองด้วยแววตาเจ็บช้ำ พูดประชดเสียงสะท้าน
“ม.ร.ว.รณพีร์ จุฑาเทพ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ชายพีร์...ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยรู้สึกต่ำต้อยขนาดนี้มาก่อนเลย วังที่แสนสวย...คุณที่แสนจะสูงส่ง...”
ชายพีร์บอกว่า ตนพยายามจะบอกเธอหลายครั้ง เพียงขวัญตัดบททันทีว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดก็ได้ เพราะตนเป็นแค่ของเล่น ถามอย่างเจ็บปวดว่า “คุณลืมไปหรือเปล่า ฉันเป็นคนที่มีหัวจิตหัวใจ ไม่ใช่ของเล่นของใคร”
ชายพีร์พยายามชี้แจงว่า เหตุเพราะพิมพรรณขอให้ตนมาพูดกับเธอให้ตัดสัมพันธ์กับยอดยศ ตนมีหน้าที่แค่นั้น แต่หลังจากนั้นเป็นเรื่องของเราสองคนเท่านั้น เพียงขวัญชี้ว่าแต่หลังจากนั้นเขาก็ยังเล่นละครหลอกตนตลอดเวลา! ชายพีร์ยอมรับว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดในชีวิตตน สารภาพว่า
“ผมอยากบอกความจริง แต่ผมไม่กล้า ผมกลัวไปหมด เป็นครั้งแรกที่ผมหมดความมั่นใจ ผมกลัว...กลัวที่จะเสียคุณไป” เพียงขวัญเชื่อว่าที่เขาไม่บอกความจริงก็เพื่อจะได้ทิ้งตนไปเมื่อเบื่อ ถามว่าทำแบบนี้กับผู้หญิงมากี่คนแล้ว “ไม่น่ะขวัญ...ผมไม่ใช่ ผมไม่ใช่คนแบบนั้น”
“เขาเป็นแบบนั้น! ฉันเป็นย่าเขา ฉันรู้ดี หรือถ้าเธอไม่เชื่อ เธอไปค้นดูหนังสือพิมพ์ฉบับไหนก็ได้ คุณชายรณพีร์กับสาวสังคมทั้งพระนคร มีข่าวไม่เว้นแต่ละวันเชียวล่ะ” เสียงย่าอ่อนแทรกเข้ามา แล้วทำทีปลอบโยนเพียงขวัญให้ยอมรับสภาพเสีย เดี๋ยวจะให้คนรถพาไปส่งที่บ้าน
เพียงขวัญปฏิเสธและขอออกทางประตูด้านหลังวังอย่างนางรำ และจากนี้ไปเราจะไม่เจอกันอีก กราบขอบคุณแล้วลาไป ชายพีร์จะเดินตาม ถูกย่าอ่อนขวางไว้กระหนาบว่า “กลับเข้าไปในงาน แขกเหรื่อเยอะแยะ!”
ที่มุมหนึ่ง วิไลรัมภาจับตามอง เธอยิ้มเยาะอย่างสะใจ ส่วนย่าอ่อนมองตามเพียงขวัญยิ้มพอใจ!
ooooooo
จันทน์กะพ้อส่งเพียงขวัญถึงบ้าน เธอขอบใจเพื่อนบอกว่าไม่ต้องห่วง แต่พอขึ้นห้องนอนก็ร้องไห้น้ำตาไหลพราก เช่นเดียวกับรณพีร์ที่เก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง เมื่อยอดยศมาขอพบก็บอกว่าขออยู่คนเดียวเวลานี้ไม่อยากพูดกับใครทั้งนั้น
พิมพรรณบอกยอดยศว่าปล่อยไว้ไม่นานชายพีร์ก็จะลืมผู้หญิงคนนั้นเหมือนเขา ยอดยศติงว่า
“พี่กับเพียงขวัญ พี่เป็นฝ่ายหลงเธอ เธอไม่เคยสนใจพี่ แต่วันนี้จากที่ดูสายตาทั้งสองคนเขาเหมือนจะรักกันจริงๆ”
ยอดยศยังชมว่าเพียงขวัญเป็นผู้หญิงที่วางตัวดีมาก ไม่ได้จ้องจับผู้ชายเหมือนที่ทุกคนคิด ย้อนถามว่า “แล้วถ้าไอ้พีร์กับเพียงขวัญเขารักกันจริงๆล่ะ”
“แต่คู่หมายของคุณชายรณพีร์ คือคุณวิไลรัมภาเพื่อนเรานะคะ”
“แต่ไอ้พีร์ไม่ได้รักคุณรัมภา และเราก็เป็นเพื่อนของไอ้พีร์เหมือนกัน” ยอดยศชี้ให้มองอีกด้านหนึ่งของปัญหา
ฝ่ายอัทธ์ วันนี้จะมาซ้อมมวย พอรู้เรื่องของเพียงขวัญ จากจันทน์กะพ้อ เขาลุกขึ้นบอกอย่างมั่นใจว่าเพียงขวัญชอบชายพีร์ ตนอยากคุยกับเพียงขวัญ วันนี้ขอไม่ซ้อมมวย ฝากลาพ่อปุ้มปุ้ยแล้วกลับไปอย่างร้อนใจ
เป็นเวลาที่อดุลย์มาที่บ้านนภา เพียงขวัญที่มีอคติกับผู้ชายระบายความเก็บกดอัดอั้นกับอดุลย์ ประณามว่าเขาทิ้งแม่ไป ถือว่าเกิดเป็นผู้ชายรวยเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น อดุลย์และนภางงกับท่าทีของเพียงขวัญวันนี้ อดุลย์ขอให้ใจเย็นๆค่อยๆคุยกัน เพียงขวัญหันขวับจ้องหน้าเขม็ง ปฏิเสธแข็งกร้าวว่า
“ไม่! เมื่อก่อนฉันแค่ไม่อยากยุ่งกับคุณ แต่ตอนนี้ ยิ่งเห็นหน้าฉันยิ่งเกลียดตัวเอง ยิ่งเกลียดผู้ชายทุกคน!”
เพียงขวัญหุนหันออกไปที่ศาลา พอดีอัทธ์มาถึง เขาบอกว่า “พี่รู้เรื่องนายพีร์แล้ว”
“ขวัญไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนไหน แต่ผู้ชายคนนั้นก็ทำให้ขวัญเสียใจจนได้ ทำไมต้องเกิดเรื่องนี้กับขวัญด้วย”
อัทธ์กลับไปเล่าให้อดุลย์ฟัง อดุลย์รู้จัก ม.ร.ว.รณพีร์ จุฑาเทพ คาดว่าคงเป็นชายเล็ก เขาบอกอัทธ์ให้ดูแลน้องให้ดีๆ ตอนนี้น้องยังไม่ยอมรับพ่อ ถามอัทธ์ว่า “ถ้าพ่อจะตัดสินใจยกทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของเราให้กับน้อง?”
“แล้วแต่คุณพ่อจะเห็นสมควรเลยครับ” อัทธ์ตอบด้วยความยินดีเต็มใจ
ooooooo
เมื่อทุกคนที่บ้านนภารู้ว่า คุณพีร์ที่มาเข้านอกออกในที่บ้านราวกับญาติคนหนึ่งนั้น ที่แท้คือ ม.ร.ว.รณพีร์ จุฑาเทพ ต่างก็ตกใจ
ยิ่งเมื่อรู้จากชนะว่า ศักดาเคยบอกว่าคุณพีร์นี่รวยมากเป็นเจ้าของที่ดินสำคัญๆหลายแปลง ยายถามว่าแล้วทำไมเขาต้องมาโกหกเรา ชายพีร์มาถึงพอดีจึงขอชี้แจงว่า
“ผมจะอธิบายให้ทุกคนทราบความจริง วันนั้นผมจอดรถหน้าบ้านเพียงขวัญ เพราะสงสัยว่าเธอมาหลอกเพื่อนผมแบบที่ทุกคนเข้าใจหรือเปล่า แล้ววันนั้นก็เกิดเรื่องขึ้น” ชายพีร์เล่าถึงเหตุการณ์ที่ดำจะมาแย่งแดงไปจากนภาจนชกต่อยกับตน และเรื่องที่นภาเข้าใจว่าตนเป็นชาวนามาจากพิจิตร ชายพีร์ยอมรับผิดและขอโทษที่โกหกคราวนั้น
“บ้านนี้ไม่ต้อนรับคุณ” เพียงขวัญออกจากห้องมาไล่ ประณตก็ขอตัวไปตกกุ้ง นภาถอนใจแล้วเดินออกไป เหลือแต่ยายที่เดินไม่สะดวก บอกชายพีร์ที่ยืนหน้าเสียว่า
“ยายแก่แล้ว เห็นโลกมามาก ไม่มีแรงจะโกรธใครหลอกลูก แต่สำหรับคนอื่นๆในบ้าน คุณชายก็ไปอธิบาย ให้เขาเข้าใจเองก็แล้วกัน”
ชายพีร์ถอนใจกับปัญหาหนักอึ้งที่ต้องเผชิญ แต่เมื่อมีใจบริสุทธิ์และตั้งใจจริงก็ไม่มีอะไรขวางกั้นได้ เขาไปหา ประณตที่หลบไปนั่งตกกุ้ง ประณตพูดอย่างใจกว้างว่า ชายพีร์จะเป็นอย่างไรตนไม่ทราบ ขอแต่ให้รักพี่ขวัญ ตนก็พอใจแล้ว
เมื่อไปหาบุหลันที่มีอคติกับผู้ชายอย่างฝังใจ บุหลันบอกชายพีร์ให้เห็นใจเพียงขวัญบ้าง กลับไปเสียเถอะ ชายพีร์ยกมือไหว้ขอโทษ บุหลันลุกเดินไปอย่างไม่หายเคือง
สุดท้ายคือนภา ชายพีร์เข้าไปกราบขอโทษ เล่าเรื่องในอดีตนับแต่เริ่มเข้าหาเพียงขวัญเพื่อช่วยพิมพรรณ จนกลายเป็นความรู้สึกที่คิดถึงแต่เธอจนไปมาหาหาสู่เป็นแขกประจำของบ้าน เล่าอย่างไม่หายกังวลว่า
“เวลานั้น ผมกลัวไปหมด ม.ร.ว.รณพีร์ เกิดมาไม่เคยผิดหวังเลยครับ ผมเรียน ผมสอบจนเป็นนักบิน มีแต่ผู้หญิงมารายล้อม ส่วนขวัญนับวันยิ่งแสดงออกว่าเธอไม่ต้องการใคร คนสมบูรณ์พร้อมอย่างยอดยศเธอยังปฏิเสธไม่ใยดีผมเห็นกับตา”
“คุณเลยคิดว่าถ้าคุณบอกความจริงเธอจะปฏิเสธ คุณ?
“ใช่ครับ ผมโง่มากใช่ไหมครับ ผมขอสารภาพว่า พอรู้จักขวัญ ผมกลายเป็นคนสับสน ไม่ว่าทำอะไรก็ดูผิดพลาดไปหมด รวมทั้งครั้งนี้ด้วย”
“คุณยอมรับผิดก็ดีแล้ว สำหรับน้า คนทำผิดแล้วยอมรับผิด น้าจะอภัยและให้โอกาสเขาแก้ตัว แต่สำหรับขวัญ น้าไม่แน่ใจ”
“ผมเข้าใจครับ ขอบคุณครับ” รณพีร์ไหว้ อุ่น ใจขึ้นที่เหลือปราการด่านสุดท้ายคือเพียงขวัญ
เพียงขวัญแอบได้ยิน พอชายพีร์ไหว้ขอบคุณนภาเธอก็รีบผลุบเข้าห้องปิดประตูลงกลอนทันที ชายพีร์ไปเคาะประตูเรียกให้ออกมาคุยกัน เมื่อไม่มีเสียงตอบ ชายพีร์บอกว่าถ้าเธอไม่เปิดประตูออกมาคุยกัน ตนก็จะไม่กลับ แล้วนั่งลงหน้าห้องตั้งหลักพรรณาถึงความรู้สึกที่มีต่อกันอย่างลึกซึ้งสะเทือนใจว่า...
“เพียงขวัญ ผมเอาแหวนมาคืนคุณ แหวนวงนี้ผมตั้งใจที่จะมอบให้กับผู้หญิงของผมคนเดียว และคุณคือผู้หญิงของนายพีร์ ผมคือนายพีร์ไม่ใช่หม่อมราชวงศ์รณพีร์อะไรนั่น ผมคือนายพีร์คนรักคุณสุดหัวใจนะคุณขวัญ เพียงขวัญ...รับแหวนวงนี้ของคุณคืนไปเถอะนะครับ นะครับ...ขวัญ...”
ไม่ว่าชายพีร์จะนั่งพรรณนา ขอร้องอ้อนวอนอย่างไร นานแค่ไหน เพียงขวัญก็ยังเงียบ บุหลันมาบอกว่ากลับไปเสียเถิดเชื่อว่าเพียงขวัญไม่ออกมาแน่ นภาก็ บอกว่า คิดว่าคงไม่มีประโยชน์อะไร วันนี้กลับไปก่อนเถอะ ชายพีร์จึงยอมกลับอย่างห่อเหี่ยวผิดหวัง
แต่พอชายพีร์กลับไปเท่านั้น เพียงขวัญที่แอบฟังอยู่ในห้องก็ร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่อาจอดกลั้นไว้ได้ต่อไป...
ooooooo
หลังจากศักดาตกลงให้ชนะเป็นคนสร้างหนังกินรีต่อให้จบแล้ว ชนะก็หมกมุ่นอยู่กับสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ที่จะนำมาใช้งาน ศักดาขอร้องว่าเลิกเสียเถิด เพราะของพวกนี้เราทำสู้ฝรั่งไม่ได้หรอก ตอกย้ำกับชนะว่า
“สิ่งที่ผมอยากให้คุณพัฒนาต่อไป คือบทภาพยนตร์นักแสดง เอฟเฟกต์ เทคนิคต่างๆในการถ่ายทำ อนาคตของภาพยนตร์ไทยจะใช้เทคนิคพวกนี้มากขึ้น คิดดูสิครับ ถ้าเราสามารถถ่ายทำให้ดูจริง คนดูเชื่อในความสมจริงของหนังเรา คนก็จะมาดูหนังไทยกันมาขึ้นนะครับ”
“จริงครับ ใช่ ถูกของคุณศักดา” ชนะยอมรับเหตุผลของศักดาอย่างดุษฎี
หลังจากนั้น ศักดาเอาบทหนังมาบอกชนะว่าตนอ่านแล้วสนุกดีอาทิตย์หน้าน่าจะถ่ายทำได้เลย ส่วนเรื่องทีมงานถามชนะว่าตนจะจ้างมืออาชีพมาทำดีไหม
เพียงขวัญอยากให้ใช้ทีมเดิมเพราะพวกเขาได้ค่าตัวจากเสี่ยเพ้งยังไม่ครบ ชนะจำใจยอม ส่วนศักดาตามใจเพียงขวัญแล้วเผลอบ่นว่า วันนี้ไอ้พีร์ไม่เห็นมาประชุม เพียงขวัญพูดเหน็บขึ้นทันทีว่า “คุณชายรณพีร์คงไม่มีอีกแล้วค่ะ”
ศักดาทำไก๋ถามว่าใครคือคุณชายรณพีร์ เพียงขวัญบอกว่าตนรู้ความจริงหมดแล้ว ชนะถามว่า ความจริงอะไรหรือ
“เฮ้อ...ก็นายพีร์น่ะครับ ที่จริงคือ ม.ร.ว.รณพีร์ จุฑาเทพ” ศักดาบอกอย่างเหนื่อยใจ
เมื่อศักดาไม่ขัดข้องที่จะใช้ทีมงานเดิมทำงานต่อ ทำให้ทุกคนที่เคยถูกบงกชเป่าหูปั่นหัวจนเกลียดชังเพียงขวัญเข้าใจเธอดีขึ้น ยิ่งเมื่อเธอขอให้ศักดาจ่ายค่าแรงให้คนเหล่านี้ทันทีที่เสร็จงาน ทุกคนก็ยิ่งดีใจที่เธอเข้าใจหัวอกคนหาเช้ากินค่ำ
เมื่อเริ่มถ่ายทำต่อ ชนะบอกกล่าวกับรูปของราตรีอย่างภาคภูมิใจว่า
“ราตรี...ฉันบันทึกระบำกินรีร่อนของเธอ ที่สอนเพียงขวัญไว้บนแผ่นฟิล์มแล้วนะ จากนี้ไปคนรุ่นหลังจะได้เห็นระบำชุดนี้ของเธอ”
ooooooo
อดุลย์พยายามที่จะเอาชนะใจเพียงขวัญ เมื่อรู้ว่าเธอจะต้องไปถ่ายหนังต่อ และต้องไปโชว์ตัวหนังเรื่องนางเสือดาวด้วย จึงซื้อผ้าเนื้อดีจากต่างประเทศมาให้ตัดเสื้อผ้า เป็นเวลาเดียวกับที่เดชก็เอาโปสเตอร์หนังนางเสือดาวมาฝาก
เพียงขวัญรับโปสเตอร์ของเดช แต่ไม่รับผ้าที่อดุลย์เอามาให้ อดุลย์บอกเธอว่ารู้เรื่องชายพีร์หมดแล้ว ให้กำลังใจเธอว่า เธอไม่ได้มีอะไรด้อยกว่าชายพีร์เลย เพราะเธอมีพ่อเป็นเจ้าของปางไม้ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ จะพาเธอไปประกาศให้คนที่วังจุฑาเทพรู้ฐานะที่แท้จริงของเธอ
เพียงขวัญไม่รับของและไม่รับความปรารถนาดีของอดุลย์ ยืนยันว่าตนเป็นเด็กกำพร้า พ่อเป็นใครไม่รู้ อดุลย์ยังรบเร้าจะพาไปแสดงฐานะแท้จริงของเธอแก่
วังจุฑาเทพ เมื่อเธอไม่ยอมไปก็จะไปเอง
“ถ้าคุณไป ฉันจะไม่พูดกับคุณอีก คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของฉันนะคะ” เพียงขวัญยื่นคำขาด ทำให้อดุลย์ชะงักยอมถอย เพราะไม่ว่าจะเพียรพยายามอย่างไรก็ไม่อาจทำให้เพียงขวัญยอมรับเขาได้
เวลาเดียวกัน ที่วังจุฑาเทพ คุณเดือนจากห้องเสื้อเดือนเพ็ญมาวัดตัวชายใหญ่กับมะปราง เพื่อตัดชุดแต่งงาน ย่าอ่อนเรียกชายพีร์ให้มาวัดตัวด้วย ถูกชายพีร์ปฏิเสธด้วยสีหน้าขึงขังว่า
“เรื่องแต่งงานของผม ยกเลิกไปเถอะครับ ผมคงไม่แต่งงานหรอกครับ ขอโทษนะครับน้องวิไลรัมภา กราบขอโทษหม่อมย่าเอียดครับ” พูดแล้วเดินออกไปเลย ย่าอ่อนเรียกก็ไม่ฟังเสียง เลยได้แต่มองตามตาพองไปอย่างไม่พอใจ
วิไลรัมภายังไม่ละความพยายาม หว่านล้อมชายพีร์เมื่อมีโอกาสว่า เมื่อชายพีร์เลิกกับเพียงขวัญแล้ว ทำไมไม่เปิดใจให้ตนบ้าง คู่แต่งงานหลายคู่ไม่ได้รักกัน แต่พออยู่ๆไปก็รักกันเอง
“น้องรัมภาครับ พี่อยากให้น้องรัมภาทราบ
แต่งงานกันไปก็ไม่ได้รักกัน พี่รักเพียงขวัญ ถ้าไม่ใช่เพียงขวัญ พี่จะไม่แต่งงานตลอดชีวิต!”
วิไลรัมภาช็อก แต่ยังไม่ยอมแพ้! เธอจึงไปที่กองถ่ายหนัง ทำทีเป็นแฟนหนังของเพียงขวัญ เอากระเป๋าถือราคาแพงมาให้บอกว่าซื้อมาฝาก เพียงขวัญไม่รับเธอจึงชวนออกไปทานข้าวด้วยกัน อ้างว่าขออนุญาตศักดาแล้ว
ระหว่างทานข้าว วิไลรัมภาเปิดเผยว่า วันที่เพียง–ขวัญไปรำงานวันเกิดหม่อมเอียด ที่วังจุฑาเทพนั้น ตนเป็นคนติดต่อไปเอง เพียงขวัญจึงนึกได้ถึงวันที่เจอวิไลรัมภากับชายพีร์ที่สโมสร ชายพีร์บอกว่าเป็นญาติพี่น้องกัน วิไลรัมภาอวดอ้างว่า ตนเป็นคู่หมั้นของชายพีร์ และผู้ใหญ่ก็จะจัดงานแต่งให้เร็วๆนี้ แล้วจะเชิญเพียงขวัญไปรำแสดงความยินดีในงานด้วย
เพียงขวัญวางช้อนส้อมทันที ถามอย่างรู้ทันว่าวิไลรัมภามาพูดเพื่อตอกย้ำเรื่องนี้อีกครั้ง บอกเธอว่า ตนเลิกติดต่อกับชายพีร์แล้ว ทุกวันนี้ตนอยู่สบายดี ไม่จำเป็นต้องไล่จับผู้ชายรวยๆ อย่างที่เธอคิด พูดแล้วลุกจะกลับ วิไลรัมภาจะให้รถไปส่ง เพียงขวัญปฏิเสธ พูดทิ้งไว้อย่างเจ็บแสบว่า
“คุณไม่เหนื่อยเหรอคะ ที่จะต้องเสแสร้งทำดี
กับฉันแบบนี้ แต่ฉันเหนื่อยค่ะ เราอย่าเจอกันอีกเลยนะคะ สวัสดีค่ะ”
เพียงขวัญกลับถึงกองถ่ายด้วยสีหน้าปกติ แต่แล้วก็เจอชายพีร์มาดักพบ บอกรักเธอ รักในฐานะนายพีร์ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ยืนยันว่าคนที่ตนจะแต่งงานด้วยคือเธอคนเดียว ผิดจากนี้ก็จะไม่แต่งงานเลยตลอดชีวิต และสวมแหวนช่อให้ที่นิ้วนางเธอ
วิไลรัมภาตามมาเห็นตา เธอช็อกทำอะไรไม่ถูก ได้แต่กรีดร้องน้ำตาไหลพรากๆจนเพื่อนๆต้องเข้าประคอง กระนั้นวิไลรัมภายังบอกกับเพื่อนๆว่า “อย่าคิดนะว่าฉันจะยอมแพ้นังนั่น!”
ooooooo
ประณตเพียรพยายามเรียนจนสอบได้ที่ 3 จากเกือบที่โหล่เมื่อปีกลาย ส่วนสลักจิตยังครองที่หนึ่งได้อย่างเหนียวแน่น สลักจิตเอาอมยิ้มมาให้ประณตเป็นรางวัล ประณตบอกว่าได้ที่ 3 เพราะมีเธอเป็นกำลังใจ
“ไม่ใช่สักหน่อย เพราะเธออยากเป็นนักบินต่างหาก”
“เราเป็นนักบิน เธอเป็นพยาบาลทหารอากาศ เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป” ประณตหยิบขนมตาลของตนแบ่งให้สลักจิต ทั้งสองนั่งทานข้าวกลางวันกันในบรรยากาศที่เป็นมิตร
เมื่อสอบได้ที่ดีขึ้น ประณตคิดถึงชายพีร์ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ตนเพียรพยายาม จึงจะไปบอกเขาที่สนามบินดอนเมือง ฝากแดงว่าถ้าใครถามก็บอกว่าตนไปเตะบอลกับเพื่อน จะกลับค่ำๆ แล้ววิ่งอ้าวออกไปเรียกมอเตอร์ไซค์ไปส่งดอนเมือง
เพียงขวัญกลับมาเห็นหลังประณตไวๆจึงรีบตามไป เจอชายพีร์ถามว่าประณตอยู่ไหน ชายพีร์บอกว่าไม่เห็น พอดีมีเสียงประกาศว่ามีนักเรียนประสบอุบัติเหตุรถคว่ำที่ถนนหน้าฐานทัพ นักเรียนได้รับบาดเจ็บ เพียงขวัญตกใจนึกว่าเป็นประณตคว้ามือชายพีร์เร่งให้รีบพาไปดู
ความห่วงใยประณตทำให้เพียงขวัญลืมความบาด-หมางกับชายพีร์กุมมือเขาและนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไปอย่างใกล้ชิด ให้ความรู้สึกดีๆแก่ชายพีร์มาก แต่พอไปถึงปรากฏว่าเด็กนักเรียนที่บาดเจ็บไม่ใช่ประณต พอดีจ่าเวรมาบอกชายพีร์ว่ามีเด็กมาขอพบ ที่แท้คือประณตนั่นเอง
เพียงขวัญดุประณตตามธรรมเนียมแต่ไม่จริงจังนัก ประณตขอร้องว่าไหนๆก็มาแล้ว ตนขอดูการฝึกของทหารก่อนได้ไหม เพียงขวัญอนุญาตให้ดูได้หนึ่งชั่วโมง ประณตดีใจมากคว้ามือชายพีร์พากันไปดูทหารที่ฝึกกันอย่างเข้มแข็ง
ประณตได้เห็นชีวิตทหารที่ทุกคนนุ่งห่มกินอยู่เหมือนกันหมด ถามว่าชายพีร์ก็ต้องกินอยู่อย่างนี้เหมือนกันหรือ
ชายพีร์ยืนยันว่าตนต้องกินอยู่เหมือนทุกคน ตนไม่ ได้สูงศักดิ์อะไรเลย เห็นเพียงขวัญยืนฟังชายพีร์ได้จังหวะบอกว่า
“ถ้าคุณบอกว่าคุณเป็นลูกเมียน้อยเพราะเลือกเกิดไม่ได้ ผมก็เลือกเกิดไม่ได้เหมือนกัน คุณกำลังโกรธในสิ่งที่ผมเลือกไม่ได้อย่างนั้นหรือ” เพียงขวัญบอกว่าตนไม่ได้โกรธเขาแต่โกรธตัวเอง “คุณขวัญครับ ที่กองบินผมให้เพื่อนเรียกชื่อผมเฉยๆไม่มีคำว่าคุณชาย เพราะผมมีความสุขมากที่เขาทำตัวกับผมตามปรกติ ผมจงใจไม่บอกคุณอยู่นานเพราะผมอยากเป็นแค่นายพีร์ นายพีร์กับผู้หญิงของเขาที่เขารักจริงๆ”
เพียงขวัญนิ่งไปกับคำพูดและแววตาจริงจังของชายพีร์
ประณตถามชายพีร์ว่า ถ้าตนอยากเป็นเพื่อนกับสลักจิตก็ต้องอดทนใช่ไหม ชายพีร์ย้ำว่าความเป็นเพื่อนสำคัญมาก ชีวิตข้างหน้าเรายังต้องเจออะไรอีกมากมาย ความเป็นเพื่อนความเชื่อใจที่เรามีให้กันสำคัญที่สุด บอกประณตว่า
“ถ้าคุณประณตเห็นว่าสลักจิตเป็นคนสำคัญขนาดนั้นก็ต้องสู้นะครับ พี่ก็จะสู้เหมือนกัน ไม่ยอมแพ้หรอก”
สองหนุ่มต่างวัยกำหมัดแน่นอย่างตั้งใจจะสู้ไปด้วยกัน เพียงขวัญมองชายพีร์ด้วยแววตาที่อ่อนลง...
ooooooo