ตอนที่ 7
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ชายพีร์ผิดหวังเสียใจ เก็บตัวไม่ไปมาหาสู่เพียงขวัญอีก ได้แต่มองขนนกที่เก็บจากกินรีและบทละครของเพียงขวัญอย่างปวดร้าวใจ
เช่น เดียวกัน เพียงขวัญก็ได้แต่ดูแหวนที่ชายพีร์ร้อยสร้อยไว้ให้ อย่างเศร้าเสียใจ แต่ความจำเป็นในการดำรงชีวิตทำให้เธอยังทำงานดูแลครอบครัวอย่างเข้มแข็ง
วันนี้ เพียงขวัญกลับจากไปส่งชุดลิเกก็เจอเดชคำแหงนั่งตีระนาดอยู่ที่บ้าน เธอเอาเงินที่ได้จากค่าชุดลิเกทั้งหมดให้เดช บอกว่า “ในซองนี้มีเงิน 500 บาทเป็นเงินผ่อนหนี้ค่าเช่าบ้านงวดแรก” แต่เดชไม่ยอมรับ เล่นแง่ว่าติดเงินตนเป็นก้อน เศษเงินแค่นี้ตนไม่รับ
“ครั้งที่แล้ว ฉันรวบรวมเงินให้แล้ว คุณก็ไม่เอา นี่คุณต้องการอะไรกันแน่” เพียงขวัญเสียงเข้มไม่พอใจ เดชคำแหงไม่ตอบแต่ยิ้มมีเลศนัย ก็พอดีบุหลันกับนภาไปรับยายกลับจากโรงพยาบาล เดชรีบเข้าไปทักทายและขอโทษที่ไม่ได้ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลเลย ส่วนเพียงขวัญรีบไปจัดเตียงให้ยาย
ยายขอบอกขอบใจเดชที่ออกค่าผ่าตัดให้ นภารีบบอกแม่ว่าเดชออกเงินค่าผ่าตัดให้ก่อน เดี๋ยวเราหาเงินได้ก็จะคืนให้ไม่ต้องห่วง ส่วนบุหลันอดถามเหน็บเพียงขวัญไม่ได้ว่า
“นึกว่าขวัญกับนายพีร์จะไปรับที่โรงพยาบาลเสียอีก แล้ววันนี้ พ่อตัวดีหายไปไหนเสียแล้ว”
“เฮอะ...สงสัยจะกลัวฉันน่ะซิ จะมาจีบหนูเพียงขวัญของฉัน เจอฉันเข้าหน่อยทำใจเสาะ แบบนี้ไม่ต้องไปสน คนบ้านนี้มีเดชคำแหงดูแลแล้ว ไม่ต้องมีใครหน้าไหนมายุ่งอีก”
เพียงขวัญได้แต่นิ่ง แต่ในใจลึกๆแล้ว อดหวั่นไม่ได้ว่า ชายพีร์จะไม่มาอีกแล้ว...
ooooooo
ระหว่าง ที่ครอบครัวกำลังลำบาก เพียงขวัญก็ได้รับการติดต่อจากนายทุนสร้างหนังคนใหม่ให้ไปคุยด้วย คนที่ดีใจมากคือจันทน์กะพ้อ เพียงขวัญพูดปลงๆกับเพื่อนรักว่า
“ชีวิตมันไม่แน่นอนหรอกจันทน์ ไม่มีใครรู้หรอกว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับเรา”
ฝ่ายชนะที่เสี่ยเพ้งเลิกจ้างเป็นผู้กำกับ เสียใจที่ไม่ได้ทำหนังเรื่องกินรีตามที่สัญญากับราตรีเมียรักไว้ ปล่อยเนื้อปล่อยตัวร่างกายทรุดโทรมหนวดเครารุงรัง จนบุหลันถามว่า
“งานการอย่างอื่นมีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องทำหนัง ความฝันน่ะกินไม่ได้หรอกนะพี่ มันต้องข้าว...ข้าวมันถึงจะอยู่ท้อง!”
“ทำ อย่างอื่นไม่เป็น เคยสัญญากับราตรีด้วย จะต้องทำกินรีเป็นหนังให้ได้” ชนะยังมุ่งมั่น แล้วหันไปฟูมฟายกับยายว่า “แม่ครับ...ผม...ผมไม่อยากมีชีวิตอยู่ เสี่ยเพ้งเลิกถ่ายหนังเรื่องกินรีแล้ว ผมทุ่มเทชีวิตจิตวิญญาณให้กับหนังเรื่องนี้ แต่ผมไม่ได้ทำมันแล้ว...ผมอยากตาย...อยากตาย...” ชนะร้องไห้อย่างน่าเวทนา
ในที่สุด ชนะตัดสินใจไปหาเหมยฮัวเมียเสี่ยเพ้งเพื่อขอให้ทำหนังเรื่องกินรีต่อ แต่เหมยฮัวไม่อยู่ เสี่ยเพ้งจึงเรียกให้เข้าไปหา ถามว่าที่นี่มาเพียงขวัญรู้ไหม ถามความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเพียงขวัญ จึงรู้ว่าที่แท้ ทั้งสองเป็นลุงหลานกัน เสี่ยเพ้งจึงคุยกับชนะอย่างมีแผน
“หนังนางเสือดาวยังไม่ได้ฉาย หนังกินรีถ่ายไม่เสร็จ เหมยฮัวอีโมโหไม่ให้อั๊วทำหนังแล้ว ให้ไปทำโรงแรมดาวทองอย่างเดียว”
“งั้นเสี่ยกับคุณเหมยฮัว ให้โอกาสผมได้ไหม อยู่อย่างนี้เงินก็สูญ แต่ให้ผมทำหนังยังมีโอกาสได้เงินคืนนะครับ”
“หนี้สินที่ลื้อติดอั๊วมันเยอะ อาเหมยฮัวยังเอ็นดูหนูเพียงขวัญอยู่ อยากให้หนูเพียงขวัญมาถ่ายหนังกินรีให้เสร็จ ลื้อพอจะคุยกับหนูเพียงขวัญให้หน่อยได้ไหม ถ้าสำเร็จ หนี้สินระหว่างเราหายกัน”
เสี่ยเพ้งอ่อยอย่างมีแผน เห็นชนะสีหน้าดีขึ้น เลยรุก แสดงความเห็นใจ แล้วเสนอว่า
“เอาอย่างนี้ ลื้อไปบอกเพียงขวัญว่ามีนายทุนคนใหม่เขาให้ทุนทำหนังต่อ พรุ่งนี้อั๊วจะเอารถไปรับลื้อกับหนูเพียงขวัญ อย่าลืมนะ ไม่ต้องบอกชื่ออั๊วกับอาเหมยฮัว บอกว่าเป็นนายทุนคนใหม่”
ชนะรับคำด้วยความดีใจ ไม่เฉลียวใจความเจ้าเล่ห์เพทุบายของเสี่ยเพ้งแม้แต่น้อย เสี่ยเพ้งประเมินท่าทีของชนะแล้วนึกกระหยิ่มว่า คราวที่แล้วเคลมเพียงขวัญไม่สำเร็จ คราวนี้หวานหมูแน่!
แต่เพื่อไม่ให้พลาดอีก เสี่ยเพ้งส่งลูกน้องไปสืบที่บ้านจนแน่ใจว่าชายพีร์ไม่ได้ไปหาเพียงขวัญอีก คิดว่าทั้งสองคงเลิกคบกันแล้ว ยิ้มร้ายหมายมาดว่า
“ข้าหมดกับนังเพียงขวัญไปเยอะ ทุกวันนี้ หนังนางเสือสาว หนังกินรียังคาราคาซัง ข้าไม่ยอมเสียเงินฟรีๆโดยไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกโว้ย”
ooooooo
ที่วังจุฑาเทพ...
หม่อมเอียด ย่าอ่อน ชายใหญ่ธราธร ระวีรำไพ หรือมะปราง และวิไลรัมภา ปรึกษาหารือกันถึงกำหนดการ และพิธีการตลอดถึงแขกที่จะเชิญมาในงานแต่งงานของชายใหญ่กับมะปราง
วิไลรัมภาเอาการเอางานจนออกจะเจ้ากี้เจ้าการ หมายมั่นว่าหลังพิธีแต่งงานของชายใหญ่ การแต่งของตนกับชายพีร์ก็จะตามมา จนชายพีร์ติงว่า
“เรามาช่วยกันทำงานแต่งงานของพี่ชายใหญ่ให้สมบูรณ์แบบดีกว่านะครับ เรื่องอื่นอย่าเพิ่งคิดเลยนะครับ”
ย่าอ่อนปรามชายพีร์ว่าจะพูดอะไรให้เกียรติวิไล–รัมภาที่นั่งอยู่ตรงนี้ด้วย ชายพีร์ขอโทษแล้วขอตัวไปทำรายงานเลย ย่าอ่อนปลอบใจวิไลรัมภาว่า ใจเย็นๆ ยังมีเวลาปราบพยศชายพีร์อีกหลายเดือน
“คุณชายใหญ่ คุณชายเห็นน้องวันนี้ จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่ได้นะ ต้องช่วยย่าจัดการให้ถูกต้อง” หม่อมเอียดเอ่ยปาก ชายใหญ่ถามว่าจะให้ตนทำอะไรหรือ? หม่อมเอียดเท้าความว่า “คุณชายทั้งสี่คน ไม่มีใครรักษาสัญญาให้คุณพ่อ เพราะฉะนั้น ต้องช่วยย่าจัดการเรื่องรณพีร์กับหนูรัมภา ห้ามเข้าข้างน้องเด็ดขาด”
ชายใหญ่ถอนใจ สบตามะปรางและกรองแก้วที่เข้ามาเสิร์ฟน้ำอย่างลำบากใจ...อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก...
ooooooo
ชายพีร์แว่บไปที่ห้องใต้โดมอันเป็นห้องที่ห้าสิงห์จุฑาเทพเคยนั่งสังสรรค์กันประจำ แอบโทรศัพท์ไปหาชายรุจที่อยู่สถานทูตสวิต พี่น้องทักทายกันอย่างสนิทสนม แล้วชายรุจก็เล่าว่า
“อ่านจดหมายพี่ชายใหญ่ส่งมาให้ เขาบอกว่าน้องมีความรัก คอนเกรทูเลชันนะครับ”
“เฮ้อ...เรื่องมันไม่ง่ายอย่างนั้นสิครับ...พี่ชายรุจ เขาไม่เคยบอกรักผม ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคิดยังไงกับผม”
“ชายพีร์ต้องเชื่อมั่นในตัวเองมากกว่านี้ ต้องให้เกียรติผู้หญิงคนนั้นมากๆด้วยนะ” ชายพีร์ปรับทุกข์ว่ายังไม่รู้เลยว่าเขายินดีเข้ามาในชีวิตตนหรือเปล่าก็ไม่รู้ “นั่นแหละ...นายต้องเชื่อมั่นไม่หวั่นไหว ไม่ยอมแพ้ เข้าใจไหมครับชายพีร์ แค่นี้ก่อนนะครับ ถึงเวลากินเย็นแล้ว”
คำแนะนำของคุณชายปวรรุจ เหมือนจุดประกายทางออกให้ชายพีร์ วันนี้ เขาจึงไปที่บ้านเพียงขวัญอีกครั้งหลังจากทิ้งช่วงไปหลายวัน
เมื่อไปถึงบ้านเพียงขวัญ ชายพีร์ตรงไปสวัสดียาย ยายบ่นเสียดายที่เพียงขวัญเพิ่งออกไปเดี๋ยวนี้เอง ชายพีร์ถามว่าไปไหนหรือ?
“เห็นว่าไปคุยเรื่องถ่ายหนังอะไรนี่แหละ เดี๋ยวก็คงกลับ”
ชนะกับเพียงขวัญถูกเสี่ยเพ้งหลอกไปเล่นงาน เมื่อพาไปถึงถนนเปลี่ยว ชนะถูกลากลงจากรถ เขาต่อสู้เพื่อปกป้องเพียงขวัญเลยถูกซ้อมสะบักสะบอม ส่วนเพียงขวัญถูกลักพาตัวไป ชนะพาร่างสะบักสะบอมกลับไปบอกนภา ซึ่งชายพีร์ยังอยู่ ชายพีร์บอกว่าตนจะไปตามหาเพียงขวัญแล้ววิ่งอ้าวออกไปทันที
ชายพีร์ไปที่โรงแรมดาวทอง เจอบงกชถามว่าเสี่ยเพ้งเอาเพียงขวัญไปไว้ที่ไหน บงกชแค้นใจที่เสี่ยเพ้งสัญญาว่าหนังเรื่องต่อไปจะให้ตนเป็นนางเอก แต่กลับไปลักพาตัวเพียงขวัญ บอกชายพีร์ว่าเสี่ยเพ้งมีบ้านพักตาก อากาศริมทะเล ชายพีร์บ่ายหน้าไปทันที
เพียงขวัญถูกเอาตัวไปกักขังไว้ที่บ้านพักตากอากาศจริงๆ ขังเธอไว้รอเสี่ยเพ้ง เสี่ยกำลังกลัดมันเต็มที่ พอเข้าห้องไปก็พุ่งเข้าปล้ำเพียงขวัญ พูดเสียงกระเส่าว่าวันนี้จะขยี้เธอให้แหลก แต่ไม่เพียงไม่ได้ขยี้ แค่เสี่ยปล้ำแล้วจะจูบ ปากไม่ทันประกบก็ต้องผงะชะงัก เมื่อมีเสียงตะโกนลั่น
“ไฟไหม้! ไฟไหม้!!”
เสี่ยผงะมองไปเห็นไฟกำลังโหมฮืออยู่ข้างรถหรู เสี่ยอารมณ์หมดหดจู๋ ตะโกนให้ลูกน้องรีบดับไฟพลางวิ่งไปสั่งการ
ชายพีร์ฉวยโอกาสนั้นเข้าไปพาเพียงขวัญหนีออกไปได้ กว่าเสี่ยจะกลับมาชายพีร์กับเพียงขวัญก็หนีไปเห็นแต่หลังอยู่ลิบๆ แต่เสี่ยก็ยังถือปืนไล่ตามไปพร้อมลูกน้องหลายคน
ชายพีร์พาเพียงขวัญวิ่งไปถึงหน้าผา เขาตัดสินใจพาเธอกระโดดลงทะเล เสี่ยเพ้งกับลูกน้องมาถึงไม่เห็นทั้งสองแล้ว คาดว่า ถ้ากระโดดลงหน้าผาตรงนี้ก็คงไม่รอด จึงพากันกลับ
ooooooo
ชายพีร์กับเพียงขวัญปลอดภัย ทั้งสองพากันไปหลบอยู่ใต้ชะง่อนผา จึงรอดพ้นสายตาพวกเสี่ยเพ้ง เมื่อเห็นปลอดภัยแล้วจึงพากันออกเดินไปตามชายหาดเผื่อจะเจอชาวบ้าน
แต่ไม่พบผู้คนแถวนั้นเลย เดินไปเจอเพิงพักที่ชายหาด ชายพีร์ตัดสินใจพักค้างคืนที่นี่ เผื่อจะมีใครผ่านมาบ้าง เพียงขวัญเกรงแม่กับยายจะเป็นห่วง ชายพีร์ฟังแล้วบาดใจประชดว่า
“แค่แม่กับยายหรือครับ หรือว่ามีผู้ชายคนอื่นด้วย”
“แล้วคุณล่ะ คืนนี้ไม่ได้กลับบ้าน ผู้หญิงคนนั้นคงคอยห่วงอยู่สินะ”
ทั้งสองต่างอดที่จะระบายอารมณ์ที่กรุ่นอยู่ในใจมานานไม่ได้ ต่างพูดถึงความเจ็บปวดของตัวเองอย่างไม่ปิดบัง จนกระทั่งอากาศเย็นลง ชายพีร์เห็น ผ้า ยาเส้น และไม้ขีดไฟเสียบอยู่บนขื่อ เขาจึงเอามาจุดไฟให้ความอุ่น แต่ไม้ชื้นมากเขาจึงเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาเป็นเชื้อ เพียงขวัญพูดเหน็บว่า เสียดายแทนคนที่เขาอุตส่าห์ปักชื่อบนผ้าเช็ดหน้าให้ พลางชี้ให้ดูอักษรย่อ
ชายพีร์คิดว่านั่นเป็นยี่ห้อผ้าเช็ดหน้า อวดว่าย่าซื้อไว้ให้หลายผืน จะเสียดายทำไม ทำให้เพียงขวัญเริ่มงงว่า นั่นเป็นชื่อย่อของชายพีร์กลับวิไลรัมภา หรือเป็นแค่ยี่ห้องผ้าเช็ดหน้าตามที่ชายพีร์บอกกันแน่?? ได้แต่คิดงงๆเงียบๆไม่กล้าถาม
ooooooo
จุดไฟติด มีทั้งแสงสว่างความอบอุ่นแล้ว ชายพีร์บอกให้เธอนอนเสีย เอาผ้าห่มที่พาดอยู่บนขื่อมาดมๆ ดูๆ บอกว่าไม่สกปรกเท่าไหร่ ยังพอห่มได้ยื่นผ้าห่มให้ แต่ยังอดเหน็บไม่ได้ว่า
“คุณรีบนอนเถอะ จะได้มีเวลาฝันหวานถึงพ่อเลี้ยงหนุ่มหน้าเข้มคนนั้นนานๆ”
“คุณเอาไปเถอะ คุณได้ฝันถึงสาวหน้าหวานคนที่คุณเต้นรำด้วยไง” เพียงขวัญสวนไปทันควัน ชายพีร์ บอกว่า คนนั้นเป็นน้องสาวต่างหาก แล้วย้อนถามว่า
“ทำไมคิดว่าเขาเป็นคู่รักของผมเหรอ ถ้าผมมีคู่รักแล้ว ผมจะมาวุ่นวายกับคุณทำไม ตกลงที่คุณอารมณ์ไม่ดีนี่เพราะ หึงผมใช่ไหมล่ะ”
“แล้วที่คุณหายไป เพราะคุณอัทธ์งั้นสิ”
“ผมจะเลิกงานปั๊บก็โผล่มาหาคุณทุกครั้งมันยังไม่บอกอีกหรือว่า ผมห่วงคุณแค่ไหน แต่คุณนี่สิโกหกผม อ้างว่าไปทำงาน สุดท้ายผมเจอคุณอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนอื่น เต้นรำอย่างมีความสุข”
“วันนั้นฉันไปทำงานจริงๆ แต่เกิดความเข้าใจผิด นัดผิดพลาด”
“คุณพูดจริงเหรอ??”
ตัดพ้อต่อว่ากันนานโข จึงเคลียร์ว่าเรื่องคาใจที่มีอยู่ ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด ความรู้สึกต่อต้านกลายเป็นเริ่มรู้สึกดีๆต่อกัน และเมื่อเพียงขวัญแยกไปนอนที่แคร่มุมห้อง ชายพีร์ก็นั่งยามข้างกองไฟ ครู่หนึ่งลุกเอาเสื้อหนังไปห่มให้อย่างห่วงใย...
รุ่งขึ้น เพียงขวัญตื่นขึ้นมาก็มีทั้งน้ำล้างหน้าล้างตัว และอาหารเช้าเพียบ มีทั้งข้าว ปลาย่าง มะพร้าว และส้มเขียวหวาน ที่จัดวางอย่างสวยงามบนใบตอง เพียงขวัญถามทึ่งว่า ไปเอามาจากไหน
“เจอชาวประมงเพิ่งเอาเรือเข้ามาตรงโน้น ผมขอซื้อเขามา เดี๋ยวเขาจะเอารถขึ้นมารับเรา ตอนนี้เขาเอาปลาเข้าไปส่งที่ตลาดก่อน”
จัดการกับตัวเองเสร็จแล้ว เพียงขวัญมากินข้าว ชายพีร์มองอย่างมีความสุข บอกว่าดีใจที่ได้อยู่ใกล้เธอได้ดูแลเธอ ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ทุกวันคงจะดี
“ดีอะไรคะ ถูกไล่ล่าตามฆ่าเกือบตาย ไหนจะต้องมาอยู่ลำบากอย่างนี้อีก”
“อย่างน้อยก็ทำให้ผมรู้ว่าคุณยังเชื่อใจผมอยู่... ตอนที่เราโดดหน้าผาเมื่อวาน เราสองคนอาจตาย แต่เราก็รอดมาได้ เราสองคน ยังเชื่อใจกันอยู่ใช่ไหมครับ เรายังรักกันอยู่ใช่ไหมครับ”
เพียงขวัญทั้งเขินทั้งอึ้ง แม้จะมีความรู้สึกต่อกันดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ถึงกับล้างใจไปได้...
หลังจากดูแลและนวดข้อเท้าแพลงให้กันแล้ว ไม่นาน รถของชาวบ้านก็มารับตามที่นัดไว้...
ooooooo
พอกลับถึงบ้าน ทั้งประณต นภา บุหลัน ยาย และชนะ ต่างดีใจที่เพียงขวัญรอดปลอดภัยกลับมา ทั้งสองช่วยกันชี้แจงถึงเหตุที่ต้องค้างคืนกันจนทุกคนเข้าใจ ส่วนชนะตำหนิตัวเองที่เชื่อคำพูดของเสี่ยเพ้งไม่หลาบไม่จำสักที
นภากลัวว่า เกิดเสี่ยเพ้งแค้นขึ้นมา หาเรื่องเพียง-ขวัญอีก เราะจะทำอย่างไรดี
ชนะแค้นใจและเป็นห่วงหลาน เขาไปรื้อค้นเอาปืนพร็อบที่เก็บไว้และสารพัดมีดออกมา ชายพีร์มาเจอถามว่า จะทำอะไร ชนะบอกว่า จะไปจัดการกับไอ้เพ้ง พูดอย่างแค้นใจว่า
“ต้องมีใครจัดการกับมันสักคน สองหนแล้วที่มันทำกับขวัญ อาจจะมีหนที่สามก็ได้ ผมเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้านนี้ ผมช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้เลย วันๆสร้างแต่เรื่อง สร้างแต่หนี้สิน ผมจะไปฆ่ามัน!”
“ผมว่าผมมีวิธี เราไม่ต้องไปฆ่าใคร ไม่ต้องแจ้งตำรวจ เราก็จัดการมันได้!” ชายพีร์หว่านล้อมจนชนะสนใจขึ้นมา
รุ่งขึ้น ชนะทำตามแผนที่ชายพีร์แนะนำ บุกไปที่บ้านเสี่ยเพ้งพร้อมกับศักดานักการตลาดตัวยง หาจังหวะที่เสี่ยเพ้งไม่อยู่เพื่อเจรจากับเหมยฮัวโดยตรง
เหมยฮัวนึกว่าชนะจะมาใช้หนี้ แต่ที่แท้ชนะพาศักดามาเจรจาขอซื้อหนังนางเสือดาวไปขายต่อสายหนังและขอซื้อฟิล์มหนังกินรีที่ถ่ายไปแล้วจะเอาไปถ่ายต่อ เหมย–
ฮัวโก่งราคานางเสือดาวอ้างว่าสนุกมากและตัดต่อเสร็จแล้ว ศักดารู้ราคาก็ส่ายหน้าบอกว่า ราคานี้เราไม่มีทางกำไร
เพราะรู้ว่าเหมยฮัวหึงหวงเสี่ยเพ้งและเป็นผู้กุมเศรษฐกิจทั้งหมด จึงต่อรองให้ลดราคาลงมาครึ่งหนึ่งแลกกับข้อมูลสำคัญ บอกว่าถ้าเหมยฮัวรู้ข้อมูลนี้ก็จะประหยัดเงินในกระเป๋าลงอีกมาก เอาเงินมาทำหนังสักสองสามเรื่องยังได้
“เอ๊ะ ข้อมูลอะไรของลื้อ”
“เสี่ยเพ้งแอบยักยอกเงินคุณไปซื้อบ้านริมทะเลหลังใหญ่เบ้อเริ่ม แค่นั้นยังไม่พอ เสี่ยยังติดผู้หญิงหยำฉ่าคนหนึ่ง ไม่สงสัยรึว่าเงินของคุณหมู่นี้มันขาดๆหายๆ” พอเหมยฮัวตาลุกตาพอง ศักดาเสนอทันที “ขายผมครึ่งราคา เอาที่อยู่ไป รับรองคุ้ม”
“คุณเหมยฮัวไม่รู้จักสายหนัง ขายเองไม่ได้ ให้เสี่ยไปขายก็เอาไปให้ผู้หญิงหมด” ชนะซนฟืนเข้าไฟ
“ฟิล์มกินรีนั่นก็เหมือนกัน ทิ้งเฉยๆก็มีแต่สูญกับสูญ เช็คอยู่นี่ ผมพร้อมเซ็น ขายเถอะครับ” ศักดารุกและหยิบสมุดเช็คออกมา
“ไอ้เพ้ง! มึงตายยยย!!!” เหมยฮัวคำรามออกมาอย่างหูอื้อตาลาย
ไวเท่าความแค้น เหมยฮัวไปถึงบ้านพักริมทะเลตามแผนที่ที่ศักดาให้ ปลอมเป็นพนักงานเสิร์ฟเข้าไปในห้อง สิ่งที่เอาไปเสิร์ฟไม่ใช่อาหาร แต่เป็นคัตเตอร์! บงกชถูกเหมยฮัวกรีดหน้าจนเสียโฉม ส่วนเสี่ยเพ้งถูกเฉือนจนเหลือแต่ตอ เหมยฮัวระเบิดหัวเราะพูดอย่างสะใจว่า “ลื้อจะได้มีเมียอื่นไม่ได้อีกตลอดชีวิต!”
ooooooo
ศักดากับชนะกลับไป เล่าให้ชายพีร์และเพียงขวัญฟังว่า
“คุณเหมยฮัวขายเนกาทีฟฟิล์มให้เราครึ่งราคา แต่เธอบอกว่าหนี้สินของคุณชนะเธอไม่ยอมลด นี่ครับรายละเอียด”
เพียงขวัญถามว่าศักดาอยากทำหนังจริงๆหรือชายพีร์จึงเล่าให้ฟังว่า ศักดาเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยม จบการตลาดจากอเมริกาเป็นลูกเจ้าสัวแถวเยาวราชมีเงินถุงเงินถัง ถามศักดาว่าไม่อั้นใช่ไหม ศักดาบอกว่า ถ้าคุ้มกับการลงทุน
คนที่ดีใจอย่างที่สุดคือชนะ เขาพูดกับรูปราตรีว่า “ผมได้ทำหนังต่อแล้ว ผมได้ทำหนังกินรีต่อแล้ว”
ศักดาบอกชนะว่าให้เริ่มทำหนังกินรีต่อได้เลยส่วนหนี้สินที่ติดเหมยฮัวนั้นตนจัดการให้ได้ ชนะจะได้ไม่ต้องกังวล มีสมาธิในการทำหนังให้ดี ทั้งยังชมว่าชนะเป็นคนมีฝีมือ ทำให้ชนะซาบซึ้งจนน้ำตาคลอ
มีกำลังใจฮึกเหิมมาก เพราะตลอดชีวิตการทำหนังยังไม่เคยมีใครมองเห็นหรือชมว่าเขาเป็นคนมีฝีมือเลย มีแต่คนด่าว่าไอ้เพี้ยน
วิไลรัมภากับไฉไลแอบตามชายพีร์มา ได้เห็นได้ยินการพูดคุยกันทั้งหมด วิไลรัมภากำหมัดอย่างแค้นใจ บอกไฉไลว่า จะทำให้ชายพีร์ลืมเพียงขวัญให้ได้เหมือนอย่างที่ยอดยศลืมมาแล้ว ไฉไลถามว่าเธอจะทำอย่างไรต่อไป
“มันต้องมีวิธี...คนอย่างฉันไม่จนแต้มง่ายๆหรอก!”
ooooooo
พอเพียงขวัญมีความรู้สึกดีๆกับชายพีร์มากขึ้น ก็มีเรื่องให้ติดใจสงสัยอีก เมื่อเธอกับจันทร์กะพ้อไปรับเสื้อมาปักไปเห็นรถของชายพีร์ที่กำพลกับขันติเอาไปขับอวดสาว วันนี้ก็มาทำหลีเธอกับจันทร์กะพ้อ
เพียงขวัญสงสัยมากว่ารถของชายพีร์ทำไมจึงให้คนอื่นใช้ แต่ต้องรีบกลับค่ายมวยกับจันทร์กะพ้อจึงไม่ได้ติดตาม จันทร์กะพ้อบอกว่าไว้ลองถามคุณพีร์ดูก็แล้วกัน
เมื่อกลับถึงค่ายมวย จันทร์กะพ้อจึงบอกเพียงขวัญว่าวันนี้อัทธ์มาซ้อมมวยเลยอยากให้เธอได้เจอกัน เพียงขวัญถามว่าทำไมต้องให้เจอตนด้วย จันทร์กะพ้อบอกว่าก็เห็นสนิทกับเธอก่อน ตอนนี้มาสนิทกับตนเลยรู้สึกผิดยังไงไม่รู้
พออัทธ์เจอเพียงขวัญ ทั้งสองคุยกันอย่างสนิทสนมประสาพี่น้อง จันทร์กะพ้อเห็นดังนั้นก็ถึงกับเศร้า ถึงเวลากินข้าวก็เรียกทุกคนกินแต่ตัวเองไม่กินด้วย จนอัทธ์สงสัยว่าเป็นอะไรเพราะเมื่อครู่ยังเห็นดีๆอยู่ อัทธ์เลยลองถามเพียงขวัญว่าจันทร์กะพ้อชอบผู้หญิงด้วยกันอย่างที่เธอเคยบอกตนจริงหรือ
เจ้ากรรม! ปุ้มปุ้ยมาได้ยินเข้าพอดี เลยโวยวายเรียกจันทน์กะพ้อมาถามเอาความจริงให้ได้ว่าชอบผู้หญิงด้วยกันจริงหรือ ปุ้มปุ้ยโวยวายเสียงดังจนจันทน์กะพ้ออาย สุดท้ายเลยตะโกนยืนยันว่า
“ฉันชอบผู้ชาย! ฉันชอบผู้ชาย!! ฉันชอบผู้ชาย!!!”
“เออ ก็แค่นั้น เห็นไหมคุณ ผมไม่ได้เลี้ยงลูกผิดเพศสักหน่อย แหม...หลอกให้ตกใจแทบแย่” ปุ้มปุ้ยยิ้มเผล่จากไป
“คนบ้า...แค่นี้ต้องฟ้องพ่อฉันด้วยหรือ” จันทน์กะพ้อต่อว่าตุ๊ยท้องจนอัทธ์ร่วง แม้จะเจ็บจนจุกแต่ก็โล่งใจที่จันทน์กะพ้อไม่ได้ชอบผู้หญิงด้วยกัน แบบนี้ ตนก็มีสิทธิ์...
ooooooo
ที่ห้องใต้โดมวังจุฑาเทพ ชายพีร์เห็นพี่ๆ ชุมนุมกันอยู่ครบ ขาดแต่ชายรุจที่ประจำอยู่ต่างประเทศ จึงเข้าไปปรึกษาว่า ตนอยากพาเพียงขวัญมาพบหม่อมย่าจะดีไหม
แต่พอชายเล็กถามว่าชายพีร์เปิดเผยตัวหรือยังว่าเป็นใคร ปรากฏว่ายัง อ้างว่ากำลังจะบอกแต่พอดีมีเรื่องยุ่งๆ เลยยังไม่ได้บอก กรองแก้วติติงว่าเวลาชายพีร์พูดถึงเพียงขวัญดูท่าทางไม่มีความมั่นใจเลย ชายใหญ่เห็นด้วย ถามน้องว่ากลัวอะไร
“กับผู้หญิงที่เคยประกาศต่อหน้าเราว่า เขาไม่คิดจะพึ่งพาใคร เขาจะดูแลตัวเอง แล้วยิ่งเราไปโกหกเรื่องฐานะของตัวเองกับเขาไว้ มันก็ต้องมีกลัวกันบ้างล่ะครับ”
“ไม่หรอกชายพีร์ พี่กลับคิดว่าปัญหาใหญ่มันอยู่ที่ย่าเอียดย่าอ่อนมากกว่าครับ” ชายใหญ่มองทะลุ
วิไลรัมภาแอบฟังอยู่ที่ประตูห้อง กำมือแน่นอย่างแค้นใจ กลั้นใจแอบฟังต่อ...
“หม่อมย่าเตรียมการแต่งงานระหว่างชายพีร์กับน้องรัมภาไว้แล้ว อยู่ๆพาหญิงอีกคนเข้ามา มันคงเป็นเรื่องใหญ่” ชายเล็กชี้ปมเปราะ กรองแก้วเสริมว่าเพียงขวัญเป็นดารา ในสายตาหม่อมย่าคือผู้หญิงเต้นกินรำกิน ถามว่าจำเรื่องของตนได้ใช่ไหม ชายใหญ่ถามว่าสุขภาพของหม่อมย่าเป็นอย่างไร ชายภัทรบอกว่าคนเป็นโรคหัวใจไว้ใจไม่ได้หรอก
“งั้นรอให้ผ่านวันเกิดไปก่อน แล้วเลือกวันที่พวกเราอยู่พร้อมหน้า พวกพี่จะได้ช่วยกันพูด แบบนี้ดีไหมครับ”
“ถ้าพี่ๆช่วยผม อะไรๆก็น่าจะดีนะครับ” ชายพีร์เบาใจขึ้น
วิไลรัมภาแจ้นกลับไปฟ้องเทวพันธ์ เทวพันธ์โมโหมากตำหนิว่า “คุณชายทุกคนจะช่วยกันพูดให้หม่อมย่าอย่างนั้นหรือ บ้าที่สุด แทนที่จะช่วยกันทัดทานน้อง นี่ไม่เห็นหัวกันเลยรึไง”
“คุณชายรณพีร์ จะไม่มีโอกาสได้บอกหม่อมย่า
จะไม่มีทางได้บอกความจริงกับนังเพียงขวัญ” วิไลรัมภาจิกตาแค้น เทวพันธ์ถามว่าจะทำอย่างไร “แผนนี้สำคัญมาก...สำคัญที่สุด พี่ชายพีร์ต้องเลิกกับนังเพียงขวัญคราวนี้แหละ!”
แผนเด็ดของวิไลรัมภาคือ หลอกจ้างเพียงขวัญไปรำในงานวันเกิดหม่อมเอียดนั่นเอง!
เมื่อเพียงขวัญกับจันทน์กะพ้อได้เข้าวังจุฑาเทพต่างมองสภาพอย่างตื่นตะลึงที่วังทั้งใหญ่โตและสวยงามมาก เมื่อเข้าไปในห้องแต่งตัว ยังได้รับบริการจากแจ๋วอย่างยอดเยี่ยมทั้งน้ำและขนมนมเนยที่จัดเป็นคำๆ อย่างสวยงาม
ย่าอ่อนที่วิไลรัมภาเล่าให้ฟังแล้วว่าเพียงขวัญเป็นใคร เข้ามาในห้องแต่งตัว สมศรีแนะนำว่าท่านเป็นน้องสาวของหม่อมเอียดเจ้าของวังนี้ เพียงขวัญจึงแนะนำตัวเองว่า
“ดิฉันชื่อเพียงขวัญค่ะ นี่จันทน์กะพ้อเพื่อนดิฉันเป็นผู้ช่วยดิฉันค่ะ”
“สวย คล่อง ฉลาด มิน่าล่ะ!” เสียงและสายตาย่าอ่อนที่มองมา ทำเอาเพียงขวัญหนาวเยือก แล้วยิ่งเกร็งเมื่อย่าอ่อนถามว่าวังนี้น่าอยู่ไหม? อยากมาอยู่ไหม? เพียงขวัญบอกว่าไม่กล้าคิด ถูกย่าอ่อนพูดเสียดสีว่า ซื้อเองไม่ได้ทางลัดก็มีเยอะแยะ ผู้หญิงฉลาดคงคิดแบบนี้สินะ พูดก่อนเดินออกไปอีกว่า
“ความทะเยอทะยานเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเหยียบหัวคนอื่นขึ้นไป เวลามันตกลงมาเจ็บหนักนะ!”
ฟังและเห็นสายตาย่าอ่อนที่พูดและมองตนแล้ว เพียงขวัญบอกจันทน์กะพ้อว่า เรารีบทำงานแล้วรีบไปดีกว่า
ooooooo