ตอนที่ 11
เดชมาที่บ้านนภาได้ยินนภาคุยกับเพียงขวัญเรื่องชายพีร์ แต่ถามอะไรสองแม่ลูกก็ไม่ยอมบอก ซื้อของเล่นไปอ่อยประณตจึงรู้ว่า นายพีร์ที่มาบ้านบ่อยๆ นั้นที่แท้คือ ม.ร.ว.รณพีร์ จุฑาเทพ เดชลุยไปที่โรงพยาบาล พรวดเข้าไปถาม
“คุณรักลูกสาวผมหรือเปล่า” ชายพีร์บอกว่ารักเพียงขวัญยิ่งกว่าชีวิต เดชถามว่าเขาเป็นถึงคุณชายและผู้ใหญ่กำลังจะจัดแต่งงานให้ ตะคอกถามว่า “แล้วทำไมแกยังมายุ่งกับลูกสาวฉันหา! ไอ้หม่อมนักบิน!”
“ผู้ใหญ่จะทำอะไรก็เรื่องของท่าน ข่าวมันก็แค่ข่าว แต่เรื่องจริงคือผมจะแต่งงานกับเพียงขวัญ”
“งั้นแกต้องต่อสู้เพื่อความรักของแก ต่อสู้ให้คนอื่นได้เห็น เอาให้พวกนั้นมันยอมแพ้ใจแกให้ได้” พูดแล้วเอากล่องขนมที่มีฝาปิดเรียบร้อยวางไว้บอกว่า “ของฝากจ้ะ” แล้วเดินหัวเราะร่าออกไป
เดชให้ชายพีร์พิสูจน์ความรัก ด้วยการดักอุ้มเพียงขวัญกับนภาขณะมาเยี่ยมชายพีร์ พาหนีไป
พยาบาลเห็นกล่องขนมเปี๊ยะถามชายพีร์ว่าจะรับเลยไหม พลางเปิดกล่องขนมพบจดหมายเขียนไว้ว่า
“เพียงขวัญเป็นของมีค่า ในเมื่อแกไม่เห็นค่า แกจะไม่ได้เห็นเพียงขวัญอีก ฉัน นภา และเพียงขวัญ เราจะไปเที่ยวกันตามประสาพ่อแม่ลูก ที่ไร่ตาลยอดด้วน จังหวัดชลบุรี”
เป็นเวลาเดียวกับที่อดุลย์ซื้อขนมไปฝากนภากับเพียงขวัญ รู้จากประณตว่าทั้งสองไม่อยู่ แต่ตนยินดีรับขนมไว้แทน
อดุลย์ไปที่โรงพยาบาลรู้จากชายพีร์ว่าถูกเดชจับตัวไป อดุลย์จะไปหาตามที่อยู่ที่เดชเขียนบอกไว้ในกล่องขนมชายพีร์ลุกขึ้นตามไปด้วยทั้งที่ยังบาดเจ็บอยู่
เดชพานภาและเพียงขวัญไปที่กระท่อมกลางทุ่ง จัดอาหารอย่างดีให้ บอกว่า
“ที่ดินที่ฉันซื้อเอาไว้อยู่ตอนบั้นปลายของชีวิต
แม่นภากับลูกจะให้เกียรติมาอยู่กับฉันที่นี่ได้ไหม”
นภาบอกให้พาตนกับลูกกลับบ้าน เดชบอกให้ใจเย็นๆเดี๋ยวจะได้ดูอะไรดีๆด้วยกันพูดเป็นนัยว่า
“จะได้เห็นว่าคนบางคนมันจะกล้าพิสูจน์รักแท้ของมันไหม”
อดุลย์กับชายพีร์มาถึงตอนเช้าวันใหม่เห็นสมุนของเดชรายล้อมกระท่อมอยู่ นภากับเพียงขวัญเห็น
ทั้งสองต่างดีใจ อดุลย์บอกเดชว่าจะมาพาลูกกับเมียตนกลับบ้าน
“แกไม่มีสิทธิ์พูดคำนี้ คนอ่อนแอหัวใจโลเลอย่างแก ตลอดเวลาที่ผ่านมาแกก็มีความสุขกับเมียหลวง แกทอดทิ้งนภา แกทอดทิ้งหนูเพียงขวัญมาโดยตลอดแล้วอย่างนี้แกยังมีหน้ามาเรียกนภาว่าเป็นเมีย เรียกหนูเพียงขวัญว่าเป็นลูกอีกเหรอไอ้ดุลย์ ฉันเสียอีก ความรักของฉันที่มีต่อนภามันหนักแน่นมั่นคงมาตลอดเวลา ฉันกับนภาและเพียงขวัญ เราตกลงกันว่าจะสร้างครอบครัว ลงหลักปักฐานกัน ณ ที่ดินแห่งนี้ ไอ้หม่อมนักบิน ถ้าแกรักลูกสาวฉันจริง แกต้องมาช่วยสร้างอาณาจักรนี้ด้วยกัน ตกลงไหม”
นภาโต้ว่าตนไม่ได้ตกลงอะไรด้วยเลย อดุลย์เองก็บอกเดชว่าตนได้ชดใช้ความผิดบาปที่ทำกับลูกกับเมียด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวมาทั้งชีวิตแล้ว เวลานี้ตนได้ เขียนพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้เพียงขวัญครึ่งหนึ่ง ตนกับครอบครัวกำลังจะมีความสุขปล่อยพวกเราไปเถิด
เดชเยาะเย้ยว่าปล่อยได้แต่วิญญาณแต่ตัวจะถูกฝังอยู่ที่นี่ ชายพีร์เดินเข้าไปหานภากับเพียงขวัญ เดชถามว่าจะทำอะไร หันไปหยิบมีดปาดตาลใต้รางระนาดออกมาท้าอดุลย์ว่า “ใครชนะคนนั้นได้เป็นผู้ครอบครองน้องนภา”
อดุลย์รับมีด หันไปขอบใจนภาที่เลี้ยงลูกของเราให้เติบโตมาเป็นคนดีได้อย่างนี้ ฝากชายพีร์ว่า
“คุณชายรณพีร์ ชายชาติทหารอย่างคุณต้องพาลูกกับเมียผมกลับบ้านให้ได้ ดูแลครอบครัวผม รักเพียง–ขวัญให้มาก”
ระหว่างอดุลย์ต่อสู้กับเดชนั้น โรคหัวใจกำเริบทรุดลง เดชพุ่งเข้าไปจะฆ่า เพียงขวัญตกใจตะโกนเรียก “พ่อ...” เป็นครั้งแรก แต่เดชก็ถูกชายพีร์ยิงมือที่ถือมีดบาดเจ็บ ส่วนชายพีร์รีบพานภากับเพียงขวัญไปหลบแถวรถ เดชหันมาต่อสู้กับชายพีร์ โชคดีที่ตำรวจมาถึง เดชถูกยิงล้มลง ก่อนสิ้นใจ เดชคำแหงน้ำตาไหลเสียใจที่จะขาดใจตายเสียก่อน
แม้อดุลย์จะบาดเจ็บและโรคหัวใจกำเริบ แต่ก็ยิ้มออกมาอย่างปลื้มปีติที่ได้ยินเพียงขวัญเรียกพ่อเป็นครั้งแรก
“ขวัญขอโทษค่ะ” เพียงขวัญกราบขอโทษที่ผ่านมาตนพยศและไม่ยอมรับอดุลย์เป็นพ่อ “ขอบคุณที่ตามมาช่วยหนู ขอบคุณที่รักหนู ขอบคุณสำหรับความเป็นพ่อที่มอบให้หนู หนูรักคุณพ่อค่ะ”
สามพ่อแม่ลูกกอดกันด้วยความรัก ซาบซึ้งใจ
ooooooo
ชายพีร์ถูกนำตัวกลับไปที่โรงพยาบาล เขาบอกพยาบาลให้เชิญคุณชายหมอพุฒิภัทรมาพบตนมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนไม่พอใจมาก ตำหนิชายพีร์อย่างรุนแรง บรรดาคุณชายทั้งสี่ต่างลุกขึ้นมาช่วยชายพีร์ บอกคุณย่าทั้งสองว่า ชายพีร์ยื่นคำขาดว่าต้องให้เพียงขวัญมาเป็นพยาบาลส่วนตัวจึงจะยอมกินข้าวกินยา
ย่าอ่อนโกรธมากบอกว่าทนไม่ไหวแล้วที่ชายพีร์เอาชีวิตตัวเองไปผูกไว้กับผู้หญิงชั้นต่ำที่คิดจะปอกลอกเรา
ชายภัทรติงว่า เท่าที่ตนรู้จัก เพียงขวัญไม่ได้เป็นผู้หญิงอย่างที่คุณย่าคิด หม่อมเอียดยืนกรานว่าอย่างไรเสียจุฑาเทพก็ต้องรักษาสัจจะ ขอให้ทุกคนสงสารบรรพบุรุษบ้างเถอะ
นาทีนี้ คุณชายทั้งสี่ต่างแสดงความคิดเห็นอย่างกล้าหาญ เปิดเผยเพื่อช่วยชายพีร์ที่อยู่ในภาวะถูกกดดันอย่างหนัก
ชายใหญ่ติงว่า จุฑาเทพก็แค่นามสกุลหนึ่งเท่านั้น แต่หม่อมย่าทำให้มันยิ่งใหญ่จนเป็นเหมือนหินถ่วงคอพวกเราไว้ตลอดเวลา ชายภัทรก็พูดถึงความอึดอัดที่จะทำอะไรก็ต้องแบกคำว่าจุฑาเทพไว้ ขอให้เห็นใจพวกตนบ้างเถอะ พูดถึงชายพีร์ว่า “ผมไม่สงสัยเลย ที่ชายพีร์ จะสู้ขนาดนั้น เมื่อได้พบกับรักแท้ เพราะนี่อาจจะเป็นเพียงโอกาสเดียวในชีวิตของเขา”
“เราทุกคนจะรู้สึกผิดมากครับ ที่จะให้ชายพีร์ต้องรับภาระสัญญาระหว่างจุฑาเทพกับเทวพรหม เราจะอยู่ข้างชายพีร์ไม่ยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ครับท่านย่า” ชายเล็กที่ปกติจะเงียบๆพูดขึ้นอย่างกล้าหาญหนักแน่น
ชายใหญ่เห็นหม่อมเอียดและย่าอ่อนเครียด จึงเอ่ยขึ้นว่า
“ผมในฐานะตัวแทนน้องๆกราบขออภัยต่อการกระทำครั้งนี้ ความรักความเคารพที่มีต่อหม่อมย่าและย่าอ่อนยังเหมือนเดิมทุกประการครับ”
คุณชายทั้งสี่ยกมือไหว้หม่อมเอียดและย่าอ่อนทยอยกันเดินออกไป สวนกับวิไลรัมภาที่เดินอ้าวเข้าไปหาผู้ใหญ่ทั้งสอง โวยวายว่าตนไม่ยอมเด็ดขาด กระทั่งตัดพ้อว่า ที่คุณชายทั้งสี่พูดมาไม่ยุติธรรมกับตน หลอกด่าว่า
“ถ้าเป็นแบบนี้ คนข้างนอกจะมองจุฑาเทพเป็นพวกตระบัดสัตย์ แล้วที่ท่านชายวิชได้สั่งเสียเอาไว้ล่ะคะ”
หม่อมเอียดเครียดลุกขึ้นเดินออกไปทันที วิไลรัมภาอุทานอย่างตกใจกับท่าทีนั้น แล้วหันสบตากับย่าอ่อน ต่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
วิไลรัมภากลับไปเล่าให้เทวพันธ์ฟัง เทวพันธ์ด่าคุณชายทั้งสี่ว่าบ้าไปแล้วไปเข้าข้างเพียงขวัญอย่างนั้นได้ยังไง ทั้งยังลำเลิกที่ตนเคยช่วยชีวิตท่านชายวิชชากรไว้ ด่าว่าพวกนี้อกตัญญูจริงๆ
“พี่ชายพีร์ใช้อาการป่วยเป็นข้ออ้างต้องการให้นังเพียงขวัญเข้ามาเป็นพยาบาลส่วนตัว ทำอย่างนี้รัมภา ยอมไม่ได้นะคะ ตอนนี้คนทั้งพระนครรู้กันทั่วแล้วว่ารัมภากับพี่ชายพีร์ยังไงก็ต้องแต่งงานกัน มันควรเป็นอย่างนั้นใช่ไหมคะคุณพ่อ”
ooooooo
เพียงขวัญถ่ายหนังกลับถึงบ้าน ก็ได้รับจดหมายจากประณตบอกว่ามีผู้หญิงสี่คนมาหาพี่ แต่ละคนสวยๆ ทั้งนั้น พอรู้ว่าพี่ไม่อยู่เลยเขียนจดหมายฝากไว้
เป็นจดหมายของสี่สะใภ้จุฑาเทพ เขียนสั้นๆ ว่า “ถึงคุณเพียงขวัญ พวกเรามีเรื่องสำคัญอยากพบคุณมาก ถ้าคุณว่างเมื่อไหร่กรุณามาพบพวกเราด้วยนะคะ” แล้วลงชื่อเรียงลำดับทั้งสี่คน
รุ่งขึ้น เพียงขวัญไปพบทั้งสี่ที่ร้านกาแฟ ถามว่ามีธุระอะไรกับตนหรือ กรองแก้วพูดขึ้นก่อนว่ามีเรื่องจะมาขอร้องมะปรางพูดต่อว่า “คุณชายรณพีร์ขอให้เรามาค่ะ เธออยากให้คุณไปเป็นพยาบาลส่วนตัวให้ ทุกวันนี้เธอไม่ค่อยยอมรับอาหารและปฏิเสธการกินยาค่ะ”
แล้วกรองแก้วก็เอารูปของเพียงขวัญที่ชายพีร์เขียนสลักหลังไว้ก่อนขึ้นบินที่ยอดยศไปเจอในล็อกเกอร์ ให้เพียงขวัญอ่าน สร้อยฟ้าบอกเพียงขวัญว่า
“คุณก็น่าจะรู้ ชายพีร์รักคุณมากนะคะ สร้อยเชื่อว่าในเวลานี้ คุณเพียงขวัญจะเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดให้ชายพีร์ คุณชายพีร์รอคุณอยู่นะคะ”
“ถ้าได้รักใครสักคน และคนนั้นรักตอบก็นับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้ว แต่การได้ใช้ชีวิตกับคนที่เรารัก มันยิ่งกว่าปาฏิหาริย์อีกนะคะ คุณขวัญอย่าปล่อยให้คุณชายรณพีร์สู้คนเดียวอีกต่อไปเลยนะคะ” วรรณรสาตบท้าย
เพียงขวัญสร้างมหัศจรรย์แก่ชายพีร์ด้วยการตัดสินใจไปเป็นพยาบาลส่วนตัวให้เขา วันเดียวกันชายภัทรก็อนุญาตให้ชายพีร์กลับบ้านได้ เพียงขวัญจึงตามไปดูแลเขาที่วังจุฑาเทพ พี่ๆ และพี่สะใภ้ทุกคนปิติยินดีกับชายพีร์ มีแต่หม่อมเอียดกับย่าอ่อนที่มองการมาของเพียงขวัญอย่างระแวง ขัดใจ
บรรดาสะใภ้จุฑาเทพที่เอาใจช่วยเพียงขวัญ ต่างคอยเป็นพี่เลี้ยงและวางแผนให้เธอได้แสดงความดีหมายให้ชนะใจย่าทั้งสอง แต่ย่าอ่อนก็ยังตั้งแง่รังเกียจรังงอนตลอดเวลา กระทั่งวันนี้ทำทีไปคุยกับเพียงขวัญถึงชีวิตความเป็นอยู่ที่บ้านเธอ พอรู้ว่าทุกอย่างต้องทำเองหมด ย่าอ่อนเปรียบเทียบทันทีว่า
“ไม่มีอะไรเหมือนชายพีร์สักอย่าง ‘คนละระดับ’ อย่างเห็นได้ชัด” แล้วพูดเจาะจงว่า “ฉันอยากให้เธอเข้าใจ ถ้าชายพีร์แต่งงานไปกับวิไลรัมภาก็ไม่มีอะไรต้องปรับตัว แต่ถ้าแต่งงานกับเธอ เธอสองคนหรือแม้แต่พวกเราต้องปรับตัวกันอย่างขนานใหญ่”
“ดิฉันไม่ได้คิดอะไรเกินเลยไปขนาดนั้นหรอกค่ะ หน้าที่ของดิฉันตอนนี้คือดูแลอาการป่วยของคุณชายพีร์เท่านั้น”
“คิดได้อย่างนั้นก็ดี ฉันขอให้หล่อนจำเอาไว้ว่า การแต่งงานกับคนในระดับเดียวกัน มีแต่ประสานประโยชน์ขอโทษเถอะที่ต้องพูดตรงๆ แต่งงานกับคนในระดับอย่างเธอ มีแต่เธอที่ได้ประโยชน์แต่ชายพีร์...มีแต่เสียกับเสีย!”
แต่ในที่สุด อดุลย์ก็มาทำความจริงให้ประจักษ์ว่า เพียงขวัญเป็นลูกสาวตนและได้รับมรดกครึ่งหนึ่งของทั้งหมด ทำเอาหม่อมเอียดอึ้ง ส่วนแจ๋วพูดอย่างยินดีว่า “และแล้วความจริงก็เปิดเผย เธอคือลูกสาวเศรษฐี”
กรองแก้วให้เพียงขวัญมีหน้าที่จัดยาให้หม่อม
เอียดด้วย เมื่อเธอเอายาไปให้ หม่อมเอียดถามว่าแผน ของพวกคุณชายให้เธอเอายามาให้ แล้วตัวเธอเองมีแผนเอาอกเอาใจตนอย่างไร เพียงขวัญตอบอย่างสุภาพว่า
“คุณท่านเป็นคนฉลาด ใช้แผนไหนๆก็ไม่สำเร็จหรอกค่ะ” พูดแล้วจะลุกไป หม่อมเอียดเรียกไว้ ทดสอบต่อว่า
“งานแต่งงานชายพีร์กับวิไลรัมภายังไม่ได้ยกเลิก วิไลรัมภาไม่ได้ทำผิดอะไร ถ้าพลาดการแต่งงานครั้งนี้ ผู้หญิงคนนั้นจะพินาศเพราะเธอ เธอคิดยังไงกับเรื่องนี้”
“ทุกวันนี้ แค่คุณชายรณพีร์ยอมกินอาหารยอมกินยา แค่นี้ก็หมดหน้าที่ของดิฉันแล้ว เกินจากนี้ดิฉันไม่อยากคิดค่ะ”
เป็นคำตอบที่ทำให้หม่อมเอียดมองเพียงขวัญอย่างนึกนิยมอยู่ในใจ
แล้ววันหนึ่ง เพียงขวัญก็ได้พิสูจน์ความเป็นคนดีมีคุณธรรมของเธอ เมื่อย่าอ่อนไปเล่นไพ่ที่บ้านทองสุขแล้วถูกตำรวจจับ แจ๋วได้ข่าวจากที่ตลาดกลับมาบอกเพียง–ขวัญ เธอเอาเงินค่าแสดงหนังที่เพิ่งได้รับไปประกันตัวย่าอ่อนออกมาลับๆทำให้ย่าอ่อนสะเทือนใจไม่น้อย
วิไลรัมภาเห็นความสัมพันธ์ระหว่างย่าอ่อนกับเพียงขวัญดีขึ้นก็ไม่พอใจ เล่าให้พ่อกับพี่สาวฟังแล้วรุมกันด่าทั้งหม่อมเอียดและย่าอ่อนอย่างสาดเสียเทเสีย
วิไลรัมภาฮึดขึ้นอีกครั้ง บอกว่าเมื่อไม่มีใครช่วยเราก็ ต้องหาวิธีเฉดหัวเพียงขวัญออกไปจากวังจุฑาเทพเอง
เมื่อมารตีรู้ว่าเพียงขวัญเป็นคนจัดยาให้หม่อม
เอียดทุกวัน จึงวางแผนให้วิไลรัมภาเปลี่ยนยาที่จัดให้หม่อมเอียดทำให้หม่อมเอียดกินยาแล้วถึงกับหมดสติเพราะความดันลดต่ำลงจนเป็นอันตราย
ชายภัทรอยู่ที่โรงพยาบาล ได้รับโทรศัพท์จากหญิงลึกลับโทร.บอกว่ามีคนประสงค์ร้ายกับหม่อมย่า ชายภัทรจึงรีบกลับมา ตรวจอาการของหม่อมเอียดและถามหาคนจัดยา วิไลรัมภาฉวยโอกาสตบหน้าเพียงขวัญด่าลั่น
“นังงูพิษ แกคิดจะทำร้ายหม่อมย่าหรือ!”
“ขวัญไม่ได้ทำจริงๆนะคะ ขวัญสาบานได้”
ชายใหญ่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ต้องมีการสอบสวนให้เป็นเรื่องเป็นราว พลางเดินไปหมุนโทรศัพท์ก็พอดีหม่อมเอียดเดินมากับแจ๋ว ทุกคนมองตะลึงหม่อมเอียดถามว่า “นี่เขายังไม่สารภาพอีกเหรอ” แล้วบอกแจ๋วให้เล่ามาให้หมดว่าเห็นอะไรบ้าง เมื่อถูกแจ๋วเปิดโปงแทนที่จะสำนึกวิไลรัมภากลับด่าแจ๋วถามว่ามีหลักฐานอะไร
แจ๋วบอกว่ายาที่วิไลรัมภาเอามาเปลี่ยนให้หม่อมเอียดน่าจะยังมีอยู่ในกระเป๋า เมื่อค้นจึงเจออยู่ในซองการ์ดแต่งงานที่เธอเตรียมไปแจก ถูกจับได้คาหนังคาเขาเช่นนี้ วิไลรัมภาจึงยอมรับสารภาพ บีบน้ำตาขอโทษอ้างว่า
ที่ทำไปเพราะรักชายพีร์ ไม่อยากเสียชายพีร์ไป ขอให้ทุกคนยกโทษให้ตนด้วย
ย่าอ่อนที่เคยลุ้นวิไลรัมภามาเป็นสะใภ้จุฑาเทพตลอดมา ถึงวันนี้ได้เห็นความดีของเพียงขวัญและเห็นความใจดำอำมหิตของวิไลรัมภาถึงกับแสดงอาการผิดหวังและไล่วิไลรัมภาให้ออกจากวังจุฑาเทพไปเดี๋ยวนี้เลย
“ชายใหญ่ โทร.เรียกคุณชายเทวพันธ์มารับลูกสาวเขากลับไปได้แล้ว” หม่อมเอียดสั่ง หลังจากนั้นเรียกเทวพันธ์มาบอกว่า “ฉันเสียใจ ฉันให้ชายพีร์แต่งงานกับรัมภาไม่ได้”
ชายพีร์กราบขอโทษเทวพันธ์ที่คุณชายแห่งจุฑาเทพไม่สามารถแต่งงานกับเทวพรหมได้แม้แต่คนเดียว และเพื่อขอบคุณที่เทวพันธ์เคยช่วยชีวิตท่านพ่อ ชายใหญ่มอบโฉนดที่ดินที่เวลานี้เป็นตลาดเจริญรุ่งเรืองมากให้เป็นการทดแทน เพื่อเทวพันธ์จะได้เก็บค่าเช่าจากตลาดมาดูแลครอบครัวกับวังเทวพรหมต่อไป
“ผมผิดเองที่เลี้ยงลูกไม่ดี ผมละอายใจจนไม่กล้าพูดอะไรอีกแล้ว อาทำอะไรหลายอย่างกับพวกเรา มา กราบขอโทษกันอย่างนี้ สมแล้วที่ใครๆเรียกสุภาพบุรุษ... สุภาพบุรุษจุฑาเทพ น่านับถือมาก...ขอบใจจริงๆ”เทวพันธ์เอ่ยอย่างซาบซึ้งท่ามกลางความโล่งใจของหม่อม
เอียด ย่าอ่อน และสุภาพบุรุษจุฑาเทพทุกคน
ทุกอย่างคลี่คลายลงด้วยดี อดุลย์ซื้อบ้านหลังใหม่เพื่อให้นภากับแม่ผันเปิดสอนนาฏศิลป์เด็กๆเอ่ยขอนภาว่า
“เรามาเริ่มต้นใหม่ด้วยกันนะครับ”
ส่วนชนะถ่ายทำหนัง “กินรี” จนจบ เขาขอบคุณศักดา ที่ทำให้หนังเรื่องนี้สำเร็จขึ้นมาได้ ขอบคุณราตรีภรรยาสุดที่รักที่เป็นแรงบันดาลใจให้ และขอบคุณเพียงขวัญหลานสาวแท้ๆ ที่สานฝันของตนให้เป็นจริง
ทั้งหม่อมเอียดและย่าอ่อนยอมรับว่า เพียงขวัญทั้งสวย ทั้งเก่งและที่สำคัญเป็นคนดี หม่อมเอียดเอ่ยปากสู่ขอกับนภา
นภาจึงฝากหม่อมเอียดเมตตาลูกสาวตนด้วย
ชายพีร์ฉวยโอกาสขออนุญาตเรียกนภาว่าแม่ตรงนั้นเลย
อัทธ์พาจันทน์กะพ้อไปดูหนัง “กินรี” รอบปฐมทัศน์พร้อมช่อดอกไม้ที่ร่วมกันมอบให้เพียงขวัญนางเอกยอดนิยม
ฝ่าฟันอุปสรรคมาถึงวันนี้ ชายพีร์พาเพียงขวัญขับรถท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆชายพีร์บอกเธอว่า
“ผมมีความสุขมากเลยรู้ไหม เวลาที่มีคุณอยู่ข้างๆผมแบบนี้”
“ขวัญก็รู้สึกถึงความอบอุ่นปลอดภัยทุกครั้งที่อยู่ใกล้...ขวัญไม่เคยรู้สึกดี แบบนี้มาก่อนเลย คุณพีร์ทำ ให้ขวัญรู้จักคำว่า...” ชายพีร์ประทับจูบก่อนเธอพูดจบ บอกว่า...
“คุณคือผู้หญิงของผม...ผมรักคุณ เพียงขวัญ...”
ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส สมาชิกในครอบครัวใหญ่จุฑาเทพทั้งหมด มาถ่ายรูปร่วมกันอย่างมีความสุข...
ooooooo
–อวสาน–