ตอนที่ 1
ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย อีริน่าสาวน้อยลูกครึ่งไทย-รัสเซีย ซึ่งชอบแต่งตัวคล้ายเด็กผู้ชาย ซ่อนผมแดงยาวสลวยไว้ในหมวกใบเก่า ได้เงินจากการขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเพียงน้อยนิด พยายามขอซื้อไก่ย่างด้วยเงินเท่าที่มี แต่เจ้าของร้านกลับขับไล่ไสส่ง หนำซ้ำยังดูถูกว่าเป็นแค่ขอทาน เธอถึงกับปรี๊ดแตก
“ไอ้บ้า หน็อยแน่ ดูถูกว่าเรากระจอกเป็นขอทาน ขอซื้อดีๆไม่ขาย ก็ขอเป็นหัวขโมยสักครั้งเพื่อแม่” อีริน่า ว่าแล้วคว้าไก่ที่ห่อกระดาษอะลูมิเนียมฟอยล์ไว้อย่างดี วิ่งหนี เจ้าของร้านร้องเอะอะให้คนแถวนั้นช่วยกันจับตัวส่งตำรวจ ขณะเด็กสาวกำลังวิ่งลัดเลาะไปตามตรอกเล็กๆ พลันเสียงพริมผู้เป็นแม่ดังขึ้นในหัว
“จำไว้นะอีริน่า แม้ว่าเราจะยากจนข้นแค้นแสนสาหัสเพียงใด ต้องนับถือตนเอง อย่าดูถูกศักดิ์ศรีตัวเองด้วยการทำผิดกฎหมาย ไร้ศีลธรรม เช่น ขโมยของคนอื่น”
อีริน่าจะโยนไก่ตัวนั้นทิ้ง แต่วิ่งชนกับชายขี้เมาสวมหมวกหลุบต่ำคนหนึ่งล้มคว่ำไปด้วยกันเสียก่อน ไก่ตกไปที่ร่างชายคนนั้น ส่วนขวดเหล้าในมือของเขาตกพื้นแตกกระจาย เธอไม่รอดูผลงานรีบวิ่งไปแอบหลังถังขยะ เป็นจังหวะเดียวกับเจ้าของร้านไก่ และตำรวจวิ่งเลี้ยวหัวมุมมา ไม่ทันเห็นชายขี้เมา สะดุดล้มกลิ้งระเนระนาด
เจ้าของร้านไก่โมโหที่ตามหัวขโมยไม่ทัน พาลเตะต่อยชายขี้เมาหาว่าเป็นพวกเดียวกับหัวขโมย ตำรวจเลยจับเขาฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น แล้วพาตัวไปสถานีตำรวจ อีริน่าซึ่งแอบอยู่หลังถังขยะค่อยๆโผล่หัวขึ้นมา
“เสียงเงียบไปหมดแล้ว ขี้เมาคนนั้นคงเจ็บแย่ เพราะเราแท้ๆ” เด็กสาวเอะใจ รีบวิ่งไปดู เห็นว่าชายขี้เมาก็คือนิโคลัยพ่อของตัวเองนอนหมวกหลุดลุ่ยตอนที่โดนทำร้าย ในมือกอดไก่ไว้แน่น
“ปาปา เมาอีกแล้ว กลับบ้านกันเถิดปาปา มามาไม่สบายรอกินอาหาร ป่านนี้มามาคงหิวมากแล้ว”
นิโคลัยได้ยินลูกเอ่ยถึงเมียรัก ค่อยได้สติขึ้นมาบ้าง จากนั้นอีริน่าประคองพ่อมุ่งหน้ากลับบ้าน...
ในเวลาเดียวกัน ที่สถานทูตไทยประจำกรุงมอสโก เจตรินหนุ่มนักการทูตขุ่นเคืองใจมากที่ศรินทิพย์แม่ของตัวเองแจ้งมาทาง Skype ว่าตกลงใจหมั้นหมายอารดาให้เขาแล้ว ทั้งๆที่เจ้าตัวไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวด้วย อารดารีบยื่นหน้าเข้ามาในจอคอมพิวเตอร์ พร้อมกับชูแหวนหมั้นที่ศรินทิพย์เป็นคนสวมแทนลูกชายให้ดูเป็นการยืนยันว่าเราสองคนหมั้นกันเรียบร้อยแล้ว ต่อหน้าแม่ของเธอที่เพิ่งจากไป
“แม่จะให้ลูกทั้งสองแต่งงานกันทันทีที่ลูกกลับถึงเมืองไทย”
“คุณแม่! ผมไม่ได้รักอารดา ไม่เคยแม้แต่คิดจะรัก หรืออยากจะรัก” เจตรินทำหน้าเหมือนอยากจะกลั้นใจตายเสียให้ได้ แต่ดูเหมือนสองสาวต่างวัยที่เขา Skype ด้วยจะไม่สนใจ พากันหัวเราะอย่างมีความสุข เจตรินตัดการติดต่อ แล้วนั่งบ่นอยู่คนเดียวอย่างขัดอกขัดใจว่าไม่อยากแต่งงานกับอารดา
ยูริซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง แนะว่าถ้าไม่อยากแต่งก็อย่าแต่ง เจตรินตกใจหันขวับไปต่อว่าว่ามาแอบฟังตนหรือ เขารีบออกตัวว่า ไม่ได้คิดจะแอบฟัง แต่บังเอิญเจตรินบ่นเสียงดังไปหน่อย แล้วเสนอทางออกให้
“หาภรรยารัสเซียสักคนสิครับ พากลับไปเมืองไทยด้วยกัน ง่ายจะตาย”...
ด้านพริมไม่ยอมแตะต้องไก่ที่สองพ่อลูกเอามาให้ เพราะรู้ดีว่าไก่ราคาแพงไม่มีทางที่ทั้งคู่จะมีเงินซื้อ ต้องได้มาอย่างไม่ถูกต้อง คิดหาทางส่งลูกกลับเมืองไทย ถ้าขืนให้อยู่รัสเซียต่อไปลูกต้องเสียคนเข้าสักวัน
ooooooo
มิคาอิลเจ้าพ่อมาเฟียสั่งให้สมุนของตนเองลากตัวนิโคลัยมาซ้อมฐานติดหนี้การพนันแล้วไม่มี เงินจ่ายและยังเย้ยหยันซ้ำว่าเขาเคยเป็นถึง เค.จี.บี.ผู้เก่งกาจร่ำรวยกลับเสียท่าไปหลงรักผู้หญิงไทยจนต้องลาออกจากงานมาเป็นหนี้เป็นสิน แต่ในฐานะที่เราสองคนเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน จึงเสนอให้มาทำงานกับตนเพื่อลดหนี้
“ลูกเมียฉันไม่มีวันยอมให้ฉันมาทำงานกับมาเฟียโฉดอย่างแก”
มิคาอิลตบหน้านิโคลัยฉาดใหญ่ แล้วสั่งให้สมุนลากตัวออกไป...
ในเวลาต่อมา ขณะอีริน่ากำลังปรึกษากับอเล็กซ์คู่หูของเธออยู่แถวหน้าบ้านเช่าว่าจะเอาเหรียญตรา
ของพ่อไปขายให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการของที่ระลึกที่เป็นของแท้ มิคาอิลกับพวกสมุนลากนิโคลัยที่หน้าตาบวมปูดเข้ามา เธอไม่พอใจมากที่เห็นพ่อโดนซ้อมปรี่เข้า
ไปอัดมาเฟียใหญ่กับสมุนล้มคว่ำไม่เป็นท่า แล้วเหยียบยอดอกมิคาอิลไว้ สมุนสองคนตะกายจะเข้าไปช่วยเจ้านาย แต่เจอนิโคลัยเตะต่อยชุดเดียวลงไปหมอบกับพื้น
“แกเป็นใคร บังอาจมาทำร้ายปาปาของฉัน”อีริน่า ตวาดลั่น
“ปาปาของฉัน?...นี่ลูกชายแกหรือนิโคลัย เสียดายมากที่ไม่ใช่ลูกสาว”
สองพ่อลูกรีบเออออไปด้วย แม้มิคาอิลจะเสียดายที่นิโคลัยไม่มีลูกสาว แต่ในเมื่อเขามีลูกชายหน่วยก้านดีแบบนี้ จึงชวนให้มาทำงานด้วยกัน เพราะชื่นชอบเด็กหนุ่มเก่งๆนิโคลัยปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิดว่าจะไม่ยอมให้ลูกไปทำงานกับมาเฟียเด็ดขาด แล้วไล่เขากลับ อีริน่าอดถามไม่ได้ว่าผู้ชายที่เล่นงานพ่อตัวเองเป็นใคร
“เราเป็นเพื่อนกัน” นิโคลัยอ้อมแอ้ม
“เคยเป็นต่างหาก แต่ตอนนี้เขาคือลูกหนี้ของฉัน... แกอยากปลดหนี้ให้พ่อไหม แกมาทำงานให้ฉัน แล้วพ่อแกจะหมดหนี้ทันที” มิคาอิลพยายามเกลี้ยกล่อม แต่นิโคลัยยืนกรานไม่ยอมให้ลูกไปทำงานด้วย เขาจะให้โอกาสนิโคลัยคิดดูอีกครั้ง พรุ่งนี้ให้ไปพบเขาที่ออฟฟิศ ก่อนจะหันไปถามอีริน่าว่าทำมาหากินอะไร พอรู้ว่าขายของให้นักท่องเที่ยว กำชับว่าห้ามไปขายในถิ่นของเขาเด็ดขาด นอกเสียจากจะทำงานให้เขาเท่านั้น แล้วเดินนำสมุนกลับ อีริน่าอยากรู้ว่าพ่อเป็นหนี้มิคาอิลเท่าไหร่ แต่ท่านไม่ยอมบอก แถมสั่งห้ามพูดเรื่องนี้ให้พริมรู้เด็ดขาด...
ทางฝ่ายยูริยังคงยุให้เจตรินรีบหาคนรักให้ไวที่สุดจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับอารดาซึ่งเขาไม่ได้รัก
ooooooo
เช้าวันถัดมา ขณะที่อีริน่ากับอเล็กซ์กำลังเดินขายของให้นักท่องเที่ยวอยู่แถวจัตุรัสแดง สมุนร่างยักษ์สองคนของมิคาอิลมาพบเข้า ทั้งคู่พากันวิ่งหนีเข้าไปในซอยลับสายตาผู้คน อเล็กซ์หนีไม่ทันถูกจับตัวไว้ อีริน่าต่อรองจะยอมไปพบมิคาอิล ถ้าพวกสมุนปล่อยคู่หูของเธอเป็นอิสระ พวกนั้นหลงเชื่อยอมทำตาม เธอกลับวิ่งหนี
สมุนของมิคาอิลวิ่งไล่อีริน่าจนทัน ดักหน้าดักหลังไม่ให้หนี เธอเปิดฉากบู๊เข้าใส่พวกนั้นแบบไม่ให้ตั้งตัวติด เด็กสาวเรียนการต่อสู้มาจากพ่อซึ่งเป็น เค.จี.บี.ฝีมือจึงเหนือกว่าพวกนั้นมาก...
ด้านเจตรินหนีรถติดบนถนนใหญ่มาตามซอยแคบๆ ลัดเลาะจะไปที่สถานทูตไทย ต้องกระแทกเบรก หัวทิ่มเมื่อสมุนของมิคาอิลคนหนึ่งลอยมาตกบนกระจกหน้ารถพอดิบพอดี เขาพยายามตะกายจะให้ตัวหลุดออกจากกระจก ยังไม่ทันจะลุก เพื่อนสมุนถูกถีบลอยตามมา เจตรินกำลังจะลงจากรถเห็นเต็มตาว่าคนตัวเล็กถีบคนตัวใหญ่กว่าให้ลอยตามเท้าได้โดยที่ยังมองไม่ออกว่าคนถีบเป็นชายหรือหญิง เขาหลบวูบตามสัญชาตญาณ
สมุนร่างยักษ์ลอยมาหล่นกระแทกกระโปรงหน้ารถยุบ เจตรินถึงกับหลับตากุมหัวเมื่อนึกถึงค่าซ่อม อีริน่า พุ่งตามมากระทืบสมุนซ้ำจนรถโคลงทั้งคัน คราวนี้ชายหนุ่มนักการทูตเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น หนึ่งในสมุนเหลือบเห็นป้ายทะเบียนรถสถานทูตติดอยู่ก็ตกใจตาเหลือก รีบร้องบอกเพื่อน
“เฮ้ย...แย่แล้ว รถสถานทูต”
อีริน่าชะงักโดดลงมามองป้าย ขณะที่สมุนร่างยักษ์ทั้งสองคนวิ่งหนีตัวปลิวไปแล้ว เธอขยับจะวิ่งหนีบ้างแต่เจตรินเงยหน้าขึ้นมองพอดีเห็นวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น โกรธมากแต่ยังรักษาวาจาสุภาพแบบนักการทูตไว้
“อ้าวคุณ อย่าหนีสิครับ ทำรถราชการพังแล้วหนีไม่มีมารยาทนะครับ”
เด็กสาวขำกลิ้งวิ่งต่อไปไม่ไหว “คุณชายมารยาทงาม รถพังทั้งคันยังด่าไม่เป็นเลย...ก๊ากๆๆๆ” แล้ววิ่งถอยหลังกลับมาหา ชายหนุ่มใจชื้นนึกว่าจะมาเจรจาค่าเสียหาย เธอกลับดึงหมวกหลุบต่ำ หยุดวิ่งแล้วส่ายก้นกวนประสาท หันมาทำหน้าทะเล้นใส่ก่อนจะวิ่งหนีจากไปอย่างรวดเร็ว เขาถึงกับส่ายหน้า มั่นใจว่าคนที่ทำอะไรห่ามๆขนาดนี้ได้ต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น พลันมีเสียงมือถือของเขาดังขึ้น
“ครับคุณแม่...อะไรนะครับ ผมไม่ว่างครับ” เจตรินตัดสายทันที...
แม้จะขายของได้เงินมาน้อยไม่พอค่ายารักษาแม่ แต่อีริน่าก็ไม่ย่อท้อ ตัดสินใจจะไปลองหาลูกค้าที่โรงแรมซึ่งวิกเตอร์เพื่อนของเธอทำงานเป็นดอร์แมนที่นั่น
ooooooo
อีริน่าต่อว่าพ่อยกใหญ่เมื่อรู้ว่าท่านจะไปทำงานให้มิคาอิล ทั้งๆที่รู้แก่ใจดีว่าหมอนั่นเลวไม่เกรงใจใคร นิโคลัยต้องขยิบตาเป็นทำนองให้ลูกเบาเสียงลงหน่อย เดี๋ยวแม่ของเธอได้ยินเข้าจะยุ่ง แต่สุดท้ายพริมก็รู้จนได้ ประกาศลั่นจะยอมตายดีกว่าเอาเงินสกปรกพวกนั้นมาซื้อยารักษาตนเอง
“อย่าดื้อสิที่รัก ขอเพียงให้คุณหาย จากนั้นเราจะเริ่มต้นกันใหม่ ผมกำลังพยายามเลิกเหล้า เลิกบุหรี่”
“พยายามมาตั้งแต่คุณลาออกจากงานจนป่านนี้ลูกโตยังไม่สำเร็จ มองหน้าคุณก็รู้ว่าติดการพนันเป็นหนี้มัน และอาจกำลังก้าวหน้าไปถึงขั้นเป็นทาสยาเสพติด เพราะไปทำงานกับคนเลวอย่างมัน”
เด็กสาวเห็นพ่อกับแม่เถียงกัน เดินเลี่ยงเข้าห้องตัวเอง รวบรวมเหรียญตราโบราณของพ่อยัดใส่กระเป๋าเสื้อแล้วรีบกลับออกมา ได้ยินพ่อบอกกับแม่ว่า
“ผมจำใจทำงานกับมันเพราะมันต้องการให้อีริน่าไปทำงานกับมัน พริมก็รู้ว่ามันน่ากลัวแค่ไหน ถ้าลูกไปทำงานกับมัน ที่รักอย่าโกรธผมเลย ผมทำไปเพื่อปกป้องลูกของเรา” นิโคลัยเหลือบเห็นลูกค่อยๆย่องจะออกจากบ้านร้องถามว่าจะไปไหน เธอหยุดกึก หันมาบอกว่าจะไปหาที่ขายของแหล่งใหม่แล้วขยับจะไป อารามรีบร้อน อีริน่าทำเหรียญหล่นจากกระเป๋า พริมร้องทัก นั่นเหรียญเกียรติยศของพ่อไม่ใช่หรือ จะเอาไปไหน
“เอาไปขายให้ได้เงินบริสุทธิ์มาซื้ออาหาร ซื้อยามารักษามามา เพราะว่าเหรียญนี่มันกินแทนอาหารและยารักษาโรคของมามาไม่ได้” อีริน่าก้มเก็บเหรียญแล้ววิ่งปรู๊ดออกไปทันที พริมทนต่อไปไม่ไหว จะรีบหา เงินซื้อตั๋วเครื่องบินส่งลูกกลับเมืองไทยโดยเร็ว ก่อนที่มิคาอิลจะรู้ว่าลูกเป็นผู้หญิง...
จากนั้นไม่นาน ที่ล็อบบี้ของโรงแรมหรูกลางกรุงมอสโก เจตรินหงุดหงิดมากที่อารดามาหาโดยไม่บอก กล่าวกันก่อน แถมยังให้แม่ของเขาโทร. มาบังคับจิตใจเขาอีก เธอแก้ตัวว่ามามอสโกตั้งแต่เมื่อวาน พยายามโทร.หาเขาทั้งวันแต่เขาไม่รับสาย ถ้าแม่ของเขาไม่ได้มาโทร.ดักไว้ก่อน ให้มาหาเธอวันนี้ เขาก็คงแกล้งทำเฉยต่อไป
“ผมไม่ได้เฉย ผมไม่ว่าง ต้องไปทำงานกับท่านทูต ดาครับ คนมองกันใหญ่แล้ว ไปนั่งกันเถิดครับ” เจตรินว่าพลางพยายามแกะมือตุ๊กแกของอารดาออก แต่เธอเกาะแน่นไม่ยอมปล่อย...
อีกมุมหนึ่งหน้าประตูทางเข้าโรงแรม วิกเตอร์เห็นอีริน่าแนบหน้ากับกระจก มองเข้ามาถึงกับตัวแข็งเพราะผู้จัดการกำลังเดินตรวจดูความเรียบร้อยอยู่ไม่ไกลนัก เขาพยายามส่งสัญญาณให้เพื่อนรู้ แต่เธอทำท่าเป็นทำนองให้เขาเปิดประตูให้ ผู้จัดการเห็นท่าทางแปลกๆ ของวิกเตอร์เลยเดินมาดู อีริน่ารู้งานรีบหลบได้ทัน
วิกเตอร์ถอนใจโล่งอกที่รอดตัวไปได้ จังหวะนั้นมีแขกต่างชาติของโรงแรมเดินมาที่ประตูทางเข้า ชายหนุ่มรีบเปิดรับ อีริน่าสบช่องผลุบตามหลังแขกกลุ่มนั้นเข้าไปด้านใน มองหาคนที่จะขายของที่ระลึกให้
ooooooo
อารดาน้อยใจมากที่เจตรินทำเฉยไม่ดีใจที่เจอตนเอง หนำซ้ำยังอ้างติดงานโน่นนี่สารพัดไม่ยอมพาไปเที่ยว ทั้งๆที่เธอมีเวลาอยู่กับเขาแค่คืนนี้คืนเดียว พรุ่งนี้จะต้องไปยุโรปกับคณะทัวร์ จึงแสร้งปล่อยโฮที่เขาเห็นงานดีกว่าคู่หมั้น ผู้คนแถวนั้นพากันจ้องเธอเป็นตาเดียวกัน เจตรินต้องรีบขอโทษเพื่อให้เธอสงบ
“อย่างนั้นถ้ากลับมานี่ ดาจะวนมาอีกครั้ง แล้วพาดาเที่ยวให้สนุกนะคะ”
“เสียใจครับ คือผมครบวาระสี่ปีที่นี่ กำลังเตรียมตัวกลับเมืองไทยเดือนหน้า ผมรีบมาพบดาและต้องรีบกลับ ดาไปสมทบกับคณะทัวร์ของดานะครับ” เจตรินตัดบทเสร็จ ลุกขึ้นจะไป อารดาลุกตามไปรั้งตัวไว้ อีริน่ากำลังสอดส่ายสายตาหานักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก ไม่ทันดูทางชนเธอเข้าเต็มๆ อารดาคิดว่าคนเดินชนเป็นผู้ชายโวยวายลั่นว่าเป็นพวกโจรล้วงกระเป๋า หรือไม่ก็เป็นพวกชอบลวนลามผู้หญิง
“ไม่ใช่ ฉันมาขายของต่างหาก”
ทั้งคู่ตกใจที่อีิริน่าพูดไทยได้ชัดเจน พากันจ้องเขม็ง เด็กสาวจำเจตรินได้ว่าเป็นโจทก์เก่า รีบก้มหน้าดึงหมวกหลุบต่ำ อารดาไม่พอใจ พาลหาเรื่องด่าว่าไปถึงแม่ของเธอ อีริน่าทนไม่ไหวคว้าขวดซอสแถวนั้นเทใส่หัว
“นี่แน่ะดูถูกแม่ฉัน แกนั่นแหละท่าทางเหมือนกำลังอยากนอนกับไอ้บ้านี่กลางล็อบบี้โรงแรม”
อารดากรีดร้องโรงแรมแทบแตก อีริน่ากลัวเจตรินจะจำหน้าได้รีบหันหลังจะไป เขาดึงแขนไว้ เธอสะบัดหลุด ก่อนจะวิ่งหนี เจตรินเห็นหน้ายังไม่ถนัด จึงจำไม่ได้ แต่ก็วิ่งตามโดยมีอารดาเกาะแขนตามจะไปเอาเรื่อง
ทั้งคู่ตามอีรีน่าทันตรงประตูทางเข้าโรงแรม เจตรินขอร้องให้เธอหยุดคุยกันก่อน แต่เธอไม่สนใจ อารดาคว้าของใกล้มือจะขว้างใส่ อีิริน่าเหมือนมีดวงตาด้านหลัง เบี่ยงตัวหลบทันแล้วคว้าของชิ้นนั้นปาคืน โดนอารดาเต็มหน้า คราวนี้เจตรินเห็นเธอชัดเต็มสองตาก็จำได้
“นายนี่เอง อย่าหนีสิ”
อีริน่าไม่ฟัง รีบเผ่นแน่บ เจตรินไล่ตามไปติดๆ ไม่สนใจคู่หมั้นตัวเองที่ตะโกนเรียกให้ช่วย เด็กสาววิ่งมาถึงถนนใหญ่ โดยมีหนุ่มนักการทูตวิ่งไล่ มิคาอิลขับรถผ่านมาเห็นพอดี รีบเบนรถจอดข้างทางขยับจะลงไป แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเจตรินพุ่งรวบตัวอีริน่าจากด้านหลัง แต่คว้าได้เพียงหมวกที่เธอสวมอยู่
เจตรินและมิคาอิลต่างตะลึงที่เห็นผมยาวสลวยสีแดงยิ่งเพิ่มความงดงามให้อีริน่า ถึงกับอุทานขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายว่า “เด็กผู้หญิง” อีริน่าไม่พอใจมากที่เจตรินรู้ความลับของตัวเอง
“แล้วไง จะทำร้ายผู้หญิงหรือ ใส่ร้ายกันวันก่อนยังไม่พอใจใช่ไหม ฉันก็แค่วิ่งหนีคนร้าย ใครจะอยากทำรถนายพัง อยากได้เงินค่าซ่อมรถใช่ไหม นายต้องซื้อของฉันก่อนแล้วจะคืนให้ก็ได้ ฉันน่ะแมนกว่านายอีกนะ”
เจตรินไม่ต้องการพูดเรื่องค่าซ่อมรถ แนะนำตัวเองว่าเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยประจำที่นี่ มีหน้าที่สอดส่องดูแลทุกข์สุขของคนไทยทั้งหมด ถ้าเธอมีปัญหาอะไรก็ให้คุยกับเขาได้เลย อีริน่าจะคุยก็ต่อเมื่อเขายอมซื้อของที่ระลึกของเธอก่อน และขอรับเงินเป็นดอลลาร์ไม่เอารูเบิล จากนั้นก็เอาเหรียญตราโบราณของพ่อให้ดู เจตรินเลือกซื้อหนึ่งชิ้น ราคาสิบดอลลาร์ แล้วเปิดกระเป๋าสตางค์หยิบเงินยี่สิบดอลลาร์ยื่นให้
อีริน่าเห็นเงินเป็นปึกในกระเป๋าถึงกับตาวาว นึกถึงค่ารักษาพยาบาลของแม่ขึ้นมาทันที เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มหวาน แล้วแกล้งหน้ามืดจะเป็นลม เซเข้าหาเจตรินซึ่งไม่ทันระวังตัว เธอฉกกระเป๋าสตางค์ของเขาใส่กระเป๋าเสื้อตัวเองไว้ ยืดตัวตรงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ขอบคุณมาก ค่อยยังชั่วแล้ว ไปก่อนนะ” อีริน่าวิ่งหนีสุดชีวิต ไม่สนใจเสียงเรียกให้กลับมาคุยกันก่อนของเจตริน มิคาอิลขยับจะเข้าไปเล่นงานชายหนุ่มแปลกหน้าเพราะคิดว่านิโคลัยปิดบังเรื่องมีลูกสาวเพื่อกันไว้ให้หนุ่มคนนี้ แต่ต้องหยุดกึกอีกครั้งเมื่อเห็นป้ายทะเบียนรถทูตของเจตริน รีบถอยกลับขึ้นรถตัวเองแทบไม่ทัน...
ครู่ต่อมา เจตรินกลับมาหาอารดาที่โรงแรม เธอยังหงุดหงิดไม่หายที่โดนอีริน่าเล่นงานจนหัวปูด ถามเขาว่าจับไอ้เด็กบ้านั่นส่งตำรวจแล้วใช่ไหม เขาทักท้วงว่าไม่ใช่ไอ้ เด็กนั่นเป็นผู้หญิง แล้วรีบขอตัวกลับก่อน
“ผู้หญิง! ตายแล้ว มันจ้องจะจับเจต เจตกลับมานะ
เจตจะไปหาอีเด็กนั่น ไม่ยอมๆๆ” อารดาเต้นเร่าๆ...
ทางฝ่ายมิคาอิลไม่รอช้า สั่งให้สมุนลากตัวนิโคลัยมาสั่งสอนแล้วจับกรอกเหล้าฐานปิดบังเรื่องลูกสาว ข่มขู่ถ้าอยากปลดหนี้ต้องเอาตัวเธอมาสังเวยเขา นิโคลัยปฏิเสธว่าทำกับลูกแบบนั้นไม่ได้ มาเฟียจอมโฉดไม่พอใจทั้งเตะทั้งต่อยจนล้มฟุบ แล้วสั่งให้สมุนเอาตัวไปขัง เพราะเขามีแผนเด็ดเตรียมไว้ให้นิโคลัย
ooooooo
แทนที่อีริน่าจะดีใจที่ได้เงินมากมายเป็นค่ารักษาแม่แถมยังเหลือพอซื้ออาหารและเป็นค่าเช่าบ้านได้อีกหลายเดือน แต่คำสั่งสอนของแม่ที่ให้เป็นคนซื่อสัตย์ ไม่คดโกงไม่ลักขโมยของของคนอื่นผุดขึ้นมาในหัว
ความดีกับความเลวตีกันยุ่งไปหมด ทำให้เด็กสาวตัดสินใจจะไม่ใช้เงินที่ขโมยมาจากเจตริน ใช้เงินเพียงยี่สิบดอลลาร์ค่าเหรียญตราของพ่อที่ขายให้เขาไปซื้อยาที่ร้ายขายยาของดิมิทรีผู้เอื้ออารีเท่านั้น...
กว่าเจตรินจะรู้ตัวว่ากระเป๋าสตางค์หายเป็นตอนที่แต่งตัวเต็มยศเตรียมจะไปงานของสถานทูต เขามั่นใจเกินร้อยว่าอีริน่าเป็นคนเอาไป รีบโทร.หายูริ
“ผมต้องการตามหาเด็กผู้หญิงลูกครึ่งไทย-รัสเซียคนหนึ่ง ฐานะยากจน ด่วน”
ยูริถึงกับกุมขมับที่เจตรินมีข้อมูลให้แค่นี้ แล้วยังจะขอแบบเร่งด่วนอีก...
ด้วยความที่อีริน่าเป็นเด็กดี กตัญญูพ่อแม่ ทำให้ผู้คนในชุมชนยากจนของมอสโกรักและเอ็นดู วันนี้เธอแวะไปที่ตลาดสดใกล้บ้าน ป้ามาเรียกับพวกแม่ค้ารวบรวมผักและมันฝรั่งที่สภาพไม่สวยแต่ยังกินได้ไว้ให้เธอกับแม่ และยังมีหมูสามชั้นแถมให้อีก อีริน่าโผกอดป้ามาเรีย น้ำตาซึม หวังว่าสักวันจะมีโอกาสตอบแทนทุกคนบ้าง
“เป็นคนดีก็ถือว่าตอบแทนชุมชนแล้วล่ะอีริน่า รีบไปเถอะ แม่จะรอ”...
ไม่นานนัก อีริน่าก็กลับถึงบ้าน เธอรีบเข้าห้องตัวเองเอากระเป๋าของเจตรินมาวางบนเตียงแล้วหยิบกระป๋องใส่เงินออมมาเปิดดู สะท้อนใจที่เงินในกระป๋องซึ่งเธอเก็บสะสมมานานยังมีไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเงินในกระเป๋าใบนั้น แล้วเมื่อไหร่ถึงจะมีเงินพอซื้อตั๋วเครื่องบินไปเมืองไทย
ได้ จังหวะนั้น เสียงพริมดังขึ้นก่อนตัวจะตามเข้ามาว่ากำลังทำอะไรอยู่ลูก อีริน่าตาเหลือกรีบวิ่งไปนั่งทับกระเป๋าสตางค์ของเจตรินไว้
พริมสะดุดใจกับอาการลุกลี้ลุกลนของลูก แต่ไม่พูดอะไร อีริน่าคุยว่ากำลังนับเงินในกระป๋องอยู่ คิดว่าจะยกให้พ่อกับแม่เอาไว้ใช้ แล้วถามว่าเราไม่มีญาติอยู่ในเมืองไทยเลยหรือ แววตาของพริมฉายแววเจ็บปวดขึ้นมาแวบหนึ่ง ก่อนจะปรับเป็นปกติ ยังไม่ทันจะตอบคำถามของลูก มีเสียงเคาะประตูหน้าบ้านดังขึ้น
“เปิดประตูหน่อย พานิโคลัยมาส่ง”
เด็กสาวลุกขึ้นจะไปเปิดรับ แต่นึกได้ว่าต้องซ่อนกระเป๋าสตางค์ไว้ ทำเป็นเซลงไปนั่งอย่างเดิม พริมเห็นปลายกระเป๋าแวบๆยังดูไม่ออกว่าเป็นอะไร แต่มั่นใจว่าลูกมีบางอย่างปิดบัง จัดแจงลุกขึ้นไปเปิดประตูเอง เธอถึงกับร้องเอะอะเมื่อเห็นสภาพยับเยินของสามีตัวเอง สมุนสองคนของมิคาอิลกลับหัวเราะชอบใจ และยังฝากคำพูดของมิคาอิลมาให้ด้วยว่าถ้าไม่อยากให้นิโคลัยถูกทำร้ายอีก ให้ส่งอีริน่าไปให้เจ้านายของพวกตน
อีริน่าได้ยินเสียงแม่ร้องรีบวิ่งออกมาดูโดยถือกระเป๋าสตางค์ของเจตรินแอบๆไว้ เห็นพ่อถูกทำร้ายปราดเข้าไปเอาเรื่อง แต่พวกนั้นผละจากไปเสียก่อน พริมบอกให้ลูกช่วยพาพ่อเข้าไปในบ้าน อีริน่าทำกระเป๋าหล่น เผยให้เห็นเงินปึกใหญ่ข้างใน เธอรีบเก็บกระเป๋า แล้วพาพ่อเข้าบ้านแต่ไม่พ้นสายตาจ้องจับผิดของพริม...
ขณะที่พริมจับพิรุธของลูกได้ เจตรินกำลังหงุดหงิดที่ถูกอีริน่าฉกกระเป๋าสตางค์ไป ตั้งใจมั่นจะต้องรู้เรื่องราวของเด็กสาวคนนี้ให้ได้ว่ามีปัญหาเรื่องเงินเพราะอะไร ทันใดนั้น อารดาโทร.มากวนใจ จะขอสั่งลาก่อนจะจากกัน เจตรินรีบอวยพรให้เธอโชคดี เดินทางปลอดภัยแล้วรีบตัดบทอ้างแบตเตอรี่หมด ก่อนจะวางสาย...
ในที่สุดอีริน่าก็ถูกพริมจับได้คาหนังคาเขาว่ากำลังหาที่ซ่อนกระเป๋าสตางค์ที่ไม่ใช่ของตัวเอง เธอต่อว่าลูกทั้งน้ำตาที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนที่ห้ามขโมยของของคนอื่น อีริน่าสำนึกผิด ก้มกราบแทบเท้าแม่ที่ทำให้เสียใจ อ้างว่าทำไปเพราะโกรธที่เขาดูถูกว่าตนเองยากจนเลยอยากจะทำให้เขาเดือดร้อนบ้าง
“หนูไม่ได้เอาเงินเขาใช้เลยนะมามา หนูคิดจะเอาไปคืนเขาแต่ยังไม่กล้าหนูกลัวเขาบอกตำรวจจับหนูค่ะ”
พริมนั่งลงกอดลูกไว้ สั่งสอนว่าอารมณ์ชั่ววูบแบบนี้ ทำลายอนาคตคนมานักต่อนักแล้ว บอกให้ลูกเอากระเป๋าสตางค์ไปคืนเจ้าของวันพรุ่งนี้ ก่อนจะค้นหานามบัตรในนั้นมาดู ถึงกับตกใจ มือไม้สั่นเมื่อเห็นชื่อและนามสกุลของเจ้าของกระเป๋า “นายเจตริน ไอศูรย์ศรินทร์”
ooooooo
นิโคลัยรู้เรื่องที่ลูกขโมยเงินตอนเช้าวันรุ่งขึ้น เขาโทษตัวเองที่ตกงานทำให้ลูกต้องลำบาก ต้องไปขโมยเงินคนอื่น สัญญากับเธอว่าจะหางานสุจริตทำให้ได้ อีริน่ามีเรื่องคาใจอยู่เรื่องหนึ่ง เมื่อวานนี้ตอนที่แม่ เห็นนามสกุลของเจ้าหน้าที่สถานทูตเจ้าของกระเป๋าสตางค์คนนั้นแล้ว ทำไมต้องตกใจมากมายนัก
“เขานามสกุลอะไรหรือ”
“นามสกุลไอศูรย์ศรินทร์ค่ะ” คำตอบของอีริน่าทำให้ผู้เป็นพ่อถึงกับเงียบกริบ ไม่พูดอะไรอีก...
ในเวลาต่อมา อีริน่านำกระเป๋าสตางค์มาคืนเจตรินที่หน้าสถานทูต ไม่อยากเข้าไปข้างในเพราะการแต่งตัวซอมซ่อของตัวเอง พอเขาเห็นหน้าเธอเท่านั้น ต่อว่าต่อขานยกใหญ่ที่ริอ่านเป็นโจร อีริน่าไม่พอใจ สั่งให้หยุดพูดแบบนั้น เธอไม่ใช่โจร แล้วบอกให้เขารับกระเป๋าสตางค์คืนไป เธอจะรีบกลับไปดูแลแม่ที่ป่วย
ชายหนุ่มฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าจากประวัติที่ให้ยูริสืบเรื่องของอีริน่า จึงรู้ว่าพริมแม่ของเธอคือหญิงไทยลึกลับ เพราะไม่ยอมแจ้งรายละเอียดใดๆ ไว้ที่สถานทูต ทำให้เขายิ่งอยากรู้เรื่องผู้หญิงคนนี้ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการตายของอาของเขาเมื่อสิบกว่าปีก่อน จึงต่อรองจะไม่เอาเรื่อง ถ้าอีริน่าพาไปพบพริม เธอแปลกใจที่เขารู้จักชื่อแม่ของเธอ เจตรินคุยอวดว่าตนเองรู้เรื่องราวของคนไทยทุกคนที่อยู่ที่นี่เพราะเป็นหน้าที่โดยตรง
อีริน่าไม่ยอมพาไปพบแม่ ถ้าเขาอยากจะแจ้งตำรวจมาจับก็เชิญได้เลย จังหวะนั้น ยูริวิ่งหน้าตื่นเข้ามาแจ้งเจตรินว่าท่านทูตต้องการพบ เด็กสาวเห็นเขาเผลอ ปากระเป๋าเงินใส่แล้ววิ่งหนี เจตรินส่วยหัวบ่นอุบ
“แก่นแก้วเหลือรับจริงๆ เลย...คุณยูริ ได้รายละเอียดของเด็กคนนี้ให้ผมหรือยังครับ”
ยูริได้ทุกอย่างที่เจตรินต้องการเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มยิ้มพอใจที่อีริน่าไม่มีทางหนีไปไหนพ้น...
หลังจากเคลียร์งานกับท่านทูตเรียบร้อย เจตรินตรงไปยังบ้านเช่าของอีริน่า ยังไม่ทันจะถึงที่หมาย ยัยเด็กแสบปราดมาขวางไว้ ว่าประชดว่ามารยาทดีนักหรือถึงได้บุกบ้านคนอื่นโดยที่เขาไม่ได้เชิญและไม่เต็มใจแบบนี้ เจตรินอ้างว่ามีความจำเป็นต้องมาพบแม่ของเธอ
“แต่แม่ฉันไม่มีความจำเป็นต้องคุยกับคุณ” อีริน่าพูดจบเป่าปากส่งสัญญาณ เด็กตัวเล็กตัวน้อยกรูกันล้อมกรอบเจตรินไว้ เขามองเด็กๆแก๊งอมยิ้มอย่างเอ็นดู
ปนขำ อีริน่าขู่ถ้าไม่กลับไปดีๆ จะให้เพื่อนร่วมแก๊งปาไข่เน่าใส่ แล้วสงสัญญาณให้เด็กๆ ช่วยกันผลักดันเจตรินออกไป
“ถึงฉันจะจน การศึกษาน้อยกว่าคุณ ก็ไม่ใช่ว่าคุณจะละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของฉันได้ตามใจคุณ คุณเป็นผู้ใหญ่ ทำงานที่ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ คุณไม่ควรทำอะไรอย่างนี้”
เจตรินถึงกับสะอึกที่โดนเด็กสาวด่า ระหว่างนั้น พริมถือกล่องขนมเดินเข้ามายื่นให้ เพราะรู้เท่าทันว่าเขาจะมาขุดคุ้ยเรื่องในอดีตของตัวเอง ชายหนุ่มปากหวาน ชมว่าแค่เห็นขนมก็รู้แล้วว่าอร่อยและเป็นฝีมือชั้นสูง
“ดิฉันเป็นลูกแม่ค้าค่ะ ครอบครัวทำขนมไทยขาย ถือว่ายากจน พ่อแม่มีลูกเยอะ วันหนึ่งดิฉันพบกับพ่อของอีริน่า เขาโก้ รวย ดิฉันอยากหลุดพ้นความยากจนเสียที ตัดสินใจหนีตามเขา เรื่องของดิฉันมีแค่นี้เองค่ะ”
เจตรินไม่ปักใจเชื่อ ซักอีกว่าทำไมพริมถึงไม่เข้าร่วมกลุ่มกับคนไทยที่นี่ เธออ้างว่าไม่อยากให้ใครตามเจอและไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องที่หนีตามผู้ชายซึ่งเป็นเรื่องอับอายขายหน้าแม้จะผ่านมาเกีือบยี่สิบปีแล้วก็ตาม
ooooooo
ยูริฟังเบื้องหลังของพริมจากปากเจตรินด้วยความสนใจ แม้จะรู้ดีว่าคนไทยถือเรื่องหนีตามผู้ชายเป็นเรื่องอับอายสุดๆ แต่สามีของพริมก็เป็นถึง เค.จี.บี. มีเกียรติมีศักดิ์ศรี เธอก็น่าจะบอกพ่อแม่ไปตรงๆก็ได้ เจตรินเชื่อว่าน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น เราจะต้องสืบต่อไปอีกว่าทำไมอีริน่าถึงอยากได้เงินขนาดมาล้วงกระเป๋าเขา
“ทั้งที่ดูจากคุณพริม เธอมีลักษณะกุลสตรีผู้ดีไทยมากๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอคือลูกสาวแม่ค้าทำขนมผู้ยากไร้ เพราะขนมนั่นมันบ่งบอกว่ามาจากในรั้วในวัง” เจตรินสีหน้าครุ่นคิดหนัก ยูริยื่นหน้ามากระซิบ
“อะไรไม่สำคัญเท่ากับว่าเด็กสาวนั่นสวยเหลือเกิน ถ้าไม่ขัด ผมขอเธอแต่งงานแล้ว”
เจตรินเตือนว่าอีริน่าอายุแค่ 18 ปี ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ยูริสวนทันที ถ้าแต่งงานแล้วก็เท่ากับเธอบรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย เจตรินหันไปทำตาเขียวใส่ ก่อนจะเดินหนี...
บ่ายวันเดียวกัน อีริน่าไม่พอใจมากที่เจตรินตามตื๊อถามโน่นถามนี่ไม่เลิกไม่แล้วหันมาจะเอาเรื่อง เขาถึงกับเบรกตัวโก่งยั้งตัวไว้ทัน ใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันแค่คืบ หญิงสาวตกใจปล่อยกำปั้นใส่โดยสัญชาตญาณ เจตรินเบี่ยงตัวหลบ คว้าข้อมือเธอไว้ คุยอวดว่าตัวเองมีวิชาไม่ใช่หมูให้เธอเชือดง่ายๆ ตอนเรียนเขาเป็นถึงแชมป์ยูโดเอเชียนเกมส์ อีริน่าทำท่าจะอาเจียนด้วยความหมั่นไส้ เขาเห็นเธอไม่ฮึดฮัดอะไรอีก คลายมือตัวเองออก
อีริน่าฤทธิ์มาก ชกใส่หวังจะฝากรอยกำปั้นไว้บนใบหน้า แต่เจตรินหลบทันรวบตัวเธอจากด้านหลัง ดูเผินๆ เหมือนกำลังกอดเธออยู่ ทั้งคู่ยังไม่ทันจะว่าอะไร อารดาส่งเสียงกรี๊ดแหวกอากาศเข้ามาเสียก่อน เจตรินรีบถอยห่าง สีหน้าหวั่นๆว่าจะเกิดเรื่องให้ปวดหัวอีกครั้ง อารดาปรี่เข้ามาสีหน้าเอาเรื่อง ก่อนจะลากคู่หมั้นออกมาห่างๆจากอีริน่า กับพวกแก๊งเด็ก ต่อว่าเขาฉอดๆที่มาตามเฝ้าลูกโสเภณีโดยยกงานขึ้นมาบังหน้า
“เธอไม่ใช่ลูกโสเภณี และการติดตามเธอคือหน้าที่ของผม นี่แหละงานของผม”
อารดาปรี๊ดแตก ตะโกนลั่นว่าลูกโสเภณีกำลังจะแย่งคู่หมั้นตนเอง อีริน่าซึ่งยืนอยู่กับอเล็กซ์และชาวแก๊งอมยิ้ม ทนฟังเธอด่าแม่ตัวเองต่อไปไม่ไหว เข้าไปพูดยั่วประสาทอารดาเพื่อแก้เผ็ด เธอสติแตกที่ถูกยั่ว จะเข้าไปตบสั่งสอน อีริน่าหาเกรงกลัวไม่ เป่าปากเรียกชาวแก๊งเข้ามาล้อมกรอบยัยปรี๊ดแตก
เด็กบางส่วนยืนเป็นองครักษ์พิทักษ์อีริน่าเอาไว้
อารดาต้านแก๊งอมยิ้มไม่ไหวต้องล่าถอยกลับไปโดยไม่ลืมโทร.ทางไกลไปฟ้องว่าที่แม่สามีถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ศรินทิพย์แนะให้กลับมาตั้งหลักที่กรุงเทพฯ เพราะถึงอย่างไรเจตรินก็ต้องกลับมาที่นี่อยู่แล้ว อารดาเชื่อตามที่เธอแนะนำ...
ทางด้านเจตรินอยากช่วยยกฐานะครอบครัวของอีริน่าให้อยู่ดีกินดีขึ้น โดยจะหาทุนให้เธอได้ศึกษาต่อ แม้เด็กสาวอยากเรียนหนังสือใจแทบขาดแต่วางฟอร์มไม่สนใจ สั่งห้ามเขามายุ่มย่ามชีวิตของเธอ เขาขอร้องว่าอย่าใช้อารมณ์ ให้มองความจริงว่าเธอเป็นคนเดียวในครอบครัวที่สุขภาพแข็งแรงกว่าพ่อแม่ มีอนาคตดีที่สุด ดังนั้นอย่าทำตัวเหมือนเด็กเร่ร่อนที่กะล่อนไปวันๆ อีริน่าถูกจี้ใจดำถึงกับน้ำตาคลอเบ้า สั่งให้เขาหยุดพูด
“ไม่หยุด จนกว่าคุณจะยอมรับทุนเรียนต่อ”
อีริน่าขยับจะไป ไม่อยากร้องไห้ให้ใครเห็น เจตรินจับแขนไว้ เธอสุดจะกลั้นซบหน้าร้องไห้กับไหล่เขา...
ฝ่ายศรินทิพย์ไม่ปล่อยให้เรื่องที่อารดาโทร.มาฟ้องผ่านเลยไป โทร.ทางไกลมาเล่นงานลูกชายที่ปล่อยให้ลูกโสเภณีมาย่ำยีคู่หมั้นตัวเอง สั่งให้เลิกยุ่งกับนังเด็กหัวแดงนั่น ถ้าไม่อยากมีปัญหากับแม่ตัวเอง
“คนที่คุณแม่ควรจะห้ามคืออารดาไม่ใช่ผม ท่านทูตให้ผมมาดูแลทุกข์สุขของครอบครัวเด็กนี่เพราะแม่เขาคือคนไทย แต่ตกสำรวจจากทางเราครับ ผมไม่อาจละเลยงานที่ท่านทูตสั่งนะครับ” เจตรินอธิบายจนแม่เข้าใจ แต่เธอไม่วายเตือนเขาว่าอย่าทำให้อารดาเข้าใจผิดอีก แล้ววางสาย ชายหนุ่มถึงกับถอนใจเหนื่อยใจ
ooooooo
มิคาอิลยังไม่ละความพยายามที่จะเอาอีริน่ามาเป็นของตัวเอง สั่งสมุนไปจี้จับตัวนิโคลัยมาจากหน้าบ้านเช่า โดยไม่รู้ว่าอเล็กซ์เห็นเหตุการณ์โดยตลอดและยังแจ้งให้อีริน่ารับรู้ แม้จะถูกซ้อมอย่างหนักนิโคลัยยืนกรานคำเดิม ไม่มีวันจะยกลูกสาวให้คนที่ร่ำรวยจากเงินสกปรกอย่างมิคาอิลเด็ดขาด
“จัดการเอามันไปมัดไว้ เดี๋ยวฉันจะทำให้มันเป็น ทาสสินค้าที่มันดูถูกจนมันต้องมาอ้อนวอนขอเสพแทบเท้าฉัน” มิคาอิลสั่งเสร็จ ขึ้นไปหยิบยาเสพติดที่ห้องนอนตัวเอง เหล่าสมุนกรูเข้าจับตัวนิโคลัยไว้ เขาต่อสู้สุดฤทธิ์ไม่ยอมให้จับง่ายๆ แต่สมุนของมิคาอิลมีจำนวนมากกว่า เขาพลาดท่าเสียทีถูกจับตัวไว้ ระหว่างที่เขากำลังเพลี่ยงพล้ำ อีริน่าพรวดพราดเข้ามา สองพ่อลูกประสานใจประสานพลังต่อสู้กับพวกคนร้ายอย่างดุดัน
มิคาอิลลงมาจากห้องพร้อมเข็มฉีดยาเสพติดในมือ เห็นอีริน่ากำลังต่อสู้กับสมุนของตัวเอง ยืนพิงผนังมองอย่างพึงพอใจ จังหวะหนึ่ง เด็กสาวทำผ้าเช็ดหน้าที่เจตรินให้ใช้ซับน้ำตาเมื่อวันวานหล่นจากกระเป๋าเสื้อถึงกับชะงัก รีบก้มเก็บ สมุนสบช่องเข้าจู่โจมล็อกตัวไว้ได้...
ขณะที่อีริน่าเสียทีให้พวกสมุนชั่ว เจตรินแวะมาที่ บ้านเช่าของนิโคลัย ถึงกับตกใจเมื่อรู้จากอเล็กซ์ว่าอีริน่า ตามไปช่วยเหลือพ่อซึ่งถูกพวกมาเฟียจับตัวไป เขารีบโทร.ขอความช่วยเหลือจากยูริให้หาประวัติของมิคาอิล พร้อมกับที่อยู่ ซึ่งยูริก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง...
ฝ่ายนิโคลัยเห็นลูกสาวถูกจับตัวได้ถึงกับเสียสมาธิ ทำให้ถูกพวกสมุนจับตัวไว้เช่นกัน มิคาอิลเข้ามาหาสองพ่อลูกอย่างผู้ชนะ ประกาศก้อง วันนี้จะเอาอีริน่าทำเมียให้ได้ แต่ต้องรอให้จัดการกับนิโคลัยเสียก่อน สมุนจับเขามัดติดกับเก้าอี้อย่างแน่นหนา มิคาอิลเอาปืนจ่อหัวเขาไว้ อีริน่าใจเสียตะโกนลั่น
“ฉันตกลงจะทำงานให้ มิคาอิลฉันยืนยัน ฉันรักษาคำพูด ปล่อยปาปาฉันไปเถอะ”
“ดีมากจ้ะที่รัก ผู้หญิงของมิคาอิลต้องใจถึงอย่างนี้” พูดจบ มิคาอิลเอานิ้วแตะปากตัวเองแล้วไปแตะปากอีริน่า ก่อนจะหันไปทางนิโคลัย “ฉันจะปล่อยแกแกต้องสำนึกนะว่าแกรอดครั้งนี้เพราะลูกแก” มาเฟียจอมโฉดรับปากดิบดี แต่กลับควักเข็มฉีดยาขึ้นมาฉีดยาเสพติดให้นิโคลัย อีริน่าพยายามจะไปช่วยพ่อแต่ดิ้นไม่หลุด
“นี่ถือเป็นการลงโทษแกที่บังอาจเหิมเกริมกับฉัน แล้วแกจะรักมันสุดชีวิตเลยนิโคลัย รักจนต้องซมซานมาหาฉันทุกวัน...พวกแก พาอีริน่าไปห้องนอนฉัน” มิคาอิล หัวเราะสะใจ ก่อนจะเดินตามสมุนที่ลากตัวอีริน่าขึ้นบันได แต่เดินได้แค่สองก้าว มีโทรศัพท์เข้ามาเตือนเขาว่าตำรวจกำลังยกกำลังมาที่นี่ เขาโกรธจัด ตะโกนสั่งการ ให้สมุนเผ่นหนี ก่อนตำรวจจะมาถึง อีริน่าถึงกับถอนใจโล่งอกที่รอดเงื้อมือมาเฟียโฉดมาได้อย่างหวุดหวิด...
แม้อีริน่าและนิโคลัยจะกลับบ้านอย่างปลอดภัย พริมก็ยังเป็นกังวล เพราะมิคาอิลมีอิทธิพลมาก เกรงครอบครัวตัวเองจะอยู่ไม่เป็นสุข เร่งหาทางส่งลูกกลับเมืองไทย อีริน่ายังคาใจไม่หาย ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม่ไม่เคยพูดถึงเรื่องเมืองไทยให้ฟัง แต่ทำไมจู่ๆถึงจะส่งเธอไปที่นั่น พริมน้ำตาซึมขึ้นมาทันที อดคิดอดีตไม่ได้
ตอนนั้น เมืองไทยเกิดความขัดแย้งรุนแรงทางการเมือง กรุงเทพฯราวกับตกอยู่ในภาวะสงครามก็ไม่ปาน พริมนั่งดูข่าวอยู่หน้าจอทีวี ทนเห็นผู้คนล้มตายไม่ได้ ปราดไปที่ลิ้นชักโต๊ะทำงานของพ่อ คว้าปืนขึ้นมา
“ขอโทษนะคุณพ่อ ลูกแค่จะเอาไปป้องกันตัวเอง เท่านั้นค่ะ” พริมยังไม่ทันจะยัดปืนใส่กระเป๋า จิรายุคนรัก ของเธอพรวดพราดเข้ามาเสียก่อน เดาได้ไม่ยากว่าแฟนสาว กำลังจะออกไปดูเหตุการณ์ รีบเข้าไปห้าม พริมไม่ฟัง ดื้อดึงจะไปให้ได้ ชายหนุ่มยื้อแย่งปืนไว้ ปืนลั่นเปรี้ยง เขาถึงกับทรุด เลือดสดๆไหลนองพื้น
เสียงเรียกของอีริน่าทำให้พริมตื่นจากภวังค์ น้ำตาไหลพรากเมื่อหวนคิดถึงเรื่องนี้ เด็กสาวตกใจ ผวากอดแม่ไว้ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เธอโกหกว่าไม่มีอะไร แค่เป็นห่วงลูกจะไม่รอดจากเงื้อมือของมิคาอิล
“มามาจ๋า อีริน่าจะเอาตัวรอดจากพวกมันให้ได้ค่ะ มามาไม่ต้องกังวลนะคะ” อีริน่าเช็ดน้ำตาให้แม่
ooooooo
ในเมื่อนิโคลัยไม่อาจช่วยเหลืออะไรลูกได้ พริม จึงตัดสินใจโทร.หาเจตรินตามเบอร์โทรศัพท์ที่อยู่ในนามบัตรตั้งแต่ไก่โห่ นัดให้ออกมาพบแถวสวนสาธารณะ ใกล้สถานทูตไทยเพื่อขอให้ช่วยเหลืออีริน่า ชายหนุ่มยินดีทำให้ตามคำขอร้อง แต่ต้องขอตรวจสอบก่อนว่าจะช่วยอย่างไรได้บ้างเพราะอีริน่ายังไม่บรรลุนิติภาวะ
“แค่คุณรับปาก ดิฉันก็ดีใจมากแล้วค่ะ ขอบคุณที่สุดจริงๆ”...
ในเวลาต่อมา เจตรินนำเรื่องนี้ไปปรึกษายูริกับฤดีซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของสถานทูตไทยเช่นกัน ยูริแนะ ถ้าจะให้ผู้หญิงต่างชาติไปเมืองไทย วิธีที่ดีที่สุดก็คือแต่งงานกับผู้ชายไทย เจตรินยังมองไม่ออก จะให้แต่งกับใครที่พ่อแม่ของอีริน่าจะมั่นใจได้ว่าลูกสาวตัวเองปลอดภัยไม่โดนหลอกลวง ฤดีเสนอให้แต่งงานกับเจตริน ถึงแม้เจ้าตัวจะเห็นด้วยกับความคิดนี้ แต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้ เพราะอีริน่าเป็นยัยแสบตัวแม่
“ขืนผมแต่งงานจดทะเบียนด้วย เท่ากับผมเต็มใจไปยืนในกองไฟของพญามัจจุราชเลยนะครับ”...
ด้านอีริน่าปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดเมื่อรู้เรื่องที่ฤดีแนะนำให้แต่งงานกับเจตริน อ้างกับพริมว่าตัวเองยังเด็กอยู่จะให้แต่งงานได้อย่างไร พริมไม่ค่อยสบายใจนักที่ลูกไม่รับข้อเสนอ แต่แล้วสีหน้าของเธอก็ผ่อนคลายลงเมื่อคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้...
บ่ายวันเดียวกัน มิคาอิลไม่พอใจมากถึงกับตบบ้องหูสมุนสองคนของตัวเองโทษฐานเจออีริน่าแล้วไม่เอาตัวมาให้ จากนั้นเขาหันไปตะคอกใส่นิโคลัยซึ่งมีท่าทีลุกลี้ลุกลนคล้ายคนอยากยา
“ว่าไง อีริน่าไปที่สถานทูตไทยทำไม”...
ขณะเจตรินกับอีริน่าเดินเลี้ยวเข้ามาในซอยบ้านเช่าของนิโคลัย เห็นสมุนของมิคาอิลกำลังฉุดกระชากลากถูพริมอยู่ เด็กสาวไม่รอช้าโดดเตะพวกสมุนกระเด็นไปคนละทิศละทาง เจตรินรีบพาพริมถอยออกมาให้พ้นรัศมีการต่อสู้ แล้วเข้าไปช่วยอีริน่าบู๊กับพวกคนร้าย
ระหว่างที่สองฝ่ายกำลังแลกหมัดกันอย่าดุเดือด รถของสถานทูตฝรั่งเศสแล่นเข้ามาจอด หน่วย รปภ.กับเจ้าหน้าที่สถานทูตกรูกันเข้าไปช่วยพริมกับพวก คนร้ายเห็นท่าไม่ดีพากันเผ่นแน่บ...
หลังจากเจ้าหน้าที่สถานทูตฝรั่งเศสกับพวกกลับไปแล้ว พริมอธิบายให้ลูกกับเจตรินฟังว่าตนเองโทร.ไปหามาดามแคทเทอรีน ภรรยาท่านทูตฝรั่งเศสซึ่งรู้จักคุ้นเคยกันเพื่อของานทำหลังจากที่ลูกแต่งงานกับเจตรินแล้วท่านก็เลยบอกว่าวันนี้จะส่งรถมารับตนไปคุยว่ามีเรื่องเดือดร้อนอะไร อีริน่านิ่งอึ้งรู้สึกผิดที่สร้างเรื่องร้อนใจ ให้แม่
“แต่งงานกับคุณเจตรินแล้วไปอยู่เมืองไทยนะลูก แม่ขอร้อง อีริน่าไม่ต้องห่วงแม่กับพ่อ เรามีที่อยู่ที่ปลอดภัยแน่นอน...นะลูกนะ” พริมอ้อนวอน อีริน่าโผกอดแม่ซึ่งกอดเธอตอบด้วยน้ำตาคลอเบ้า
ooooooo