ตอนที่ 8
ทุกคนงุนงงกับการประกาศว่าตนโกงการแข่งขันของสร้อย ศินีนุชฉวยโอกาสถล่มทันที ย่าอ่อนตาลุกฉวยโอกาสที่จะปรับให้สร้อยแพ้
ขณะที่ศินีนุชดี๊ด๊าว่าตนชนะนั่นเอง ชายเล็กก็ลุกขึ้นมาประกาศว่าตนเป็นคนโกงเองเพราะตนแอบช่วยเจียนใบตองให้ สร้อย ย่าอ่อนหาว่าสร้อยต้องแอบทำอะไรตุกติกอีกแน่ หันไปเอ็ดแจ๋วว่าให้จับตาดูทำไมไม่ทำ
ความจริงคือ ข้าวต้มจานของสร้อยที่เอาไปให้หม่อมเอียดกับย่าอ่อนชิมนั้น เป็นฝีมือของจันทาที่ชายเล็กแอบเอามาเปลี่ยนขณะสร้อยจะเอาไปตั้งโต๊ะ ส่วนของศินีนุชนั้น เป็นข้าวต้มมัดที่ดารณีนุชแอบไปสั่งที่ร้านเกษรามาอย่างเร่งด่วน แล้วจัดใส่จานเอาไปให้หม่อมเอียดกับย่าอ่อนชิม
ผลการชิม ย่าอ่อนให้ศินีนุชชนะขาด ส่วนหม่อมเอียดชมว่าสร้อยก็ทำได้ไม่เลวฝึกปรืออีกเล็กน้อยก็จะใช้ได้ ความแตกเพราะชายพีร์พบถุงขนมร้านเกษราที่ทิ้งในถังขยะ ซ้ำรสชาติก็เป็นของร้านเกษรา เมื่อถูกจับได้ ดารณีนุชก็หาทางหลบหน้า อ้างว่าจะไปประชุมสภาสตรีแล้วรีบพาศินีนุชกลับไป
สร้อยยังไม่รู้ว่าใคร เป็นคนมาเปลี่ยนข้าวต้มมัดของตน จนกระทั่งจ่อยมาทำความลับแตก ถือข้าวต้มมัดที่จันทาทำเดินกินมา ชมเปาะว่าฝีมือจันทาอร่อยมาก ถ้าเอาไปทิ้งตามที่คุณชายสั่งละก็เสียดายแย่ สร้อยเลยจับได้ว่าทั้งสามคนรวมหัวช่วยตนโกง
เมื่อชายเล็กรู้จากชายพีร์ว่าศินีนุชเอาข้าวต้มมัดจากร้านเกษรามาหลอกหม่อมเอียดกับย่าอ่อน ก็บอกชายพีร์ว่า
“งั้นนายไปตามน้องนุชกลับมาเร็วเข้า ถ้าโกงกันทั้งสองฝ่าย ก็ต้องรับโทษกันทั้งสองฝ่าย มันถึงจะ ยุติธรรม”
“ไม่ต้องไปตาม! อย่าลืมสิว่าคุณหญิงดารณีนุชเธอเป็นใคร!” หม่อมเอียดเสียงเข้ม ชายเล็กกับชายพีร์ สบตากันอย่างไม่เห็นด้วย ในขณะที่ย่าอ่อนลอยหน้าไปทางอื่นแอบยิ้มอย่างพอใจ
“ทำไมหม่อมย่าทำอย่างนี้ล่ะครับ อย่างนี้ไม่ยุติธรรมเลยนะครับ” ชายพีร์ติง
“หม่อม ย่าก็เห็นหลักฐานแล้ว ทุกอย่างบ่งบอกอย่างชัดแจ้งว่าน้องนุชก็ขี้โกงเหมือนกัน ข้าวต้มมัดที่หม่อมย่าได้ชิมเป็นฝีมือของคุณเกษ แล้วนี่คือข้าวต้มของน้องนุช” ชายเล็กเอาหลักฐานที่เป็นข้าวต้มมัดเละๆ ให้ดู “ถ้าเทียบกับฝีมือทำข้าวต้มมัดของสร้อยฟ้าแล้ว ผมว่าสร้อยฟ้าเป็นฝ่ายชนะ ส่วนน้องนุชน่ะสอบตกและไม่สมควรจะมาที่นี่อีก ถือเป็นการลงโทษที่โกงการแข่งขัน”
เมื่อทั้งชายเล็กและชายพีร์ไม่ยอม ย่าอ่อนจึงไกล่เกลี่ยว่าเรื่องแค่นี้อย่าพูดอีกเลยใครรู้เข้าอายเขา เปล่าๆ เรื่องผ่านไปแล้วก็ให้แล้วกันไป แต่ชายพีร์ไม่ยอม ชายเล็กถามย่าอ่อนว่า รู้เรื่องนี้มาแต่ต้นแล้วใช่ไหม
“ตอนที่ได้ชิมคำแรก ย่าก็พอเดาออกว่าไม่ใช่ฝีมือหนูนุชแน่ คิดอยู่ว่ารสมือคุ้นๆ ขนมมีกลิ่นหอมของน้ำลอยดอกมะลิอย่างนี้ น่าจะเป็นฝีมือของหนูเกษรา” ย่าอ่อนยอมรับ
“แล้วหม่อมย่าก็ตัดสินให้น้องนุชชนะไปเหมือนไม่มีอะไรเกิด ขึ้น ไม่ได้นะครับหม่อมย่า ผมไม่ยอมให้เรื่องจบลงง่ายๆอย่างนี้” ชายเล็กจะเอาเรื่องศินีนุชให้ได้
ย่าอ่อนนั่งจิบน้ำชาหน้าตาเฉยทั้งที่รู้สึกเสียหน้าที่ถูกหลานชายจับได้
ooooooo
ชายเล็กกับชายพีร์จิกไม่ปล่อย บอกหม่อมเอียดกับย่าอ่อนว่าต้องให้ความยุติธรรมกับสร้อยฟ้า ตอนนี้สร้อยฟ้ากลายเป็นคนผิดคนเดียวทั้งๆที่คนโกงตัวจริงคือศินีนุช
“แล้วจะให้ย่าทำยังไง ให้ย่าเชิญคุณหญิงกับหนูนุชมาชำระความงั้นเหรอ แล้วจะได้อะไรขึ้นมานอกจากเป็นการหักหน้าผู้ใหญ่ ชายเล็ก...เธอทำฝ่ายโน้นเสียหน้าไม่รู้กี่ครั้งแล้ว เราก็ควรเป็นฝ่ายยอมเขาเสียบ้าง” หม่อมเอียดพูดอย่างลำบากใจแล้วรวบรัดว่า “การแข่งขันครั้งนี้ก็เล่นกลโกงทั้งสองฝ่าย ถือเป็นโมฆะไป เธอจะว่ายังไงละแม่สร้อยฟ้า จะหาว่าฉันไม่ยุติธรรมอีกคนรึเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะ ที่จริงวันนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นการแข่งขัน เป็นการทดสอบดิฉันมากกว่า ว่าดิฉันทำอะไรเป็นบ้าง ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็ไม่มีความสำคัญ แค่เสียดายที่ไม่มีโอกาสให้คุณท่านได้ชิมฝีมือดิฉันเท่านั้นแหละค่ะ”
“ไม่ต้องเสียดายไป อย่างน้อยวันนี้ฉันก็ได้รู้จักเธอมากขึ้น เธอเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ขอให้รักษาความดีไว้ต่อไป แต่สำหรับเธอชายเล็ก เธอไม่เชื่อฝีมือสร้อยฟ้าแทนที่จะบอกความจริง แต่เธอเลือกที่จะโกหก ชีวิตคู่ที่ไม่มีความจริงใจต่อกันอย่างนี้เธอคิดว่าไปกันได้รอดเรอะ!”
ชายเล็กนิ่งไปอย่างรู้สึกผิด และยิ่งใจไม่ดีเมื่อเห็นสร้อยฟ้าจ้องหน้าอย่างไม่พอใจมาก
ooooooo
เพราะจันทามาได้ยินศินีนุชและดารณีนุชดูถูกเหยียดหยามชัชวีร์ว่าไปเลือกผู้หญิงโคมเขียวอย่างจันทามาเป็นเมียและชัชวีร์พูดประชดว่า
“ผู้ชายต่ำต้อยอย่างผมมีสิทธิ์เลือกอะไรได้ล่ะครับ ตอนนี้มีผู้หญิงบ้านป่าไม่มีชาติตระกูลไม่รู้ที่มาที่ไปเหมือนกันผ่านมา ผมก็ควรจะรีบคว้าไว้ไม่ใช่หรือครับ ชีวิตผมไม่มีวันสูงไปกว่านี้ ก็ให้มันดิ่งลงเหวไปเลย ได้รู้อย่างนี้แล้วคุณหญิงคงจะใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขสักทีนะครับ”
นี่เองทำให้จันทาน้อยใจเสียใจเดินหนีไป เมื่อ ชัชวีร์ตามมาปรับความเข้าใจว่าที่ตนพูดไปเมื่อครู่นี้เพราะกำลังโกรธ ไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกเธอ แต่ดูถูกตัวเองต่างหาก
“จันทาไม่รู้ว่าคุณชัชมี ปัญหาอะไรกับครอบครัว แต่ขอร้องเถอะค่ะ อย่าประชดครอบครัวด้วยวิธีนี้เลย อย่าดึงจันทาไปเกี่ยวข้องด้วย จันทาไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนทำให้คุณชัชต้องดิ่งลงเหว! ตอนนี้เราอย่าเจอกันดีกว่านะคะ จันทาไม่อยากให้คุณชัชต้องแปดเปื้อนไปมากกว่านี้”
จันทาน้ำตาไหลอย่างเจ็บปวด เดินหนีไปก่อนที่ชัชวีร์จะได้พูดอะไรอีก...
ในสวนวังจุฑาเทพ จ่อยกำลังถูกสมบุญชี้นิ้วสั่งให้ตัดต้นไม้และดายหญ้า ทำตัวเป็นเจ้านายจ่อยเต็มที่ ระหว่างนั้น จันทาเดินตาแดงก่ำมา จ่อยถาม อย่างเป็นห่วงว่าเป็นอะไร ใครทำอะไรจันทา
พอดีชัชวีร์เดินตามมาขอโทษจันทา จ่อยเลยหันไปเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ว่า
“ไอ้บักนี่มันเฮ็ดเจ้าฮ้องไห้แม่นบ่ มันเฮ็ดอะ หยังเจ้า บอกข้อยมา!” ปากถามจันทาแต่ตัวตรงเข้ากระชากคอเสื้อชัชวีร์ จนจันทาต้องขอให้ปล่อย แล้วเธอจึงเดินไปเผชิญหน้าพูดกับชัชวีร์อีกครั้งว่า
“กลับไปเสียเถอะค่ะ คุณชัชวีร์ เราไม่มีอะไรจะพูดกันแล้ว จันทาขอเพียงอย่างเดียว ช่วยไปทำความเข้าใจกับครอบครัวคุณด้วย พ่อเจ้ยเลี้ยงจันทามาอย่างดีที่สุดเท่าที่พ่อจะทำได้ อย่ามากล่าวหาว่าจันทาเป็นผู้หญิงโคมเขียว อย่ามาดูถูกพ่อ พ่อเปิดร้านขายเหล้า แต่ไม่ได้ขายลูกสาว พวกคนบ้านป่าก็มีศักดิ์ศรีไม่แพ้ผู้ดีชาววังอย่างพวกคุณ!”
พูดแล้วจันทา ตัดใจผละไปตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกับชัชวีร์อีกแล้ว จ่อยฟังงงๆ ไม่เข้าใจคำว่าผู้หญิงโคมเขียว พอรู้จากสมบุญว่าเป็นคำโบราณหมายถึงผู้หญิงขายตัว จ่อยก็หันไปด่าชัชวีร์ทันที
“บักห่านี่!” แล้วชกเปรี้ยงเข้าที่หน้าจนเลือดกบปาก แต่พอจะตามซ้ำ ความรู้สึกบางอย่างก็ทำให้ชะงักยั้งมือไว้ สมบุญเห็นความดุดันน่ากลัวของจ่อยก็ถึงกับอ้าปากหวอมองตาค้าง
ชัชวีร์ไม่ตอบโต้จ่อย และไม่เช็ดเลือดที่มุมปาก ฝากจ่อยไปบอกจันทาว่า
“ช่วยบอกจันทาด้วยว่า ฉันเสียใจ...เสียใจจริงๆ” แล้วเดินกลับไปอย่างหมดแรง จ่อยงงตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่กล้าซ้ำชัชวีร์ทั้งที่โมโหมาก
ooooooo
สร้อยเดินหนีมาจากเรือนหม่อมเอียด ชายเล็กรีบตามมาดึงตัวไว้ขอโทษ บอกว่าตนไม่ใช่ไม่เชื่อฝีมือทำอาหารของเธอ แต่ป้องกันไว้ เผื่อมีอะไร ผิดพลาดเท่านั้น
สร้อยยังเคืองที่เขาไม่ยอมพูดความจริงกับตน
ชายเล็กตัดพ้อว่า ดุอย่างนี้ใครจะกล้าพูด แต่เพื่อให้เธอสบายใจ ก็ยอมรับว่าข้าวต้มมัดที่เธอทำก่อนหน้านี้มันเค็มจนกลืนไม่ลง แต่เพราะอยากให้เธอภูมิใจในตัวเองเลยไม่กล้าบอกความจริง สัญญาว่า
“ต่อไปฉันจะไม่โกหกเธออีก ฉันจะมีแต่ความจริงใจให้เธอ...ชีวิตแต่งงานของเราต้องไปได้ตลอดรอดฝั่ง ชีวิตคู่ก็เป็นอย่างนี้แหละ ก็ต้องมีเรื่องผิดใจกันบ้าง ไม่เข้าใจกันบ้าง เราก็ค่อยๆปรับตัวกันไป”
“เราไม่ได้แต่งงานกันจริงๆ ทำไมจะต้องปรับตัว ขอแค่ทำตามที่เราตกลงกันไว้ก็พอ แล้วจำคำพูดของตัวเองไว้ล่ะ อย่าโกหกกัน ไม่งั้นคุณได้แต่งงานกับยายศินีนุช แน่ เพราะฉันจะไม่อยู่ช่วยคุณแล้ว!”
พูดแล้วสร้อยเดินไป แต่แล้วก็ย้อนกลับมาอีก พูดอย่างเจ็บใจและไม่หายอายว่า
“ไม่อร่อยก็ไม่ยอมบอก คนขี้ตั๋ว! ต่อไปนี้จะไม่ทำอะไรให้กินแล้ว!!” ไม่พูดเปล่ายังเตะหน้าแข้งชายเล็กแก้โมโหก่อนเดินไปด้วย
แต่ด้วยการช่วยฝึกสอนให้ของกรองแก้ว ทำให้สร้อยฟ้าพัฒนาฝีมือการทำข้าวต้มมัดขึ้นมาอย่างเร็ว จนชายเล็กเอามาให้พี่น้องชิมอวดว่านี่เป็นฝีมือเมียตน
ชายใหญ่พูดเตือนความจำของชายเล็กว่า
“นายก็ลองคิดดู คนที่ทำอาหารไม่ได้เรื่อง มีปัญหาแยกแยะน้ำตาลกับเกลือไม่ได้ ทำไมอยู่ๆก็ทำอาหารได้รสชาติดีขึ้น” ชายภัทรอวดอย่างภูมิใจว่า เพราะฝีมือกรองแก้วที่เป็นพี่เลี้ยงให้สร้อย และต้องขอบคุณชายใหญ่ที่คิดการเรื่องนี้ตั้งแต่วันแรกที่สร้อยฟ้ามาที่นี่
กรองแก้วออกตัวว่า ตนก็แค่เล่าประสบการณ์ที่ตัวเองเคยพบว่าต้องฝ่าด่านอะไรบ้างถึงได้เป็นสะใภ้จุฑาเทพ ส่วนเรื่องการบ้านการเรือนตนก็แค่แนะนำเท่าที่จะทำได้เท่านั้น
“สร้อยฟ้าเป็นคนมีความมุ่งมั่น ตั้งใจอะไรไว้แล้วก็พยายามทำให้ได้ ฉันก็รอดูว่า นายจะช่วยสร้อยฟ้ายังไง ไม่คิดเลย น้องแสนฉลาดของฉันจะแก้ปัญหาได้โง่ขนาดนี้”
ชายเล็กโอดครวญว่า เรื่องมันฉุกละหุกจนคิดอะไรไม่ทัน แต่ตอนนี้คะแนนของสร้อยฟ้าก็นำศินีนุชอยู่แล้ว
“ถ้าคะแนนของสร้อยฟ้าวิ่งฉิวอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ทางฝ่ายเราจะต้องชนะแน่นอนครับพี่ชายเล็ก” ชายพีร์ให้กำลังใจ
แต่ชายใหญ่กับชายภัทรมองน้องชายทั้งสองติง ว่าเรื่องไม่จบง่ายอย่างที่คิดหรอก
แม้หม่อมเอียดจะชมสร้อยว่าเป็นคนฉลาดมีไหวพริบมีความพยายามสูง และที่สำคัญเป็นคนมีจริยธรรมแสดงว่าได้รับการสั่งสอนมาดี แต่สร้อยก็ต้องรับกับแรงเสียดทานจากย่าอ่อนที่ตั้งป้อมต้านสร้อยถึงขั้นประกาศว่า ยังไงก็ไม่ยอมรับมาเป็นหลานสะใภ้เด็ดขาด
“แต่พวกเขาก็แต่งงานกันแล้ว เราจะไปพรากผัวพรากเมียเขามันก็ไม่ถูกต้อง” หม่อมเอียดติง
“คุณพี่พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงคะ” ย่าอ่อนมองหน้าพี่สาวอย่างระแวงว่าจะใจอ่อนยอมรับสร้อยเป็นสะใภ้
ที่โต๊ะอาหารวันนี้เอง ชายใหญ่ในฐานะพี่ชายคนโตก็บอกแก่น้องๆถึงความตั้งใจของหม่อมเอียด และย่าอ่อนเรื่องจะให้สร้อยเป็นเมียชายเล็ก แต่อยู่ในฐานะเมียรองหรือเมียเล็กๆ โดยให้ศินีนุชแต่งเป็นเมียหลวงพาออกหน้าออกตา
ชายเล็กรับไม่ได้ ประกาศว่าตนจะมีเมียเพียงคนเดียวคือสร้อยฟ้า ตอนนี้สร้อยฟ้ามีฐานะเป็นเมียตน
ตนจะไม่มีผู้หญิงคนอื่นอีก
ชายภัทรบอกชายเล็กว่ามีปัญหาอะไรก็ปรึกษากับแก้วได้ เพราะคู่ของเราสองคนคล้ายกัน กรองแก้วเองก็เต็มใจจะช่วยเต็มที่
ooooooo
ย่าอ่อนยังทำการทดสอบต่อไป แต่คราวนี้ให้จันทามาฝึกด้วย เพื่อจะได้มีวิชาความรู้ติดตัว เพราะโอกาสที่จะได้เรียนรู้การทำอาหารจากชาววังแท้ๆ อย่างตนไม่ใช่จะหาได้ง่าย
สิ่งที่ย่าอ่อนสอนวันนี้คือ การจัดแต่งผลไม้ โดยผลไม้ทุกชนิดต้องคว้านเมล็ดออกก่อนแล้วจึงค่อยจัดวางอย่างสวยงาม เริ่มจากน้อยหน่าเป็นอันดับแรก ศินีนุชเริ่มหวั่น เสนอว่าให้เอาผลไม้อย่างอื่นก่อนดีไหม ไม่ใช่ว่าตนทำไม่ได้ แต่เกรงสร้อยฟ้ากับจันทาจะทำไม่ได้ วันนี้เพิ่งเรียนวันแรกให้เอาอะไรที่ทำง่ายๆก่อนดีกว่า
ย่าอ่อนจึงสาธิตการจัดแต่งส้มด้วยการปอกเปลือก ดึงใยออกแล้วคว้านเมล็ดออกทีละกลีบ...ทีละกลีบ จากนั้นจึงจัดกลีบส้มวางเป็นลูกส้มเหมือนเดิม
ในสามคนนี้ จันทาทำได้ดีกว่าเพื่อน ทำเสร็จวางไว้ข้างๆ ถูกศินีนุชแอบหยิบไปวางในที่ของตน สร้อยเห็นก็เอามีดกันๆไว้ แต่ไม่โวยวาย ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาคว้านส้มไปเงียบๆด้วยผลงานที่ต่างกัน
เมื่อย่าอ่อนตรวจงาน ของจันทาผ่านอย่างง่ายดาย ของศินีนุชที่คว้านส้มจนเละย่าอ่อนก็ยังบอกว่าใช้ได้ถือว่าผ่าน แต่ของสร้อยฟ้าคว้านได้ดีกว่าย่าอ่อนกลับบอกว่าไม่ผ่าน สร้อยฟ้าไม่ยอมถามว่าของตนไม่ดีตรงไหน ย่าอ่อนถึงบอกไม่ผ่านก่อนที่จะตรวจด้วยซ้ำ ก็ถูกเอ็ดหาว่าเถียงผู้ใหญ่ แล้วสั่งสร้อยให้เริ่มต้นทำใหม่หมดทั้งตะกร้าเลย ส่วนศินีนุชกับจันทาให้เรียนการร้อยมาลัยกันต่อ
สร้อยมองส้มทั้งตะกร้าที่ถูกสั่งให้ทำเซ็งๆ
ooooooo
นั่งทำส้มจนเมื่อย สร้อยแอบลุกไปบิดตัวแก้เมื่อย พลันก็สะดุ้งเมื่อมีมือมาจับที่บ่า หันไปเห็นเป็นชัชวีร์จึงโล่งใจ
สร้อยถามชัชวีร์ว่ามาหาจันทาหรือ มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า เมื่อคืนเห็นจันทานอนร้องไห้ทั้งคืน ถามดักคอว่า
“คุณชัชตั้งใจมาหาจันทา แต่ไม่กล้าสู้หน้าใช่ไหม ฉันช่วยให้คุณชัชกับจันทาคืนดีกันได้นะ แต่คุณชัชต้องช่วยฉันก่อน” ชัชวีร์มองอย่างอยากรู้ว่าสร้อยจะให้ตนทำอะไร
“ฉันอยากให้คุณชัชช่วยฉันตามหาเจ้ารังสิมันตุ์ เจ้ารัชทายาทของเรา” พูดพลางถอดสร้อยที่คอมีแหวนเจ้าหลวงร้อยอยู่ด้วยให้ชัชวีร์ดู “แหวนเจ้าหลวง แล้วก็มีแหวนแบบนี้อีกวงอยู่ที่เจ้ารังสิมันตุ์ ถ้าเราตามหาแหวนเจอ เราก็จะได้เจอกับพระองค์ท่าน...”
“แต่ตอนนี้แหวนจะไปอยู่ที่ใครก็ได้นะสร้อย”
“เราถึงต้องตามหาแหวนรัชทายาทให้เจอก่อน แล้วค่อยๆสืบหาต่อไปว่า พระองค์ไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหน พ่อใหญ่เคยสอนว่า ถ้าหากเรามีความพยายามมากพอ ไม่มีอะไรที่มนุษย์ทำไม่ได้หรอก”
“ฉันเคยรับปากเธอแล้วนี่ว่า ฉันจะช่วยให้เธอได้กลับไปแผ่นดินเกิดของเธอ งั้นเราก็ต้องมาเริ่มต้นตามหาแหวนเจ้ารัชทายาทตั้งแต่วันนี้เลย”
เสนอแล้ว ชัชวีร์มองแหวนในมืออย่างพิจารณา...
ooooooo
ที่แท้ แหวนรัชทายาทอีกวงหนึ่งนั้น เจ้าส่องดาวได้มอบไว้ให้กับอนุพันธ์ ฝากไว้ให้เจ้ารัชทายาทเมื่อเติบโตขึ้น
เพราะความริษยาอยากรู้ของดารณีนุช เธอทะเลาะกับอนุพันธ์อาละวาดปัดข้าวของจนทำให้กุญแจเซฟของอนุพันธ์หล่นโดยอนุพันธ์ไม่รู้ตัว เธอจึงแอบเอาไปไขเซฟ เจอข้าวของของเจ้าส่องดาวที่อนุพันธ์เก็บไว้ เธอดูด้วยความริษยา เอารูปที่เจ้าส่องดาวถ่ายคู่กับอนุพันธ์เผาทิ้ง แม้แต่เสื้อผ้าและผ้าพันคอก็โยนเข้ากองไฟไป เหลือแต่เครื่องประดับและแหวนรัชทายาทที่ถือไว้ในมือ ยิ้มอย่างสาแก่ใจว่าจะจัดการอย่างไรต่อไป!
ส่วนอนุพันธ์ทะเลาะกับดารณีนุชแล้ว เขาไปที่สุสานเจ้าส่องดาว ซึ่งไม่มีชื่อเจ้าส่องดาว มีเพียงรูปดวงดาวและสัญลักษณ์นกเงือกอยู่หน้าหลุมศพ อนุพันธ์ยืนนิ่งอยู่หน้าหลุมศพ นึกถึงคำสั่งเสียของเจ้าส่องดาวที่ฝากลูกชายไว้กับเขา เวลานั้นเขาบอกเจ้าส่องดาวว่า
“นี่เป็นภาระที่ใหญ่หลวงเกินไปสำหรับฉัน ฉันจะดูแลเจ้าชีวิตของเวียงภูคำได้ยังไง ส่องดาว ฉันทำไม่ได้หรอก...”
“คุณชายต้องทำได้ค่ะ คิดเสียว่า รังสิมันตุ์เป็นตัวแทนของส่องดาว ตอนนี้รังสิมันตุ์เป็นลูกชายของคุณชายแล้วนะคะ แล้วเมื่อถึงเวลา...คุณชายก็จะรู้เองว่า จะต้องทำยังไงต่อไป...เก็บแหวนวงนี้ไว้ให้ดีนะคะ เก็บไว้ให้ดี...”
แต่จนบัดนี้...อนุพันธ์ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะบอกความจริงกับชัชวีร์เมื่อไรดี...
ooooooo
เมื่อชัชวีร์รับปากจะช่วยสร้อยตามหาเจ้าของแหวนรัชทายาทแล้วก็จะพากันหนีออกไปสืบ เจอชายเล็กมาขวางไม่ยอมให้ไป แล้วพาสร้อยไปขออนุญาตหม่อมย่าพาไปหาอากง แต่ฝากชัชวีร์ให้เรียนย่าอ่อนด้วย เพราะตนต้องรีบไป
ศินีนุชเรียนร้อยมาลัยอยู่กับย่าอ่อน พอรู้ว่าชายเล็กออกไปกับสร้อยก็ไม่พอใจ เลิกเรียนกลางคันบอกว่า...
“พี่ชายเล็กไม่อยู่ แล้วนุชจะเรียนไปทำไม นุชกลับล่ะค่ะคุณย่า”
ย่าอ่อนเห็นศินีนุชลุกเดินสะบัดออกไป แม้ไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าว่าอะไร ส่วนชัชวีร์แอบมองจันทาที่ก้มหน้าก้มตาร้อยมาลัยไม่สนใจตนเลยแม้แต่น้อย
คุณชายรัชชานนท์พาสร้อยฟ้าไปไหว้อากงที่ห้างหยกฟ้า เจ้าสังซ้งเห็นชายเล็กก็ดีใจ เพราะเพิ่งได้ข่าวมาหยกๆว่าไปหลงป่าอยู่หลายวัน ชายเล็กพาสร้อยฟ้ามาไหว้อากงแนะนำว่า
“นี่สร้อยฟ้า เมียของผมเองครับ” แล้วหันไปทางสร้อยฟ้า “นี่อากง คุณตาของฉัน”
แม้อากงจะบ่นว่าจะมีเมียทำไมไม่ปรึกษากันเลย ถามว่าเมียชายเล็กเป็นใคร ได้มาจากไหน หม่อมท่านว่ายังไง
“สร้อยฟ้าเป็นลูกสาวผู้นำกองกำลังกู้ชาติ เป็นชาวเวียงภูคำ ตอนที่ไปหลงป่า เขาเป็นคนช่วยชีวิตผมไว้ แล้วเราก็ได้แต่งงานกัน หม่อมย่าท่านไม่ได้ว่าอะไรหรอกครับ แค่ยังไม่ยอมรับเป็นหลานสะใภ้เท่านั้นเอง เราถึงได้มาหาอากงไงล่ะครับ”
แม้อากงจะบ่นว่าจะมีเมียไม่ปรึกษากัน แต่อากงก็พอใจที่สะใภ้สวย แถมยังชมว่า บุคลิกผิวพรรณไม่เหมือนคนบ้านป่าเลย เหมือนคนมีตระกูลด้วยซ้ำ บอกชายเล็กว่าไม่เป็นไร หม่อมย่าไม่รับแต่อากงรับ หลานอากงรักใครอากงก็รักด้วย แล้วเอาแก้วแหวนเงินทองเป็นกล่องๆออกมาให้สร้อยเลือก พูดอย่างมีความสุขว่า อยากได้ชิ้นไหนเลือกไปเลย เพราะอาม่าของชายเล็กซื้อไว้เป็นกุรุสๆ
“ขอบคุณค่ะอากง แต่สร้อยรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ สร้อยยังไม่ได้เป็นสะใภ้จุฑาเทพจริงๆ และอาจจะไม่มีวันได้เป็น”
“แต่อีกไม่นานหรอกครับกง รอให้เราจัดการปัญหาสำคัญก่อน แล้วเรื่องของเราสองคนค่อยมาว่ากันต่อไป เรายังยอมแพ้หม่อมย่าง่ายๆหรอกครับ”
อากงถามว่ายังมีปัญหาอะไรอีก ชายเล็กจึงให้สร้อยเอาแหวนออกให้อากงดู เผื่อจะรู้ เพราะอากงเป็นนักเล่นของเก่า แต่พอเอาออกมาให้ดู อากงบอกว่าไม่เคยเห็นแหวนแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ถามว่าแล้วอยากรู้เรื่องแหวนนี่ไปทำไม
“มีแหวนแบบนี้อยู่อีกวงครับกง เรากำลังตามหาเจ้าของแหวนอีกวงอยู่”
“แหวนแบบนี้น่าจะมีวงเดียวในโลก ถ้ามีอีกวงจริงๆ เจ้าของคงไม่มีวันเอาออกมาให้ใครเห็นแน่ เป็นไปได้ยาก...ยากมาก...ที่จะหาเจ้าของแหวน...ลื้อรู้ไหมว่านี่เป็นแหวนของเจ้าแผ่นดิน...แล้วลื้อคิดว่าจะตามหาเจ้าชีวิตเจ้าแผ่นดินเจอได้ง่ายๆอย่างนั้นเรอะ!?”
ชายเล็กอึ้งไป ส่วนสร้อยผิดหวังมาก เริ่มรู้สึกแล้ว ว่า การหาเจ้ารัชทายาทเป็นไปได้ยาก หรืออาจเป็นไปไม่ได้เลย...
ooooooo
จันทายังคงทำเย็นชาก้มหน้าก้มตาร้อยมาลัยเหมือนไม่มีชัชวีร์นั่งอยู่ตรงนั้น จนชัชวีร์ทนไม่ได้ ขยับเข้าไปขอโทษที่คำพูดของตนทำ ให้จันทาเจ็บปวด ยืนยันว่า ตนไม่ได้ตั้งใจดูหมิ่นเธอจริงๆ
เห็นจันทายังเย็นชา ชัชวีร์บอกว่าจะให้ตนทำอย่างไรก็ได้ที่จะทำให้เธอยกโทษให้ จันทาเลยแกล้งให้เขากินขิงที่ปอกเปลือกแล้วในชามให้หมด ชัชวีร์ไม่ลังเล หยิบกินทีละชิ้น...ทีละชิ้น จนจันทาทนไม่ได้เอง บอกให้เขาหยุดได้แล้ว แต่ยังไม่ยอมบอกว่ายกโทษให้
จนกระทั่ง...ชัชวีร์เล่าให้เธอฟังว่า ฐานะของตนก็ไม่ต่างจากเธอ เพราะจนป่านนี้ตนยังไม่รู้เลยว่าใครคือแม่ อาจเป็นผู้หญิงคนใดคนหนึ่งที่มามีลูกกับพ่อ ตลอดเวลามาตนอยู่ในวังกิตติวงศ์ของคุณหญิงดารณีนุชในฐานะผู้อาศัยเท่านั้น
ชีวิตที่เหมือนกันของชัชวีร์กับจันทา ทำให้จันทาใจอ่อนยอมยกโทษให้ ชัชวีร์กำลังจะบอกความรู้สึกของตนต่อจันทา ก็ถูกจ่อยมาขัดจังหวะ ตรงรี่เข้าหาชัชวีร์จนจันทาต้องปรามว่าอย่าทำอะไรคุณชัช ถ้าไม่ฟังกันวันหลังจะไม่พูดด้วย แล้วบอกชัชวีร์ให้กลับไปก่อน เดี๋ยวตนจะคุยกับจ่อยให้เข้าใจเอง
“นี่มันอะหยังกัน! มื้อวานเห็นเจ้าชังน้ำหน้าเพิ่นหลาย จังได๋มาคืนดีกันเสียง่ายๆจังซี้ ไอ้พวกคนเมืองมันปากหวาน อย่าไปเชื่อมันง่ายนัก” จ่อยบ่น แต่ไม่กล้าพูดแรง
“แต่ข้อยเชื่อว่าคุณชัชเป็นคนดี มื้อวานเป็นเฮื่องเข้าใจผิดกัน เจ้าอย่าไปเฮ็ดอะหยังคุณชัชเพิ่นอีก เข้าใจบ่” พูดแล้วจันทาเดินออกไป จ่อยมองตามบ่นงึมงำว่าผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริงๆ...
สร้อยกลับมาอย่างผิดหวัง ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป หลบไปปีนต้นไม้เอาแหวนเจ้าหลวงออกมาดูพึมพำอย่างหนักใจ
“พ่อใหญ่...ถ้า...ถ้าข้อยตามหาแหวนบ่เจอ ยกโทษให้ข้อยด้วยเด้อ...”
ooooooo
อนุพันธ์กลับมาเห็นตู้เซฟเปิด ภายในตู้ว่างเปล่า เขาแทบหัวใจวาย ตะโกนถามว่ามีใครอยู่ข้างนอกให้เข้ามาเดี๋ยวนี้!
ดารณีนุชเดินลอยหน้าเข้ามาอย่างสบายใจ บอกว่าไม่ต้องตะโกนโหวกเหวกไป ไม่ใช่โจรขึ้นบ้าน แต่เป็นฝีมือตนเอง อนุพันธ์ถามเกือบเป็นตะคอกว่า “คุณทำอะไรลงไป!”
“ฉันจะทำอะไร ฉันก็เผาทิ้งน่ะซิ ถ้าได้ยินไม่ชัด ฉันจะพูดอีกที ฉันเผาทุกอย่างทิ้งหมดแล้ว ข้าวของทรัพย์สมบัติของแม่ไอ้ชัช ฉันเผาทำลายทิ้งไม่เหลือซากแม้แต่ชิ้นเดียว”
“แหวน...แหวนของนายชัช คุณก็ทำลายมันด้วยงั้นเหรอ”
ชัชวีร์เดินผ่านมาพอดีเขาหยุดฟัง ได้ยินทั้งคู่โต้เถียงกันอย่างรุนแรง ได้รู้ถึงความริษยาเกลียดชังแม่ตนของดารณีนุช ยิ่งอนุพันธ์แสดงความรักความผูกพันที่มีต่อผู้หญิงคนนั้นมากเท่าไร ดารณีนุชก็ยิ่งแค้นใจมากเท่านั้น ประกาศว่า
“อะไรที่เป็นของมัน ฉันจะทำลายทิ้งทำลายให้หมด!”
“คุณทำลายได้แค่ข้าวของเท่านั้น คุณไม่มีวันทำลายความทรงจำของเราได้ เพราะแม่ของนายชัชอยู่ในหัวใจของผมเสมอ”
ดารณีนุชปึงปังออกมาเจอชัชวีร์พอดี พูดใส่หน้าว่า “รู้แล้วใช่ไหม ว่าทำไมฉันถึงเกลียดแก!”
ชัชวีร์ยืนอึ้ง ความรู้สึกที่มีต่ออนุพันธ์ของเขาเปลี่ยนไปจากเดิม...
เมื่อไปคุยกันที่มุมลับตาตรงที่ดารณีนุชเอารูปและของของเจ้าส่องดาวไปเผา ทั้งสองยืนมองกองเถ้าอย่างเศร้าใจ
“คุณพ่อไม่เคยยอมเล่าเรื่องแม่เลย ผมเคยคิดว่า คุณพ่อไม่เคยรักแม่ ผมคิดไปถึงว่า ไม่มีใครอยากให้ผมเกิดมาด้วยซ้ำ ผมคิดผิดใช่ไหมครับ”
“แม่ของแกเป็นผู้หญิงคนเดียวที่พ่อรัก...พ่อก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าพ่อจะรักใครได้มากขนาดนี้ พ่อรักแม่ของแกมากแค่ไหน พ่อก็เป็นห่วงแกมากแค่นั้น...ห่วงมาก...มากจนพ่ออาจจะตัดสินใจผิด...”
อนุพันธ์ไม่พูดต่อ ชัชวีร์ถามว่า “คุณพ่อมีอะไรจะบอกผมหรือเปล่าครับ บอกผมมาเถอะครับ แม่ผมเป็นใคร ทิ้งผมไปเพราะเหตุผลอะไร ผมยอมรับได้ทั้งนั้น”
อนุพันธ์มองหน้าชัชวีร์นิ่ง...นาน ก่อนพูดเสียงสะท้าน “พ่อขอโทษ...ขอโทษจริงๆ” เอามือตบบ่าชัชวีร์เบาๆแล้วผละไป ชัชวีร์ได้แต่หยิบเศษเสี้ยวของรูปใบหน้าของส่องดาวที่เผาไม่หมดขึ้นมาดูอย่างเจ็บปวด...
ooooooo
ดารณีนุชเรียกป้าศรีให้มาเอาเครื่องประดับกับ แหวนรัชทายาทไปจำนำทิ้ง ย้ำว่าให้ไปจำนำที่ไกลๆ และให้เก็บไว้เป็นความลับ อย่าปากมาก ขืนปากมากจะไม่มีโอกาสทำมาหากินอีกต่อไป
ป้าศรีเอาแหวนไปที่ห้างหยกฟ้า ไปเสนอแก่เจ้าสัวซ้ง คุยเพื่อโกงราคาว่า
“เป็นแหวนโบราณจริงๆนะคะ แล้วรับรองว่ามีวงเดียวในโลกค่ะ”
“ใครว่า มีอยู่สองวงต่างหาก ลื้อไปได้มาจากไหน”
ป้าศรีบอกว่า บอกไม่ได้คนฝากมาขายย้ำห้ามบอกใคร แล้วหว่านล้อมให้เจ้าสัวซื้อไว้
“บอกมาก่อนว่าได้แหวนมาจากไหน ถ้าไม่บอกอั๊วก็ไม่ซื้อ แล้วถ้าอั๊วไม่ซื้อ ต่อไปก็จะไม่มีใครกล้าทำมาค้าขายกับลื้ออีก!”
ป้าศรีหน้าเสีย บ่นตัวเอง “วันนี้ต้องก้าวเท้าผิดข้างตอนออกจากบ้านแน่ๆ...”
สร้อยคิดหนักว่าอยู่อย่างนี้ก็ยากที่จะหาแหวนรัชทายาทเจอ สู้ไปอยู่กับพ่อใหญ่ร่วมต่อสู้ดูแลเป็นกำลังใจให้กันดีกว่า จึงชวนจ่อยหนีกลับ จันทาพยายามท้วงติง ไม่ได้ผล จึงแอบไปบอกชายเล็ก สร้อยจึงถูกจับได้แต่ยังรั้นจะหนีไปให้ได้ จึงถูกชายเล็กจับขังในห้องให้ สมบุญเอากุญแจมาใส่ และเฝ้าหน้าห้องไว้ห้ามใครมา เปิดเด็ดขาด
จ่อยตามมาพูดกับชายเล็กอย่างเอาเรื่องว่า เขาไม่มีสิทธิ์ทำกับสร้อยอย่างนี้
“ฉันทำอย่างนี้เพื่อตัวสร้อยฟ้าเอง ขอบอกไว้ก่อน ห้ามใครเปิดประตูให้สร้อยฟ้าออกมาเป็นอันขาด ไม่งั้นได้เห็นดีกัน ไอ้สมบุญ เฝ้าหน้าประตูไว้” แล้วหันไปกระหนาบจ่อย “ถ้านายจะกลับไปหาพ่อใหญ่ ก็ไปคนเดียว อย่าพาผู้หญิงของฉันไปด้วย”
สมบุญกับจ่อยจึงยืนประจันหน้ากันตรงประตู!
จันทาตามมากล่อมจ่อยว่าอย่าขัดคำสั่งคุณชายเลย คุณชายทำอย่างนี้เพราะหวังดีกับสร้อยจริงๆ
ระหว่างนั้น แจ๋ววิ่งเหงื่อซกมาบอกชายเล็กว่าเจ้าสัวโทรศัพท์มาให้ไปพบท่านโดยด่วน
ชายเล็กตกใจนึกว่าอากงเป็นอะไรรีบไปทันที แต่พอเห็นอากงไม่เป็นอะไรก็จะขอตัวกลับบอกว่า
“ตอนนี้ผมกำลังยุ่งวุ่นวายมาก ไม่นึกเลยว่าผู้หญิงตัวเล็กๆนี่จะมีฤทธิ์เดชมากขนาดนี้ ธุระของอากงไว้ก่อนได้ไหมครับ ผมขอกลับไปแก้ปัญหาครอบครัวของผมก่อน”
“ที่ลื้อว่ากำลังยุ่งวุ่นวายเนี่ยเป็นเพราะเจ้าแหวนวงนี้หรือเปล่า” อากงหยิบแหวนวงนั้นออกมาให้ดู
ชายเล็กตะลึง ขนลุกซู่ ถามอากงว่าได้แหวนนี้มาจากไหน กระโดดกอดอากงดีใจสุดขีด
“ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมาก กงไม่รู้หรอกว่า กงได้ช่วยชีวิตผมไว้ ผมไม่อยากเชื่อจริงๆ ผมไม่ต้องเสียเธอไปแล้ว!”
ooooooo
หลังจากขายแหวนให้เจ้าสัวซ้งแล้ว ป้าศรีเอาเงินไปให้ดารณีนุช
“แบ่งเงินที่ได้ไปครึ่งนึง ส่วนอีกครึ่งนึงฝากไปทำบุญวัดไหนหรือโรงพยาบาลไหนก็ได้ ฉันสั่งอะไรก็ขอเป็นไปตามที่สั่งล่ะ” ดารณีนุชสั่ง
ศินีนุชฟังอยู่ด้วย สงสัยเรื่องเครื่องเพชรเครื่องทองที่ป้าศรีเอาไปขาย ดารณีนุชเบรกลูกสาวไว้ จนเมื่อป้าศรีไปแล้วจึงบอกว่า
“เครื่องเพชรเครื่องทองที่ให้ยายศรีสมัยไปปล่อยตามโรงรับจำนำเป็นของแม่ไอ้ชัชมัน!”
“ปล่อยตามโรงรับจำนำ...หมายความว่า ไปจำนำทิ้งไว้หลายๆที่หรือคะ”
“ใช่ ข้าวของของมันจะได้กระจัดกระจายไปทั่ว ต่อให้ชาตินี้ชาติหน้าก็ไม่มีวันตามเจอ!” ดารณีนุชยิ้มอย่างสะใจ
ooooooo
อนุพันธ์เศร้าเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับรูปถ่ายและข้าวของของเจ้าส่องดาวที่ตนเก็บไว้อย่างทะนุถนอมมานับสิบปี
ชัชวีร์เพิ่งกลับจากกองบิน เขาเข้ามาทางหลังตึกเห็นลุงคนสวนกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ เขาพับแขนเสื้อเข้าไปช่วยอย่างที่เคยปฏิบัติมาแต่เล็กจนโต อนุพันธ์เห็นแล้วอดสะท้อนใจไม่ได้
ดารณีนุชเดินมายืนข้างๆ มองตามสายตาอนุพันธ์ไป เอ่ยขำๆ
“เหนื่อยใจมากเลยเหรอ คุณจะหวังอะไรกับลูกเมียข้างถนนของคุณ ดูสิ อุตส่าห์เลี้ยงอยู่ในรั้วในวัง ปูทางอนาคตไว้ให้เป็นอย่างดี แต่มันคงไม่มีวันไปได้ดีอย่างที่คุณหวัง ถ้ามันยังชอบขลุกอยู่กับขี้ข้าด้วยกันอย่างนี้”
“คุณจะไป หรือจะให้ผมไปเอง” อนุพันธ์ถามไม่มองหน้า
“คุณจะโกรธฉันไปถึงไหน แค่เครื่องเพชรเครื่องทองราคาถูกๆไม่กี่ชิ้น ไอ้แหวนวงนั้นสำคัญมากนักใช่ไหม เดี๋ยวฉันสั่งทำให้ใหม่ จะเอาสักกี่วงก็บอกมา จะได้เลิกทำเหมือนไม่มีตัวตนเสียที!”
“แหวนวงนั้นไม่มีราคา เพราะมันมีค่าเกินกว่าที่จะประเมินได้ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน คุณก็ไม่มีปัญญาหามาใช้คืนได้หรอก การกระทำที่ไร้สติของคุณครั้งนี้ มันเกินกว่าที่ผมจะยกโทษให้ได้ ตอนนี้ผมยังพอทนได้ แต่อย่าได้คิดทำเรื่องเลวๆอีก เพราะผมจะไม่ทนอีกต่อไป!”
พูดแล้วเดินผละไปอย่างไม่ไยดี ดารณีนุชมองตามอย่างเจ็บในใจ ที่อุตส่าห์มาง้อแล้วยังโดนว่าอย่างไม่มีเยื่อใยอีก
ooooooo