ตอนที่ 6
อนุพันธ์ที่ติดตามข่าวการเคลื่อนไหวของพวก ทหารเวียงตลอดเวลา ได้รับรายงานข่าวว่ามีทหารเวียงราว 50 นาย ข้ามมาฝั่งไทยและคงกบดานอยู่ในป่า
จากการคาดการณ์ อนุพันธ์เชื่อว่าทหารของนายพลเซกองพวกนี้คงไม่มีเป้าหมายแค่ไล่ล่ากองกำลังกู้ชาติ
“มีข่าวลือว่าเจ้าหลวงสุริยวงศ์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ครับ” สายข่าวรายงาน อนุพันธ์ติงว่าลือกันมาอย่างนี้นับสิบปีแล้วแต่ไม่มีใครเจอแม้แต่เงา “แต่กองกำลังกู้ชาติของเวียงพูคำเข้มแข็งขึ้นทุกวัน ผู้คนที่จงรักภักดีพากันรวมตัวเป็นจำนวนทวีคูณ ไม่ใช่เพราะพวกเขาเชื่อว่าเจ้าหลวงยังอยู่หรือครับ”
“เชื่อก็ส่วนเชื่อ แต่ความเป็นจริงมันเป็นอีกเรื่อง”
“แต่ มีข่าวลืออีกข่าวที่น่าเชื่อถือได้นะครับ มีข่าว ลือว่าเจ้ารัชทายาทยังอยู่ครับ และทรงแอบซ่อนตัวอยู่ในแผ่นดินของไทยมาเป็นสิบปีแล้วด้วยครับ”
“เจ้ารัชทายาท...เจ้ารังสิมันตุ์” อนุพันธ์พึมพำ อดแอบกังวลไม่ได้...
ooooooo
ที่หมู่บ้านวลาหก พ่อใหญ่ติดตามข่าวการเคลื่อนไหวของนายพลเซกอง มีไกสอนกับแฮรี่ยืนรอรายงานอยู่อย่างกระวนกระวายใจ ก็พอดีทับทิมเข้ามารายงานว่า
มีทหารเวียงแอบข้ามมาทางแม่น้ำ พวกมันรายล้อมมาจากทุกทิศ คาดว่าพวกมันกำลังกระจายกำลังค้นหาหมู่บ้านเราอยู่ อีกไม่นานคงถึงที่นี่ พ่อใหญ่ถามว่าพวกสร้อยเป็นอย่างไร ทับทิมรายงานว่ายังพักอยู่ใกล้ลำธาร พรุ่งนี้คงพ้นจากป่านี้
แฮรี่บอกพ่อใหญ่ว่าให้วางใจเถิด เชื่อว่าพวกคุณชายปกป้องสร้อยได้แน่ และตอนนี้พวกทหารเวียงก็ไม่กล้ามีเรื่องกับคนไทย ยิ่งทหารไทยด้วยแล้วมันยิ่งไม่กล้า ไกสอนเสนอว่าเราต้องอพยพไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย
“สั่งให้ชาวบ้านทุกคนอพยพไปให้หมดเดี๋ยวนี้!” พ่อใหญ่สั่ง ทับทิมถามว่าแล้วตัวผู้ใหญ่ล่ะ พ่อใหญ่ไม่ตอบ ทุกคนได้แต่มองอย่างกังวลใจ
เวลาเดียวกัน สร้อยที่พักอยู่ริมธาร เห็นฝูงนกบินแตกฮือจากต้นไม้ ก็รู้ถึงความผิดปกติ เธอลุกวิ่งออกไปด้วยความเป็นห่วงพ่อใหญ่
สร้อย วิ่งไปตามทางในป่า จ่อยตามมาเจอถามว่าจะไปไหน สร้อยบอกว่าจะกลับไปหาพ่อใหญ่ รู้สึกสังหรณ์ใจว่าพ่อใหญ่กำลังตกอยู่ในอันตราย ตนต้องไปช่วย
ขณะจ่อยกำลังหว่านล้อมสร้อยไม่ต้องเป็นห่วงพ่อใหญ่เพราะมีคนของพวกเราปกป้องพ่อ ใหญ่อยู่แล้ว ส่วนตัวสร้อยเองก็ควรปฏิบัติตามคำสั่งของพ่อใหญ่ เพราะขืนเธอวิ่งกลับไปก็ต้องถูกพ่อใหญ่ไล่กลับมาอยู่ดี แต่สร้อยก็ยังรั้นที่จะไปให้ได้
แล้วทั้งคู่ก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนเดินมา แอบดูจึงรู้ว่าเป็นทับทิม สร้อยถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อใหญ่หรือ
“พ่อ ใหญ่ปลอดภัยดีถ้าหากเกิดอะหยังขึ้นกับพ่อใหญ่ ข้อยบ่มายืนหม่องนี้ดอก พ่อใหญ่ให้ข้อยมาเตือนพวกเจ้าอย่าได้คึดกลับไป ตอนนี้บ่มีหมู่บ้านวลาหกอีกต่อไปแล้ว”
ooooooo
พวกทหารเวียง 50 คนเดินหาจนเจอปากถ้ำเข้าหมู่บ้าน พวกมันพากันเข้าไปค้นหาผู้คนทั่วทั้งหมู่บ้าน แต่ไม่เจอใครเลยสักคนเดียว ทั่วทั้งวลาหก กลายเป็นหมู่บ้านร้างไปแล้ว
สร้อยแหงนมองท้องฟ้าเห็นกลุ่มควันดำลอยอยู่ เหนือหมู่บ้านวลาหก เธอพึมพำอย่างเจ็บปวด
“พวกมันคงเผาหมู่บ้านของเฮาสิ้นซากไปแล้ว...”
ทับทิม บอกว่าไม่ต้องห่วง พวกเราทุกคนปลอดภัยให้สร้อยรีบกลับไปที่พักอย่าลืมที่พ่อใหญ่สั่งมาว่า สร้อยต้องออกไปจากป่านี้ให้เร็วที่สุด ส่วนที่จ่อยกลัวถูกพวกทหารเวียงสะกดรอยตามมานั้น ทับทิมให้ความมั่นใจว่า
“พวก มันบ่มาทางนี้แน่ เฮาแกล้งทิ้งร่องรอยไว้ให้มันแกะรอยตามไป กว่ามันสิรู้ว่าถูกหลอก พวกเจ้ากะคงออกไปจากป่านี้แล้ว แต่กะบ่ฮู้ว่าไอ้เซกองสิส่งทหารมาอีกบ่ จังได๋เจ้ากะต้องระวังตัวไว้ด้วย”
ทับทิม ย้ำว่าเมื่อสร้อยไปแล้ว พวกตนมีสายข่าวคงตามหาสร้อยได้ไม่ยาก ส่วนที่สร้อยถามว่าแล้วตนจะติดต่อพ่อใหญ่ได้อย่างไร ทับทิมบอกว่า “สายข่าวติดต่อกับเจ้ามื้อได๋ เจ้ากะฮู้เอง” พ่อแล้วผละไปแต่ยังหันมาให้คำมั่นกับสร้อยว่า “บ่ต้องห่วง ข้อยสิคุ้มครองพ่อใหญ่ด้วยชีวิตของข้อยเอง!”
ooooooo
ศินีนุช ยังตั้งหน้าตั้งตาค่อนแคะกระแนะกระแหนกระทั่งแสดงความรังเกียจสร้อยและจันทา ตลอดเวลา แม้ชัชวีร์จะคอยติติงแต่เธอก็เชื่อมั่นในตัวเองจนไม่ฟังอะไรเลย ชัชวีร์เลยต้องขอโทษสร้อยแทนศินีนุชที่พูดอะไรไม่ทันคิด เตือนสติแกมขู่ศินีนุชให้ยั้งคิดว่า
“สร้อยคือคนที่ช่วยชีวิตพี่ชายเล็กไว้ พี่ชายเล็กไม่พอใจแน่ถ้ารู้ว่าเธอดูถูกดูหมิ่นผู้มีพระคุณของเขา!”
จันทาเจียมเนื้อเจียมตัวว่าต่ำต้อย แต่สร้อยไม่ยอม มาไม้ไหนไปไม้นั้นกับศินีนุชแม้จะไม่รุนแรงแต่เจ็บแสบ
ปัญหา ระหว่างศินีนุชกับสร้อยเป็นที่หนักใจของสามคุณชาย ชายเล็กยังปากแข็งว่าตนไม่มีอะไรพิเศษกับสร้อย เราสองคนต่างต้องทำหน้าที่และต้องพึ่งพาอาศัยกัน เพราะว่า...
“สร้อยฟ้าช่วยให้ผมไม่ต้องถูกหม่อมย่าจับแต่งงาน ส่วนผมก็ช่วยเขาตามหาเจ้ารัชทายาทของเวียงพูคำ”
ระหว่าง เดินทางผ่านที่หนึ่ง จ่อยพาจันทากับสร้อยไปไหว้ที่ฝังศพพรานเจ้ย แต่เพราะชายเล็กพูดไว้ตั้งแต่ออกจากหมู่บ้านแล้วว่าอยากไปไหว้พรานเจ้ย จ่อยจึงพาไปด้วย
“ฉันตั้งใจไว้แล้วว่า จะต้องมาที่นี่ให้ได้ ฉันอยากมาแสดงความเคารพต่อผู้ที่มีพระคุณต่อฉันเป็นครั้งสุดท้าย... ถ้าไม่มีพรานเจ้ยฉันก็คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้” ชายเล็กเอ่ยพลางคุกเข่าลงหน้าหลุมศพ
จ่อยเล่าว่าทับทิมบอกให้ฝังศพพรานเจ้ยไว้ไม่ไกลจากที่สิ้นลมจันทาจะได้หาเจอไม่ยาก
“บักทับทิมได้เฮ็ดสัญลักษณ์ไว้ด้วย รูปนกเงือก สัตว์ประจำเวียงพูคำ หลุมศพของชาวเวียงพูคำทุกคนมีสัญลักษณ์รูปนกเงือกนี่อยู่”
“พราน เจ้ย...ฉันสัญญาว่า ฉันจะรักและดูแลจันทาเหมือนน้องสาวแท้ๆของฉันเอง ทางนี้ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงแล้ว ไปสู่สุคติเถอะนะพรานเจ้ย” ชายเล็กบอกกล่าว ก้มกราบหลุมศพ แล้วชวนสร้อยเดินกันไปก่อนปล่อยให้จันทาได้อยู่กับพรานเจ้ยตามลำพัง...
จันทามองป้ายสลักรูปนกเงือกหน้าหลุมศพ แล้ว หยิบสร้อยพระจันทร์ในย่ามออกมาสวมคอ บอกกล่าวพ่อว่า
“ข้อยคงหนีเวียงพูคำบ่พ้น ข้อยสิใส่สายสร้อยพระจันทร์นี่ไว้นะพ่อ ใส่ไว้ให้ฮู้ว่า ข้อยบ่มีวันลืมพ่อ...”
ooooooo
อนุพันธ์ ติดตามข่าวการเคลื่อนไหวของนายพลเซกองอย่างใกล้ชิด วันนี้มีข่าวว่า นายพลเซกอง ได้ลงนามในคำประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการ ทูตระหว่างอาณาจักรเวียงพูคำกับประเทศไทย
ระหว่างนั้นถูกดารณีนุช เข้ามาขัดจังหวะ เข้ามาก็คุยเรื่อยเปื่อยเรื่องเวียงพูคำทั้งที่ไม่รู้จริง จนอนุพันธ์รำคาญถามว่า เข้ามานี่มีธุระอะไรกับตนหรือเปล่า
ที่แท้เธอเข้า มาเพื่อจะถามอนุพันธ์ที่เขาบอกหม่อมป้าว่าชายเล็กหายไปในป่าว่าเป็นความจริง หรือต้องการตัดบทหม่อมป้าที่มาพูดเรื่องแต่งงาน อนุพันธ์บอกว่าตนไม่เอาเรื่องคอขาดบาดตายมาพูดเล่นหรอก
“ถ้าลูกเรา กำลังตกอยู่ในอันตราย ทำไมคุณยังนั่งเฉยอยู่ได้ล่ะคะ ทำไมไม่รีบส่งคนไปช่วย คุณเองมีทหารเป็นกองร้อยกองพัน” อนุพันธ์บอกว่าตนพยายามสุดความสามารถในขอบข่ายอำนาจที่มีหวังเพียงว่าทุก อย่างจะทันกาล ดารณีนุชถามว่า “ลูกนุชจะกลับมาอย่างปลอดภัยใช่ไหมคะ”
“ผมเชื่อว่านายชัชจะต้องพายายนุชกลับมาได้แน่ ลูกชายคนนี้ไม่เคยทำให้ผมต้องผิดหวัง” พูดแล้วอนุพันธ์เดินไป
“ถ้านายชัชพาลูกนุชกลับมาไม่ได้ละก็...ฉันเอาลูกของคุณตายแน่!” ดารณีนุชพูดตามหลังไปอย่างเอาเรื่อง
ooooooo
ฟัง ชัชวีร์พูดถึงการเป็นหนี้บุญคุณสร้อยที่ช่วยชีวิตชายเล็กไว้แล้ว ศินีนุชที่ใช้เงินแก้ปัญหาทุกอย่าง จึงเอาเข็มกลัดพลอยไปให้สร้อยเพื่อลบล้างบุญคุณที่มีต่อกัน
ชัชวีร์ตำหนิศินีนุชว่านี่ไม่ใช่เรื่องของเธอ ชายเล็กมาเจอก็ขัดขึ้นว่าสร้อยไม่อยากได้หรอก
“ไผว่า ข้อยอยากได้ ขอบใจหลายเด้อที่เฮ็ดบุญเฮ็ดทานให้กับสาวบ้านป่าอย่างข้อย” สร้อยยังพูดกับชายเล็กว่า คู่หมั้นเขาช่างมีน้ำใจงาม ตบรางวัลให้แบบนี้ต่อไปก็ไม่ต้องถือว่าเป็นบุญคุณกันอีก แบบนี้ก็สบายใจกันทุกฝ่าย พูดแล้วสร้อยลุกหนีไป ชายเล็กจะตาม ถูกศินีนุชรั้งไว้ ชวนไปเดินเล่นใต้แสงจันทร์กันดีกว่า
ชายเล็กกระอักกระอ่วนใจแต่ก็ถูกศินีนุชลากไปจนได้
เมื่อ กลับที่พัก ศินีนุชไม่ยอมนอนร่วมเต็นท์กับสร้อยและจันทา ชายใหญ่จึงให้สร้อยกับจันทานอนเต็นท์หนึ่ง ส่วนอีกเต็นท์ให้ศินีนุชนอน ส่วนพวกผู้ชายก็มานอนนอกเต็นท์และผลัดกันเข้าเวรยาม
ชายเล็กอาสาอยู่ เวรผลัดแรก ระหว่างนั้นชายภัทรมานั่งคุยด้วย เอาสร้อยจี้หยกที่เก็บได้คืนให้ ชายเล็กรับไปอย่างทึ่งบอกว่าตนทำใจแล้วว่าจะไม่ได้คืน โชคดีที่พี่ชายภัทรเก็บได้
“อะไรที่เป็นของเราก็จะกลับมาเป็นของเรา วันยังค่ำแหละ หม่อมแม่อยากให้เรามอบสร้อยหยกนี่ให้กับผู้หญิงที่เรารัก นายลองไปคิดดูให้ดีว่า นายเจอผู้หญิงนั้นแล้วหรือยัง”
ชายเล็ก...มองสร้อยจี้หยกในมืออย่างครุ่นคิด...
ขณะ ชายเล็กมองสร้อยจี้หยกคิดเพลินอยู่นั่นเอง สร้อยก็ย่องมาแกล้งจับยามจนอยู่หมัด ชายเล็กทั้งเขินทั้งฉุนถามว่าเล่นอะไรของเธอ สร้อยบอกว่ามีเรื่องจะพูดด้วย แล้วจัดแจงตัดด้ายขาวที่มัดข้อมือในวันแต่งงานออกจนหมดเพื่อทำลายหลักฐาน ผูกพันกัน เหลือเส้นสุดท้ายที่สร้อยมัดให้เป็นการผูกเสี่ยว ชายเล็กไม่ยอมให้ตัด
ทั้งคู่ยื้อยุดกัน จนชายเล็กหลอกว่าจ่อยมา สร้อยชะงักเลยถูกชายเล็กรวบไปกอด ปากกับปากจุ๊บกันเบาๆ
แต่ทำเอาต่างชะงักงัน พอได้สติ ชายเล็กบอกสร้อยว่า
“ฉัน เต็มใจที่จะติดหนี้บุญคุณเธอไปจนตาย...สร้อยฟ้า...ฉันไม่มีวันเปลี่ยนใจไป แต่งงานกับคนอื่น ไม่มีวัน!” พูดจบชายเล็กก็ขโมยจุ๊บเธออีกที ถูกสร้อยด่าเขินๆ ตะบันหมัดเข้าหน้าเขาอีกทีจนชายเล็กหงายผลึ่ง แล้วสร้อยก็ลุกหนีไป
ชายเล็กลุกนั่งมึนรสหมัดแต่ก็มีความสุขอย่างประหลาดกับรสจูบที่ขโมยจุ๊บเธอ...
ooooooo
พราน เกิ้นกับบุญโฮมได้รับหน้าที่ให้เดินล่วงหน้าไปที่บ้านพักป่าไม้เพื่อส่งข่าว ผ่านอนุพันธ์ไปถึงหม่อมเอียดกับย่าอ่อนว่าเจอชายเล็กแล้ว
อนุพันธ์นำ ข่าวดีมาบอกหม่อมป้าที่จุฑาเทพ แต่ก็ยังไม่สบายใจนักเพราะเป็นการฟังข่าวจากหลายทอดไม่ได้ฟังจากชายใหญ่ โดยตรง แต่ก็ให้ความหวังกับผู้ใหญ่ทั้งสองว่า
“ถ้าทุกอย่างเป็นไปตาม การคาดหมาย พวกคุณชายน่าจะเริ่มเดินทางต่อกันแล้ว เร็วที่สุดคงจะส่งข่าวมาถึงเราได้ภายในเย็นวันนี้ ถ้าไม่มีการส่งข่าวอะไรเลย ผมคงจะต้องเดินทางไปด้วยตัวเองแล้วล่ะครับ”
หม่อมเอียดถามว่าคุณชายกังวลอะไรหรือ อนุพันธ์นิ่งไปเพราะไม่อยากบอกเรื่องทหารเวียงที่เริ่มบุกเข้ามาทางชายแดนไทยอีกครั้งแล้ว
แต่ทหารเวียงที่บุกเข้ามา ก็ถูกทับทิมทำรอยเท้าลวงทิศจนพวกมันลุยไปผิดทาง
ooooooo
เช้า นี้คณะต้องเตรียมเดินทางต่อ ชายใหญ่ดูแลการเก็บข้าวของจนหมดแล้วเหลือแต่ของศินีนุชที่ชายใหญ่บอกว่าเรา ขนไปเท่าที่เอาไปได้ เพราะคราวก่อนมีพรานเกิ้นกับบุญโฮมคอยช่วย แต่เที่ยวนี้ทั้งสองคนไม่อยู่
จันทาไปลาพรานเจ้ยที่หลุมฝังศพ ชัชวีร์มาตามเพื่อเดินทางต่อ บอกว่าเธอโชคดีที่แม้พรานเจ้ยจะไม่ใช่พ่อที่แท้จริงแต่ก็รักเธอยิ่งกว่า ชีวิต แม้เธอจะได้อยู่กับพ่อไม่นานแต่ก็เป็นเวลาที่น่าจดจำทุกนาที
“ขอบคุณคุณชัชมากนะจ๊ะ คุณชัชทำให้จันทาพร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วล่ะ ไม่ว่าวันข้างหน้าจันทาจะต้องเจอกับอะไร”
ทั้ง สองต่างมีความรู้สึกดีๆและอบอุ่นใจเมื่อได้อยู่ใกล้กัน จนจ่อยมาขัดจังหวะบอกว่าหาดอกไม้มาให้ได้แล้ว จันทารับดอกไม้จากจ่อยไปวางไว้ที่หลุมศพพรานเจ้ย ระหว่างนั้นจ่อยเหล่ไปทางชัชวีร์อย่างไม่ชอบใจ ถามว่ามาทำอะไร
“มาตามจันทา เรากำลังจะเดินทางกันแล้ว”
“ข้อย กำลังพาจันทากลับไปอยู่แล้ว บ่เห็นต้องมาตาม!” พูดแล้วมองไปทางหลุมศพก็ชะงักเมื่อพบร่องรอยบางอย่าง รีบเดินไปดูชัชวีร์ตามไปดูด้วย ถามว่ารอยเท้าใคร ใหม่ๆด้วย
จ่อยหยิบป้ายสลักรูปนกเงือกที่ถูกหักเป็นสองท่อนท่ีพื้นขึ้นดู ชัชวีร์ถามว่าพวกมันเป็นใคร
“ทหารเวียงพูคำ!”
ทุกคนตกใจที่จู่ๆก็มีรอยเท้าทหารเวียงพูคำ โผล่มาในที่ใกล้ๆนี้
กลับไปเล่าให้ชายใหญ่ฟัง ชายใหญ่สั่งให้ทุกคนเอาแต่ข้าวของที่จำเป็นไปเพื่อความคล่องตัว ขณะนั้นเองมีนกพิราบสื่อสารบินมา สร้อยพูดอย่างไม่สบายใจว่า
“สายข่าวในเมืองส่งข่าวมาอีกแล้ว บ่ใช่ข่าวดีแน่”
เป็น ข่าวทหารเวียงบุกเข้ามาในเขตไทย ทุกคนคิดเครียดหาทางหลบหลีกเพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียเพราะเป้าหมายของพวกตน คือเดินทางออกจากป่าไปให้ได้
ศินีนุชเสนอให้คณะของตนแยกกันกับพวก สร้อย ชายใหญ่ไม่เห็นด้วยยืนยันว่าเราจะไม่ทิ้งกัน พลันก็ฉุกคิดได้ว่าพวกทหารเวียงไม่ทำร้ายคนไทยและกลัวทหารไทย ทั้งสร้อย จันทา และจ่อย เลยถูกจับแต่งเป็นคนเมือง สร้อยอึดอัดกับเสื้อผ้าที่ไม่คุ้นชิน โวยวายจะไม่ยอมใส่ จนจันทาต้องหว่านล้อมว่า
“เจ้าสร้อย ใจเย็นๆสิ เฮาแต่งตัวเป็นคนเมืองสิได้ปลอดภัยจากทหารเวียงเด้อ”
จ่อยโผล่มาทีหลังเพื่อนในชุดเดินป่าของชัชวีร์ ชายพีร์ทักอย่างตื่นเต้นจนจ่อยเขินว่า
“โอ้โห...บักจ่อย โก้ไม่เบาเลยนะเนี่ย...”
ooooooo
ที่ชายป่า กลุ่มพ่อใหญ่กับชาวบ้านอพยพมาเป็นขบวนใหญ่ การเคลื่อนขบวนเป็นไปอย่างเชื่องช้าพะรุงพะรัง
แฮ รี่เสนอให้พวกเราแยกกับชาวบ้านเพื่อเราจะได้เดินตรงไปรวมกับกองกำลังของเรา ได้เลย ไกสอนเห็นด้วย เพราะหมู่บ้านใหม่ที่ชาวบ้านจะไปอยู่บนเขาไกลมาก เชื่อว่าคราวนี้ชาวบ้านคงได้อยู่อย่างสงบสุข ไม่ต้องกลัวพวกทหารเวียงจะตามไปถึง
“บ่ได้! บ่ว่าจังได๋ เฮากะต้องไปกับพวกชาวบ้าน ไปเบิ่งให้เห็นกับตาว่าทุกคนอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว ถ้าเฮาทิ้งชาวเวียงพูคำ เฮากะบ่สมควรเป็นพ่อใหญ่ของพวกเพิ่น” พ่อใหญ่ไม่เห็นด้วย พอดีทับทิมตามมาทันพ่อใหญ่ถามทันที “เจอเจ้าสร้อยบ่”
“เจอ ครับ เฮื่องที่พ่อใหญ่เป็นห่วงเห็นสิเป็นจริงแล้ว” ทับทิมเอาม้วนกระดาษที่ติดมากับนกพิราบสื่อสารให้ดู “ข้อยเพิ่งได้รับก่อนที่จะมาเจอพ่อใหญ่”
พ่อใหญ่รับม้วนกระดาษไปคลี่อ่าน บอกทุกคนหน้าเครียดว่า
“ไอ้ เซกองมันส่งทหารเข้ามาอีก นี่คงเป็นเพราะข่าวลือเฮื่องเจ้ารัชทายาทแน่ไอ้เซกองถึงดิ้นพล่าน พยายามสิตามจับตัวพวกเฮาให้ได้” ถามทับทิมว่า “พวกเจ้าสร้อยเดินทางมื้อได๋”
“ตอน นี้พวกเพิ่นคงเดินทางกันไปแล้ว พวกทหารเวียงกลุ่มแรกที่มากะหลงไปทางอื่นแล้ว พวกกองกำลังเสริมบ่น่าจะตามมาทัน บ่ต้องห่วงดอกพ่อใหญ่ พวกเพิ่นต้องไปรอดปลอดภัย”
แม้ทับทิมจะยืนยันอย่างนั้น แต่พ่อใหญ่ก็ยังอดเป็นห่วงสร้อยไม่ได้
ooooooo
ขบวนเดินทางตัดเป็นสองช่วงโดยปริยาย เพราะพวกสร้อยที่เดินป่าเก่งกว่าเดินนำลิ่วไป มีชายเล็กกับชัชวีร์เดินกวดตามไป
ศิ นีนุชถือกระเป๋าสองใบเดินย่องแย่งตามไปใครจะช่วยก็ไม่เอาบอกว่าตนช่วยตัวเอง ได้ แต่ก็อดกระแนะ กระแหนชายเล็กไม่ได้ว่าแทนที่จะมาดูแลตนกลับไปเดินตาม “แม่สาวบ้านป่า” แทน
ระหว่างทางเจอทหารเวียง 2 คนเดินลาดตระเวนมา แต่ไม่มีปัญหากัน เพราะเป็นคนไทย แต่แล้วสถานการณ์ก็ตึงเครียดทันที เมื่อศินีนุชชี้ไปที่สร้อย จันทา และจ่อยบอกว่าพวกนั้นเป็นคนเวียงพูคำ ทหารสองคนจะไล่ตามไป ถูกชายพีร์พุ่งเข้าชาร์จล้มไปคนหนึ่ง ชายใหญ่กับชายภัทรช่วยกันเล่นงานอีกคน
ปืนที่มันถือมาลั่นขึ้นนัดหนึ่ง ศินีนุชตกใจทิ้งกระเป๋า วิ่งหนีร้องกรี๊ดๆไปตลอดทาง
พวก สร้อยที่ล่วงหน้าไปก่อน ได้ยินเสียงปืน สร้อยหันหลังวิ่งกลับมาเพื่อช่วย มาถึงพบว่าทุกคนปลอดภัย ชายพีร์ขอบใจสร้อยที่มีนํ้าใจมาช่วย แต่อดเหน็บศินีนุชไม่ได้ว่า “ไม่คิดแต่จะหนีเอาตัวเองรอด”
ศินีนุชกินปูนร้อนท้อง บอกว่าตนไม่ได้หนีเอาตัวรอด ตนวิ่งไปเรียกคนมาช่วยต่างหาก ถามอย่างไม่หายกลัวว่าถ้าเจอพวกมันอีกเราจะทำอย่างไร
“เรา ต้องทำตามที่นายชัชแนะนำแล้วล่ะ เราต้องแยกกันเป็นสองกลุ่ม ใครชำนาญการเดินป่าเดินทางได้เร็วกว่าให้ไปเป็นกลุ่มแรก ส่วนที่เหลือก็ค่อยๆเดินทางตามไป” ชายใหญ่เปลี่ยนแผน ชายเล็กจะท้วงติง ถูกชายภัทรตัดบทว่า
“ทำตามที่พี่ชายใหญ่บอกเถอะ ไม่งั้นเราไม่ได้ออกไปจากป่านี้แน่!”
ooooooo
อนุพันธ์จำเป็นต้องเล่าสถานการณ์ชายแดนเท่าที่เล่าได้ให้หม่อมย่าเอียดกับย่าอ่อนที่รบเร้าถามอย่างร้อนใจฟัง
แม้จะรู้ว่าสถานการณ์กำลังตึงเครียด แต่ดารณีนุชก็จ้องแต่จะเสนอให้ชายเล็กกับศินีนุชหมั้นกันทันที
ที่กลับมาถึง จนอนุพันธ์ต้องขัดคอว่า
“ผมว่ามันเร็วเกินไป ยังไงผมก็ต้องขอคุยกับ
ชาย เล็กก่อน เราไม่ควรจะรีบร้อนเกินไป ความสุขทั้งชีวิตของลูกเราเชียวนะคุณหญิง” แล้วชวนกลับกัน พอออกมาพ้นหน้าผู้ใหญ่ทั้งสอง ดารณีนุชก็ต่อว่าอนุพันธ์ว่า
“คุณนี่ขัดไปเสียทุกเรื่องเลยนะแต่อย่าหวังว่าจะขัดขวางเรื่องคุณชายเล็กกับลูกนุชได้!”
“คุณ นั่นแหละอย่าหวังให้มันมากนัก คุณชายเล็กไม่ใช่ผู้ชายที่คุณจะจับได้ง่ายๆ นอกเสียจากว่ายายนุชจะทำให้คุณชายรักได้ แต่ยายนุชก็เหมือนคุณเสียเหลือเกิน ผมก็เลยคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้”
พูดแล้วเดินเลยไปอย่างเร็วไม่อยู่ฟังเสียงระบายอารมณ์ของดารณีนุชให้ระคายหู
ooooooo
ใน ที่สุด ชายใหญ่จัดแบ่งคณะเดินทางเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเป็นพวกที่เดินป่าเก่งและแข็งแรงนำโดยสร้อยที่พาไปทางลัด อีกกลุ่มเดินไปในเส้นทางปกติที่มีชายใหญ่ดูแล
ศินีนุชงอแงจะไปกับชาย เล็ก ไม่มีใครเห็นด้วย ชายภัทรเสนอว่า ตน ชายใหญ่ และชายพีร์ดูแลเธอได้ และที่ผ่านมาเราก็เกาะกลุ่มแบบนี้กันอยู่แล้ว
การเดินทางลัดนั้น เส้นทางค่อนข้างลำบาก ที่เป็นเขาก็สูงชัน ที่เป็นลำธารก็นํ้าเชี่ยวหินลื่น จึงมีอุปสรรคไม่น้อย แต่ก็ได้พิสูจน์นํ้าใจของกันและกันระหว่างเดินทางเป็นอย่างดี
ส่วนพวกที่เดินทางตรง ศินีนุชงอแงจนคุณชายทั้งสามดูแลกันแทบไม่ไหว ชายพีร์เลยพาลบ่นหม่อมย่าว่าไม่น่าบังคับให้พาศินีนุชมาด้วยเลย
“เราต้องรีบออกจากป่าให้เร็วที่สุด เพราะเรากลัวว่าอาจจะเจอกับทหารเวียงเข้าอีก” ชายใหญ่เสนอ
ชาย พีร์ได้ที เลยบรรยายความเหี้ยมโหดของพวกทหารรับจ้างของนายพลเซกอง โดยเฉพาะความบ้าผู้หญิงของพวกมัน จนศินีนุชไม่กล้างอแง กลายเป็นเดินคล่องปรื๋อ ไม่เหนื่อยไม่หิว เพื่อจะได้ไปให้พ้นๆจากป่านี่เสียที
และก็โชคดีอย่างไม่น่าเชื่อ ที่มาเจอพรานป่ากลางทาง ศินีนุชพูดอย่างโล่งใจว่าไม่ใช่ทหารเวียง
“ไอ้ พวกทหารเวียงมันบ่ค่อยมาแถวนี้ดอกครับ พวกมันชอบไปเส้นทางที่คนบ่ไปกัน พวกคุณคงกำลังเดินทางออกจากป่าแม่นบ่ ข้อยพาไปได้เด้อ ข้อยสิกลับอยู่พอดี”
ทุกคนดีใจที่ได้พรานป่านำทาง แต่ชายใหญ่สบตาชายภัทรปรารภย่างกังวลใจว่า
“เส้นทางที่คนไม่ค่อยไปกันนี่มันเป็นเส้นทางไหนกัน หวังว่าคงไม่ได้หมายถึงเส้นทางลัดของสร้อยฟ้าหรอกนะ”
ooooooo
พวก สร้อยที่เดินทางลัด นอกจากเจอธรรมชาติที่โหดร้ายแล้ว ในระหว่างสามชาย คือชายเล็ก ชัชวีร์และจ่อย ก็คอยเขม่นกัน ชายเล็กหมั่นไส้ชัชวีร์ที่สนใจดูแลสร้อยมาก จ่อยก็เขม่นชัชวีร์ที่สนใจดูแลจันทาเป็นพิเศษ จนแอบด่าว่า
“ไอ้บักดากนี่ คึดเหรอว่าจันทาจะเลือกเจ้า!”
ระหว่าง เดินทางนี่เอง สร้อยบอกว่ามีคนอยู่ข้างหน้าเราต้องเลี่ยงไปทางอื่น จ่อยติงว่าถ้าย้อนกลับไปทางเดิมจะเสียเวลามาก ชายเล็กจึงเสนอว่า
“งั้น เรารอดูลาดเลาอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้ เราพักเสียหน่อย ก็ดีนะ จันทาเริ่มจะเหนื่อยแล้ว อีกแค่ไม่กี่กิโลก็ถึงชายป่าแล้ว เราน่าจะไปถึงก่อนมืด”
“พวกเจ้าพักอยู่หม่องนี้แหละ ข้อยสิไปเบิ่งว่าพวกมันเป็นไผ” สร้อยเสนอ ชายเล็กรีบดึงมือสร้อยไว้บอกว่าไม่ต้องไปดูแล้ว เพราะทหารเวียงสองคนเอาปืนมาจ่อไว้แล้ว! แต่ที่ข้างหลังพวกมันยังมีอีก 5 คน ถือปืนดาหน้าเข้ามา แล้วอีกนับสิบกำลังตีวงล้อมเข้ามา
สร้อยสบตาชายเล็กเชิงถามว่าจะทำยังไงดี?!
ooooooo
พวกชายใหญ่มาถึงชายป่าแล้ว แต่ยังไม่เห็นพวกสร้อยกับชายเล็กมา ทุกคนเป็นห่วงเพราะเดินทางลัดน่าจะมาถึงก่อนแล้ว
ศินีนุชรบเร้าให้รีบออกไปเร็วๆ ชายใหญ่จึงจะพาเธอไปพักที่ร้านพรานเจ้ยก่อน ยํ้ากับน้องทั้งสองว่ายังไงต้องพาชายเล็กกลับไปด้วยกัน
หารู้ไม่ สร้อย จันทา ชายเล็ก และจ่อย กำลังเผชิญหน้ากับพวกทหารเวียง 30 นายอย่างตึงเครียด
ชายเล็กกับชัชวีร์ พยายามเจรจากับพวกทหารเวียง บอกว่าเรามาจากกรุงเทพฯ เราไม่ใช่ชาวบ้าน ธรรมดา แล้วชี้ไปที่ชายเล็กแนะนำว่า
“ผู้ชาย ที่พวกแกจ่อปืนใส่อยู่นี่คือเรืออากาศโทชัชวีร์ เทวพรหม พวกแกคงไม่อยากจะมีปัญหากับทหารไทยหรอกใช่ไหม ส่วนฉันเป็นข้าราชการไทย ทำงานเป็นวิศวกรโยธา เราต่างแยกกันไปดีกว่าให้เรื่องมันจบตรงนี้ ฉันรับรองว่าจะไม่ไปร้องเรียนทางการเรื่องของพวกแก น้องสาวของฉันมาเที่ยวป่าแล้วไม่สบาย เราต้องรีบพาไปหาหมอ”
พวกทหาร เวียงขอค้นหลักฐาน มันจะค้นที่สร้อยก่อน ชายเล็กพุ่งเข้าปกป้องสร้อย จ่อยก็เอาหน้าไม้ฟาดไปมาไม่ให้มันเข้าใกล้ ระหว่างนั้นสร้อยตะวันของจ่อย หลุดออกมานอกเสื้อ พอพวกมันเห็นก็ร้องบอกกันว่า
“พวกมันเป็นชาวเวียง! ไอ้พวกขบถ!!”
พวก มันยกปืนเล็งใส่ทุกคนทันที สร้อยประกาศสู้ตาย ชายเล็กก็ประกาศสู้ตาย ต่างเล็งปืนใส่กัน บรรยากาศตึงเครียด เงียบกริบจนแทบได้ยินเสียงหายใจกัน
ขณะที่รอว่าใครจะลั่นกระสุนนัดแรกนั่นเอง กระบอกปืนของ ตชด.ก็มาจ่อหลังพวกทหารเวียงจนพวกมันยืนทื่อ
“ทุก คนวางอาวุธ!!” ตชด.สั่ง พวกนั้นค่อยๆวางปืนลง ตชด.ทั้งหมด 30 นาย กรูกันเข้าจับกุมและยึดอาวุธ พวกสร้อยแม้จะงุนงงกับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง แต่ก็โล่งใจที่รอดตาย
สร้อยเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองถูกชายเล็กกอดไว้ ก็ผลักเบาๆเอาตัวออกมาเขินๆ ชายเล็กรั้งไปกอดไว้ตามเดิม ราวกับกลัวเธอจะหายไปจากตรงนั้น...
ในที่สุดทุกคนก็กลับไปพบกันที่ ร้านพรานเจ้ยด้วยความดีใจสุดๆที่ทุกคนปลอดภัยออกมา ทุกคนภูมิใจในความเป็น “ห้าสิงห์จุฑาเทพ” แม้จะขาดชายรุจไปก็ให้ชัชวีร์ทำหน้าที่แทน ชวนกันดื่มกินอย่างดีใจ ระหว่างนั้นชายใหญ่หยอกชายเล็กว่าอย่าหนีไปไหนอีกนะ
“ผมไม่หนีแล้ว คราวนี้ผมจะเดินหน้าสู้ปัญหา ตอนนี้ไม่มีแค่ผมคนเดียวแล้วนี่ครับ ผมยังมีสร้อยฟ้าอีกคน”
ชายเล็กกับสร้อยเดินออกมาหน้าร้าน ชายเล็กให้กำลังใจเธอว่าค่อยๆเรียนรู้ทุกอย่างต่อไป สร้อยกังวลถามว่าถ้าตนทำให้หม่อมย่ายอมรับเป็นสะใภ้ไม่ได้ล่ะ? ชายเล็กเชื่อว่าเธอทำได้ และไม่ต้องกังวลเพราะมีตนอยู่เคียงข้างเธอเสมอ ชายเล็กกอดเธอไว้อย่างอบอุ่น สร้อยปล่อยตัวในอ้อมแขนเขาอย่างสิ้นพยศ ชายเล็กกระซิบเบาๆ
“อยากให้เธอกอดฉันไว้ ฟังเสียงหัวใจของเราสองคน เรายังมีชีวิตอยู่ต่อไป และจะไม่มีใครมาทำร้ายเราได้อีก เธอไม่มีหน้าที่ต้องคุ้มครองใครแล้ว ไม่มีชาวบ้านวลาหก ตอนนี้มีแต่เธอกับฉัน ฉันจะคุ้มครองเธอเอง...สร้อยฟ้า...”
สร้อยกอดคุณชายรัชชานนท์ไว้อย่างรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย...
ooooooo