ตอนที่ 10
ที่หน้าวังพูคำพงศ์ ชาวเวียงพูคำนับร้อยนับพันมาชุมนุมเรียกร้องให้เจ้าหลวงคืนมาและขับไล่เซกอง ถูกทหารเวียงพูคำสาดกระสุนใส่จนมวลชนแตกฮือ มีเสียงกรีดร้องอย่างตกใจระคนเสียงร้องอย่างเจ็บปวดระงมไปทั่ว
เซกองยืนมองสภาพฝูงชนที่ถูกยิงหนีตายกันอลหม่านอย่างพอใจ แล้วหันกลับมาทางเจ้าวีระวงศ์ที่เดินพล่านอยู่
เซ กองกำลังขอร้องแกมบังคับให้เจ้าวีระวงศ์มารับตำแหน่งเจ้ารัชทายาท แต่เจ้าวีระวงศ์ปฏิเสธว่า ตนขอเป็นเจ้าปลายแถวอย่างนี้ ตนต้องการชีวิตที่สุขสงบ ตนไม่อยากตาย
เซกองไปหาพ่อใหญ่ที่คุกใต้ดิน เพื่อหว่านล้อมให้ทำตามประสงค์ของตน พ่อใหญ่พูดทันทีที่เห็นหน้าเซกองว่า ไม่ต้องถาม คำตอบของตนเหมือนเดิม! ถูกเซกองขู่ว่าอยากอยู่อย่างสบายจนแก่เฒ่าหรือว่าอยากตายอย่างอนาถ
“อันว่า ความตายนี้เปิงเป็นทั้งโลก คันมันมาฮอด แล้วหนีได้กะบ่กลาย” พ่อใหญ่พูดถึงความตายอย่างไม่หวั่นไหว ทั้งยังพูดอย่างไม่สะทกสะท้านเมื่อเจ้าวีระวงศ์บอกว่า ตัวเซกองเองก็เป็นลูกหลานของราชวงศ์นี้ว่า “แผ่นดินเวียงพูคำบ่ใช่ของวงศ์ตระกูลใด แต่เป็นของประชาชนทุกคน บ่ว่าไผมีสายเลือดเจ้าหรือเป็นประชาชนเดินดิน ถ้าหากว่าสามารถปกครองบ้านเมืองนี้ให้ร่มเย็นเป็นสุขได้ เฮาสิยกให้เป็นเจ้าหลวงโดยบ่มีเงื่อนไข แต่เจ้าบ่มีคุณธรรม เจ้าบ่มีวันเป็นเจ้าหลวงได้!”
“ต้องเจ้าเท่านั้นใช่บ่ที่สิเป็นเจ้าหลวง ได้ ประชาชนเรียกร้องต้องการเจ้านัก ได้! มื้ออื่นข้อยสิส่งเจ้ากลับคืนไปให้พวกมัน ข้อยสิเบิ่งว่าเจ้าหลวงที่บ่มีลมหายใจแล้ว สิปกครองบ้านเมืองนี้ได้จังได๋!”
เซ กองเดินปึงปังออกไป เจ้าวีระวงศ์เงอะงะตามไป ทันใดนั้นร่างไกสอนถูกโยนเข้าไปในห้องขังที่ติดกับห้องขังพ่อใหญ่ ในสภาพถูกซ้อมจนสะบักสะบอม ไกสอนนอนหมดสติอยู่ที่พื้น
ระหว่างที่เซกองเดินออกไปโดยมีเจ้าวีระวงศ์ตามมาถามว่าจะทำอะไรเจ้าหลวง เซกองบอกว่า ยังไม่ ทำอะไรตอนนี้ รอให้ใช้ประโยชน์จากเจ้าหลวงให้คุ้มก่อน นั่นคือต้องให้เจ้าหลวงแต่งตั้งเจ้าวีระวงศ์ขึ้นเป็นเจ้าหลวงองค์ใหม่ก่อน แล้วจึงเก็บเจ้าหลวงองค์เก่า เจ้าวีระวงศ์ฟังแล้วสยองกับความเหี้ยมของเซกอง
เมื่อไกสอนฟื้นขึ้นมา จึงขยับไปใกล้ห้องขังเรียกพ่อใหญ่อย่างสะเทือนใจ “เจ้าหลวง” พ่อใหญ่พูดอย่างตำหนิตัวเองว่า ถ้าตนเป็นเจ้าหลวงคงไม่ทิ้งประชาชนไว้เบื้องหลัง ไกสอนติงว่าถ้าคราวนั้นพวกเราไม่หนีไป พวกเราก็ต้องถูกเซกองฆ่าตายหมด
พ่อใหญ่ยังตำหนิตัวเองว่าปกป้องชีวิตลูกเมียไม่ได้ ไกสอนฝากความหวังไว้ว่าถ้าทับทิมหนีรอดไปได้จริงก็ต้องส่งข่าวถึงสร้อยฟ้าแน่
“ถ้า หากว่าเจ้าสร้อยตามหารังสิมันตุ์บ่เจอ เฮากะบ่ต้องการให้เพิ่นกลับมา ลูกสาวของเฮาควรสิมีชีวิตคือแม่หญิงผู้อื่น ได้อยู่กับผู้บ่าวที่เพิ่นฮัก แค่นี้เฮากะบ่ต้องการอะหยังแล้ว แต่เจ้าลูกสาวผู้นี้กะบ่เคยเชื่อพ่อมันเลย” พ่อใหญ่รำพึง
เวลาเดียวกันนี้ ที่ห้องพักเรือนคนใช้วังจุฑาเทพ สร้อยกำลังคาดคั้นเอาเป็นเอาตายกับทับทิมเรื่องพ่อใหญ่
“ข้อย บ่ฮู้อีหลี พอไอ้พวกทหารเวียงบุกเข้ามา ลูกกระสุนกะปลิวว่อนไปทั่ว แล้วอยู่ๆรอบตัวข้อยกะมืดดับไป ข้อยมาฮู้สึกตัวอีกทีกะเห็นแฮรี่นอนเจ็บอยู่ตรงหน้า คนของเฮาถูกฆ่าตายเหมิด แต่บ่...บ่มีศพของพ่อใหญ่กับลุงไกสอน”
จ่อยกับสร้อยเครียด ไม่รู้ชะตากรรมของพ่อตัวเองเป็นอย่างไร ทับทิมแค้นใจตัวเองชกผนังปึงปัง
“ข้อยสมควรตาย! ข้อยปกป้องพ่อใหญ่บ่ได้!”
สร้อยกับจ่อยต่างพยายามกลั้นน้ำตา แต่กลั้นไม่อยู่ต่างปล่อยให้ไหลอาบหน้ากันเงียบๆ
ooooooo
หลังจากรู้ว่าชัชวีร์เป็นเจ้ารัชทายาทแล้ว คนรอบข้างต่างพยายามปฏิบัติต่อเขาเยี่ยงเจ้ารัชทายาท จนชัชวีร์ต้องขอร้องครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ขอให้ปฏิบัติต่อตนเหมือนเดิม
“ห้าสิงห์จุฑาเทพ” ไม่อาจทนนิ่งเฉยดูดายกับเรื่องราวของชาวเวียงพูคำที่ต้องตกอยู่ใต้อำนาจ เผด็จการของเซกอง ได้ปรึกษากันแล้วมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า ทุกคนจะไปช่วยชัชวีร์กอบกู้บัลลังก์เวียงพูคำกลับคืนมา ชัชวีร์ไม่กล้าให้ทุกคนไปเสี่ยงตายเพื่อตน ชายใหญ่ยืนยันว่า
“เราไม่ได้ไปเสี่ยงเพื่อนายคนเดียว เราทำเพื่อชาวเวียงพูคำด้วย”
ชาย รุจบอกว่าชัชวีร์ไม่ได้กลับเวียงพูคำแน่ ถ้าไม่มีตน ชายภัทรขอไปเป็นเสนารักษ์ พอชายพีร์จะพูดบ้างก็ถูกชัชวีร์ขัดขึ้นก่อนว่าตนไม่อยากมีปัญหากับกองทัพไทย ชายพีร์บอกว่าตนจะไปร่วมกับกองกำลังกู้ชาติเวียงพูคำในฐานะเพื่อนของเขา ไม่เกี่ยวกับกองทัพเหล่าไหน
“ฉันมีเมียเป็นชาวเวียงพูคำที่รักชาติยิ่ง กว่าชีวิต ยังไงฉันก็ต้องไปกับนายอยู่แล้ว แต่ฉันมีเรื่องต้องขอร้องนาย...” ชายเล็กเอ่ยขึ้น สิ่งที่ชายเล็กขอร้องคือให้ชัชวีร์ ช่วยห้ามสร้อยไม่ให้ไป เพราะเชื่อว่ารัชทายาทห้ามสร้อยต้องฟัง!
ที่เรือนคนใช้นั่นเอง สร้อยสะพายย่ามกระโดดแผล็วลงจากเรือน ชายเล็กกับชัชวีร์กระโดดจากเรือนวิ่งไล่ตาม จ่อยวิ่งไปอีกทาง พอทันก็คว้าตัวไว้
“ไอ้บักจ่อย...เจ้าอยากตายบ่! ข้อยต้องไปช่วยพ่อใหญ่ ไผกะมาห้ามข้อยบ่ได้” สร้อยขัดขึ้น
“แล้ว รัชทายาทล่ะ ห้ามเธอได้ไหม” ชายเล็กตามมาร้องถาม สร้อยหันไปประชดว่าเอายศเอาตำแหน่งมาขู่ ชัชวีร์เตือนสติว่า เธอยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อใหญ่
สร้อยยืนยันว่า พ่อตนหายตัวไป อย่างไรตนก็ต้องไปตามหา ชัชวีร์ชี้แจงว่า เวลานี้ทั้งพี่ชายใหญ่และพี่ชายภัทรกำลังสืบหาความจริงอยู่ เราจะไปเชื่อคำพูดคนของเซกองง่ายๆไม่ได้
“แต่ข้อยเชื่อที่มันเว้า มันบ่จำเป็นต้องบอกเฮื่องนี้ให้เฮาฮู้ ถ้าไอ้เซกองบ่มีเจ้าหลวงอยู่ในกำมือ มันกะแต่งตั้งเจ้าหลวงองค์ใหม่บ่ได้”
ชายเล็กบอกว่าเรากำหนดวันเดินทางกันแล้ว เราทุกคนจะไปช่วยเจ้าหลวง ยกเว้นเธอกับจันทาห้ามไป อ้างว่านี่เป็นคำสั่งของเจ้ารัชทายาท แต่นาทีนี้ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งของใคร สร้อยก็ไม่ฟัง ประกาศว่าถ้าไม่ให้ไปด้วย ตนก็จะหนีไปเอง!
ooooooo
ชัชวีร์กลับไปปรึกษาอนุพันธ์ที่วังกิตติวงศ์ เรื่องที่จะข้ามชายแดนไปเวียงพูคำเพื่อช่วยเจ้าหลวง ซึ่งอนุพันธ์ก็ให้ความร่วมมืออย่างดี
“ทางชายแดนฝั่งไทยมีกลุ่มลูกหลานชาวเวียงพูคำรวมตัวกันเป็นกองกำลังอาสา คอยช่วยเหลือชาวเวียงพูคำที่หนีตายข้ามมาฝั่งไทย พ่อเคยส่งทหารไปช่วยเหลือหลายครั้ง พ่อแน่ใจว่าพวกเขาต้องยินดีช่วยเจ้ารัชทายาทแน่”
ชัชวีร์ซาบซึ้งบุญคุณของอนุพันธ์ที่เลี้ยงดูตนมา จะก้มกราบก่อนเดินทางไกล อนุพันธ์รีบประคองไว้เตือนสติว่า ถึงเวลานี้ชัชวีร์จะยังไม่ได้เป็นเจ้ารัชทายาท แต่ก็ห้ามคุกเข่าให้ใคร ห้ามเด็ดขาด ตำหนิว่าตัวเองก็ไม่ใช่พ่อที่ดีนัก ชีวิตตนมีข้อจำกัดหลายข้อ ไม่อย่างนั้นลูกคงจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้
“คุณพ่อเลี้ยงผมมาอย่างดีที่สุดแล้วล่ะครับ” ชัชวีร์ก้มลงไหว้แทน อนุพันธ์ดึงเข้าไปกอด “ขอบคุณนะครับคุณพ่อ ขอบคุณที่รักและดูแลผมมาตลอด ขอบคุณจริงๆ ครับ ขอบคุณจริงๆ”
ดารณีนุชที่เห็นชัชวีร์เข้ามาหาอนุพันธ์อย่างรีบร้อนแต่แรกและแอบฟัง เมื่อรู้ว่าชัชวีร์เป็นใครและกำลังจะทำอะไร ก็ผละไปอย่างมาดร้าย
ooooooo
ดารณีนุชแววตาร้ายกาจ แจ้งข่าวนี้กับทองสินทันทีทั้งเรื่องรัชทายาทและการวางแผนเข้าไปกู้ชาติขององค์รัชทายาท ศินีนุชแอบได้ยิน พอรู้ว่ารัชชานนท์คือองค์รัชทายาทไม่ใช่ลูกของอนุพันธ์ ศินีนุชก็สบายใจเสียดายที่ไม่รู้แต่แรกจะได้ไม่ต้องเกลียดกันขนาดนี้
แต่ดารณีนุชยังจงเกลียดจงชัง อ้างว่า ถึงรัชชานนท์จะไม่ใช่ลูกของอนุพันธ์ แต่เขาก็ยังรักทั้งชัชวีร์และส่องดาวอยู่
เมื่อชัชวีร์ไปกราบลาอนุพันธ์ เขาให้พรว่า
“ขอให้ประสบผลสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ถึงเราไม่ได้มีโอกาสเจอกันอีก แต่ขอให้รู้ไว้ว่า พ่อคนนี้จะคอยดูลูกอยู่เสมอ”
พอไปไหว้ลาดารณีนุช เธอเชิดคอแข็งพูดเสียงกระด้างว่า “หวังว่าคงไม่ต้องเจอกันอีก!!” แต่ศินีนุชรู้สึกผิด เธอขอโทษชัชวีร์บอกว่าตนไม่เคยเกลียดเขา ย้ำว่า “พี่ชัชต้องกลับมานะ นุชจะรอพี่ชัชกลับมา”
ฝ่ายชายเล็กกราบลาหม่อมเอียดด้วยข้ออ้างว่าจะพาสร้อยไปเยี่ยมบ้าน หม่อมเอียดเอะใจถามว่าแล้วทำไมจึงประจวบเหมาะทุกคนต้องเดินทางไปเวียงพูคำกันหมด ชายใหญ่ต้องไปเรื่องของทางกรม ชายรุจชายภัทร และชายพีร์ก็ตามไปด้วย
“ผมขออธิบายทุกอย่างตอนที่พวกเรากลับมาก็แล้วกันนะครับ” ชายเล็กบอกหม่อมเอียดให้หายกังวลใจ
จันทาไม่ได้ไปด้วย ชัชวีร์สัญญากับเธอว่าเรื่องของเราสองคนจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง จันทาบอกว่าตนไม่อาจเอื้อมจึงขออวยพรให้ชัชวีร์คิดถึงเรื่องชาติบ้านเมืองไว้เป็นสำคัญ เอ่ยลาอย่างที่คิดว่าต่อไปคงไม่ได้พบกันอีกแล้ว
ooooooo
ขบวนกู้ชาติที่มี “ห้าสิงห์จุฑาเทพ” ร่วมด้วยเป็นสำคัญ เดินทางมุ่งสู่ชายแดน สมทบกับทับทิมและแฮรี่ที่ค่ายกองกำลังกู้ชาติ ทุกคนจึงรู้ว่าพ่อใหญ่กับไกสอนถูกพวกเซกองจับและคงพาตัวข้ามไปเวียงพูคำแล้ว
สร้อยเร่งเร้าให้รีบไปช่วยพ่อหลวง โดยไม่รู้ว่าพ่อใหญ่ก็คือพ่อหลวงแต่แฮรี่ก็ไม่อาจบอกได้
ส่วนชัชวีร์ เมื่อมาอยู่ในกองกำลังกู้ชาติ เขาได้รับการถวายความเคารพเยี่ยงรัชทายาทจากกองกำลัง ชัชวีร์ต้องรับสภาพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อย่าอ่อนรู้ว่าหลานๆ ทั้ง 5 ไปเวียงพูคำก็ร้อนใจเกรงจะได้รับอันตราย หม่อมเอียดพูดอย่างเชื่อมั่นว่า
“แม่อ่อนเลิกคิดฟุ้งซ่านได้แล้ว ก็รู้กันอยู่ว่า หลานแต่ละคนเป็นยังไง ห้ามกันได้เสียที่ไหน ถ้าฉันไม่อนุญาตให้ไปก็คงหนีไปกันเอง แต่ที่รู้แน่ก็คือ หลานๆ ของเราต้องไปทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่งั้นคงไม่ได้ชื่อว่า ห้าสิงห์จุฑาเทพหรอก”
ส่วนที่วังกิตติวงศ์ เมื่ออนุพันธ์รู้ว่าดารณีนุชบอกข่าวการเคลื่อนไหวของชัชวีร์แก่ทองสินทูตของเซกองก็โกรธมากทะเลาะกันอย่างรุนแรง พอศินีนุชรู้ว่าชายเล็กไปด้วยก็เป็นห่วงถามดารณีนุชว่า
“ทำไมคุณแม่ใจคออำมหิตอย่างนี้ ยังไงพี่ชัชก็เป็นคนในครอบครัวเราด้วยกันมาตั้งกี่ปี”
ดารณีนุชจ้องหน้าอนุพันธ์แบบเป็นไงเป็นกัน
ท้าว่าไม่มีพยานหลักฐานใครก็ทำอะไรตนไม่ได้ อนุพันธ์ประกาศจะลากคอเธอเข้าคุกเอง “ใครทำกรรมดีกรรมชั่ว อีกไม่นานก็จะเห็นผลแห่งกรรมเอง!”
อนุพันธ์สุดจะทนกับพฤติกรรมร้ายกาจของ
ดารณีนุช เขาเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าบอกดารณีนุชให้เตรียมเอกสารให้พร้อมก็แล้วกัน ตนจะส่งทนายมาหย่า ดารณีนุชประกาศยอมตายดีกว่ายอมหย่าให้ขายหน้า
“คุณไม่ยอมหย่าตอนนี้ก็ไม่เป็นไร ผมรอได้ ไม่ว่าคุณจะยื้อยุดด้วยวิธีไหน ผมก็ไม่มีวันใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคุณอีกต่อไป”
เจอไม้แข็งของอนุพันธ์ ดารณีนุชก็ขอโทษยอมรับผิดขอให้ช่วยกันอยู่ดูแลลูกต่อไป ศินีนุชบอกแม่ว่าตนดูแลตัวเองได้
“ผมผิดเอง..ผมไม่ควรเห็นแก่ผู้ใหญ่ยอมแต่งงานกับคุณ ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องอยู่อย่างทรมานมานานนับสิบปี นับตั้งแต่วันนี้เราจะได้มีชีวิตที่เราเลือกเอง ชีวิตผมที่จะไม่มีคุณอีกต่อไป!”อนุพันธ์เดินผละไปทันที
ดารณีนุชทิ้งตัวเกลือกกลิ้งกับพื้นอย่างหัวใจสลาย
ooooooo
รัชทายาท สร้อย จ่อยและห้าสิงห์จุฑาเทพฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการจนสามารถไปยืนอยู่บน แผ่นดินเวียงพูคำ รัชทายาท สร้อยและจ่อย สูดอากาศจากแผ่นดินแม่อย่างภาคภูมิใจ
เพราะขณะเคลื่อนกำลังข้ามไปอีกฝั่งโขงนั้น ต้องแยกทยอยกันไป กลุ่มหนึ่งมีรัชทายาท ชายเล็ก สร้อยและจ่อย เมื่อข้ามฝั่งมาแล้วก็หาทางที่จะไปรวมกับกลุ่มของชายใหญ่แต่ถูกกองโจรกลุ่มหนึ่งมาดักจับตัวไป
ทุกคนถูกมัดมือไพล่หลังพาไปยังค่าย แต่สุดท้ายก็รู้กันว่า ที่แท้คือกองกำลังของโพนโฮงผู้จงรักภักดีต่อองค์รัชทายาทนั่นเอง
โพนโฮงบอกว่าเจ้าหลวงกับไกสอนถูกขังอยู่ห้องใต้ดิน และคุณชายท่านทูตแนะนำว่าเป้าหมายสำคัญต้องยึดกรมโฆษณาการก่อนเราจึงจะปิดกระบอกเสียงของเซกองได้ และอาสาจะเป็นคนนำทางเข้าไปชิงตัวเจ้าหลวงกับไกสอนเอง แต่ชายเล็กและรัชทายาทไม่เห็นด้วย
ทับทิมเสนอว่าแผนนี้มีแต่สร้อยเท่านั้นที่จะทำได้สำเร็จ นั่นคือให้สร้อยปลอมเป็นนางฟ้อนปะปนเข้าไปฟ้อนให้เจ้าวีระวงศ์ชม เซกองไม่พอใจที่สถานการณ์คับขันขนาดนี้เจ้าวีระวงศ์ยังมีแก่ใจจะชมฟ้อน มาตามไปแก้สถานการณ์ภายนอกกัน
สร้อยฉวยโอกาสนี้ เปิดประตูให้กำลังของชายเล็ก และรัชทายาทบุกเข้ามา ห้องขังแรกที่เจอคือไกสอน จ่อยกระโดดกอดพ่อดีใจจนน้ำตาไหล
เวลาเดียวกัน ชายใหญ่ซึ่งนำน้องๆ ทั้งสามบุกไปยึดกรมโฆษณาการได้ ก็ให้กองแลที่แปรพักตร์มาร่วมต่อสู้กู้ชาติพูดออกอากาศประกาศไปทั่วเวียงพูคำว่า...
“พี่น้องประชาชนชาวเวียง นี่คือเสียงจากกองกำลังกู้ชาติเวียงพูคำ ขอประกาศให้รับทราบโดยทั่วกันว่า ทางกองกำลังกู้ชาติที่มีเจ้ารังสิมันตุ์เป็นผู้นำ ได้
กอบกู้แผ่นดินเวียงพูคำจากจอมเผด็จการเซกองได้สำเร็จแล้ว เจ้าหลวงของเฮาเจ้าสุริยวงศ์ได้กลับมาปกครองแผ่นดินแล้ว นับแต่นี้ไป อาณาจักรเวียงพูคำสิกลับมาสงบร่มเย็นดังเดิม”
เมื่อยึดกรมโฆษณาการได้แล้วชายภัทรถามเป้าหมายต่อไป ชายพีร์พูดต่อทันทีว่า “วังพูคำวงศ์!”
ooooooo
เซกองที่กำลังบังคับพ่อใหญ่ให้มอบแหวนรัชทายาทที่ทำปลอมขึ้นมาให้เจ้าวีระวงศ์เพื่อให้สืบตำแหน่ง พอได้ยินเสียงประกาศชัยชนะจากกรมโฆษณาการก็แทบคลั่ง เอาปืนจ่อพ่อใหญ่ทันที
“เจ้ารังสิมันตุ์ลูกชายของเจ้ากลับมาทวงบัลลังก์คืนอีหลีบ่ มันอยู่ไส ถ้าบ่บอกกูสิยิงมึงทิ้งเดี๋ยวนี้”
พริบตานั้น ปืนในมือเซกองถูกยิงกระเด็น พร้อมกับเสียงรัชทายาทตะโกนบอก “ฉันอยู่นี่ ฉันนี่แหละเจ้ารังสิมันตุ์” พวกทหารเวียงที่ถูกจ้างมาพากันวางอาวุธยอมจำนน เจ้าวีระวงศ์หนีออกไปแต่ก็ไม่รอด
สร้อยวิ่งตามเข้ามาพอเห็นหน้าพ่อใหญ่ก็โผเข้ากอด สร้อยเพิ่งรู้นาทีนี้เองว่า พ่อใหญ่ของตนคือพ่อหลวงนั่นเอง แล้วพ่อใหญ่ก็บอกแก่ทุกคนว่าสร้อยคือเจ้าหญิงสร้อยฟ้าน้องสาวของเจ้ารังสิมันตุ์ ทำเอาชายเล็กอึ้งค่อยๆ ถอยออกไปเงียบๆ
เมื่อยึดอำนาจคืนได้สำเร็จ ลำดับญาติกันแล้วสร้อยจึงรู้ว่า เจ้าส่องดาวคือแม่ของตน จึงคิดจะไปรับแม่กลับบ้าน
ในวันที่รังสิมันตุ์กับเจ้าหญิงสร้อยฟ้าไปรับเจ้าส่องดาวกลับบ้านนั้น อนุพันธ์ยืนมองจากเนินเขาใกล้ๆ นั่น เขาพึมพำอย่างสุขใจ
“ในที่สุด...หน้าที่ของพ่อจบลงแล้ว...”
ooooooo
เมื่อภารกิจเสร็จสิ้น คุณชายแห่งจุฑาเทพทั้งสี่ก็เดินทางกลับ ยกเว้นชายเล็กที่ยังมีพันธะทางใจกับสร้อยฟ้าอยู่
พ่อใหญ่ รัชทายาทและสร้อยฟ้ามาส่งคุณชายทั้งสี่ที่ทางออกวังพูคำวงศ์ พ่อใหญ่เอ่ยด้วยความซาบซึ้งใจว่า
“เฮาขอขอบใจคุณชายทุกท่านที่ได้ช่วยลูกชายของเฮากอบกู้เวียงพูคำกลับมา คุณชายเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยนำความสงบสุขกลับคืนมาสู่ชาวเวียงพูคำ เฮาอยากให้คุณชายเห็นเวียงพูคำเป็นบ้านอีกหลังหนึ่ง ขอให้แวะมาเยี่ยมเยียนกันได้ทุกเมื่อ เฮาถือว่าพูคำวงศ์กับ จุฑาเทพ เป็นครอบครัวเดียวกัน”
คุณชายทั้งสี่ก้มคำนับถวายความเคารพอย่างจริงใจ ก่อนพากันเดินจากไป
คุณชายรัชชานนท์ยืนอยู่ที่ระเบียงชั้นล่างของวังอย่างเดียวดาย บรรยากาศรอบวังสงบสวยงาม แต่ในหัวใจของชายเล็กกลับสับสนกับสร้อยฟ้าซึ่งบัดนี้กลายเป็นเจ้าหญิงไปแล้ว เห็นเธอเดินกลับจากส่งสี่คุณชาย พอเธอมองมาชายเล็กก็รีบหลบ
ในพิธีบรมราชาภิเษก คุณชายรัชชานนท์เดินออกจากทางห้องโถงใหญ่ที่จัดพิธี สร้อยฟ้าในชุดเจ้าหญิงเต็มยศเดินออกมาดัก ถามว่าทำไมต้องหลบหน้ากัน มีปัญหาอะไรกับตนหรือ
“ฉันจะกลับกรุงเทพฯพรุ่งนี้ แล้วเธอก็ต้องกลับไปกับฉันด้วย” ชายเล็กเอ่ย
สร้อยฟ้าปฏิเสธเด็ดขาดว่าตนไม่ไป เพราะต้องการอยู่กับครอบครัวที่เพิ่งพบกันและช่วยเจ้าหลวงทำงาน ชายเล็กมองอย่างตัดพ้อแต่พูดเสียงเข้มจริงจังว่า ถ้าไม่กลับไปกับตนพรุ่งนี้เราก็ไม่ต้องเจอกันอีกเลย บอกย้ำก่อนเดินไปว่า
“พรุ่งนี้ ฉันจะรอที่ท่าน้ำ ฉันจะรอถึงเที่ยงเท่านั้น”
วันรุ่งขึ้น หลังจากลอยอังคารเจ้าส่องดาวแล้วกลับมาถึงห้องทำงาน สร้อยฟ้าพึมพำคำสุดท้ายที่คุณชายรัชชานนท์บอกว่าวันนี้จะรอถึงเที่ยงเท่านั้น รัชทายาทดูนาฬิกาบอกน้องสาวว่าเราไปตอนนี้ยังทันเดี๋ยวตนจะขับรถให้ สร้อยฟ้าปฏิเสธพลันก็สะดุดกับซองจดหมายและแหวนแต่งงานที่วางอยู่บนโต๊ะ สร้อยฟ้ารีบหยิบจดหมายเล็กๆ ขึ้นอ่าน
“สร้อยฟ้า...นี่คือการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วสำหรับเราสองคน”
รัชทายาทไม่เห็นด้วยกับการกระทำของชายเล็ก บอกว่าต้องไปคุยกันให้รู้เรื่อง สร้อยฟ้าทัดทาน ยืนยันว่าตนไม่มีอะไรกับคุณชาย ปากแข็งทั้งที่หัวใจปวดร้าวน้ำตาไหลพรากๆ อย่างไม่อาจกลั้นอยู่
เป็นเวลาที่คุณชายรัชชานนท์นั่งอยู่ในเรือข้ามฟากมาฝั่งไทยด้วยหัวใจเจ็บปวดไม่น้อยกว่าสร้อยฟ้า...
ooooooo
คุณชายทั้งสี่กลับถึงวังจุฑาเทพท่ามกลางความโล่งใจของหม่อมเอียดและย่าอ่อน ชายรุจเป็นตัวแทนกราบขอโทษหม่อมเอียดและย่าอ่อนที่ทำให้เป็นห่วง
หม่อมเอียดและย่าอ่อนต่างทึ่งอึ้งเมื่อทราบว่าที่แท้ชัชวีร์คือเจ้ารังสิมันตุ์รัชทายาทของเวียงพูคำและสร้อยฟ้าคือเจ้าหญิงน้องสาวของรังสิมันตุ์
ไม่ทันไร ดารณีนุชก็แจ้นมาที่วังจุฑาเทพเพื่อทวงถามสัญญาเรื่องศินีนุชกับชายเล็ก
หม่อมเอียดรู้ความร้ายกาจของดารณีนุชที่แจ้งข่าวการเคลื่อนไหวของคุณชายทั้งห้าแก่ทองสินจนคุณชายทั้งห้าเกือบเอาชีวิตไม่รอด ปรามดารณีนุชว่า “ไม่เคยคิดเลยว่า คุณหญิงดารณีนุชจะเป็นคนใจคออำมหิตถึงเพียงนี้ คิดจะฆ่ากันได้แม้แต่หลานชายของฉัน คุณหญิงคิดจะฆ่าหลานชายของฉันก็เท่ากับต้องการฆ่าฉันด้วย!”
ในที่สุด ดารณีนุชไม่เพียงถูกอนุพันธ์ฟ้องหย่า ยังถูกผู้ใหญ่ทางวังจุฑาเทพปฏิเสธไม่เสวนาด้วยและแม้แต่ศินีนุชก็ยังไม่ยอมอยู่ด้วยโดยขอไปอยู่กับอนุพันธ์ผู้เป็นพ่อ ดารณีนุชถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวเหมือนอยู่คนเดียวในโลก
“น่าเวทนาจริงๆ นะคะ เพิ่งถูกผัวทิ้งไม่นาน นี่มาถูกลูกทิ้งอีก” ย่าอ่อนพึมพำ
“กรรม...เชื่อเถอะว่า ผลของกรรมมันมีจริงๆ” หม่อมเอียดรำพึงอย่างสมเพชเวทนา...
ooooooo
ต่อมาวังจุฑาเทพ ก็มีโอกาสได้ต้อนรับเจ้ารังสิ- มันตุ์และเจ้าหญิงสร้อยฟ้า พร้อมทั้งองครักษ์สองคนคือร้อยตรีจุมพล หรือจ่อย กับร้อยเอกทับทิม
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนให้การต้อนรับอย่างสมพระ–เกียรติจนทั้งเจ้ารังสิมันตุ์และเจ้าหญิงสร้อยฟ้าขอให้ปฏิบัติเหมือนเดิมที่เคยอยู่ด้วยกัน แต่ผู้ใหญ่ทั้งสองที่ยึดมั่นในธรรมเนียมปฏิบัติไม่ยอม
สร้อยฟ้าต้องการมาเจอคุณชายรัชชานนท์แต่ไม่เห็น เพราะคุณชายหลบลี้หนีหน้าเข้าป่าไปแล้ว สร้อยฟ้าจึงแต่งตัวรัดกุมตามไปในป่า...
ส่วนร้อยตรีจุมพลหรือจ่อย มีใจผูกพันกับจันทาจึงขอให้เจ้ารังสิมันตุ์เป็นผู้ใหญ่มาสู่ขอ เมื่อจันทาไม่ขัดข้อง จ่อยเอาสร้อยตะวันออกมาเป็นของหมั้นก่อน จันทาจึงเอาสร้อยพระจันทร์ออกมาให้ดู ปรากฏว่าสร้อยตะวันกับสร้อยพระจันทร์ประกบกันพอดี จึงรู้ว่าที่แท้ทั้งสองเป็นพี่น้องกัน ต่างโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจที่ครอบครัวได้พบกัน หลังจากพลัดพรากกันไปนับสิบปี!
เจ้ารังสิมันตุ์ยังมั่นคงกับความรักที่มีต่อทับทิม บอกว่าเธอต้องกลับไปกับตน ต่างโผกอดกันด้วยความรัก
ฝ่ายสร้อยฟ้าออกตามหาคุณชายรัชชานนท์จนเจอกำลังถ่ายรูปธรรมชาติในป่า สร้อยฟ้าตรงไปทั้งตัดพ้อต่อว่าและด่าว่า โตเป็นควายถึกแล้วยังทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาอะไรก็มาคุยกันมาช่วยกันแก้ปัญหาไม่ใช่หนีมาอย่างนี้ ชายเล็กยังแง่งอนว่าเวลานี้เธอเป็นเจ้าหญิงไปแล้ว สร้อยฟ้าบอกว่า เดี๋ยวกลับไปตนจะหย่าให้ กลับได้รับคำตอบว่า “ฉันไม่เคยคิดจะหย่า!”
“บ่คึดหย่า แล้วคืนแหวนแต่งงานเฮ็ดหยัง!”
สร้อยฟ้าเอาแหวนแต่งงานยื่นพรวดไปตรงหน้า ชายเล็กคว้าไป เธอโวยวาย “เอาคืนมา! เจ้าบอกเลิกข้อยแล้ว แหวนวงนั้นบ่ได้เป็นของเจ้าแล้ว!”
ในที่สุด คุณชายรัชชานนท์ยอมแพ้แก่ใจตัวเอง สารภาพกับสร้อยฟ้าว่า
“ฉันไม่เคยบอกรักใคร นอกจากเธอคนเดียว สร้อยฟ้า...ที่ฉันต้องไปจากเธอ เพราะว่าฉันรักเธอ ฉันถึงดึงเธอจากฟ้าไม่ได้...ฉันขอโทษ...ขอโทษที่หุนหันทำอะไรไปโดยไม่ยั้งคิด ฉันยังมีโอกาสแก้ตัวใช่ไหมสร้อยฟ้า...”
สร้อยฟ้าเงียบ ทำให้คุณชายรัชชานนท์ใจไม่ดี ถามว่า “ยังฝันร้ายอยู่หรือเปล่า...”
“บ่!” สร้อยฟ้าทำหน้าเฉย คุณชายถามว่ายังปีนต้นไม้กระโดดถีบคนอื่นได้หรือเปล่า “ได้ซิ! ข้อยเฮ็ดทุกอย่างได้ตามที่ต้องการ บ่มีอะหยังเปลี่ยน” คุณชายถามว่ารวมทั้งเรื่องเราสองคนด้วยใช่ไหม สร้อยฟ้ามองหน้าติง “แต่ว่าเจ้าทิ้งแหวนแต่งงานแล้ว”
“ฉันเป็นคนทิ้งแหวนแต่งงานไป ฉันก็ต้องเป็นคนเอาแหวนนี้กลับคืนมาเอง ฉันต้องทำตามประเพณีของเวียงพูคำ” คุณชายส่งแหวนแต่งงานให้
สร้อยรับไปสวมที่นิ้ว ยังความปลื้มปีติแก่คุณชายมาก ดึงสร้อยฟ้าเข้าไปกอดแนบแน่น แล้วถอดสร้อยหยกที่คอสวมให้บอกว่า
“หม่อมแม่ให้สร้อยหยกนี้กับฉันไว้เพื่อมอบให้กับลูกสะใภ้ของท่าน นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่ามีเธอคนเดียว สร้อยฟ้าเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ฉันรัก”
“ขอบคุณค่ะ คุณชาย” สร้อยฟ้ายังไม่ยอมพูดคำว่ารักตามเคย คุณชายรัชชานนท์ฉวยโอกาสที่สร้อยฟ้าเผลออุ้มจะพาเข้าเต็นท์ ถูกสร้อยฟ้าทั้งทุบทั้งถองจนร้องโอดโอย
ท่ามกลางเสียงถองทุบตุ้บตั้บและเสียงร้องโอดโอยนั้น คุณชายก็ได้ฟังคำที่ปรารถนาสมใจ เมื่อสร้อยฟ้าร้องบอกว่า
“ฮัก! ข้อยฮักเจ้าหลายเด้อ!!”
ooooooo
จบสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอนคุณชายรัชชานนท์