icon member

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์

ตอนที่ 1

ม.ร.ว.รัชชานนท์ จุฑาเทพ หรือชายเล็ก น้องชายร่วมมารดาของชายภัทร คือหม่อมหยกและเป็นคู่หูของคุณชายรณพีร์คุณชายคนเล็กใน “ห้าสิงห์จุฑาเทพ”

ชายเล็กจบวิศวโยธา เป็นคนร่าเริงแจ่มใสเจ้าชู้ไก่แจ้ได้แต่ป้อไปป้อมาแต่ไม่ทำผิดศีลธรรม

นับแต่พี่ชายทั้งสามรอดพ้นจากการถูกจับให้ดองกับเทวพรหมตามพระประสงค์ของหม่อมเจ้าวิชชากรแล้ว พันธสัญญานี้จึงตกมาถึงชายเล็ก

แต่เพราะทางวังเทวพรหมเหลือแต่วิไลรัมภาซึ่งผู้ใหญ่หมายตาไว้ให้คู่กับชายพีร์ หม่อมหลวงศินีนุช ลูกสาวของนายพล ม.ร.ว.อนุพันธ์ เทวพรหม น้องชายของเทวพันธ์กับดารณีนุช จึงถูกจับให้คู่กับชายเล็กให้ได้ตามพระประสงค์ของหม่อมเจ้าวิชชากร

สถานการณ์บีบรัดเข้ามาจนถึงทางตัน เมื่อศินีนุชซึ่งไปเรียนที่สิงคโปร์จบกลับมา ทางวังกิตติวงศ์ซึ่งเป็นวังของท่านพ่อดารณีนุช จึงจัดงานต้อนรับพร้อมกับเป็นการดูตัวและประกาศมั่นหมายกันกลายๆของทั้งสองหากชายเล็กไปงานคืนนี้ นั่นหมายถึงเดินไปติดบ่วงที่ไม่มีทางดิ้นหลุด

ooooooo

ที่วังกิตติวงศ์ ชัชวีร์ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นพี่ชายต่างมารดาของศินีนุช แต่เป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์ของดารณีนุชหาว่าชัชวีร์เป็นลูกของผู้หญิงโคมเขียวที่อนุพันธ์เก็บมาเลี้ยง จนเป็นปัญหากับอนุพันธ์ตลอดมา

งานคืนนี้หม่อมเอียดกับย่าอ่อนยิ้มแย้มมีความสุข มากที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการทำให้พระประสงค์ของท่านวิชชากรเป็นจริง ดารณีนุชก็หน้าบานเป็นจานเชิงที่จะได้ประกาศแก่สังคมว่าสกุลกิตติวงศ์จะได้ดองกับจุฑาเทพแล้ว

ศินีนุชในชุดราตรีหรูหราใส่เครื่องเพชรชุดใหญ่แพรวพราวไปทั้งตัว เดินเข้ามาในงานช้าๆโปรยยิ้มหว่านเสน่ห์มาตลอดทาง จนวิไลรัมภาเมินหน้าพูดอย่างหมั่นไส้ว่า

“เปิดตัวราวกับเป็นเจ้าหญิง!”

ศินีนุชออกมาด้วยลีลาสาวตะวันตกที่เปรี้ยวจี๊ดกรี๊ดกร๊าด จนดารณีนุชพูดออกตัวกับหม่อมเอียดและย่าอ่อนที่มองกันอึ้งๆว่า

“ลูกคนนี้ ไปเรียนอยู่เมืองนอกเสียนาน จนจะกลายเป็นแหม่มไปแล้ว หม่อมป้าคงไม่ถือสานะคะ”

หม่อมเอียดกับย่าอ่อนพูดไม่ออก ส่วนชายใหญ่กับชายภัทรที่นั่งดูอยู่ ต่างมองหน้ากันขำๆ

ศินีนุชเดินมองหาคุณชายรัชชานนท์ จนเห็นชายพีร์จึงรี่เข้าไปถามหาชายเล็ก ชายพีร์คิดอะไรไม่ทันเลยดึงมือสมบุญที่ยืนอยู่ข้างหลังให้สัมผัสมือกับศินีนุช แต่พอเห็นหน้าคนที่ตัวเองสัมผัสมือด้วยชัดๆ เธอก็แผดเสียงกรี๊ดผงะถอยตะโกนถาม

“แกเป็นใคร! แกเป็นใคร!! แล้วพี่ชายเล็กอยู่ไหน??!!”

ooooooo

ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายไปนั่งคุยกันอย่างตึงเครียด หม่อมเอียดกับย่าอ่อนอับอายขายหน้าจนแทบแทรกแผ่นดินหนี

“คุณชายเล็กมางานคืนนี้ไม่ได้แล้วทำไมไม่บอกกล่าวกันดีๆทำไมต้องเล่นพิเรนทร์อย่างนี้ด้วย ทำอย่างนี้ผมถือว่าไม่ให้เกียรติกัน” อนุพันธ์เอ่ยอย่างเคร่งขรึม ดารณีนุชแก้ต่างว่าชายเล็กคงไม่ตั้งใจ คืนนี้มาไม่ได้ไว้รอโอกาสหน้าก็แล้วกัน

“ไม่มีโอกาสหน้าแล้ว ที่จริงสัญญาระหว่างท่านชายวิชชากรกับพี่เทวพันธ์ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางเราอยู่แล้ว ศินีนุชไม่จำเป็นจะต้องแต่งงานกับคุณชายเล็กเพื่อรักษาสัญญา ถ้าอยากจะอยู่งานเลี้ยงต่อก็เชิญนะครับ แต่ผมขอตัวก่อน”

เมื่อหม่อมเอียดกับย่าอ่อนกลับมาถึงวังจุฑาเทพ ก็เรียกทั้งชายใหญ่ ชายภัทร และชายพีร์มาชำระความกัน หม่อมเอียดสั่งคุณชายทั้งสามว่าต้องไปตามชายเล็กกลับมาให้ได้ภายในวันพรุ่งนี้!

ชายพีร์ในฐานะคู่หูของชายเล็ก ถูกคาดคั้นหนักทั้งจากคุณย่าและพี่ชายทั้งสอง สุดท้ายยอมบอกว่า

“พี่ชายเล็กหนีไปหนองคายครับ ถึงจะไปตามก็เปล่าประโยชน์เพราะว่าพี่ชายเล็กขอย้ายไปประจำที่แขวงการทางที่โน่นอย่างถาวรแล้วล่ะครับ”

ooooooo

ขณะที่ทุกคนที่วังจุฑาเทพกำลังเครียดหนักนั้น ชายเล็กที่นั่งรถไฟบ่ายหน้าไปหนองคาย พูดคุยกับชาวบ้านและชมทิวทัศน์สองข้างทางอย่างเพลินตาเพลินใจ มาสะดุดที่หนังสือพิมพ์ฉบับเช้านี้ที่พาดหัวตัวไม้ว่า

“เวียงพูคำร้อนระอุ เซกองลั่นไม่ใช่เผด็จการ รอเจ้าหลวงคืนบัลลังก์”

เมื่อมาถึงสถานีรถไฟที่หนองคาย บุญโฮมข้าราชการที่วิชัยผู้อำนวยการเขตการทางของหนองคายส่งมารับ ก็ขับรถจี๊ปปุโรทั่งไปตามถนนเลียบแม่น้ำโขง ถูกรถแซงไปหลายคัน แม้แต่รถสามล้อถีบยังแซงไปได้สบายๆ ชายเล็กเห็นแล้วพึมพำว่า

“วันนี้จะถึงไหมเนี่ย” พลางก็ชมวิวสองข้างทาง มองข้ามโขงไปถามว่า “ข้ามแม่น้ำโขงไปฝั่งโน้นเป็นอะไร”

“นั่นเขตแดนเวียงพูคำครับคุณชาย”

“เวียงพูคำ” ชายเล็กทวนเชื่ออย่างจำได้จากข่าวหนังสือพิมพ์ มองไปอีกครั้งอย่างสนใจ

ooooooo

หมู่บ้านวลาหก เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในเวียงพูคำ มีแม่เฒ่าที่เป็นหมอประจำหมู่บ้านช่วยรักษาอาการป่วยของชาวบ้านด้วยเวทมนต์ และปกป้องคุ้มครองหมู่บ้าน ด้วยมวลหมอก เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านวลาหกมาก

แม่เฒ่าร่ายมนต์สร้างม่านหมอกปิดทางเข้าหมู่บ้าน และทำนายไว้ว่า

“เมื่อกษัตริย์ผู้สวมมงกุฎแห่งเทพมาเยือนเสียงเรียกจะทำให้หมอกคุ้มภัยจงหาย...เมื่อถึงเวลานั้น วลาหกจะเสียแก้วตาไป แต่จะได้ดวงใจของเวียงพูคำกลับคืนมา...”

วลาหกมีพ่อใหญ่เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน พ่อใหญ่มีลูกสาวแสนสวยแต่จอมแก่นแสนทะโมนชื่อสร้อยที่พ่อใหญ่รักปานดวงใจ พ่อใหญ่จัดให้จ่อยลูกชายไกสอนเพื่อนสนิท เป็นคนติดตามดูแลสร้อยไม่ให้ไปก่อเรื่องมีปัญหากับใคร แต่ความจริงกลายเป็นสร้อยต้องคอยช่วยเหลือจ่อยที่เงอะงะซุ่มซ่ามตามสร้อยไม่ทันทุกสถานการณ์

วันนี้ขณะจ่อยตามสร้อยไปในป่าก็ทะเล่อทะล่าไปเหยียบแร้วของชาวบ้าน ถูกแร้วดีดขึ้นไปห้อยต่องแต่งอยู่บนกิ่งไม้จนสร้อยต้องใช้หน้าไม้ยิงเชือกขาด จ่อยหล่นตุ้บลงมา พลันทั้งสองก็มองหน้าก้นอึ้งเมื่อได้ยินเสียงผิดปกติต่างรีบหลบอย่างคล่องแคล่ว

สิ่งที่เห็นคือ ทหารเวียงพูคำ 4-5 คนเดินวนเวียนหาทางเข้าหมู่บ้านวลาหก สร้อยกุมหน้าไม้อาวุธประจำกายแน่นกระซิบบอกจ่อย “เตรียมตัว! ถ้าพวกมันข้ามขอนไม้นั่นมา ก็ลงมือได้เลย”

พวกทหารถามกันเองว่าทางเข้าหมู่บ้านอยู่ไหน อีกคนบอกว่าเมื่อกี้ยังเห็นอยู่มันหายไปไหนแล้ว อีกคนชี้ไปข้างหน้าบอกว่าน่าจะไปทางโน้น...แล้วพวกมันก็พากันถอยไป

“มนต์หมอกของแม่เฒ่ากำลังจะเสื่อมแล้วจริงๆ” สร้อยพึมพำ เมื่อเห็นมวลหมอกที่อำพรางหมู่บ้านปรากฏขึ้นแล้วจางหายไป สร้อยกังวลใจว่าพวกทหารเวียงพูคำจะเข้ามาในหมู่บ้านวลาหกได้ รีบกลับไปหมู่บ้านทันที

ooooooo

ที่โขงอีกฝั่ง...ชายเล็กที่รักการเดินป่าและถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ ถ่ายรูปโขงฝั่งโน้นหลายรูป ถามบุญโฮม ว่าเราจะข้ามไปฝั่งโน้นได้ไหม ตนอยากไปถ่ายรูป

“อย่าเลยครับคุณชาย สถานการณ์ในเวียงพูคำยังวุ่นวายอยู่ ตั้งแต่นายพลเซกองขึ้นปกครองประเทศ บ้านเมืองก็ไม่เคยสงบสุข ชาวเวียงพูคำอยู่อย่างลำบากยากแค้น อพยพข้ามมาไทยไม่เว้นแต่ละวัน จนทหารเวียงตามไล่ล่าจับตัวกลับไปไม่หวาดไม่ไหว”

ชายเล็กถามว่าทำไมหรือ บุญโฮมเล่าว่า เพราะนายพลเซกองกลัวพวกนั้นจะมาส้องสุมกับกลุ่มกำลังกู้ชาติทางนี้ เล่าอย่างคนติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดว่า

“มีข่าวลือหนาหูเหลือเกินว่า หลังจากที่เจ้าหลวงสุริยวงศ์ถูกโค่นบัลลังก์เมื่อสิบกว่าปีก่อน ก็ได้หนีข้ามมาฝั่งไทย และได้รวบรวมกองกำลังเพื่อจะกลับไปกอบกู้เวียงพูคำกลับคืน”

บุญโฮมยังเล่าว่า เวลานี้ชาวเวียงพูคำกำลังเรียกร้องให้เจ้าหลวงสุริยวงศ์กลับมา เพราะทนความเผด็จการของนายพลเซกองไม่ไหว ทำให้นายพลเซกองกลัวถูกโค่นอำนาจ รู้ข่าวชาวเวียงพูคำรวมตัวกันที่ไหนก็สั่งทหารไปทลาย เตือนชายเล็กว่า

“ถ้าหากคุณชายเจอะเจอไอ้พวกทหารเวียง ก็อย่าไปยุ่งกับพวกมันเชียว ไอ้พวกนี้มันกร่าง เดี๋ยวจะมีเรื่องกันเปล่าๆ”

ชายเล็กฟังอย่างไม่สนใจนัก แต่กลับสนใจเวียง-พูคำที่อยู่โขงฝั่งโน้น...

ooooooo

สร้อยกลับมาเจอพ่อใหญ่นั่งโขกหมากรุกอยู่กับไกสอน สร้อยวิ่งพรวดเข้าไปเล่าว่า

“พ่อใหญ่! พวกทหารเวียงมันมาป้วนเปี้ยนแถวทางเข้าหมู่บ้านเราอีกแล้ว” ถามอย่างร้อนใจรบเร้าว่าจะทำอย่างไร? ให้ตนไปจับพวกมันเลยดีไหม? คนจะได้เล่าลือกันว่าแถวนี้เป็นป่าอาถรรพณ์ ทหารเวียงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ต่อไปจะได้ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้หมู่บ้านเราอีก

พ่อใหญ่ถามว่าตอนนี้พวกทหารเวียงอยู่ไหน สร้อยบอกว่ามันหาทางเข้าหมู่บ้านไม่เจอ เลยไปที่อื่นแล้ว

“คืนนี้พวกมันต้องไปพักแรมที่ข้างลำธารแน่ พ่อใหญ่ให้คนไปกับข้อยสักสองสามคน” สร้อยเร่งเร้า

พ่อใหญ่ไม่ให้ไป บอกว่าพวกนั้นไปแล้วก็แล้วไปห้ามสร้อยทำอะไรทั้งนั้น ย้ำว่า

“หน้าที่ของเจ้าคือการเรียนหนังสือกับแฮรี่ ห้ามเจ้าเฮ็ดสิ่งใดนอกเหนือคำสั่งพ่อ ไปได้แล้ว”

สร้อยผิดหวังมากวิ่งผละไปเลย จ่อยวิ่งตามแทบไม่ทัน ส่วนพ่อใหญ่กับไกสอนก็หันมาเล่นหมากรุกกันต่อ โดยมีแฮรี่ทหารในราชอาณาจักรเวียงพูคำที่จงรักภักดีกับพ่อใหญ่และมีหน้าที่สอนภาษาอังกฤษแก่สร้อย เข้ามานั่งหารือด้วย

“ดูเหมือนคำทำนายของแม่เฒ่าจะใกล้ความจริงขึ้นทุกที” แฮรี่เอ่ยขึ้น

“นั่นน่ะซิ ไม่เคยมีใครเข้ามาใกล้หมู่บ้านเฮาได้ขนาดนี้ ถ้ามนต์หมอกของแม่เฒ่าปกป้องหมู่บ้านวลาหกบ่ได้อีกต่อไป เฮาคงต้องไปอยู่ที่อื่นล่ะมั้ง” ไกสอนเสนอ

“เตรียมการอพยพไว้ได้เลย..” พ่อใหญ่หมดอารมณ์เล่นหมากรุก ยันตัวลุกขึ้นยืนด้วยขาข้างเดียวเพราะขาซ้ายขาด “เฮาเสียดวงใจไปแล้ว เฮาบ่ยอมเสียดวงตาไปอีกเป็นอันขาด ครั้งนี้เฮาจะหนีเป็นครั้งสุดท้าย ครั้งต่อไปเฮาจะต้องได้กลับเวียงพูคำบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเฮา!” สีหน้าแววตาของพ่อใหญ่มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวมาก

ooooooo

ฝ่ายสร้อยวิ่งไปยิงหน้าไม้ระบายอารมณ์ใส่ตุ๊กตาฟางจนพรุนไปหมด ประกาศจะไม่ยอมอยู่เฉยๆให้ทหารเวียงมาฆ่าเล่นได้ จ่อยถามว่าสร้อยเป็นผู้หญิงจะไปทำอะไรได้นักหนาเชียว

“เป็นผู้หญิงแล้วเป็นจังได๋ ข้อยเก่งเรื่องสู้รบบ่แพ้ ผู้ชายคนใด ข้อยบ่ยอมอยู่เฉยๆแน่ ที่เฮาต้องบ้านแตกสาแหรกขาดแม่ก็มาตาย พ่อต้องพิการก็เพราะไอ้เซกองผู้เดียว ในเมื่อมันบ่ยอมปล่อยให้พวกเฮาอยู่อย่างสงบสุข ข้อยก็บ่ปล่อยมันเหมือนกัน ไอ้เซกอง! ไอ้คนขายชาติ!!” ด่าแล้วยิงหน้าไม้อีก ลูกดอกปักฉึกกลางหัวใจตุ๊กตาฟางอย่างแม่นยำ!

ooooooo

ไปถึงบ้านพัก ชายเล็กได้รับการต้อนรับจาก ผอ.วิชัยอย่างให้เกียรติมาก จนชายเล็กขอร้องว่าได้โปรดปฏิบัติต่อตนเหมือนเจ้าหน้าที่วิศวกรคนอื่นๆ เถิด

วิชัยขอได้วางใจว่าตนไม่เลือกปฏิบัติแน่ บอกให้ชายเล็กพักสักสองสามวันค่อยเริ่มงานก็ได้ แต่ชายเล็กขอเริ่มงานวันนี้เลย ชายเล็กกระตือรือร้นมากจนวิชัยเอ่ยชมกับบุญโฮมว่า “ท่าทางขยันขันแข็งดีนะ”

“คนหนุ่มไฟแรงก็อย่างนี้แหละครับท่าน ผอ. แต่คนเป็นเจ้าเป็นนายจะทำงานหนักๆ ไหวเร้อ วันนี้ผมว่าไม่เกินครึ่งวันก็หมดแรงแล้วล่ะครับ” บุญโฮมคาดเดาตามสายตา

แต่เมื่อชายเล็กแบกเครื่องมือไปวัดถนนท่ามกลางฝุ่นแดงและแสงแดดจ้า จนเหงื่อโชกเสื้อแต่ก็ไม่ย่อท้อ ทั้งยังพูดอย่างมีความสุขกับงานว่า

“ในที่สุด ฉันก็ได้ทำในสิ่งที่ฝันไว้ ฉันได้ทำงานตอบแทนแผ่นดินเกิดของฉันเสียที”

ชายเล็กทำงานอย่างไม่กลัวความเหน็ดเหนื่อย จนบุญโฮมที่คอยติดตามเป็นผู้ช่วยแทบหมดแรง เมื่อทำงานเสร็จชายเล็กยังแบกเครื่องมือกลับเอง ทั้งยังถามบุญโฮมที่ท่าทางอ่อนล้าว่า เดินกลับไหวไหม

“ไม่ไหวก็ต้องไหวล่ะครับ”

“เดี๋ยวไปกินข้าวเย็นกัน ฉันเลี้ยงเอง งบไม่อั้น” ชายเล็กตบบ่าบุญโฮมขำๆ อย่างเป็นกันเอง

“งั้นเราต้องไปร้านพรานเจ้ยกัน เป็นร้านเหล้า เอ๊ย...ร้านข้าว ที่เด็ดดวงที่สุดของที่นี่เลยครับ เชิญครับคุณชาย” บุญโฮมกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาฉับพลัน เดินนำไปที่รถ ชายเล็กขอขับไปเองพูดขำๆ ว่าขืนให้บุญโฮมขับอาจไปถึงพรุ่งนี้เช้า

ที่ร้านพรานเจ้ยนี้ นอกจากบุญโฮมจะแนะนำอาหารอร่อยแล้วยังกระซิบบอกว่าลูกสาวพรานเจ้ยยังสวยสะเด็ดด้วย บุญโฮมพูดเสียจนชายเล็กอยากเห็น ก็พอดีลูกสาวพรานเจ้ยออกมา บุญโฮมบอกอย่างตื่นเต้นว่า

“นั่นไงครับคุณชาย...นั่นล่ะครับ จันทา ลูกสาวของพรานเจ้ยเจ้าของร้านนี้”

ชายเล็กมองไปสบตากับจันทาพอดี ต่างมองกันอึ้ง จนจันทาหลบสายตาเขินๆไปแล้ว ชายเล็กก็ยังมองไม่วางตา...

ooooooo

ระหว่างที่ชายเล็กมาทำงานที่หนองคายนั้น ทางหม่อมเอียดกับย่าอ่อนก็รบเร้าเคี่ยวเข็ญให้ชายใหญ่ตามชายเล็กกลับมา และให้ชายเล็กขอย้ายกลับมาโดยเร็วด้วย

ชายใหญ่ขอให้ให้เวลาแก่ชายเล็กในการทำงาน พัฒนาประเทศสมกับความหวังที่ตั้งไว้ ย่าเอียดติงว่าเรื่องแต่งงานก็สำคัญไม่น้อยกว่าหน้าที่การงาน ขอให้ชายเล็กกลับมาแต่งงานก่อนแล้วค่อยไปใหม่ย่าก็จะไม่ว่าอะไร

ทั้งชายใหญ่และชายพีร์พยายามหว่านล้อมให้ หม่อมเอียดกับย่าอ่อนให้เวลาแก่ชายเล็ก จนหม่อมเอียดสั่งว่า

“ชายใหญ่ ชายภัทร ติดต่อชายเล็กให้ได้เร็วที่สุด แล้วบอกไปว่า ย่าสั่งให้ชายเล็กกลับมาทันที!”

ooooooo

ขณะชายเล็กกับบุญโฮมกินอาหารกันอยู่ที่ร้านพรานเจ้ยนั้น มีทหารเวียง 3 คน เดินกร่างเข้ามาสั่งอาหาร ทั้งยังจะให้จันทามานั่งเป็นเพื่อนด้วย ไม่พูดเปล่ายังแสดงความกักขฬะลูบไล้มือจันทาไปมา

ชายเล็กเห็นพฤติกรรมนั้น บอกบุญโฮมให้ช่วยจับตาพวกทหารเวียงด้วย เพราะดูท่าทางไม่น่าไว้ใจ แต่บุญโฮมเมาฟุบไปกับโต๊ะแล้ว และที่โต๊ะทหารเวียงก็เหลือนั่งอยู่คนเดียว ชายเล็กกวาดตามองอย่างสงสัย ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงจันทาร้องขอความช่วยเหลือมาจากหลังร้าน

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ มีหรือจะทนเห็นหญิงสาวถูกรังแกได้ ชายเล็กลุกไปช่วยจันทาพ้นจากการถูกฉุดคร่า แม้จะสู้ด้วยมือเปล่ากับพวกทหารเวียงถึง 3 คน ที่มีอาวุธครบมือ โดยมีพรานเจ้ยช่วยกระหน่ำมันอีกคน จนในที่สุดพวกมันแม้จะมีอาวุธแต่ทั้งอ่อนหัดและเมา ถูกเล่นงานจนทรุดกองกับพื้น

พรานเจ้ยกอดจันทาไว้ ขอบคุณชายเล็กและถือว่าเป็นบุญคุณอย่างยิ่งที่ช่วยชีวิตลูกสาวตนไว้

“ถ้าผมไม่ได้พรานเจ้ย ผมก็คงจะตายไปแล้วเหมือนกัน ไม่มีใครมีบุญคุณกับใครหรอกครับ” ชายเล็กพูดอย่างถ่อมตน พรานเจ้ยบอกชายเล็กว่าถ้ามีอะไรจะให้ตนรับใช้ได้ให้บอกตนยินดีเต็มใจทำให้ “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกครับ บุญโฮมบอกว่า พรานเจ้ยเชี่ยวชาญเรื่องการเดินป่า ผมเองเป็นคนชอบเที่ยวป่า พรานเจ้ยพอจะช่วยนำทางให้ผมได้ไหมครับ”

พรานเจ้ยบอกว่ายินดี อยากล่าอะไรให้บอกมาตนจะได้พาไปได้ถูกแหล่ง ชายเล็กบอกว่าตนไม่ชอบล่าสัตว์แต่ชอบเที่ยวป่าเฉยๆ เอ่ยปากอย่างมีความหวังว่าชวนไปกันเยอะๆ สนุกดี เจาะจงให้ชวนจันทาไปด้วย

“จันทาต้องเฝ้าร้านน่ะครับ เราไปกันพรุ่งนี้เลยดีไหมครับคุณชาย” พรานเจ้ยไหวตัวกันจันทาไว้อย่างแนบเนียน แต่ขณะเดินกลับชายเล็กผ่านจันทาแอบชวนเบาๆ

“หาทางไปให้ได้นะ เราจะได้เจอกันอีก”

ooooooo

รุ่งขึ้น ขณะชายเล็กจะออกเดินทาง บุญโฮมเอาโทรเลขมาให้ ชายเล็กเดาได้ว่าเรื่องอะไร นอกจากไม่อ่านแล้วยังฝากให้ช่วยตอบไปด้วยว่าไม่กลับ!

เมื่อไปถึงร้านพรานเจ้ยตามนัด ก็ดีใจสุดๆ เมื่อเห็นจันทาไปด้วย พรานเจ้ยบอกว่าไม่วางใจที่จะให้จันทาอยู่ร้านคนเดียวเกรงพวกทหารเวียงจะมารังแกอีก

ชายเล็กออกเดินทางอย่างตื่นเต้นดีใจ เดินนำไปลิ่วๆ ราวกับชำนาญป่ามาก จนกระทั่งเดินข้ามขอนไม้ใหญ่ไปในป่าอาถรรพณ์ พรานเจ้ยกับลูกหาบจำต้องเดินตามไป พรานเจ้ยหว่านล้อมว่าทางนี้ไม่มีอะไรมีแต่ป่ารกชัฏเรากลับไปทางเดิมดีกว่า แต่ชายเล็กกลับเสนอให้พักค้างคืนตรงนี้เลย พูดทีเล่นทีจริงว่า

“ผมไม่เชื่อว่าป่าแถวนี้เป็นป่าอาถรรพณ์หรอกครับ ถ้าใช่ก็ดี คืนนี้เราจะได้พิสูจน์ดูว่ามันจะอาถรรพณ์ยังไง”

ทับทิมที่สังเกตการณ์อยู่แถวทางเข้าหมู่บ้าน เห็นคนแปลกหน้าเข้ามารีบวิ่งไปรายงานพ่อใหญ่ เจอสร้อยซ้อมมวยอยู่กับจ่อย สร้อยถามว่ามีอะไร ทับทิมไม่ยอมบอกเลยถูกสร้อยขยุ้มคอเสื้อเข้าไปขู่ว่าถ้าไม่บอกเจ็บตัวแน่!

ดังนั้น...คืนนี้สร้อยกับจ่อยจึงมาปีนต้นไม้แอบดูการตั้งแคมป์พักแรมของพวกพรานเจ้ย สร้อยเห็นว่าไม่ใช่พวกทหารเวียงแต่ก็ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา จ่อยเชื่อว่าเป็นคนเมืองที่มาเที่ยวป่าเท่านั้นไม่มีอะไร ชวนสร้อยกลับกันดีกว่า

“ข้อยบ่กลับ ผู้บ่าวคนนี้บ่ได้มาดี ข้อยต้องจับตาเบิ่งมันไว้” สร้อยจ้องชายเล็กที่นั่งอยู่ข้างกองไฟมองไปรอบๆ อย่างไม่ไว้ใจ

ชายเล็กให้พรานเจ้ยกับลูกหาบไปนอนตนจะอยู่ยามเอง ถ้าง่วงแล้วจะไปเรียก แต่นั่งอยู่ได้ไม่นานก็มีหมอกบางๆ ลอยมาแล้วค่อยหนาทึบขึ้น จนเขารู้สึกง่วง พยายามขืนตาอยู่ได้ครู่เดียวก็ล้มตัวนอนกับพื้น

ที่แท้สร้อยเป่ายาสลบจากปลายไม้จนชายเล็กหลับ จึงลงมาค้นกระเป๋าเพื่อดูบัตรประชาชนว่าเขาคือใคร แต่ชายเล็กรู้สึกตัวคว้ามือสร้อยไว้ จนกระเป๋าสตางค์กระเด็นไปในความมืด ชายเล็กพยายามลุกขึ้นถาม “แกเป็นใคร!” แต่ถูกสร้อยชกเปรี้ยงเดียวก็ล้มหมดสติไป

สร้อยกลับถึงบ้านถูกพ่อดุว่าสั่งอะไรไว้จำได้ไหม สร้อยอ้างว่าตนแค่ไปดูคนกลุ่มนั้นไม่ให้เข้ามาในหมู่บ้านเรา

“นั่นไม่ใช่หน้าที่ของเจ้า ห้ามเจ้าไปใกล้พวกมันอีก เข้าใจบ่! ถ้าเจ้าบ่เชื่อพ่อ คราวนี้พ่อจะลงโทษเจ้าให้หนัก!”

สร้อยไม่เถียงแต่ทำหน้ารั้นอย่างไม่พอใจที่ถูกพ่อห้ามในสิ่งที่ตนทำเพื่อปกป้องหมู่บ้าน

ooooooo

รุ่งขึ้นพวกลูกหาบนอนหลับกันเป็นตายจนพรานเจ้ยต้องเดินปลุกจึงตื่น ลูกหาบงัวเงียขึ้นคนหนึ่งถามว่าเกิดอะไรขึ้น อีกคนโพล่งว่า บอกแล้วว่าป่านี้มีอาถรรพณ์

ชายเล็กแย้งว่าไม่ใช่เรื่องอาถรรพณ์แต่เมื่อคืนมีคนบุกรุกเข้ามา และไม่ใช่ผีสางแน่มันเป็นคนธรรมดาเหมือนเรานี่แหละ บอกทุกคนว่า

“ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเป็นใคร ถ้ามันเป็นโจร แล้วโจรที่ไหนถึงมาปล้นคนกลางป่าอย่างนี้?”

พรานเจ้ยไม่สบายใจชวนกลับกันดีกว่า ชายเล็กยืนยันว่าเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ใช่เรื่องอาถรรพณ์แต่เป็นฝีมือมนุษย์ ตนเกือบจับตัวมันได้แล้วด้วยซํ้า จะไปกลัวอะไร พรานเจ้ยเอะใจว่า หรือที่เขาเล่าลือกันว่ามีพวกชาวเวียงพูคำหนีมาซ่อนตัวในป่านี้จะเป็นเรื่องจริง ชายเล็กฟังแล้วพูดสบายๆ ว่า

“ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ชาวเวียงพูคำอพยพข้ามมาไม่ขาดสาย ก็คงจะมีบางส่วนกระจัดกระจายมาอยู่ป่าบ้าง”

“แต่เขาว่าชาวเวียงพูคำที่มาซ่อนตัวอยู่ในป่า เป็นกองกำลังกู้ชาตินะครับคุณชาย แล้วผู้นำกองกำลังกู้ชาติก็คือเจ้าหลวงเวียงพูคำ!”

ฟังพรานเจ้ยแล้ว ทำให้ชายเล็กยิ่งสนใจเรื่องราวเหล่านั้นมากขึ้น รบเร้าพรานเจ้ยให้เล่าต่อ

“ว่ากันว่า ตอนที่นายพลเซกองก่อการกบฏ เจ้าหลวงได้หนีตายข้ามมาที่ฝั่งไทย มีนายทหารและประชาชนที่จงรักภักดีตามมาด้วย และแอบซ่องสุมกำลังเพื่อจะกลับไปกอบกู้บ้านเมืองคืน”

“เขาว่า...เจ้าหลวงพารัชทายาทกับพระธิดาหนีมาด้วยจ้ะ” จันทาเสริม

ชายเล็กพูดขำๆ ว่าฟังแล้วเหมือนนิทานหลอกเด็กมากเกินไป ในป่านี้อาจมีชาวเวียงพูคำหนีมาหลบซ่อน แต่ถึงขนาดมีเจ้าหลวงลี้ภัยมาด้วยมันเป็นไปไม่ได้แน่

ooooooo

ที่วังจุฑาเทพ หม่อมเอียดร้อนใจที่ยังไม่ได้ข่าวชายเล็กจนชายใหญ่กับชายพีร์ต้องปลอบให้ใจเย็นๆ เพราะเพิ่งส่งโทรเลขไปเมื่อวานนี้เอง

ไม่ทันไร สมศรีก็เข้ามาบอกว่ามีแขกมาขอพบ พอออกไปจึงเห็นดารณีนุชกับศินีนุชมารออยู่ ทั้งคู่มาถามความคืบหน้าเรื่องชายเล็ก หม่อมย่าบอกว่าชายเล็กยังไม่กลับ แต่คิดว่าอีกสองวันคงจะกลับ

ชายใหญ่ให้ความหวังว่าชายเล็กต้องกลับมาแน่เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง ดารณีนุชเร่งรัดให้รีบตามตัวชายเล็กกลับมาให้เร็วที่สุด กลับมาเมื่อไรให้จัดงานหมั้นทันที คนเขาจะได้เลิกพูดถึงชายเล็กในแง่เสียๆหายๆเสียที พูดแล้วรวบรัดตัดบทว่า เอาตามนี้ก็แล้วกัน แล้วสองแม่ลูกก็ลากลับ

ส่วนชัชวีร์กลับมาเก็บเสื้อผ้าที่วังกิตติวงศ์เพื่อจะไปอยู่ที่กองบินฯอย่างถาวร ถูกอนุพันธ์ติงว่า อยากให้กลับมาอยู่บ้านเพราะเขาก็มีสิทธิ์เท่าๆกับศินีนุชเหมือนกัน

แต่ชัชวีร์เจียมตัวว่าแม่ตนเป็นใครก็ไม่รู้ พ่อก็ไม่ยอมบอก ตนไม่รู้แม้แต่ชื่อแม่ ตนรู้ฐานะของตัวเองดีจึงรู้ว่าควรจะวางตัวเองไว้ตรงไหน เขาตัดสินใจหิ้วกระเป๋าเดินออกไป แต่ไม่ทันพ้นวังก็เจอชายพีร์มาดักด้วยท่าทีร้อนใจ มาชวนให้ไปหาชายเล็กกัน ชัชวีร์ปฏิเสธ แต่ถูกชายพีร์หักคอ บอกว่าตนลางานให้แล้ว พรุ่งนี้ไปด้วยกันเลย ยํ้าขึงขังว่า

“เราต้องตามตัวชายเล็กให้เจอก่อนคนอื่น พาพี่ชายเล็กหนีไปหลบที่ไหนสักสามสี่เดือน น้องนุชทนคำครหาไม่ไหวรับรองต้องรีบหาคู่หมายใหม่แก้หน้าแน่นอน ว่าไงแผนของฉันยอดไหมล่ะ”

“เออ แผนของนายยอดเยี่ยมมาก ได้ ฉันจะช่วยนาย ดีเหมือนกันฉันก็อยากเห็นเพื่อนเป็นฝั่งเป็นฝาเต็มทีเหมือนกัน”

ชายพีร์ตกใจถามว่าใครบอกว่าตนจะแต่งงาน ชัชวีร์ชี้ว่า เมื่อชายเล็กรอดพ้นจากการแต่งงาน คนต่อไปก็คือเขา พูดหยอกว่า “น้องวิไลรัมภานี่ น่ารักช่างฉอเลาะ นางในฝันของนายเลยนี่ เหมาะสมกับนายไม่เบา ยินดีล่วงหน้านะเพื่อน”

ชายพีร์มึน เพราะมุ่งแต่จะช่วยชายเล็กจนลืมนึกถึงผลกระทบที่ตามมาถึงตัวเองเสียสนิท!

ooooooo

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด