ตอนที่ 6
โรงเรียนอนุบาลกำลังจะเลือกตั้งประธานนักเรียนคนใหม่แทนคนเก่าที่เพิ่งย้ายไป ไข่ตุ๋นกับข้าวตูอยากได้ตำแหน่งนี้จึงกลับมาบอกเล่าแก่ผู้ปกครองของตน
แน่นอนว่าณนนท์กับยี่หวาต่างก็อยากให้ลูกของตนสมหวัง สองฝ่ายจึงกลายเป็นคู่แข่งคนสำคัญ ซึ่งทุกคนในครอบครัวก็ร่วมแรงร่วมใจกันเต็มที่ ต่างทำทุกวิถีทางจนลืมนึกถึงกฎกติกามารยาท เป็นเหตุให้เด็กทั้งคู่มีคะแนนแพ้เพื่อนอีกคนไปอย่างน่าเสียดาย
กลับถึงบ้านเย็นนั้น ณนนท์ที่ตั้งความหวังเอาไว้มากก็ยังบ่นไม่เลิก
“กะว่าชนะเลือกตั้งแบบนอนมาแล้วเชียว ไม่น่าแพ้เลย”
“ไม่เห็นเป็นไรเลยค่ะพ่อ ครูของไข่ตุ๋นสอนว่าการแข่งขันต้องมีคนแพ้คนชนะเป็นเรื่องธรรมดา”
ฟังคำหลานสาวแล้ว เท่งหัวเราะชอบใจ “ไง...
โดนลูกสอนเข้าให้แล้วเจ้านนท์”
“ผมก็ชักจะไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อเป็นลูกแล้วล่ะครับพ่อ”
“แต่ไข่ตุ๋นรู้ค่ะ พ่อเป็นพ่อ ไข่ตุ๋นเป็นลูก ไข่ตุ๋นเชื่อฟังพ่อ แล้วพ่อก็เชื่อฟังไข่ตุ๋น ถูกมั้ยคะปู่”
“เออๆ ถูกๆ แล้วปู่ล่ะ”
“ไข่ตุ๋นเชื่อฟังปู่ แล้วก็รักปู่มากที่สุดในโลกเลย” พูดเสร็จเด็กหญิงก็กอดหอมปู่เป็นการยืนยัน
ooooooo
ความสัมพันธ์ของณนนท์กับยี่หวานับวัน
จะดีขึ้น แต่แล้ววันนี้ประชุมกับลูกค้าคนหนึ่งก็มีเหตุให้ยี่หวาต้องบอกลา เธอไม่ขอร่วมงานกับบริษัทของณนนท์อีก
“อะไรของคุณ ถอนตัวเรื่องอะไรครับ”
“ฉันจะไม่ทำงานกับบริษัทของคุณอีกต่อไป”
“เหตุผล?”
“เพราะฉันไม่ชอบการใช้วิธีสกปรกของคุณ”
“วิธีสกปรกของผม?”
“ก็เรื่องที่คุณติดสินบนใต้โต๊ะเพื่อให้ได้งานประมูลไงล่ะ”
“นี่มันธุรกิจนะคุณ ไม่ใช่เลือกตั้งอนุบาล ไอ้เรื่องค่าน้ำร้อนน้ำชานี่มันมีมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์แล้ว”
“นั่นไง มันก็คือสิ่งที่คุณเอาไปสอนลูก สอนให้โกงเลือกตั้ง ฉันรับไม่ได้”
“โอ๊ย คุณจะไปจริงจังอะไรนักหนา เลือกตั้งอนุบาลมันก็จบไปแล้ว ถ้าคุณรับไม่ได้คุณก็ไม่ต้องรับรู้ คุณทำงานของคุณไป ผมก็ทำงานของผม โอเคมั้ย”
“ไม่โอเค ฉันขอไม่ทำงานกับคนอย่างคุณ”
“คิดเหรอว่าผมจะง้อ...เชิญ”
ยี่หวาเชิดหน้าเดินออกจากห้อง ณนนท์อารมณ์เสีย บ่นออกมาอย่างหงุดหงิด
“ร้านต้นไม้มีร้านเดียวในโลกซะเมื่อไหร่กัน”
ตกเย็นเขากลับบ้านไปบ่นให้พ่อฟัง พ่อเลยตักเตือนด้วยความหวังดีว่า
“แกอย่าลืมนะนี่เป็นจุดขายของบริษัทแกที่จัดงาน จัดต้นไม้ดอกไม้ในงานตามหลักฮวงจุ้ย”
“มันก็จริงครับพ่อ แต่ต่อให้เหลือเจ้าเดียวในโลกผมก็ไม่ง้อเขาหรอก เพราะผมมีนี่...” ณนนท์หยิบหนังสือฮวงจุ้ยเล่มใหญ่ขึ้นมาโชว์
“แน่ใจนะว่าจะอ่านหมดนี่”
“ของอย่างนี้ยากที่ไหน จำเขามาทั้งนั้นแหละครับ”
“แต่งานมันอีกไม่กี่วันแล้วนะ แกจะอ่านทันเหรอ”
“ยังไงก็ต้องทันครับ” ณนนท์สีหน้ามุ่งมั่น อยากเอาชนะยี่หวาให้ได้ โดยสุดยอดก็ช่วยพี่ชายอีกแรง หาหนังสือแนวนี้มาให้จำนวนมาก แต่เท่งเห็นแล้วเกรงว่าลูกชายจะเข้าตำรา “ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด”
ooooooo
วันต่อมา สุดยอด ว่าน นัท ตกอกตกใจกันใหญ่เมื่อเข้าบริษัทแล้วเห็นพี่ยิ่งจะโดดหน้าต่างฆ่าตัวตาย ทุกคนต้องช่วยกันห้ามอยู่นาน โดยไม่รู้ ว่าเป็นแผนของพี่ยิ่งที่ต้องการกดดันให้สุดยอดไปง้อยาหยีกลับมาทำงาน
ฝ่ายณนนท์ที่อวดเก่งไม่ง้อยี่หวา วันนี้ก็เจอปัญหากับตัวเข้าแล้ว เพราะความไม่ถนัดการจัดสวนทำให้งานออกมาไม่ค่อยถูกใจลูกค้า ทั้งลูกค้าก็ยังยื่นคำขาดอีกด้วยว่า
“งานนี้ผมจ้างบริษัทคุณก็เพราะความสามารถเฉพาะตัวของคุณยี่หวา คุณต้องไปเอาคุณยี่หวากลับมาให้ได้ ไม่งั้นก็ไม่มีงานหน้าสำหรับบริษัทคุณอีก เข้าใจมั้ย”
ณนนท์ถึงกับหน้าซีด สุดแสนจะหนักใจ...
ทางด้านยี่หวาที่ตระเตรียมต้นไม้เอาไว้จำนวนมากสำหรับงานนั้น ไหนจะของที่ระลึกอีกตั้งเยอะ เมื่อต้องมายกเลิกเพราะแตกคอกับณนนท์ สิ่งของพวกนี้เลยไม่รู้จะเอาไปทำอะไร
ยี่หวาคิดหาทางออกครู่หนึ่งก็ปิ๊งไอเดีย “เอางี้ดีมั้ย เราลองเอาไปเหมาขายให้แม่ค้าที่ตลาดต้นไม้ถูกๆ อย่างน้อยได้เงินมานิดหน่อยก็ยังดีกว่าปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้”
“แล้วของที่ระลึกจะเอายังไง”
“เรื่องของที่ระลึก หยีจัดการให้เองค่ะแม่”
ooooooo
เมื่อเช้าเพิ่งจะวางแผนฆ่าตัวตายเพื่อให้สุดยอดไปง้อยาหยีกลับมาทำงาน แต่ก็ไม่สำเร็จ พอตกบ่ายยังมีเรื่องให้พี่ยิ่งต้องปวดหัวหนักขึ้นไปอีก เมื่อได้รับการติดต่อจากทางสถานีโทรทัศน์ที่ตนทำรายการอยู่ ต้องการ ให้ยิ่งทำเพิ่มอีกหนึ่งรายการแต่ต้องมียาหยีร่วมด้วย ไม่งั้นจะไม่อนุมัติ
พี่ยิ่งอุตส่าห์คุกเข่าขอร้องสุดยอด โดยที่ว่านกับนัทก็ร่วมด้วยช่วยกัน แต่สุดยอดก็ยังปฏิเสธเหมือนเดิม ครั้นบ่ายแก่ๆ ต้องออกไปถ่ายรายการที่ตลาดนัดแห่งหนึ่ง ไม่นึกว่าพวกสุดยอดจะมาเจอยาหยีนั่งขายของที่ระลึกชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่ที่นี่ด้วย
“เดี๋ยวนี้ตกอับถึงขนาดมานั่งขายของเก่ากินแล้วเหรอครับคุณยาหยี” สุดยอดทักถามด้วยลีลากวนโอ๊ย
“ฉันไม่ได้ขายของเก่า แต่มันเป็นผลงานที่มาจากหนึ่งสมองสองมือ เพราะฉันไม่ได้เกิดมามีหน้าหล่อๆสวยๆแล้วคิดว่าตัวเองเป็นเทวดาเหนือกว่าคนอื่น”
ว่านกับนัทอึ้งกิมกี่ ก่อนหันมากระซิบกระซาบกันว่า
“โห...ไอ้ยอดซัดลูกซองไปนัดเดียว น้องหยีรัวปืนกลกลับมาเป็นชุด”
“ข้าว่าเรียกเฮียป่อมารอเก็บศพเหอะ”
แต่สุดยอดหาได้หวั่นเกรง กลับยิ่งแกล้งยียวนกวนประสาทเธอต่อไป
“ท่าทางเก็บกดนะเนี่ย เป็นอะไรมากรึเปล่า”
“คุณน่ะแหละ เป็นอะไรมากรึเปล่า ถอยไป ชิ้วๆ อย่ามาเกะกะหน้าร้านฉัน”
สุดยอดฉุกคิดบางอย่างได้ แกล้งตบมือเสียงดังเรียกบรรดาแฟนคลับของตน ชั่วพริบตาเดียวแฟนคลับก็กรูเข้ามาห้อมล้อมขอลายเซ็นสุดยอด
“ยืนกันซะเต็ม แล้วหยีเค้าจะขายของได้เหรอวะ” ว่านบ่น
ยาหยีมองสุดยอดกับบรรดาแฟนคลับอย่างเจ็บใจ ก่อนปรี่ไปยังร้านขายซีดีเพลงที่อยู่ข้างๆ ไม่ช้าเสียงเพลงสนุกเร้าใจก็ดังกระหึ่มขึ้น ยาหยีกลับมาคว้าแขนสุดยอดให้เต้นไปด้วยกัน ส่วนแฟนคลับก็ชอบใจปรบมือเชียร์กันลั่น นี่เองทำให้ผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจ ยาหยีจึงถือโอกาสนี้ขายของที่ระลึกได้เงินใส่กระเป๋าสบายใจ โดยที่สุดยอดหลงกลกลายเป็นเครื่องมือไปโดยปริยาย
ooooooo
เย็นนั้น ยี่หวากับณนนท์มาเจอกันโดยบังเอิญที่ปั๊มน้ำมัน พวกเขาทักทายกันไม่กี่คำก็ต่างคนต่างไป ไม่ยอมง้อกันและกันทั้งๆที่งานการธุรกิจของตนกำลังสะดุด โดยเฉพาะณนนท์ที่ถูกลูกค้ายื่นคำขาดเอาไว้แล้ว
เมื่อผู้ใหญ่ทะเลาะกัน เด็กอย่างไข่ตุ๋นกับข้าวตูก็พลอยไม่มีความสุข ทั้งคู่นั่งบ่นกันที่โรงเรียนขณะรอผู้ปกครองมารับ
“แม่เรากับพ่อเธอทะเลาะกันอีกแล้วอ่ะไข่ตุ๋น”
“อาเรากับน้านายก็ด้วย เฮ้อ เด็กๆอย่างพวกเราทะเลาะกันแป๊บเดียวก็หายแล้ว แต่พวกผู้ใหญ่ทะเลาะกันนานเนอะ”
“แล้วเราจะช่วยให้เขาคืนดีกันยังไงดีล่ะ”
“ผู้ใหญ่เขาไม่ฟังเราหรอก เขาต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องของเด็ก”
“พวกผู้ใหญ่เขาไม่รู้ว่าเด็กอย่างเราก็มีหัวใจ”
“งั้นเราแกล้งไม่สบายกันดีมั้ย พ่อเรากับแม่นายจะได้รีบมา แล้วครูปราณีจะได้บอกให้สองคนคืนดีกัน”
“ทำอย่างงั้นเราก็กลายเป็นคนโกหกน่ะสิ”
“ถ้างั้นเราก็อย่าโกหก”
“ทำไงเหรอไข่ตุ๋น”
วิธีของไข่ตุ๋นก็คือแกล้งต่อยตีกับข้าวตู ครูปราณีไม่รู้อะไรรีบเข้ามาห้ามปราม แต่เด็กทั้งคู่ก็ไม่ยอมหยุด กระทั่งณนนท์กับยี่หวากระหืดกระหอบมาห้าม เด็กๆเลยย้อนยอกเข้าให้ว่า
“ทีพ่อไข่ตุ๋นกับแม่ข้าวตูยังไม่หยุดทะเลาะกันเลยค่ะ”
“ถ้าผู้ใหญ่เลิกทะเลาะกัน เราสองคนก็จะหยุดครับ”
“ครูขา...ครูบอกให้พ่อกับแม่ข้าวตูเลิกทะเลาะกันสิคะ”
ครูปราณียิ้มแหะๆ หันมองณนนท์กับยี่หวา “เอาไงกันดีคะคุณพ่อคุณแม่ หยุดทะเลาะกันซะทีดีมั้ยคะ เห็นแก่เด็กตาดำๆ”
ณนนท์กับยี่หวามองหน้ากันลังเล แต่แล้วทั้งคู่ก็เปล่งเสียงพร้อมกันว่า “ไม่มีทาง!” เด็กสองคนเลยโดดเข้าใส่ซัดกันอีกครา...
ปรากฏว่ากลับถึงบ้าน ณนนท์ต้องเอาน้ำแข็งประคบหัวไข่ตุ๋นที่ปูดโปน
“โอ๊ยพ่อ...เบาๆ ไข่ตุ๋นเจ็บค่ะ”
“ก็อยากซ่านักนี่นา วันหลังเกเรให้มันน้อยๆหน่อยสิลูก”
“งานนี้ต้องโทษผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ทะเลาะกันก็เลยพลอยทำให้เด็กวุ่นวายไปด้วย ชักจะไปกันใหญ่แล้ว”
“ผมรู้ครับพ่อ นี่ลูกค้าก็จะยกเลิกงานถ้าผมเอาตัวยี่หวากลับมาทำงานด้วยไม่ได้”
ณนนท์ถอนหายใจยาว เท่งพลอยหนักใจ พยายามครุ่นคิดหาทางออก
ooooooo
เพราะมัววุ่นวายอยู่กับลูก ยี่หวาจึงลืมไปรับน้องสาว ตามนัด ยาหยีนั่งรอพี่สาวที่ป้ายรถเมล์จนมืดค่ำหลังจากขายของที่ตลาดนัดเสร็จ
เมื่อเธอโทร.หาพี่สาวและรู้ว่ากลับถึงบ้านแล้วพร้อมข้าวตู เธอจึงตั้งใจจะนั่งแท็กซี่กลับเอง แต่จู่ๆ สุดยอดก็โผล่มาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทำให้เธอตกใจกรีดร้องลั่น
“ตกใจเหรอน้อง”
“เออ...ก็ตกใจน่ะสิ”
“ไปส่งให้เอาป่ะ”
“ไม่เอา ฉันกลับเองได้”
“ตามใจ เพราะไงก็มีคนมารอเป็นเพื่อนแล้วนี่”
สุดยอดชี้ไปข้างหลังยาหยีที่มีคนจรจัดหน้าตาน่ากลัวนั่งอยู่ พอเธอหันไปเห็นก็ลุกพรวด คว้าแขนสุดยอดวิ่งออกจากที่นั่นทันทีเลย
ขณะนั่งรถมากับเขา ยาหยีหิวจนท้องร้อง สุดยอดจึงแวะร้านบะหมี่ริมทาง แล้วก็ถือโอกาสเลียบๆเคียงๆถามเธอว่า
“ไม่คิดจะกลับไปทำรายการแล้วเหรอ อ๊ะๆๆ นี่ผมไม่ได้ง้อนะ ถามเฉยๆ อยากรู้”
“ไม่ทำ ถึงนายง้อฉันยังไง ฉันก็ไม่กลับไปทำ”
“อื้อหือ...อาร์ตตัวแม่ แน่ยิ่งกว่าซุปตาร์ตัวจริง”
“ก็ปากนายมันไม่มีหูรูดซะอย่างเงี้ย ฉันถึงไม่อยากกลับไปทำงานด้วย รู้ไว้ซะ”
“ปากผมไม่ดีตรงไหนล่ะ เห่าก็ดัง เฝ้าบ้านก็เก่ง ผู้หญิงที่ไหนเขาก็อยากเอาไปดูแลทั้งนั้นแหละ”
“ไม่น่าเชื่อ คนหลงตัวเองอย่างนี้ก็มีด้วย...เอ้า นี่เงิน ฉันเลี้ยง ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณคนประสาทอย่างนาย”
วางเงินไว้แล้วยาหยีก็วิ่งไปโบกแท็กซี่กลับบ้านเอง ครั้นเธอย่างก้าวเข้าประตูรั้วมา หลานชายตัวน้อยก็วิ่งออกมาถามคุณน้าคนสวยว่า เจ๊งแปลว่าอะไร?
“ไปเอาคำนี้มาจากไหนจ๊ะ”
“ข้าวตูได้ยินแม่บ่นว่าเจ๊งๆๆๆ แล้วล่องจุ๊นแปลว่าอะไรครับน้าหยี”
ยาหยีนิ่งอึ้ง มองเข้าไปในบ้านเห็นพี่สาวนั่งทำบัญชีหน้าเครียด พอแม่เดินออกมา เธอถามเสียงอ่อยๆว่า
“ถึงกับเจ๊งเลยเหรอคะแม่”
บุญเลื่องพยักหน้าแทนคำตอบ
ooooooo
สายวันใหม่ที่โรงเรียนลีลาศ เท่งกับบุญเลื่อง จับคู่เต้นรำ แล้วเกิดอุบัติเหตุหกล้มไปด้วยกันถึงขั้นต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล พอลูกๆแห่กันมาถึงก็ทะเลาะเบาะแว้งกันใหญ่ ขณะที่เท่งกับบุญเลื่องก็เถียงกันคอเป็นเอ็น กล่าวโทษกันและกันว่าเป็นต้นเหตุทำให้ล้มจนขาเดี้ยงเดินไม่ได้
ณนนท์เห็นท่าไม่ดี เอ่ยปากขอคุยกับยี่หวา โดยที่สุดยอดกับยาหยีก็เดินหน้าบึ้งตามมาด้วย
“ผมว่าเรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว”
“แล้วคุณจะเอายังไง”
“เราลดทิฐิกันคนละครึ่งดีมั้ย ตอนนี้ทุกคนต่างก็เดือดร้อน ไปหมด ทั้งลูก พ่อแม่ ทั้งงาน แล้วก็ตัวพวกเราเองด้วย คุณว่าดีมั้ย”
“ก็ดีค่ะ เซ็นสัญญาสงบศึกกันซะได้ก็ดี หยีล่ะว่าไง”
“หยียังไงก็ได้อยู่แล้ว”
“นายยอดล่ะ”
สุดยอดไม่ตอบ มองหน้ายาหยีแล้วเดินหนี
“เฮ้ยยอด จะไปไหน” พี่ชายร้องเรียก
“หากาแฟกินครับ”
“แล้วแกจะไม่ยอมคืนดีกับเขาจริงเหรอวะ”
“ใครบอก ผมน่ะโอเคไปตั้งนานแล้ว” พูดแล้วยักคิ้วกวนๆให้ยาหยีก่อนเดินต่อไป...
อีกครู่ต่อมา ทั้งสี่คนพากันกลับเข้ามาในห้องผู้ป่วย แล้วต้องแปลกใจกันหมดเมื่อเห็นเท่งกับบุญเลื่องอยู่ในชุดเสื้อผ้าของตัวเอง เฝือกที่ขาก็ไม่มี
“อ้าวแม่...แม่จะกลับบ้านแล้วเหรอคะ”
“แม่ไม่ได้เป็นอะไร จะนอนโรงพยาบาลทำไมให้เปลืองล่ะ”
“แล้วพ่อล่ะ สรุปว่าพ่อแกล้งขาหักหรอกเหรอเนี่ย”
“ก็เออน่ะสิ ถ้าไม่แกล้งขาหัก พวกแกจะยอมคืนดีกับพวกผู้หญิงเขาเหรอ”
“โห...แม่อ่ะ ต้มกันซะสุกเลย”
“แน่นอน ฝีมือระดับแม่ ถ้าไม่ติดว่ามีลูกนะ แม่เป็นดาราไปแล้ว”
ทุกคนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ บรรยากาศดีขึ้นทันตา
ooooooo
เอนิตาเจอดีเข้าแล้ว นายพีทคู่ขารูปหล่อของเธอใช้วิธีสกปรกแบล็กเมล์เธอด้วยคลิปฉาวคาวโลกีย์ที่แอบถ่ายเอาไว้โดยที่เธอไม่รู้เรื่อง หากเธอมีเงินสามแสนมาให้เขา คลิปพวกนี้ก็จะไม่ถูกเผยแพร่ออกไปยังสาธารณะ
เอนิตาโกรธแทบคลั่ง แต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ นอกจากต้องบากหน้าไปบีบน้ำตาขอความช่วยเหลือจากณนนท์
“คุณถ่ายคลิปกับชายชู้แล้วยังกล้ามาขอเงินผมอีกเหรอนิตา”
“ฉันไม่ได้ถ่าย ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆนะนนท์ ฉันโดนแกล้ง”
“ผมจะรู้ได้ไงล่ะว่าคลิปนั่นไม่ได้หลุดออกมาเพราะคุณต้องการสร้างกระแส แล้วมาอ้างว่าโดนแบล็กเมล์หลอกเอาเงินผมอีกต่อ...ฉลาดนี่ แต่คงใช้กับผมไม่ได้แล้วล่ะ”
“นนท์...ฉันเดือดร้อนจริงๆนะ มันบอกว่าถ้าไม่ให้ มันจะเอาคลิปทั้งหมดมารวมแผ่นขาย ทีนี้ฉันคงไม่มีหน้าสู้ใครได้ แล้วไข่ตุ๋นอีกล่ะ ไข่ตุ๋นจะทำไงถ้าแม่ต้องกลายเป็นดาราหนังเอ็กซ์แบบไม่ตั้งใจ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะนนท์” เอนิตาร้องไห้คร่ำครวญ
“โอเค ผมจะช่วย แต่มีเงื่อนไขนะ คุณต้องไปรับไข่ตุ๋นที่โรงเรียนทุกวัน หัดทำหน้าที่แม่บ้าง”
“ถ้าคุณช่วยฉัน เรื่องแค่นี้ฉันทำได้อยู่แล้ว” เอนิตารับปากแข็งขัน
แล้วเย็นนั้นเธอก็เริ่มทำหน้าที่แม่ทันทีเลย เธอไปรอรับไข่ตุ๋นที่โรงเรียน ขณะที่ยี่หวาก็มารับข้าวตู เมื่อเจอหน้ากัน ยี่หวาทักทายเธอด้วยดี ก่อนถือโอกาสปรึกษาเรื่องไข่ตุ๋นกับข้าวตู เนื่องจากเด็กสองคนนี้มีปัญหาทะเลาะกันเป็นประจำ
“โอ๊ย ไม่เห็นจะยากเลย คุณก็ห้ามลูกคุณซิ ว่าทีหลังอย่ามารังแกลูกฉัน แค่นี้ก็จบแล้ว” เอนิตาสะบัดเสียงใส่
“แต่ข้าวตูไม่เคยรังแกไข่ตุ๋นก่อนนะคะ”
“อ๋อ คุณจะบอกว่าลูกฉันรังแกลูกคุณงั้นสิ ไข่ตุ๋นเป็นเด็กผู้หญิงเรียบร้อยน่ารัก กิริยามารยาทอ่อนหวานนุ่มนวล ลูกฉันไม่มีทางรังแกใครก่อนแน่”
“แต่คุณอาจจะไม่ค่อยมีเวลาได้ใกล้ชิดกับน้องไข่ตุ๋นก็เลยไม่รู้ว่าน้องไข่ตุ๋นค่อนข้างจะเป็นเด็กที่เหมือนผู้ชาย”
“อย่ามาใส่ร้ายลูกฉัน ฉันเป็นแม่ ฉันรู้ดีว่าลูกฉันเป็นยังไง...ใช่สิ ฉันมันไม่ใช่แม่ตัวอย่างแต่โดนผัวทิ้งอย่างใครบางคนนี่”
“คุณว่าใคร” ยี่หวาชักโมโห
“ใครก็ได้...ใช่คุณรึเปล่าล่ะ”
“ฉันแค่ขอคำปรึกษาคุณเรื่องลูก ไม่เห็นต้องกระแนะกระแหนกันเลยนี่คะ”
“แน่ใจเหรอว่าแค่เรื่องลูก ไม่ได้กำลังจ้องจับสามีคนอื่น”
“ฉันว่าคุณเอาเวลาที่คิดเรื่องไร้สาระพวกนี้ไปดูแลอบรมลูก ไข่ตุ๋นจะได้โตมามีความรับผิดชอบแบบที่แม่ของเขาไม่เคยมี จะดีกว่ามั้ยคะ”
“แกว่าฉันเหรอ” ขาดคำ เอนิตาเงื้อมือจะตบยี่หวา แต่ฝ่ายนั้นตั้งรับฉับไว คว้ามือเธอบิดพร้อมกับเตะเข่าข้อพับจนเธอทรุดลงกับพื้น
การทะเลาะวิวาทของทั้งคู่สร้างความแตกตื่นให้กับผู้ปกครองและนักเรียนจำนวนไม่น้อย จนเมื่อครูปราณีวิ่งหน้าเริดมาห้ามทัพ ทั้งคู่ถึงยอมแยกออกจากกัน
ooooooo
ตกกลางคืนเอนิตาไปเที่ยวผับแก้เซ็ง ไม่คาดคิดว่าจะเจอวสันต์ที่นี่ด้วย ขณะวสันต์เข้ามาทำกะลิ้มกะเหลี่ยกับเธอ ณนนท์พาลูกค้าของตนเข้ามาพอดี ผู้จัดการร้านรีบเดินมาต้อนรับเพราะณนนท์จองโต๊ะไว้แล้ว แต่เขาขอตัวสักครู่ โดยให้ผู้จัดการพาลูกค้าไปนั่งที่โต๊ะก่อน
เสียงกระแอมของณนนท์ทำให้เอนิตากับวสันต์หันขวับไปมอง
“อุ๊ย นนท์ มาทำอะไรที่นี่คะ”
“แล้วคุณล่ะ มาทำอะไรที่นี่ ข่าวเก่ายังไม่ทันซา จะหาเรื่องใหม่มาอีกแล้วเหรอ”
“ก็แค่คนรู้จักทักทายกัน จะเป็นข่าวอะไรกันนักหนาครับคุณณนนท์”
“ผมว่าคุณเอาเวลาไปดูแลลูกเมียดีกว่านะครับคุณวสันต์ เรื่องภรรยาผมขอให้ผมจัดการเอง”
“โอเค ไปก็ได้” วสันต์ยักไหล่ เดินเข้าไปด้านใน
ณนนท์สะกดใจไม่ตำหนิหรือต่อว่าอะไรเอนิตา นอกจากบอกให้เธอรีบกลับบ้านซะ ตนต้องดูแลลูกค้า
“นี่คุณจะไม่ด่าฉันซักคำเลยเหรอ”
“ไม่ล่ะ ผมเบื่อ ผู้หญิงอย่างคุณถึงด่าไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่บอกไว้ก่อนถ้าคราวหน้ามีเรื่องอีก อย่าหวังนะว่าผมจะช่วย”
น้ำเสียงณนนท์เข้มจัดจนเอนิตาเงียบจ๋อย...
ooooooo
รุ่งขึ้น พี่ยิ่งเป็นตัวแทนพนักงานทุกคนมอบดอกไม้ให้ยาหยีที่ตัดสินใจกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง และก็หวังว่าครั้งนี้เธอคงไม่จากพวกเราไปไหนอีก
“หยีไม่ไปแน่ค่ะ ถ้าไม่มีคนปากเสียคอยหาเรื่องหยีอีก”
“ก็ถ้าไม่มีคนจ้องจะก่อเรื่องผมก็คงหาเรื่องไม่เจอ” สุดยอดโต้ทันควัน...ยาหยีค้อนขวับ
“หยุดทั้งสองคนนั่นแหละ ถือว่าพี่ขอก็แล้วกัน นึกซะว่าเห็นแก่รายการที่กำลังจะไปได้สวยของพวกเรา”
“นั่นสิครับ แฟนๆรายการบ่นคิดถึงคุณหยีกันใหญ่ เอสเอ็มเอสมาถามกันทุกวัน” นัทโพล่งขึ้น...ชม้อยรีบค้านเสียงสูง
“แค่วันละครั้งสองครั้งเท่านั้นแหละ ที่เยอะเป็นแฟนคลับน้องเพิร์ลลี่ต่างหาก”
“จะยังไงก็ขอบคุณแฟนๆทุกคนนั่นแหละค่ะ ตอนที่นั่งดูรายการหยีก็คิดถึงรายการเหมือนกัน ทั้งคิดถึงทั้งเป็นห่วง”
“จะห่วงอะไร” สุดยอดถามพรวด
“เอ้า! ก็ห่วงว่าคนอื่นจะทำรูปแบบรายการเสียน่ะสิ จากดีไอวายกลายเป็นดีอีเอดี เพราะมีเล่นให้เทียนหยดลงบนตัวแล้วก็ครางกันทั้งรายการ”
ชม้อยหน้าตาสงสัย กระซิบถามลูกสาวว่า ดีอีเอดีมันคืออะไร?
“เด๊ด...แปลว่าตายค่ะคุณแม่”
“หน็อยนังนี่ กล้าแช่งฉันเหรอ ฉันจะคอยดู แกจะจัดรายการไปได้สักกี่น้ำ!”
ถึงเวลาถ่ายทำรายการร่วมกันระหว่างสุดยอดกับยาหยี ทุกอย่างผ่านไปได้แต่ไม่ค่อยราบรื่นนัก เพราะสองคนยังแอบแขวะแอบกัดกันอยู่เนืองๆ แต่พวกเขาก็ไม่ทำให้รายการเสียหาย แถมยังเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชม ยกเว้นสองแม่ลูก ชม้อยกับเพิร์ลลี่
ooooooo
ด้านณนนท์ที่รับจัดงานอีเวนต์ในห้างสรรพสินค้า ยามนี้เขากำลังกระวนกระวายอย่างหนักเพราะต้นไม้ที่สั่งไว้ยังมาไม่ถึง โทร.ไปทวงทางนั้นก็บอกว่ารถติดมาก
ณนนท์หน้าหงิก แต่พอเห็นเจ้าของงานเดินมาก็รีบปรับสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“ไงครับเนี่ยคุณณนนท์ งานผมมีวันนี้นะไม่ได้มีเดือนหน้า ป่านนี้ผมยังไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย แล้วไหนเซ็ตสวนญี่ปุ่น”
“ใจเย็นครับ รถขนต้นไม้กำลังรีบมาครับ ผมรับรองครับว่าเสร็จทัน”
“ไม่รู้ล่ะ ผมให้เวลาคุณหนึ่งชั่วโมงถ้ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างเป็นอันยกเลิก”
ณนนท์ปวดหัวคิดไม่ตก นึกถึงยี่หวา ตัดสินใจเป็นไงเป็นกัน โทร.ไปง้องอนขอความช่วยเหลือจากเธอ
“จะบ้าเหรอคุณ ตอนนี้เนี่ยนะ ใครจะไปทำทัน”
“ช่วยกันซักครั้งเถอะคุณ ถ้างานนี้ล้มผมโดนลูกค้าฆ่าแน่ ไม่ใช่ฆ่าธรรมดานะ ฆ่าแบบหาชิ้นส่วนไม่เจอด้วย”
“ฉันก็มีงานของฉันเหมือนกันนะคุณ”
“ให้คนอื่นทำแทนก่อนไม่ได้เหรอ นะๆ แล้วเดี๋ยวผมเลี้ยงข้าวขอบคุณ”
“คิดว่าฉันเป็นคนเห็นแก่กินรึไง”
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง ผมยอมทุกอย่างแล้ว บอกมาเลยจะเอาอะไรก็บอกมา”
“ไม่รู้ล่ะ ขอคิดดูก่อน...เอ๊ะ อย่าเซ้าซี้ได้มั้ย ก็บอกว่าขอคิดดูก่อนไง...ฉันไม่ใช่ยักษ์ในตะเกียงนะคุณ จะได้เสกได้ดั่งใจคุณน่ะ”
ยี่หวาตัดสายแล้วยิ้มขำที่แกล้งอำณนนท์ได้ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เดินทางไปพบเขาที่ลานจัดงาน ต่อสายถึงช่างที่เคยร่วมงานกัน
“ช่างดำจำได้มั้ยคะ ที่เราเคยทำฉากญี่ปุ่น นั่นแหละค่ะ ที่มีต้นซากุระประตูโบราณ แล้วก็ลำธารจำลองน่ะค่ะ
ฉันต้องใช้ด่วนค่ะ ช่างดำจะให้ช่างขนฉากมาได้เมื่อไหร่คะ... ดีเลยค่ะ สวัสดีค่ะ” ยี่หวากดวางสาย ก่อนจะหันไปบอกณนนท์ “เรียบร้อย เดี๋ยวช่างฉากเขาจะเอาฉากสวนญี่ปุ่นจำลองมาให้ถ้ารวมกับต้นไม้ดอกไม้ของคุณแล้วไม่เกินสองสามชั่วโมงก็เสร็จ”
“เล่นง่ายนะเนี่ย ใช้ฉากจำลองก็ไม่บอก”
“หรือไม่เอา ฉันโทร.แคนเซิลก็ได้นะ”
“เอาสิครับ คอผมจะขาดอยู่แล้ว”
“โชคดีของคุณ ฉากที่ฉันเคยทำยังเก็บไว้อยู่ แค่ซ่อมสีนิดๆหน่อยๆ ระหว่างรอฉันหิวแล้วล่ะ เราไปหาอะไรแพงๆกินที่โรงแรมข้างๆกันเถอะ”
“ได้เลย ผมไม่ผิดสัญญาหรอก”
จังหวะนี้ เจ้าของงานเดินหน้าบึ้งเข้ามาหาณนนท์ เตือนว่าจะครบชั่วโมงแล้ว ทำไมยังไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย
“อุ๊ย คุณกอล์ฟ สวัสดีค่ะ” ยี่หวาทักทาย
“อ้าว คุณยี่หวา ทำไมมาอยู่นี่ครับเนี่ย”
“ดิฉันมาช่วยงานคุณณนนท์น่ะค่ะ คุณกอล์ฟไม่ต้องห่วงนะคะ ไม่เกินสามชั่วโมงทุกอย่างเรียบร้อยแน่ค่ะ”
“ถ้ารู้ว่าเป็นคุณยี่หวาผมสบายใจเลยครับ โธ่...แล้วคุณก็ไม่บอกผมก่อนว่าทำงานร่วมกับคุณยี่หวา ไม่งั้นผมก็ไม่กดดันคุณหรอก”
“ไม่เป็นไรครับ” ณนนท์ยิ้มเจื่อนๆ แอบมองยี่หวาด้วยสายตาชื่นชม ไม่คิดว่าเธอจะมีเครดิตช่วยตนได้ขนาดนี้... ครู่ต่อมา ณนนท์เดินนำยี่หวาเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่น
“ง่ายดีเหลือเกินนะคุณ จัดงานในห้าง ก็เลี้ยงอาหารฉันในห้างซะเลย”
“เข้าบรรยากาศดีออกคุณ จัดสวนญี่ปุ่นก็กินอาหารญี่ปุ่น”
พอบริกรเอาเมนูมาให้ ทั้งคู่สั่งอาหารอย่างเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย ครั้นสั่งใหม่ก็ใจตรงกันอีก ต่างคนเลยต่างเขิน สบตากันไปมาก่อนยี่หวาจะชวนคุยเปลี่ยนบรรยากาศ
“ไข่ตุ๋นเป็นไงบ้างคะ”
“ก็สบายดี แต่เรื่องแก่นทะโมนเนี่ย ผมยังเครียด”
“ส่งไปเรียนอะไรน่ารักๆมั้ยคุณ เผื่อจะช่วยได้”
“เคยส่งไปเรียนขิมแล้ว แต่ไข่ตุ๋นตีขิมยังกะตีกลอง ทั้งขิมทั้งไม้พังเละหมดเลยครับ”
“ลูกคุณกับลูกฉันน่าจะเอามารวมกันแล้วหารสองจริงจริ๊ง”
“อ้าว ไม่ใช่ว่าคุณอยากให้ข้าวตูเป็นแบบนี้เหรอ เรียบร้อยเป็นสุภาพบุรุษไง”
“ตอนแรกก็ว่างั้นแหละ แต่ตอนเนี้ยฉันว่าข้าวตูเรียบร้อยเกินไปแล้ว” พูดแล้วยี่หวาก็หนักใจ ณนนท์ก็เช่นกัน ต่างคนเลยต่างถอนใจออกมาพร้อมกัน...
ooooooo
ชั่วโมงเรียนวิชาศิลปะ ลูกสาวกับลูกชาย
จอมซนของทั้งคู่ก็สร้างวีรกรรมให้ครูปราณีเหนื่อยใจอีกแล้ว ไข่ตุ๋นกับข้าวตูเถียงกันเรื่องวาดรูปลงสี ต่างคนก็ต่างบอกว่าของตนสวย พอฝ่ายหนึ่งเถียงสู้ไม่ได้ก็ใช้สีสาดใส่กันเปรอะเปื้อน ครูปราณีจึงลงโทษหัวโจกสองคนด้วยการให้ทำความสะอาดห้องก่อนกลับบ้าน...
ได้เวลารับลูก ณนนท์โทร.ไปกระตุ้นเตือนเอนิตาให้ทำตามที่รับปากไว้ ยี่หวาได้ยินก็นึกขึ้นได้ว่าตนต้องไปรับลูกเหมือนกัน
“งั้นคุณไปรับข้าวตูเถอะ ทางนี้ผมดูต่อเอง”
“แต่มันยังไม่เรียบร้อยนี่ สัญญากับคุณกอล์ฟเขาไว้แล้วด้วยว่าจะจัดการให้เรียบร้อย”
“มันเกือบเรียบร้อยแล้วล่ะ คุณไปเถอะ ยังไงลูกก็สำคัญกว่า”
“คุณรู้มั้ย ข้อดีข้อเดียวของคุณก็คือรักลูกนี่แหละ ถ้าพ่อข้าวตูเป็นได้สักครึ่งของคุณฉันคงมีความสุขกว่านี้”
“คุณก็เปิดโอกาสให้เขาทำหน้าที่พ่อบ้างสิ”
“ขอบคุณที่เตือน ฉันรู้แล้วว่าจะให้ใครไปรับลูกแทนดี”
หลังจากนั้นไม่นาน วสันต์ก็ไปติดต่อครูปราณีเพื่อขอรับข้าวตูกลับบ้านแทนยี่หวา แต่ครูปราณียังไม่อนุญาตเพราะข้าวตูกับไข่ตุ๋นก่อเรื่อง
“เรื่องอะไร” วสันต์ถามห้วนๆไม่ค่อยพอใจ
“ชั่วโมงศิลปะ ข้าวตูกับไข่ตุ๋นทะเลาะกัน เอาสีสาดกัน ดิฉันก็เลยทำโทษด้วยการให้อยู่ช่วยกันทำความสะอาด”
“ก็ให้ภารโรงไปทำสิ ทำไมต้องให้เด็กทำด้วย”
“ทำผิดก็ต้องลงโทษ ฝึกไว้แต่เด็กค่ะ โตขึ้นจะได้มีความรับผิดชอบ”
“แต่นี่มันเวลากลับบ้านแล้ว อย่าชักช้าเสียเวลา ไปตามลูกผมมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นผมจะ...” วสันต์ชะงักเหลือบเห็นเอนิตาในชุดสวยเซ็กซี่นั่งอยู่อีกด้าน เขาผละจากครูปราณีเดินเข้าไปหาเธอด้วยสีหน้าท่าทางกรุ้มกริ่ม “โลกนี้มันช่างกลมจริงๆ เจอกันอีกแล้วนะครับคุณเอนิตา”
“แต่ฉันอยากให้โลกบูดเบี้ยวซะจริงๆ จะได้ไม่เจอคนอย่างคุณ”
“ไม่ทราบว่าคุณเอนิตาจะรังเกียจคนหัวอกเดียวกันทำไม”
“อย่ามาเหมาฉันเป็นพวก ฉันกับคุณไม่เหมือนกัน”
“แล้วต่างกันตรงไหน คนหนึ่งเป็นม่ายผัวละเหี่ย อีกคนเป็นม่ายเมียระอา ผมว่าเราสองคนก็เหมาะสมกันดี น่าจะ ให้โอกาสกันและกัน”
“เชอะ! ไม่มีทาง”
“ตามใจ ถ้าคุณจะยอมเสียเปรียบ ผมว่าตอนนี้สามีคุณกับเมียผมคงจัดสวนกันมันส์ระเบิดไปแล้ว”
“คุณพูดอะไร”
“เขาอยู่ด้วยกันจนไม่มีเวลาไปรับลูก ทิ้งภาระให้กับเราสองคน คุณจะมานั่งอารมณ์เสียอยู่ทำไม สู้เอาเวลาไปหา ความสุขใส่ตัวดีกว่า”
“เลวที่สุด!” เอนิตาสบถเบาๆ แล้วลุกขึ้นคว้ากระเป๋า ถามวสันต์ว่า “รถคุณอยู่ไหน?”
ooooooo
เสร็จงาน ณนนท์เดินไปส่งยี่หวาที่รถ “ผมรอดตายเพราะคุณแท้ๆ ขอบคุณมากนะคุณยี่หวา”
“ฉันก็เป็นแค่ส่วนประกอบเล็กๆเท่านั้นล่ะค่ะ งานดีเพราะการจัดการของคุณดีต่างหาก”
สองคนยิ้มแย้ม แยกกันไปด้วยความรู้สึกดีๆ แต่อีกสักพักทั้งคู่ก็ไปเจอกันที่โรงเรียนอนุบาลด้วยอาการเร่งรีบร้อนรน หลังได้รับการติดต่อจากครูปราณีว่าข้าวตูกับไข่ตุ๋นยังติดค้างอยู่ที่โรงเรียน
“แกคงจะตกใจมากก็เลยร้องไห้กันยกใหญ่ เผลอหลับไปเมื่อสักครู่นี้เองค่ะ”
“ต้องขอโทษคุณครูด้วยนะครับ ที่ทำให้เสียเวลา”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่ใช่ความผิดของคุณสองคนซะหน่อย ว่าแต่คุณวสันต์กับคุณเอนิตาหายไปไหนคะ จู่ๆ
ก็ทิ้งลูกไปซะอย่างนั้น”
“คงติดธุระมั้งครับ” ณนนท์ตอบไม่เต็มเสียง
“ธุระคงด่วนและสำคัญมากนะคะ ถึงลืมลูกทั้งคนได้ ยังไงก่อนกลับพาเด็กๆไปทานอะไรซะหน่อยนะคะ คงหิวกันแย่แล้ว”
ณนนท์กับยี่หวาทำตามคำแนะนำของครูปราณี แต่นึกไม่ถึงว่าจะไปเจอภาพที่ลูกๆของพวกตนไม่สมควรได้เห็น...ใกล้ๆร้านอาหารนั่นเอง วสันต์กับเอนิตาควงแขนกันออกมาจากโรงแรม ทั้งยี่หวาและณนนท์อึ้งไปด้วยกัน แล้วก็หน้าซีดหน้าเสียเมื่อไข่ตุ๋นพูดขึ้นว่า จับมือถือแขนเหมือนเป็นแฟนกันเลย!
ooooooo
เช้าวันนี้พี่ยิ่งเรียกทีมงานทุกคนประชุมเพื่อแจ้งข่าวดีโปรเจกต์ใหม่ที่เพิ่งได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการ
“พี่ยินดีมากที่จะบอกให้ทุกคนทราบว่าช่องไว้วางใจให้เราผลิตรายการใหม่เพิ่มอีกหนึ่งรายการ เป็นรายการเรียลลิตี้ที่กำลังอินเทรนด์ซะด้วย โดยเราต้องทำเทปไพล็อตหรือเทปทดลองไปให้ช่องพิจารณาอาทิตย์หน้านี้เลย”
“รายการอะไรครับ” สุดยอดซักทันที
“โซลเมท...คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน”
แค่ได้ยินชื่อรายการ ว่านกับนัทก็ฝันหวานถึงสปอนเซอร์จำนวนมาก ทั้งแพ็กเกจวิวาห์ บ้าน คอนโดฯ พี่ยิ่งจึงขยายต่อไปว่า ตนมีสปอนเซอร์หลักเรียบร้อยแล้ว แต่สุดยอดต้องเป็นพิธีกร ส่วนแขกรับเชิญก็คิดไว้แล้ว ตนอยากได้น้องเพิร์ลลี่
“อะไรนะ จะให้ผมทนดูคนอื่นจีบเพิร์ลลี่ออกอากาศงั้นเหรอครับพี่”
“มันยากจะทำใจนะ ใครจะทนดูคนอื่นจีบแฟนตัวเองได้ พี่ยิ่งคิดได้ไง พี่ยังมีหัวใจหรือเปล่า”
“หยุดเลยไอ้นัท ฉันอาจไม่มีหัวใจ แต่พวกแกไม่มีสมอง ไม่รู้หรือไงว่านั่นแหละจุดขายของรายการ ความหวานของคู่ใหม่ และความทรมานใจของผู้ชายอีกคน”
“ผมว่ารายการมันจะออกแนวซาดิสต์นะพี่” ว่านท้วง
“มันก็ต้องอย่างงี้ล่ะวะ ถ้าไม่แรงแล้วช่องเขาจะอนุมัติเหรอ แกรู้มั้ยว่าฝ่ายชายที่ฉันเล็งไว้คู่กับเพิร์ลลี่เป็นใคร หนุ่มในฝันประจำปีนี้ ก้อง-กีรติ เชียวนะเว้ย”
“ไอ้คนที่มีข่าวว่ากิ๊กกับเพิร์ลลี่อยู่น่ะเหรอ โห...โฉดได้ใจเลยพี่”
“พ่อเขาเป็นสปอนเซอร์รายการเราอยู่นี่ มิน่าพี่ถึงจะเอาคนนี้” นัทนึกได้ สุดยอดหมั่นไส้มาก เหยียดปากดูถูกพวกไฮโซอยากดัง เป็นข่าวกับดาราคงไม่พอ เลยคิดจะเป็นดาราซะเอง
“ไม่รู้แหละ ฉันอยากได้แบบนี้ พวกแกมีหน้าที่ต้องทำให้ได้ หรือถ้าพวกแกทำไม่ได้ ฉันก็คงจะให้คนอื่นทำ จะเอามั้ยโบนัสน่ะ”
“เอาครับพี่...ยอมเถอะวะยอด” ว่านกับนัทประสานเสียง สุดยอดหันมองเพื่อนๆ ก่อนตอบพี่ยิ่งว่า
“ผมไม่มีปัญหาหรอก พี่ติดต่อเพิร์ลลี่ให้ได้ก็แล้วกัน”
ต่อมาเมื่อพี่ยิ่งติดต่อไปทางชม้อยแม่ของเพิร์ลลี่ ชม้อยปฏิเสธกลับมาอย่างไม่ไว้หน้า
“โซหม่งโซลเมดอะไรกันคะ มันก็รายการหาสามีดีๆนั่นแหละ แถมเป็นแค่เทปทดลองไปเสนอช่องด้วย จะได้รึเปล่ายังไม่รู้เลย ไม่เอาหรอกค่ะ เงินน้อย เสียภาพพจน์ อีกอย่างวันนั้นน้องเพิร์ลลี่รับงานอีเวนต์ไว้แล้วด้วย ไม่สะดวกไปต่างจังหวัด ดูสิมีสายเข้าอีกแล้ว แค่นี้ก่อนนะคะคุณยิ่ง”
“ใครโทร.มาคะคุณแม่” เพิร์ลลี่ถามทันทีที่แม่วางสาย
“คุณยิ่ง บอกว่าจะทำรายการเรียลลิตี้คู่รัก ให้สุดยอดเป็นพิธีกร แล้วเพิร์ลลี่เป็นแขกรับเชิญ”
“ทำกับพี่ยอดเหรอคะ แล้วคุณแม่บอกปัดไปทำไม”
“ก็แม่รับงานอีเวนต์ไว้แล้วนี่ลูก”
“รับแล้วก็แคนเซิลได้นี่คะ เพิร์ลลี่อยากรีเทิร์นกับพี่ยอด”
“แคนเซิลไม่ได้ แม่เรียกค่าตัวไปมิใช่น้อยๆ แถมอีเวนต์นี้เป็นอีเวนต์ใหญ่ ไฮไลต์เด็ดดวง ลูกของแม่จะต้องพาดหัวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับแน่ๆ”
เพิร์ลลี่ไม่ชอบการตัดสินใจของแม่ แต่ไม่กล้าหือ ฝ่ายพี่ยิ่งที่ถูกปฏิเสธก็หงุดหงิดผิดหวัง แต่ครู่เดียวก็นึกถึงเป้าหมายใหม่อีกคนที่เจ๋งแจ่มแจ๋วไม่แพ้กัน...
ooooooo
กว่าจะเสร็จภารกิจประจำวันก็เกือบค่ำ...
ยี่หวาบึ่งรถไปบ้านวสันต์ด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว แต่พอไปถึงกลับเจอวัลลภาออกมารับหน้า พูดจาไม่น่าฟัง
“ลมอะไรหอบมาถึงนี่ยะ หรือว่าเปลี่ยนใจจะขายที่”
“หนูเปลี่ยนใจแน่ค่ะ แต่ไม่ใช่เรื่องนั้น”
“แล้วเรื่องอะไรล่ะ”
“เรื่องส่วนตัวภายในครอบครัวค่ะ”
“เท่าที่รู้ก็ไม่ได้เป็นครอบครัวกันแล้วไม่ใช่เหรอ คุยผ่านแม่ก็ได้”
“ไม่ได้ค่ะ มันเป็นเรื่องระหว่างหนูกับวสันต์”
“วสันต์ก็ลูกแม่เหมือนกัน มีอะไรก็บอกมา”
“แน่ใจเหรอคะว่าจะทนฟังเรื่องเลวๆของลูกตัวเองได้”
“วสันต์ไปทำอะไร” วัลลภาเริ่มหน้าไม่ดี
“รอถามกันเอาเอง แต่ตอนนี้หนูขอเคลียร์กับวสันต์ตามลำพังก่อน ช่วยหลีกหน่อยค่ะ”
ยี่หวาเดินเบียดวัลลภาขึ้นไปชั้นบน เปิดประตูห้องวสันต์ผลัวะเข้าไป
“ไม่มีใครสอนเรื่องมารยาทบ้างหรือไง จะเข้าห้องคนอื่นทำไมไม่เคาะประตู” วสันต์โวยวาย
“ฉันว่าคนที่ควรจะเรียนเรื่องมารยาทน่าจะเป็นคุณมากกว่า อย่านึกนะว่าทำอะไรแล้วจะไม่มีใครรู้”
“ผมทำอะไร”
“ต้องให้ฉันสาธยายความชั่วของคุณอีกเหรอวสันต์ คุณจะมั่วจะทำเจ้าชู้กับใครฉันไม่ว่า แต่ทำไมคุณต้องไปยุ่งกับเอนิตา แม่ไข่ตุ๋นด้วย”
“หึงเหรอ...ใช่สิ รายนั้นเขาเป็นถึงนางแบบ คุณเลยกลัวสู้เขาไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ”
“แค่คุณลืมลูกไว้ที่โรงเรียนฉันก็โกรธมากพออยู่แล้ว นี่ยังมีเรื่องหน้าไม่อายที่เป็นชู้กับเมียชาวบ้านหน้าตาเฉยอีก นี่คุณจะให้ฉันรู้สึกยังไงกับคุณดี”
“แล้วผมล่ะ ควรจะรู้สึกยังไง ที่คุณมีอะไรกับไอ้ณนนท์มัน”
“ทุเรศ! ฉันกับเขาเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน ตัวเองต่ำตมแล้วคิดว่าคนอื่นเขาต้องเหมือนตัวเองรึไง”
“คำก็ต่ำ สองคำก็ต่ำ งั้นมาลองดูซิว่าคุณยังจดจำคนต่ำๆอย่างผมได้แค่ไหน...ผมจะทำให้คุณจำผมให้ขึ้นใจเลย คุณจะได้ไม่ต้องยุ่งกับมันอีก”
วสันต์ใช้กำลังจะปลุกปล้ำยี่หวา แต่ไม่ง่ายอย่างใจคิด เธอคว้าโคมไฟตีหัวเขาเลือดอาบ เรื่องจึงบานปลายถึงตำรวจ เพราะวัลลภาประกาศจะเอาเรื่องยี่หวาให้ถึงที่สุด
ที่สถานีตำรวจ บุญเลื่องกับยาหยีตามมาสมทบ พอรู้ว่าโดนปรับแค่ห้าร้อย บุญเลื่องบอกยี่หวาว่าน่าจะฟาดเพิ่มอีกสักสองที
“แค่นี้ก็สาสมแล้วล่ะแม่”
“แค่หัวแตก ไม่สาแก่ใจกับความผิดของมันหรอก”
“แล้วนี่พี่จะแก้ตัวยังไงกับข้าวตูคะ เห็นพ่อตัวเองเดินอี๋อ๋อกับแม่เพื่อน”
“ข้าวตูยังเด็กไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก พี่เป็นห่วงตัวเองมากกว่า ไม่กล้าสู้หน้าคุณนนท์เขา”
“คนเพิ่งจะเข้าใจกันแท้ๆ เกิดเรื่องขึ้นอีกจนได้”
“ช่างเถอะค่ะแม่ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด กลับบ้านกันเถอะค่ะ”
จังหวะที่สามแม่ลูกจะขึ้นรถ พี่ยิ่งติดต่อเข้ามือถือยาหยี แจ้งข่าวกึ่งบังคับยาหยีว่า ตนมีงานด่วนให้ทำ และห้ามเธอปฏิเสธด้วย!
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้นยาหยีจึงหนีบเอาก้อยกับวุ้นมาเป็นเพื่อนเดินทางด้วย แต่สุดยอดไม่รู้มาก่อนว่ามีการเปลี่ยนตัวจากเพิร์ลลี่เป็นยาหยี ก็เลยอึ้งๆเหวอๆไปพักหนึ่ง
ก้อยและวุ้นฝากตัวกับทุกคน ขอตามไปเป็นกำลังใจให้เพื่อน นัทกับว่านยินดีมากๆ ท่าทางพวกเขาจะปิ๊งเพื่อนยาหยีเข้าให้แล้ว
“ตามสบายเลยครับ ทีแรกก็กลุ้มใจเพราะเทปนี้เป็นเทปทดลอง พวกดาราดังๆไม่มีใครอยากเล่นหรอก เงินน้อยแล้วก็ไม่ได้ออกอากาศด้วย”
“แต่ผมว่าถ้าคุณหยีมาเล่นต้องผ่านอยู่แล้ว เพราะคุณหยีทั้งสวยทั้งน่ารัก ผู้ชายที่ไหนก็อยากจีบ”
ว่านกับนัทชมยาหยี แต่สายตามองวุ้นกับก้อยตลอดเวลา แต่จู่ๆทุกคนก็ชะงักกับวาจาของสุดยอดที่โพล่งขึ้นมา
“แน่ใจเหรอวะ ข้าคนหนึ่งแหละที่ขอบาย”
“เอ็งต้องบายอยู่แล้ว เพราะเอ็งเป็นแค่พิธีกร” ว่านสวนทันควัน
“ต่อให้ไม่บาย หยีก็ไม่มองหรอกค่ะ ผู้ชายปากมอมอย่างนี้ไม่ใช่สเปก ขึ้นรถกันเถอะ ก้อย...วุ้น”
ว่านกับนัทกลั้นหัวเราะแทบไม่ทัน สุดยอดเจ็บใจมองตามยาหยีหน้าบึ้ง จังหวะนี้เองเพิร์ลลี่ติดต่อเข้ามาที่มือถือสุดยอด เว้าวอนขอโทษเขาที่รับงานนี้ไม่ได้ เนื่องจากคุณแม่รับงานอื่นเอาไว้แล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกครับ โอกาสหน้าก็ได้”
“แต่เพิร์ลลี่ก็ยังรู้สึกไม่ดี ทีมงานคงปวดหัวแย่ กว่าจะหาคนที่เหมาะสมเท่าเพิร์ลลี่”
“เขาได้แล้วล่ะครับ เพิร์ลลี่สบายใจได้ ไม่ใช่ใครที่ไหนด้วย คนกันเองนี่แหละ”
“ใครคะ”
“ยาหยีครับ”
“อะไรนะ!”
“ผมต้องขึ้นรถแล้ว เอาไว้ค่อยคุยกันนะครับ”
สุดยอดวางสายไปแล้ว เพิร์ลลี่หน้าตาไม่สบอารมณ์
“นี่แกอีกแล้วเหรอนังยาหยี นังมารหัวใจ ฉันไม่มีวันปล่อยให้แกได้ใกล้ชิดกับพี่ยอดหรอก” ว่าแล้วก็คว้ากระเป๋าเดินฉับๆออกจากบ้าน โดยไม่บอกกล่าวแม่ที่แต่งตัวอยู่ข้างบนเตรียมจะไปงานอีเวนต์ที่รับไว้
ooooooo