ตอนที่ 2

แดดเริ่มแรงขึ้นทุกที ข้าวตูนั่งปักหลักรอพ่ออย่างมีความหวัง ยี่หวากับบุญเลื่องยืนมองด้วยความสงสาร กระทั่งใกล้เที่ยงทั้งยายและแม่จึงต้องมาตามข้าวตูให้กลับเข้าบ้าน แต่เด็กชายก็ยังไม่ขยับ แถมพูดเหมือนจะร้องไห้ ยืนยันว่าพ่อสัญญากับตนแล้วว่าพ่อจะมา

แล้ววสันต์ก็มาจริงๆ เขาวิ่งหน้าตาตื่นมาร้องเรียกข้าวตู ยี่หวากับบุญเลื่องหน้าตึงๆไปแต่ก็อดประหลาดใจไม่ได้ สำหรับข้าวตูนั้นดีใจสุดๆ โผเข้าหาพ่อ ถามพ่อว่ากินอะไรมารึยัง

“ยังเลย ข้าวตูมีอะไรให้พ่อกินมั่งล่ะ”

“พ่อรอข้าวตูแป๊บนะครับ” พอข้าวตูวิ่งตื๋อเข้าบ้านไปแล้ว วสันต์ก็หันมาทวงถามยี่หวาเรื่องที่ดิน

“ไงคุณ ตกลงไม่เปลี่ยนใจขายที่จริงเหรอ”

“เชื่อแล้วว่ายังไม่ได้กินอะไรมาจริงๆ อ้าปากก็หิวเงินมาเชียว” บุญเลื่องโพล่งขึ้น

“ผมหวังดีนะครับคุณแม่ เงินตั้งสามสิบล้านมันไม่ได้ลอยมาทุกวันนะครับ”

“ต่อให้เงินวิ่งมาชนตรงหน้าฉันก็ไม่ขาย เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว ฉันรำคาญ!” ยี่หวาหน้าหงิก

“โอเค ไม่พูดก็ไม่พูด ถ้างั้นมีเงินให้ผมยืมซักหมื่นมั้ยล่ะ”

บุญเลื่องเหม็นหน้าวสันต์ ยี่หวาทั้งเซ็งทั้งระอา ย้อนเขาว่ามีหรือไม่มีตนก็ไม่ให้

“อย่าเค็มไปหน่อยเลยน่ะ แค่หมื่นเดียวเอง ผมจะได้พาลูกไปเที่ยว”

“อย่าเอาลูกมาเป็นข้ออ้างหน่อยเลย ฉันรู้เช่นเห็นชาติคุณดี”

“ก็ได้ งั้นคุณปลอบลูกเอาเองก็แล้วกัน” วสันต์ยักไหล่ทำท่าจะไป ยี่หวารีบถามเขาจะไปไหน ไหนว่าจะพาลูกไปเที่ยวไม่ใช่เหรอ “ไม่ไปแล้ว ไม่มีค่าน้ำมัน”

พูดเสร็จ เขาผละไปจริงๆ ข้าวตูวิ่งถือห่อขนมออกมาจากบ้านพอดี ร้องเรียกพ่อคอแทบแตกพ่อก็ไม่หันกลับมา ก็เลยต่อว่าแม่เป็นการใหญ่

“แม่ไล่พ่อไปอีกแล้วเหรอครับ ทำไมแม่ถึงเกลียดพ่อล่ะครับ”

ข้าวตูวิ่งร้องไห้เข้าบ้าน บุญเลื่องจะตามไปอธิบาย แต่ยี่หวาห้ามไว้ บอกว่าวันหนึ่งข้าวตูจะเข้าใจเอง...หลังจากนั้นยี่หวาออกไปจัดดอกไม้ให้ลูกค้าที่ห้องสัมมนาซึ่งบริษัทณนนท์เป็นผู้รับผิดชอบการจัดงาน จึงเป็นความจำเป็นที่สองคนต้องโคจรมาเจอกันอีก เมื่อลูกค้าชื่นชมฝีมือการจัดดอกไม้ของยี่หวา ทำให้ณนนท์แอบหมั่นไส้เธอ ขณะที่ยี่หวาก็หลอกด่าณนนท์

“ขอบคุณมากนะคะคุณวิเชียร แล้วถ้าคุณวิเชียรอยากหาออกาไนเซอร์เจ้าใหม่ๆ บอกดิฉันนะคะ ดิฉันจะแนะนำเจ้าใหม่ๆที่ใจกว้างสร้างสรรค์ให้ อย่าว่าดิฉันงั้นงี้เลยนะคะ บางเจ้าใช้ไปนานๆ ก็ตันค่ะ ไม่ค่อยมีอะไรใหม่ๆมาเสนอ เผลอๆงี่เง่าด้วยค่ะ”

ด่าแล้วก็ทำไม่รู้ไม่ชี้เมื่อได้ยินณนนท์กระแอม ส่วนวิเชียรไม่รู้อะไร ชวนทั้งคู่ไปคุยเรื่องโปรเจกต์กันต่อ พอยี่หวาจะก้าวตามวิเชียรที่นำหน้าไป ณนนท์แกล้งร้องโอ๊ย ทำให้ยี่หวาหันมองสงสัย ถามเขาว่าเป็นอะไร

“หลังผมเหวอน่ะสิ เผลอไม่ได้เป็นโดนแทงทุกที คุณเองก็เถอะ ระวังให้ดี ซักวันจะโดนแทงข้างหลังจนพรุนไม่รู้ตัว”

“ฉันระวังอยู่แล้วล่ะค่ะ ขอบคุณที่เตือน” ยี่หวาเชิดใส่แล้วเดินจากไป โดยมีณนนท์ตามหลังมาติดๆ ครั้นมาพร้อมกันที่ห้องประชุม วิเชียรจึงขอเริ่มการประชุมเลย

“ดีครับ ประชุมกันให้รู้เรื่องชัดเจน ไม่ใช่ตกลงกันอย่างทำอย่าง แบบนั้นประชุมกันไปก็เหมือนตักน้ำรดเสารดตอไม้ไปวันๆ จริงมั้ยครับคุณยี่หวา”

ยี่หวาฟังแล้วกัดฟันกรอด กระแทกเสียงตอบณนนท์ว่า “จริงค่า”

ณนนท์ยิ้มสะใจ ยื่นมือไปตรงหน้ายี่หวาพร้อมกับเอ่ยปากยินดีที่ได้ร่วมงานกันอีก ยี่หวาไม่อยากจับมือด้วยแต่เกรงใจลูกค้าก็เลยจำใจต้องทำ แล้วแกล้งใช้เล็บจิกมือเขาเต็มแรง

“โอ๊ย!” เสียงร้องของณนนท์ทำให้วิเชียรตกใจ ถามเขาว่าเป็นอะไร ณนนท์รีบบอกเปล่า ยี่หวาจึงว่าสงสัยเขาจะดีใจที่ได้เจอตน

ณนนท์มองยี่หวาแค้นๆ อีกครู่ต่อมามีจังหวะจึงเอาคืนเธอด้วยการดึงเก้าอี้หนีทำให้ยี่หวาหงายหลัง แต่เธอก็ยังอุตส่าห์ดึงเขาลงมาด้วย ท่ามกลางความตกใจของคุณวิเชียร

ooooooo

ที่ร้านมอร์แดนทรี ยาหยีจัดเตรียมสถานที่เพื่อถ่ายทำรายการทีวีโดยเธอไม่ทราบมาก่อนว่าพิธีกรงานนี้คือนายสุดยอด กระทั่งเขาโผล่มาสมทบกับว่านและนัทที่มาเตรียมความพร้อมไว้ก่อนหน้า

แต่พริบตาดันเกิดเหตุจากความซุ่มซ่ามของนัทโดยที่สุดยอดไม่เห็น ทำให้ฉากที่เซตไว้ล้มระเนระนาด สุดยอดเลยเขม่นยาหยี ขณะที่ยาหยีก็ชังน้ำหน้าเขาจนไม่อยากร่วมงาน

“นึกว่าใคร นอกจากไม่รับผิดชอบแล้วยังมาสาย เนี่ยใช่มั้ยที่เขาเรียกพวกดารามาสายแต่กลับก่อน ค่าตอนแพง ชอบกินแรงคนอื่น!”

“เกินไปๆ ผมมาช้าแค่สิบนาทีเท่านั้น...เอ แต่ถึงผมมาก่อนก็คงไม่ได้ถ่ายอยู่ดี เพราะคุณน่ะขี้จุ๊ คิดเหรอว่าผมรู้ไม่ทัน”

“ขี้จุ๊อะไร พูดดีๆไม่งั้นโดน” ยาหยีคว้าพลั่วเล็กๆขึ้นมาขู่ สุดยอดก็ไวทายาดหยิบส้อมพรวนดินเตรียมสู้

“อย่านะ...ผมไม่ยอมให้คุณทำร้ายง่ายๆหรอก เนี่ย...สองทีแปดรูเลยนะคุณ”

นัทกับว่านเห็นท่าไม่ดีรีบเข้าห้ามสุดยอดให้ใจเย็นก่อน

“ข้าน่ะใจเย็น แต่คุณเธอเล่นจะเอาพลั่วมาเล่นงานข้านี่หว่า”

“ก็นายหาว่าฉันขี้จุ๊ ฉันขี้จุ๊เรื่องอะไร บอกมา”

“เอ้า งานไม่เสร็จแล้วโกหกว่าของพัง ไม่เรียกขี้จุ๊จะให้เรียกอะไรล่ะคร้าบ หรือจะให้เรียกว่าสตรอเบอร์ร่ี อุ๊ยๆไม่พอ หลายรสแบบนี้ต้องเรียกมิกซ์เบอร์ร่ีถึงจะเหมาะ” สุด-ยอดลอยหน้าลอยตายั่วยวนกวนประสาท ยาหยีโกรธจี๊ดจะชกหน้า แต่ถูกเขาคว้ามือไว้ เธอเลยเปลี่ยนเป็นเตะผ่าหมากจนเขาร้องจ๊ากจุกแอ่ก กว่าจะเริ่มงานได้ก็เสียเวลาไปเล็กน้อย

แต่สุดท้ายงานก็เสร็จเรียบร้อยด้วยดี เพราะต่างก็เป็นมืออาชีพที่ไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงาน

ooooooo

ที่ห้องเรียนลีลาศซึ่งมีคนเรียนหลายคู่ หนึ่งในนั้นคือคู่ปู่กับหลานที่ใครๆเห็นแล้วก็อมยิ้ม เท่งเต้นไม่ถนัดนักเพราะไข่ตุ๋นตัวเล็กมาก จนเมื่อเพลงแรกจบลง บุญเลื่องเข้ามาโดยไม่มีคู่ ครูผู้สอนจึงวานให้เท่งช่วยจับคู่กับบุญเลื่องที่เพิ่งมาเรียนเป็นวันแรก

เท่งพยักหน้ารับพลางส่งยิ้มให้บุญเลื่องอย่างเป็นมิตร แต่บุญเลื่องไว้ตัวไม่ยิ้มตอบ พอครูเดินไปเลือกเพลงที่เครื่องเสียง ไข่ตุ๋นมองบุญเลื่องแล้วกอดขาเท่งไว้แน่น

“ไม่เอา ไข่ตุ๋นไม่อยากให้ปู่เต้นกับผู้หญิงคนนี้นี่นา”

“โธ่...ไข่ตุ๋น ผู้หญิงคนนี้เขาแก่แล้ว รับรองปู่ไม่สนเขาหรอก” เท่งกระซิบ

“แน่นะคะ”

“แน่สิ แก่ๆหนังเหนียวๆเคี้ยวๆฟันปลอมปู่หลุดไปจะทำยังไง จริงมั้ย”

เสียงกระซิบนั้นดังไปนิดจนบุญเลื่องได้ยินเลยโกรธจี๊ดขึ้นมา “นี่คุณ ว่าใครแก่หนังเหนียว พูดให้มันดีๆนะ”

เท่งสะดุ้งไม่คิดว่าบุญเลื่องจะได้ยิน รีบปฏิเสธ “เปล่าครับ ผมว่าตัวผมเอง”

บุญเลื่องค้อนขวับ แล้วกวักมือเรียกข้าวตูที่เพิ่งจะโผล่เข้ามา ไข่ตุ๋นเห็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนก็ตาโต เท่งพอรู้ว่าเด็กสองคนเป็นเพื่อนกันจึงจับให้นั่งรออยู่ด้วยกัน ส่วนตัวเองพาบุญเลื่องออกไปกลางฟลอร์

ขณะที่ปู่กับยายของพวกตนจับคู่เต้นรำ เด็กหญิงไข่ตุ๋นก็กร่างใส่เด็กชายข้าวตูเหมือนตอนอยู่โรงเรียน

“นายมาที่นี่ทำไม อย่าบอกนะว่านายก็อยากมาเต้นติ๊ดชึ่งกับเขาด้วย ว่าแล้วตุ๊ดๆอย่างนายเนี่ยต้องชอบอะไรแบบนี้แน่ๆ”

“เราไม่ได้เป็นตุ๊ด แล้วเราก็อยากมาดูคุณยายเต้นรำ ไข่ตุ๋นล่ะมาที่นี่ทำไม รึว่าอยากติ๊ดชึ่งกับเขาเหมือนกัน เอามั้ย เราสอนให้ เราเต้นกับยายบ่อย”

“ไม่ต้อง เราไม่ชอบติ๊ดชึ่งแล้วเราก็ไม่ชอบนายด้วย ไปไกลๆเลยไม่งั้นโดน” ไข่ตุ๋นเงื้อหมัด ข้าวตูยักไหล่แล้วเดินไปนั่งที่อื่น

กลางฟลอร์ลีลาศ เท่งจับมือและประคองหลังบุญเลื่องอย่างสุภาพ  แต่บุญเลื่องไม่วายกำชับกำชาเขาว่าอย่าได้คิดฉวยโอกาสกับตน ตนไม่ยอมจริงๆด้วย

“ครับ ผมไม่กล้าหรอกครับ” เท่งพูดขำๆ มองเธอปลงๆ

ไม่ทันไรเกิดเหตุไม่คาดคิด คู่อื่นถอยมาชนก้นบุญเลื่อง เธอสะดุ้งตกใจนึกว่าเท่งแอบจับก้น จึงต่อว่าเขาด้วยความโมโห หาว่าแต๊ะอั๋งทั้งที่บอกเอาไว้แล้ว

“แต๊ะอั๋งยังไง คุณเข้าใจอะไรผิดรึเปล่าครับ”

“ก็เมื่อกี้คุณจับก้นฉันชัดๆ ยังบอกว่าไม่ได้แต๊ะอั๋งอีกเหรอ”

“โหคุณ รุ่นนี้ผมคงไม่อยากแต๊ะแล้วล่ะครับ แตะตรงนั้นก็เหี่ยว จับตรงนี้ก็ย่น ผมคงไม่จับให้เสียมือหรอกครับ”

“หยาบคาย ไอ้คนลามก ไอ้เฒ่าหัวงู เจ้าชู้ไก่แจ้ ไอ้แก่ตัณหากลับ”

“ด่าซะไฟแลบแบบนี้ ตกลงโกรธเพราะโดนจับก้นหรือเพราะอยากให้จับแต่ไม่มีใครจับกันแน่” เท่งยิ้มกวนๆ บุญเลื่องโกรธหน้าแดงก่ำ

“ทุเรศ ของฉันยังเต่งยังตึงเด้งดึ๋ง ใครๆก็อยากจับทั้งนั้นล่ะย่ะ”

“คร้าบ...เอาเป็นว่าผมคนนึงแล้วกันที่ไม่คิดอยากจับก้นคุณ คุณจะเต้นต่อมั้ย ถ้าไม่เต้น ผมจะไปเต้นกับหลานผม”

“ก็ได้” บุญเลื่องยอมเต้นด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียดไม่เต็มใจ...

ขณะเดียวกันนั้นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ยาหยีนั่งหน้าหงิกอารมณ์เสียอยู่ต่อหน้าวุ้นและก้อย ด้วยยังหงุดหงิดเรื่องนายสุดยอดไม่หาย วุ้นเห็นแล้วเซ็ง เตือนให้เลิกคิดได้แล้ว คิดไปก็เสียสุขภาพจิต

“แกไม่เป็นฉัน แกไม่รู้หรอก ผู้ชายอะไรปากเสีย กวนประสาท”

“ฉันมีลางสังหรณ์ว่าแกจะต้องเจอกับอีตานี่ไปอีกนานแสนนานเลยว่ะหยี” ก้อยพูดขาดคำ วุ้นก็โพล่งขึ้นว่า “รึว่าแกกับนายสุดยอดนี่จะเป็นเนื้อคู่กัน”

“ตลกๆ เลิกพูดเลิกเดาได้แล้ว แค่นึกฉันก็รับไม่ได้”

“งั้นรีบกิน เดี๋ยวฉันเปิดไพ่เช็กดวงให้” ก้อยวางมาดแม่หมอ

“แกไม่ต้องเปิดไพ่ฉันก็บอกได้ อีตานี่คือศัตรูคู่อาฆาตแต่ชาติปางก่อนของฉัน คอยดูนะ ถ้าอีตาสุดห่วยนี่พูดถึงร้านฉันเสียๆหายๆล่ะก็ แม่จะฟ้องให้เหลือแต่กางเกงในตัวเดียวเลย”

“ว้าว แกนี่ยังใจดีเหลือกุงเกงในให้คุณพี่ยอดเขาอีกตั้งตัว”

“ถ้าเป็นฉันนะจะไม่ให้เหลืออะไรติดตัวเลย จริงมั้ยวุ้น”

สองเพื่อนซี้พยักพเยิดหยอกล้อกันใหญ่ ยาหยียิ่งหน้าตูม พาลนึกโมโหนายนั่นขึ้นมาอีก

ooooooo

หลังจากประชุมกับลูกค้าเสร็จ ณนนท์ซึ่งเขม่นไม่พอใจยี่หวารีบเดินตามออกมาแขวะเธอ ก็เลยเกิดปะทะฝีปากกันอีกยกก่อนแยกย้าย

“ชาติที่แล้วผมทำเวรทำกรรมอะไรไว้นะถึงต้องมาร่วมงานกับผู้หญิงโหดเหี้ยมซาดิสต์อย่างคุณ”

“อยู่กับผู้ชายประสาทๆมันก็ต้องทำอย่างนี้แหละมันถึงรับมือไหว ฉันว่าแค่เนี้ยมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ”

“เฮ้อ สงสัยเสร็จงานนี้ต้องหาเวลาไปทำบุญเก้าวัดล้างซวยแล้วล่ะมั้ง”

“อย่างคุณน่ะนะ ต่อให้รดน้ำมนต์เก้าวัด เดินสายทำบุญทั่วราชอาณาจักรก็ไม่ช่วยหรอก เอางี้สิคะ ถ้าทำไม่ไหวก็บายไป ฉันจะได้ทำกับออกาไนเซอร์อื่น”

“ครับคุณคนเก่ง อย่าว่าแต่คนอื่นเลย คุณทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก่อนมั้ยครับ หัดทำงานเป็นทีมให้เป็นบ้าง รู้จักมั้ยครับ...ทำงานเป็นทีม”

“งั้นคุณก็หัดรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นซะบ้างสิ ไม่ใช่ตะพึดตะพือเอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกนะที่ทำงานเป็นทีมเป็น”

“ได้ งานนี้คุณไปให้สวยก็แล้วกัน แต่ถ้าพลาด ผมเล่นคุณแน่”

“แน่น้อน ทำงานกับคนผิดปกติอย่างคุณ ฉันก็ต้องระวังทุกฝีก้าวอยู่แล้วล่ะ”

ยี่หวาเดินเชิดหน้าไปด้วยความมั่นใจ แต่โชคไม่ดีส้นรองเท้าดันติดร่องเล็กๆที่พื้น เธอพยายามดึงมันขึ้นอย่างหงุดหงิดเสียฟอร์มแล้วเดินเชิดๆเริ่ดๆต่อไป โดยที่ณนนท์มองตามอย่างขำๆ

“เนี่ยนะระวังทุกฝีก้าว”

แล้วค่ำคืนนั้น ณนนท์กับสุดยอดกลับเข้าบ้านก็ได้ฟังพ่อเล่าถึงความเรื่องมากยุ่งยากของผู้หญิงที่ตนไปเจอกับตัวเองที่โรงเรียนสอนลีลาศ ขนาดแก่หนังเหี่ยวยังสะบัดสะบิ้งทำมาเหวี่ยงเป็นสาวๆ แล้วสามคนพ่อลูกก็สรุปเป็นเสียงเดียวกันว่า “ผู้หญิงงี่เง่า” ข้างฝ่ายบุญเลื่องกับลูกสาวสวยสองคนก็กำลังเม้าท์แตกพวกผู้ชายก่อนประสานเสียงลั่นบ้านว่า “ผู้ชายเฮงซวย”

ooooooo

วันรุ่งขึ้น ไข่ตุ๋นกับข้าวตูมีเรื่องทะเลาะกันขึ้นอีกที่โรงเรียน ซึ่งสาเหตุครั้งนี้มาจากเด็กชายกังฟูเพื่อนนักเรียนที่ชอบทำตัวเป็นขาใหญ่เจ้าถิ่น

ข้าวตูถูกกังฟูบังคับให้สั่งสอนไข่ตุ๋นที่อวดเก่งไม่ยอมลงให้ โดยเอาความลับของข้าวตูที่ไม่ชอบเตะบอลแต่ชอบเล่นกระโดดยาง และไม่ชอบแปลงร่างเป็นมาสไรเดอร์ แต่ชอบแปลงเป็นเซเลอร์มูนมาขู่ว่าจะโพนทะนา ข้าวตูอายมากจึงยอมต่อสู้กับไข่ตุ๋นทั้งที่ไม่เต็มใจ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของกังฟูและเพื่อนๆอีกหลายคน

เหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นทำให้ครูปราณีต้องรีบแจ้งผู้ปกครองของไข่ตุ๋นกับข้าวตู ช่วงนั้นณนนท์อยู่กับสุดยอด ในขณะที่ยี่หวาก็อยู่กับยาหยี สองฝ่ายจึงโคจรมาเจอกัน แล้วก็อดที่จะโต้เถียงทะเลาะกันอีกไม่ได้ สร้างความอ่อนอกอ่อนใจให้กับครูปราณีอย่างที่สุด ต้องเอานกหวีดมาเป่า นั่นแหละสองฝ่ายถึงยอมยุติแล้วแยกย้ายกันกลับ

แต่เหมือนฟ้าลิขิตให้ยาหยีกับสุดยอดต้องมีเหตุจะได้ร่วมงานกันอีก หลังจากยาหยีเป็นแขกรับเชิญในรายการที่สุดยอดเป็นพิธีกรแล้วเกิดถูกอกถูกใจพี่ยิ่งเจ้าของรายการและเป็นเจ้านายของสุดยอด พี่ยิ่งอยากได้ยาหยีมาเป็นพิธีกรหญิง พอข่าวนี้รู้ถึงหูยาหยีโดยก้อยและวุ้น ยาหยีปฏิเสธเสียงแข็งว่ายังไงตนก็ไม่ร่วมงานกับนายสุดยอดแย่นั่นหรอก

ต่อมาเมื่อยี่หวาได้รับการติดต่อจากพี่ยิ่ง เธอจึงพยายามกล่อมน้องสาว “เอาน่า พี่ว่ายังไงอีตานั่นไม่แย่เท่าพี่ชายเขาหรอก”

“หยีว่าบางทีอาจจะแย่กว่าตัวพี่อีกก็ได้ ยังไงหยีขอยืนยันว่าหยีไม่ยอม”

“ฟังนะยาหยี งานก็ส่วนงาน เรื่องส่วนตัวมันก็อีกเรื่องนึง ทีพี่ยังทำงานกับพ่อไข่ตุ๋นได้เลย ที่พี่ตกลงกับคุณยิ่งเขาไปก็เพราะเห็นว่ารายการนี้เป็นประโยชน์กับร้านมอร์แดนทรีของเรา คิดดีๆนะหยี”

“ใช่ ได้โฆษณาฟรีๆ แถมยังได้ค่าตัวด้วยนะแก คุ้มสุดคุ้มเลยค่ะขอบอก” ก้อยเสริมขึ้นมา เลยโดนยาหยีค้อนขวับ

“หัวเด็ดตีนขาดยังไงหยีก็ไม่ขอทำงานร่วมกับนายสุดยอดเป็นอันขาด”

“ไม่รู้ล่ะ พี่รับปากเขาไปแล้วจะให้ไปกลับคำพี่ก็เสียผู้ใหญ่น่ะสิ” ยี่หวาสรุปแบบมัดมือชก...

ด้านนายสุดยอดก็ไม่เห็นด้วยกับพี่ยิ่งที่จะเอายาหยีมาเป็นพิธีกรประจำรายการ เขากำลังเจรจากับพี่ยิ่งในห้องทำงานโดยที่ว่านกับนัทก็อยู่ด้วย

“ไม่เอายัยนี่ไม่ได้เหรอครับพี่ยิ่ง ผู้หญิงอะไรปากยังกับนมหมดอายุ”

“อะไรของแก”

“อ้าวก็ปากเสียไง ยังไงผมก็ไม่ร่วมงานกับผู้หญิงอย่างนี้หรอก”

“ไม่เอาไม่ได้ กระแสตอบรับเทปที่น้องยาหยีเป็นแขกรับเชิญมันดีมากเลยนะ”

“น้ำขึ้นต้องรีบตัก ถ้าได้ยาหยีมาเป็นพิธีกรช่วงนี้ถือว่าเป็นโอกาสทองของเราเลยครับพี่ยิ่ง”

“ขืนเราชักช้ารายการอื่นอาจจะเอาไอเดียรายการเราไปต่อยอด เสียดายแย่นะเว้ยอุตส่าห์บุกเบิก”

ว่านกับนัทช่วยกันเชียร์สุดใจ แต่สุดยอดก็ยังค้านอีกอยู่ดี

“ดาราดังๆที่เขาทำงานศิลปะเก๋ได้ก็มีตั้งหลายคนนี่ครับ ผมว่าดึงคนดูได้มากกว่าคนโนเนมอย่างยาหยีนี่อีกนะครับ”

“รึจะเอาน้องเพิร์ลลี่ล่ะ...เออ ก็ดีเหมือนกันนะ ว่าไง ว่าน นัท”

ฟังพี่ยิ่งแล้วว่านกับนัทมองหน้ากันก่อนชำเลืองมองสุดยอดอย่างอึดอัด

“โธ่พี่ ไม่ศัตรูก็แฟนเก่า ตกลงพี่เกลียดผมใช่มั้ยเนี่ย” สุดยอดโอด

“โถๆๆ มีน้อยใจเว้ยเฮ้ย พี่น่ะรักยอด แต่ถ้ารายการเราไปไม่รอด พวกเราก็อดกันหมด ยอดทนเห็นพี่ไปนอนข้างถนนได้เหรอ”

“แหม...พี่ก็พูดเกินไป”

“เอาเป็นว่าพี่ขอก็แล้วกัน นะๆๆ”

ไม่ทันขาดคำเว้าวอนของพี่ยิ่ง เลขาฯสาวก็เดินเข้ามารายงานเขาว่าคุณยาหยีมาขอพบ ทำเอาทุกคนมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ

ครู่ต่อมา พี่ยิ่งและทีมงานต้อนรับยาหยีกับเพื่อนสาวสองคนที่ห้องรับแขก แล้วทุกคนก็ต้องตกใจที่ได้ยินยาหยีปฏิเสธไม่ร่วมงานกับสุดยอด

“เรื่องเยอะจังนะ คนนั้นไม่เอา คนนี้ไม่ชอบ นึกว่าตัวเองเป็นซุปตาร์รึไง” สุดยอดแดกดันอย่างหมั่นไส้...ยาหยีโกรธหันไปมองเขาตาวาว พี่ยิ่งรีบกระแอมปรามลูกน้องของตน ส่วนว่านก็พยายามตะล่อมยาหยีว่า

“แต่มันเป็นรายการคนละช่วงกัน คงไม่ต้องเจอกันบ่อยมากนักหรอกครับ ผมว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ”

“ถึงเจอกันปีละครั้งก็ไม่เอาค่ะ หยีขอโทษนะคะพี่ หยีรับนิสัยคนบางคนไม่ได้จริงๆค่ะ”

ยาหยียกมือไหว้พี่ยิ่งและว่านก่อนลุกออกไป วุ้นกับก้อยรีบไหว้ลาพี่ๆแล้วลุกตามเพื่อน ฝ่ายพี่ยิ่งก็เร่งให้สุดยอดตามไปตื๊อยาหยีให้ได้ ถ้าทำสำเร็จตนจะเพิ่มค่าตัวให้สิบเปอร์เซ็นต์

“ยี่สิบ...ถ้างั้นผมไม่ยอม” สุดยอดต่อรอง แต่พี่ยิ่งสวนทันทีว่าสิบห้า สุดยอดคิดปราดเดียวก็ตอบตกลง แล้ววิ่งตื๋อออกไปโดยมีว่านกับนัทตามหลังมาด้วย

เสียงเรียกของสุดยอดดังชัดแต่ยาหยีแกล้งเดินเฉยเหมือนไม่ได้ยิน จนกระทั่งเขาวิ่งหอบแฮ่กมาดักหน้าแกล้งว่าให้ว่าหน้าตาก็ดี ไม่น่าหูตึงเลย ยาหยีถึงหยุดกึกด้วยความโกรธ

“เฮ้ยยอด พี่ยิ่งเขาให้มาง้อ ไม่ได้ให้มาปาระเบิดเปิดศึก” นัทสะกิดเตือนเพื่อน

“หลบไป ฉันจะเดิน” ยาหยีตะคอกใส่สุดยอด

“เดี๋ยวก่อนสิ คุยกันก่อน”

“ฉันไม่มีอะไรต้องคุยกับคุณ”

“ขี้แพ้ หลานก็แพ้ น้าก็แพ้”

“ฉันไม่ใช่คนขี้แพ้ การที่ฉันไม่รับงานนี้มันไม่เกี่ยวกับเรื่องแพ้หรือชนะ แต่ฉันเกลียดคนงี่เง่าอย่างนาย เข้าใจไว้ซะด้วย”

“การที่คุณตัดสินผมทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำงานด้วยกัน นี่แหละที่เขาเรียกว่าขี้แพ้”

ว่านกับนัทท่าทีหนักใจ แอบกระซิบกันว่างานนี้ไม่เหลวธรรมดา แต่มีเละ ทั้งเละทั้งเหลว ขณะที่ก้อยกับวุ้นก็เตือนยาหยีให้ใจเย็น ค่อยพูดค่อยจากัน แต่ยาหยีโกรธควันออกหูกับคำพูดเยาะหยันดูถูกของสุดยอด เธอง้างมือต่อยเขาแต่วืดเพราะเขาหลบทัน ก่อนจะกลายเป็นล้มกลิ้งลงไปด้วยกันในลักษณะฝ่ายชายจูบฝ่ายหญิงเข้าเต็มเปา เลยเป็นเป้าสายตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้น ซ้ำบางคนยังถ่ายรูปเอาไว้ด้วยโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่อง

“ไอ้จอมฉวยโอกาส ไอ้สุดยอดแย่!” ยาหยีด่าสุดยอดแล้วลุกขึ้นเตะเข้าที่กล่องดวงใจ นัทกับว่านตกใจเผลอร้องและกุมเป้าพร้อมกัน พลางมองตามยาหยีที่วิ่งพรวดนำหน้าเพื่อนสาวออกไป ทิ้งสุดยอดเจ็บจนจุกหน้าบิดหน้าเบี้ยวอยู่ตรงนั้น!

ooooooo

เพียงเช้าวันรุ่งขึ้น ภาพที่ยาหยีกับสุดยอดเสียหลักล้มลงจูบกันอย่างไม่ตั้งใจก็กลายเป็นข่าวในหน้าหนังสือ- พิมพ์บันเทิงหลายฉบับ โดยพาดหัวข่าวซะหวือหวาว่า “จ๊วบสิเน่หา เปิดตัวสาวคนใหม่ของพิธีกรหนุ่มไฟแรง!”

นี่เองเป็นเหตุให้บรรดาแฟนคลับสาวๆของสุดยอดเกิดอาการหึงหวงรับไม่ได้ แห่กันไปต่อว่ายาหยีถึงร้านดอกไม้ ก่อนจะกลายเป็นทะเลาะเบาะแว้งถึงขั้นทำลายข้าวของในร้านจนพังเละเทะไปหมด เรื่องเลยถึงตำรวจ เดือดร้อนสุดยอดต้องตามมาเคลียร์ โดยที่แฟนคลับกลุ่มใหญ่ของเขายังทุ่มเถียงกับยาหยีและก้อยคอเป็นเอ็น

ยาหยีจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เธอต้องการให้ตำรวจจับแฟนคลับของสุดยอดเข้าคุกโทษฐานบุกรุกและทำลายข้าวของ แฟนคลับเริ่มกลัว พากันโอดโอยเว้าวอนให้สุดยอดช่วยเหลือ ที่พวกตนทำไปก็เพราะรักและหวังดีกับเขาจริงๆ

เพื่อเห็นแก่แฟนคลับ สุดยอดเดินมากระซิบต่อรองยาหยีให้ออกไปคุยกันหน่อยจะให้ตนคุกเข่าก็ยอม แต่ขอเป็นหลังจากนี้ เพื่อเห็นแก่ศักดิ์ศรีของตนบ้าง แต่ยาหยีไม่สนทำท่าจะเดินหนี สุดยอดจึงคว้าแขนเธอไว้ หน้าตาเว้าวอนสุดฤทธิ์

ในที่สุดยาหยีก็ยอมออกไปคุยกับสุดยอดที่มุม

หนึ่งของสถานีตำรวจ โดยมีบรรดาแฟนคลับของสุดยอดแอบมองมาเป็นตาเดียว

“มีอะไรก็ว่ามา ฉันมีเวลาไม่มาก”

“ผมไม่อยากให้คุณเอาเรื่องพวกเขา คุณจะเอายังไงก็ว่ามา”

“ไม่เอาอะไรทั้งนั้น คิดว่าเป็นแฟนคลับคุณแล้วมีอภิสิทธิ์ทำร้ายคนอื่นได้ตามใจชอบเหรอ ฉันไม่ยอม จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”

“เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรนะคุณ”

“แต่สัตว์โลกต้องเป็นไปตามกรรม ใครทำอะไรไว้ต้องรับที่ตัวเองทำ”

“น่านะ นึกว่าหยวนๆเหอะนะ นิดๆหน่อยๆให้อภัยกันก็ได้ในฐานะคนเคยจ๊วบปากกัน”

“ไม่ได้! ไว้มีคนไปทำลายข้าวของคุณบ้างค่อยมาพูดคำนี้กับฉัน”

“เราเถียงกันทั้งชาติก็ไม่จบ ต้องให้ผมทำยังไงคุณถึงจะหายแค้น”

“คุกเข่าขอโทษ แล้วก็ยอมรับว่าที่แล้วมาทั้งหมดคุณเป็นคนผิด”

“นี่คุณ ผมเป็นดารานะ จะให้คุกเข่าขอโทษผู้หญิงตรงนี้เลยเหรอไง”

“ไม่ต้องทำก็ได้ งั้นฉันเอาเรื่องนะ...คุณตำรวจ” ยาหยีแกล้งตะโกน สุดยอดตกใจรีบห้ามแล้วก็คุกเข่าลงตรงหน้าเธออย่างจำใจ

บรรดาแฟนคลับเห็นดังนั้นก็ทำท่าซึ้งใจ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพี่สุดยอดทำเพื่อพวกเราขนาดนี้เลยเหรอ ผู้ชายคนนี้ช่างเป็นสุภาพบุรุษเสมอทั้งในที่แจ้งและที่ลับ ต่อไปนี้พวกเราทุกคนต้องรักพี่สุดยอดให้มาก แล้วเราก็จะจองเวรนังคนนี้ให้ถึงที่สุด!

หลังจากสุดยอดคุกเข่าขอโทษแล้ว แทนที่ยาหยีจะพอใจ กลับหยิบปากกาออกมาเขียนเลขที่บัญชีธนาคารลงที่แขนของเขา บอกให้โอนเงินค่าเสียหายมาด้วย ถ้าพรุ่งนี้ไม่ได้รับตนจะกลับมาแจ้งความ

“อ้าว ไหนตอนแรกบอกว่าไม่เอาตังค์ไง”

“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันงก มีไรมั้ย” ว่าแล้วสาวเจ้าก็เดินเฉิดฉายจากไป...

ใช่แต่สุดยอดที่โดนเล่นงาน พี่ยิ่งเจ้านายของเขาก็พลอยโดนหางเลขไปด้วย ยี่หวาโทร.มาเม้งเรื่องข่าวที่ทำให้น้องสาวเสียหายและแฟนคลับของสุดยอดที่ไปพังร้าน

“ครับๆ ผมรับปากครับว่าต่อจากนี้ไปจะไม่ให้เกิดเรื่อง จะบอกเจ้ายอดให้อบรมเหล่าแฟนคลับมันให้ดี ไม่ให้ไปก่อกวนที่ร้านอีกเป็นอันขาด”

“หวังว่าคุณยิ่งจะแตกต่างจากผู้ชายทั่วไปนะคะ ที่ฉันจะสามารถเชื่อถือคำพูดได้ แค่นี้นะคะ”

พี่ยิ่งวางสายจากยี่หวาแล้วหันมาอบรมสุดยอดที่เพิ่งกลับเข้ามาได้ครู่หนึ่ง

“ไงล่ะ จะไปโปรโมตร้านให้เขากลับสร้างเรื่องปั่นป่วนสารพัด ทีนี้แกก็อย่าไปยุ่งกับเขาอีกนะ พี่น้องคู่นี้ปากยังกับกรรไกร”

“ไม่ต้องห่วง ชาตินี้ผมคงไม่ไปยุ่งกับยัยนั่นอีกแน่ เข็ดจนตาย”

“ฉันก็ไม่มีทางให้แกไปยุ่งเด็ดขาด รับรอง!”

ทันใดเสียงโทรศัพท์พี่ยิ่งดังขึ้น “ครับ ยิ่งพูดครับ อะไรนะครับ สนใจจะลงสปอนเซอร์กับรายการเราเหรอครับ ครับๆ ว่าไงนะ แต่มีข้อแม้นิดหน่อย”

สุดยอดรีบกระซิบบอกพี่ยิ่งให้รับไว้เลย เรายอมทุกอย่าง แต่พอได้ยินพี่ยิ่งพูดประโยคต่อไปสุดยอดก็ตกใจแทบตกเก้าอี้

“อยากให้คุณยาหยีมาทำรายการร่วมกับสุดยอด เป็นพิธีกรคู่ขวัญกันเลยยิ่งดี”

“ไม่เอา...ไม่เอา” สุดยอดกระซิบใหม่

“ไม่ได้ๆ เอ๊ย ไม่ใช่ครับ ได้ครับได้ ผมจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด งั้นเริ่มเทปหน้าเลยก็ได้ครับ”

เป็นอันว่าพี่ยิ่งรับปากทางโน้นไปแล้ว แต่สุดยอดโวยวายไม่ยอมท่าเดียว

“ไหนพี่สั่งไม่ให้ผมไปยุ่งกับยัยนั่นอีก แล้วพี่รับปากสปอนเซอร์ให้ผมทำรายการกับเขาอีกทำไม”

“ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่ากระแสจ๊วบสิเน่หาของแกกับยาหยีจะแรงขนาดนั้น”

“แต่พี่ยิ่งก็รู้ความจริงว่ามันไม่ใช่จ๊วบสิเน่หา แต่มันเป็นจ๊วบอาฆาตพยาบาท แล้วผมจะทำงานกับเขาได้ยังไง”

“ทำไมจะไม่ได้ แกก็ท่องคาถาบูชาเงินเอาไว้สิวะ เงินๆๆ ไอ้ยอดเอ๊ย อ้อยมาถึงปากช้างแล้วแค่กระเดือกลงไปเท่านั้นเอง ยอมหน่อยน่า”

“แน่ใจเหรอครับว่าอ้อย ผมว่าบอระเพ็ดมากกว่า”

“นั่นสิยิ่งดี ไม่เคยได้ยินเหรอ หวานเป็นลม ขมเป็นยา”

“ไม่รู้ล่ะ ยังไงผมก็ไม่ร่วมงานกับยัยนั่น”

“ไม่รู้ล่ะ ฉันถือว่านี่เป็นคำสั่ง ทำยังไงก็ได้ให้ยาหยีตอบรับโปรเจกต์นี้ ไม่งั้นแกโดนปลด”

“ไม่มีวันซะหรอก คนอย่างผมยอมอดตายแต่ไม่ขายศักดิ์ศรีกิน ไม่มีทางเด็ดขาด” สุดยอดมุ่งมั่น หยิ่งทระนง แต่แค่เดี๋ยวเดียวเขาก็เปลี่ยนใจ เพราะพี่ยิ่งเอาโบนัสปลายปีมาต่อรอง

หลังจากนั้นไม่นาน พี่ยิ่งก็พาสุดยอดพร้อมพานพุ่มไปขอขมาแม่กับพี่สาวของยาหยีถึงบ้าน ต่อหน้ายาหยีที่แอบกระหยิ่มสาแก่ใจ

“เอาล่ะครับ นายสุดยอดก็สำนึกผิดแล้ว ขอให้เลิกแล้วต่อกันนะครับ...สุดยอด เริ่มพิธี”

สุดยอดทำตามคำสั่งพี่ยิ่ง ก้มลงกราบงามๆแล้วมอบพานพุ่มแด่ผู้ใหญ่ บุญเลื่องกับยี่หวารับไหว้ แต่ยาหยียังเมิน

“ให้อภัยเขาเถอะยาหยี จะว่าไปก็ไม่ใช่ความผิดสุดยอดหรอกนะ” ยี่หวาช่วยไกล่เกลี่ย

“พี่ก็พูดได้ พี่ไม่โดน...เหมือนหยีนี่”

“เอาน่า เรื่องมันผ่านไปแล้ว ต่อไปก็ขอแค่อย่าให้แฟนคลับมาวุ่นวายที่ร้านอีกก็พอ ส่วนเรื่องยาหยีจะไปเป็นพิธีกรรึเปล่าก็ต้องถามเจ้าตัวเขาเอง”

“น้องยาหยีว่าไงครับ” พี่ยิ่งถามลุ้นๆ

“หยีขอตอบคำเดิม หยีร่วมงานกับคนอย่างนี้ไม่ได้จริงๆ”

“แต่แม่อยากเห็นหยีออกทีวีนะลูก”

“พี่ว่ามันเป็นผลดีกับร้านเราด้วยนะ คิดดีๆนะหยี”

“นั่นสิครับ มีแต่ได้กับได้นะครับ ถ้าน้องหยีไม่ชอบขี้หน้าไอ้สุดยอดมันจริงๆ ทำเหมือนพี่ก็ได้ มองข้ามหัวมันไปเลยครับ เห็นมั้ยครับแค่นี้ก็มองไม่เห็นแล้ว...ข้ามหัว”

สุดยอดไม่ชอบใจแอบสะกิดเตือนพี่ยิ่ง แต่เขากลับทำหน้าเข้มใส่

“เอาเถอะ อยู่เฉยๆเดี๋ยวดีเอง...ว่าไงครับน้องหยี เงินทองกองอยู่ตรงหน้าแล้วอย่าปฏิเสธเลยครับ นี่ถ้าเป็นคนอื่นคงรีบคว้าแล้ว”

ยาหยียังนิ่งเงียบ มองหน้าแม่กับพี่สาวอย่างตรึกตรอง

ooooooo

วัลลภากำลังเดือดร้อนเป็นหนี้เป็นสินตั้งห้าล้านแถมถูกนักเลงทวงหนี้ตามราวีอย่างหนัก วันนี้โดนเขาฉกเงินสดไปหมดทั้งๆที่เพิ่งเอาของมีค่ามาจำนำ ส่วนหนี้ห้าล้านเขาก็ให้เวลาอีกแค่สัปดาห์เดียว

วัลลภาทั้งกลัวทั้งกลุ้มกลับมาคุยกับวสันต์ที่บ้าน แต่วสันต์กลับตัดช่องน้อยแต่พอตัว

“นี่มันไม่ใช่มรดกนะครับ เงินตั้งห้าล้าน ใครเป็นหนี้ก็ใช้กันเอาเองสิ ผมไม่ได้เกี่ยวด้วย”

“แกพูดอย่างนี้ได้ยังไงตาสันต์ ฉันเป็นคนเบ่งแกออกมานะ เงินที่เลี้ยงแกมาก็ล้วนมาจากบ่อนทั้งนั้น”

“ก็ถ้าบ่อนดี แล้วหนี้ห้าล้านมันงอกออกมาได้ไงล่ะครับ”

“เรื่องธรรมดา มันก็ได้บ้างเสียบ้าง ทีแกเล่นบอลยังไม่ถูกทุกงวดเลย สรุปจะช่วยไม่ช่วย ถ้าไม่ช่วยฉันจะได้ไปป่าวประกาศให้คนมันรู้กันทั่วว่าแกมันอกตัญญู ไม่เลี้ยงดูแม่”

“อย่านะแม่ ผมเสียชื่อ แม่ทำอย่างนั้นแล้วผู้หญิงที่ไหนจะมาคบกับผม”

“ถ้าไม่อยากให้ทำ แกก็ช่วยฉันสิ”

“จะให้ผมช่วยแม่ยังไง”

“ทำยังไงก็ได้ให้ยี่หวามันขายที่ให้ได้ ขายที่ได้ทุกอย่างก็จบ”

“ผมพยายามแล้ว แต่ยี่หวาเขาไม่ยอม แม่มีแผนอะไรหรือเปล่าล่ะครับ”

“ใช้ลูกแกให้เป็นประโยชน์สิ ยี่หวามันรักลูกจะตาย”

“นี่แม่จะให้ผมใช้ลูกเป็นเครื่องมือต่อรอง”

“คิดตามนะ ราคาที่ดินสามสิบล้าน เราบอกขายห้าสิบล้าน กำไรเท่าไหร่ นี่ยังไม่นับรวมคอมมิชชั่นอีกต่างหาก อะไรจะดีกว่านี้”

วสันต์นิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าตกลง แล้วไม่นานนักเขาก็ไปปรากฏตัวที่บ้านแม่ยายทั้งๆที่ไม่มีใครอยากต้อนรับ โดยเจอด่านแม่ยายกับน้องเมียเข้าไปแทบจะต้องเผ่น ถ้าข้าวตูที่อยู่ในบ้านกับยี่หวาไม่วิ่งออกมาเรียกพ่อและเข้าห้ามยายกับน้าสาวเป็นพัลวัน

บุญเลื่องกับยาหยีเอาสายยางฉีดน้ำไล่วสันต์ ยี่หวาวิ่งตามข้าวตูออกมาถามทุกคนว่าเกิดอะไรขึ้น ยาหยีบอกไม่มีอะไร พอดีคนแถวนี้ตัวเหม็นตนกับแม่ก็เลยสงเคราะห์อาบน้ำให้ ข้าวตูพาซื่อประสาเด็กบอกพ่อว่าวันหลังถ้าจะมาหาตน ควรอาบน้ำมาให้เรียบร้อยก่อน

บุญเลื่องกับยาหยีแอบขำ ยี่หวาเองก็เกือบหลุดขำ ถามวสันต์ว่ามาทำไม?

“คุณพ่อมาหาข้าวตู มารับข้าวตูกับคุณแม่ไปเที่ยวใช่ไหมครับ” เด็กชายแทรกขึ้นมาด้วยท่าทีดีใจ

“ใช่แล้วลูก วันนี้พ่อว่างอยากพาลูกกับคุณแม่ไปเที่ยว แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่เขาจะเต็มใจไปกับพ่อหรือเปล่า”

“ไปนะครับคุณแม่ เราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันสามคนมานานแล้ว เพื่อนๆชอบเอารูปไปเที่ยวกับพ่อแม่มาอวด อาทิตย์นี้ข้าวตูจะได้อวดบ้าง”

เห็นแววตาอ้อนวอนของลูกแล้วคนเป็นแม่ก็ปฏิเสธไม่ออก โดยพากันไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า ข้าวตูมีความสุขมากและพยายามจะชวนพ่อกลับไปกินข้าวเย็นที่บ้านต่อ แต่วสันต์ปฏิเสธ อ้างว่าติดประชุม แต่รับปากว่าต่อไปพ่อจะโดดประชุมมาอยู่กับข้าวตูบ่อยๆ

เด็กชายยิ้มแย้มดีใจ แต่ยี่หวาแอบเบ้หน้าไม่เชื่อน้ำคำเขา พอลับหลังลูกชายที่เดินไปดูตัวการ์ตูนในห้าง วสันต์ก็เปลี่ยนจากภาพพ่อที่แสนดีเป็นสามีที่ยอดแย่ ทวงถามเรื่องขายที่ดิน

“ไม่ถึงครึ่งวันก็อดรนทนไม่ไหว ต้องสารภาพแล้วใช่มั้ยว่าที่มาทำดีนี่เพราะหวังผล”

“สมกับเป็นเมียรักผมจริงๆ ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องอ้อมค้อม ผมอยากให้คุณขายๆไปเถอะ จะมาเก็บโฉนดให้ปลวกมันกินทำไม ผมหวังดีนะถึงพูด”

“เด็กอมมือน่ะวิ่งไปโน่นแล้ว ฉันยี่หวา ผ่านโลกผ่านความโหดร้ายมาเยอะ เยอะพอจะรู้ว่าคนอย่างคุณ ไม่มีความหวังดีให้ใครหรอก คราวนี้เดือดร้อนเงินเรื่องอะไรมาอีกล่ะ”

“คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก รู้แค่ว่าถ้าคุณขายที่แล้วเอาเงินมาให้ผมยืม ทุกอย่างก็จบ”

ยี่หวาเมินหน้าหนีไปอีกทาง อย่างเบื่อหน่ายรำคาญ

“โธ่...ยี่หวา คุณไม่สงสารผมเหรอ”

“ทำไมฉันต้องสงสารคนที่ไม่มีความรับผิดชอบอย่างคุณด้วย”

“เพราะผมเป็นพ่อของลูกคุณไง”

“พ่องั้นเหรอ ตั้งแต่ข้าวตูเกิดคุณทำหน้าที่อะไรบ้างให้สมกับคำว่าพ่อ นึกไม่ออกล่ะสิ ฉันบอกให้ก็ได้ไม่มี...ตั้งแต่ฉันรู้จักคุณมา เรื่องดีเรื่องเดียวที่คุณมีก็คือทำให้ฉันได้เจอกับข้าวตู”

“ถ้างั้นก็เอาน้องข้าวตูอีกสักคนมั้ยล่ะ เดี๋ยวผมจัดให้จะได้เพิ่มเรื่องดีๆของผมอีกสักเรื่อง แต่คุณต้องขายที่ก่อนนะ ผมถึงจะยอมเหนื่อย”

ยี่หวาทนไม่ไหวทุบเขาไปหลายที วสันต์ป้องปัดพลางโวยวาย จังหวะนี้ข้าวตูเดินถือลูกโป่งกลับมาเห็นเข้าพอดี

“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันจะไม่ขอเจอคุณเลย คนอย่างคุณไม่สมควรเป็นพ่อข้าวตู”

“ผมก็ไม่อยากให้คุณเป็นแม่ของลูกผมเหมือนกัน ดูสิ สั่งสอนกันยังไงลูกจะเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วอยู่แล้ว”

ข้าวตูเสียใจวิ่งร้องไห้หนีไปแต่สะดุดขาตัวเองล้มลูกโป่งแตก ยี่หวากับวสันต์หันไปเห็นก็ตกใจ

“คุณพูดอะไรออกมา ลูกได้ยินหมดแล้ว ข้าวตูๆๆ เดี๋ยวลูก รอแม่ก่อน”

ยี่หวาวิ่งตามลูกไปโดยมีวสันต์เดินตามมาอย่างเบื่อหน่าย ยี่หวาเที่ยวตามหาข้าวตูด้วยความร้อนใจ แต่วสันต์กลับพยายามเซ้าซี้เธอจะคุยแต่ธุระของตัวเอง

“คุณจะไปไหน มาคุยเรื่องของเราให้เสร็จก่อน ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมขายที่”

“วสันต์!” ยี่หวาเสียงแข็งใส่

“คุณใจอ่อนแล้วใช่มั้ย”

ยี่หวาสุดทนตบหน้าเขาไปฉาดหนึ่ง วสันต์ตกใจถามว่าตบตนทำไม?

“เรียกสติไง ลูกหายไปทั้งคนคุณยังมีแก่ใจคิดถึงเรื่องอื่นอีกเหรอ”

“ข้าวตูก็วิ่งเล่นอยู่แถวนี้แหละ คุณน่ะเว่อร์เกินเหตุ”

“คุณไม่ช่วยก็หลีกไปเลย ฉันจะตามหาข้าวตู...หลีก”

“ไม่ จนกว่าคุณจะตกลง”

“ตกลงเหรอ...ได้” ยี่หวาตบไปอีกฉาด วสันต์หน้าตึงด้วยความโกรธ

“วันนี้คุณตบหลายครั้งแล้วนะ ถ้าคุณทำร้ายผมอีกครั้งเดียว อย่าหาว่าผมไม่เตือน”

“ก็เอาสิ!” เธอตบเขาอีกฉาดอย่างไม่กลัว เขาง้างมือเตรียมตบคืน แต่ทันใดมีมือใหญ่ๆของใครบางคนเข้ามาล็อกมือเขาไว้

ณนนท์นั่นเอง! เขายืนดูเหตุการณ์อยู่แต่แรก และทนไม่ได้ที่จะเห็นผู้ชายทำร้ายผู้หญิง

“ปล่อยนะโว้ย ผัวเมียเขาจะคุยกัน อย่ายุ่งได้มั้ย”

“ขอโทษนะครับ ถ้าคุยกันรุนแรงแบบนี้ล่ะก็ เพื่อนผมคงไม่อยากคุยด้วย คุณมาคุยกับผมดีกว่า คุยแบบนี้ผมถนัด”

วสันต์ขี้ขลาด พ่นถ้อยคำอาฆาตก่อนผละไป ณนนท์หันกลับมาทางยี่หวาแต่ไม่มีเธอตรงนี้แล้ว

ooooooo

เราใช้คุ้กกี้ 

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookie Policy)

รับทราบ