ตอนที่ 14
“แม่อยากให้อีเหวิ่งมาเป็นลูกใภ้ของแม่อย่างถูกต้อง บ่ต้องตั๊วะกันอีกต่อไปแล้ว”
ทศพลยิ้มหน้าบานด้วยความดีใจ...ฝ่ายชโลธรที่เวลานั้นไปคุยกับหมอภัชที่บ้านป้านวล เธอเล่าถึงความจำเป็นที่ต้องพูดกับทศพลไปอย่างนั้น แต่หมอภัชกลับเห็นว่าเป็นการให้ความหวังกับเขา
“ทำไงได้ล่ะคะพี่บี๋ หน้าที่ของนายพลคือต้องดูแลคนทั้งหมู่บ้าน ชิโลไม่อยากเป็นตัวถ่วงความเจริญ แต่พี่บี๋ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ถึงเวลาค่อยว่ากัน ที่ชิโลอยากรู้ตอนนี้มากกว่าก็เรื่องของพี่โม พี่บี๋แน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้”
“ครับ พี่คิดว่าถ้าเราจะต้องรับมือกับพวกนั้น ทางที่ดีที่สุดคือพี่ควรต้องใช้คุณโมให้เป็นประโยชน์ ถ้านี่คือการช่วยแก้ไขความผิดที่พี่เคยทำให้น้องต้องเสียใจ พี่ทำได้ครับ เพียงแต่ว่า...”
“ไม่อยากให้ทิพย์เข้าใจพี่บี๋ผิดใช่ไหมคะ”
“น้องชิโลรู้ด้วยเหรอ”
“แหม...โคกอีเกิ้งไม่ได้ใหญ่โตนะคะ ชิโลสังเกตพี่มาสักพักแล้ว งั้นให้ชิโลไปช่วยพูดให้ทิพย์เข้าใจไหมคะ”
“อย่าเลยครับ เรื่องนี้ควรต้องเป็นความลับที่รู้กันแค่เรา ถ้าพี่ทำให้คุณโมกลับมาเชื่อใจพี่ได้ บางทีพี่อาจจะล้วงความลับจากคุณโมเอามาเล่นงานพวกนั้นเพื่อให้น้องชิโลได้สมบัติกลับคืนมาก็ได้นะครับ”
ชโลธรฟังแล้วนิ่งไป ทั้งที่ลึกๆในใจค่อนข้างกังวลกับแผนการของหมอภัช
ooooooo
เมื่อนลินีส่งข่าวให้แม่รู้ว่าตัวเองมาถึงโคกอีเกิ้งแล้วแต่ได้รับบาดเจ็บ แทนที่ฉายมณีจะปลอบใจกลับดุด่าลูกมาตามสายว่า
“แล้วแกไปเซ่อซ่าทำโง่อีท่าไหนถึงไปถูกนังพวกบ้านนอกพวกนั้นเล่นงานได้”
“ที่นี่ถิ่นพวกมันนะคะคุณแม่ แล้วโมก็มาแค่คนเดียว หัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่ถูกจับฆ่าหมกป่าแถวนี้ก็โชคดีเท่าไหร่แล้ว คุณแม่รีบส่งรถมารับโมกลับบ้านเลย”
“แกยังกลับไม่ได้จนกว่าฉันจะแน่ใจว่านังชิโลมันไม่คิดจะกลับมาสู้รบปรบมือกับฉันอีก”
“แต่ถ้าขืนให้โมอยู่ต่อ โมตายแน่ๆนะคะคุณแม่”
“ไว้ถ้าแกใกล้ตายจริงๆเมื่อไหร่ค่อยโทร.มาใหม่แล้วกัน แค่นี้แหละ ทำงานให้มันคุ้มกับที่ฉันหมดไปหลายสิบล้านเลี้ยงแกให้เป็นผู้เป็นคนบ้าง”
ฉายมณีตัดสายอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันมาหัวเสียกับแฟ้มเอกสารตรงหน้าซึ่งตรวจงบดุลบัญชีบริษัทค้างเอาไว้ ยิ่งพลิกดูก็ยิ่งหัวเสียจนต้องตะโกนเรียกเลขาให้เข้ามาแล้วซักถามเสียงเข้ม
“ทั้งหมดนี่ผ่านการวิเคราะห์แก้ไขปัญหากับทีมที่ปรึกษาบริษัทหมดแล้วเหรอ”
“ค่ะคุณฉายมณี”