ตอนที่ 14
เมืองคุ้มรับปากเสกขรว่าจะไม่ให้อนัญทิพย์จาบจ้วงนางอย่างวันนี้อีก พอรุ่งเช้าเขาก้าวย่างไปถึงคุ้ม อนัญทิพย์ดีใจมากกราบลงแทบเท้า
“เป็นบุญของข้ากับลูกนักที่เจ้าพี่มาหาถึงคุ้ม”
“ลุกขึ้นเถิด...ข้ามีเรื่องจักพูดกับเจ้า”
น้ำเสียงนั้นฟังดูเย็นชาห่างเหิน อนัญทิพย์ ข่มความไม่พอใจแล้วลุกขึ้นยืนสั่งบัวไหลไปนำสำรับคาวหวานมาถวายเจ้าหลวง
“ไม่ต้อง ข้าพูดกับเจ้าสักครู่เดียวก็จักไป...ปิ่นมณีออกไปข้างนอกก่อน”
อนัญทิพย์เม้มปากแน่น ครั้นปิ่นมณีกับบัวไหลคล้อยหลังก็ตัดพ้อเมืองคุ้มด้วยความน้อยใจ
“เจ้าพี่ทำเหมือนข้าไม่ใช่เมีย เหมือนกับปิ่นมณีไม่ใช่ลูก”
“แล้วเจ้าล่ะ ทำร้ายหัวใจเสกขรเทวีเมื่อวานนี้ในหอคำ เจ้าคิดบ้างหรือไม่”
“ทำร้ายหัวใจหรือเจ้าคะ ใครกันที่มันทำร้ายหัวใจข้า หรือว่ามัน...”
“เจ้าเรียกผู้ใดว่ามัน”
“ก็เสกขรอย่างใดเล่า ข้าไม่เคยลืมที่พี่ชายมันแย่งบัลลังก์พ่อข้า เจ้าพี่จักให้ข้าดีกับมันได้อย่างใด”
“มันนานมากแล้ว ไยเจ้าจึงไม่ลืมเสียทีเจ้าทิพย์ พี่ขอร้องเถิด พี่อยากเห็นเจ้าทั้งสองปรองดองกัน เจ้าต้องรู้กาลเทศะ เจ้าอย่าไปนั่งที่ตั่งทองของมหาเทวีเจ้าอีกเป็นอันขาด”
“ข้าจะนั่ง”
“เจ้าทิพย์! เหตุใดเจ้าพูดไม่รู้เรื่องเลย เจ้าต้องการอันใดพี่จักหาให้เจ้าทุกอย่าง ขออย่างเดียวเจ้าอย่าไประรานเสกขรเทวีอีกเท่านั้น”
อนัญทิพย์ยิ่งน้อยใจถึงกับน้ำตาร่วง “ข้าเพิ่งรู้ว่าเจ้าพี่รักมันมากถึงเพียงนี้...ก็ได้ ข้าจักทำตามคำขอของเจ้าพี่ ข้าขอเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยกปิ่นมณีขึ้นเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวง”
เมืองคุ้มตกใจมาก อนัญทิพย์เชิดหน้าปล่อยให้น้ำตาอาบสองแก้ม ปิ่นมณีแอบฟัง สองมือประสานกันแน่นรอคอยคำตอบ แต่แล้วคำตอบของเมืองคุ้มก็ทำให้ปิ่นมณีหน้าซีดเผือด เม้มปากสนิท ดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ
“ไม่! เจ้าจะให้ข้าเอาทองพญาไปไว้ที่ใด ตามกฎมณเฑียรบาลแล้วทองพญาจักต้องเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวง”
“แล้วปิ่นมณีเล่า เจ้าพี่เอาปิ่นมณีไปไว้ที่ใด ไหนเจ้าพี่ว่ารักข้า สัญญากับข้าเมื่อครู่ลืมแล้วหรือเจ้าคะ”
อนัญทิพย์คาดคั้นมองหน้าท้าทาย เมืองคุ้มทำอะไรไม่ถูกผลุนผลันออกไป ปิ่นมณีแอบฟังรีบเข้ามากอดปลอบแม่แล้วร้องไห้ไปด้วยกัน
“เจ้าแม่...ข้าจักไม่ยอมแพ้อีทองพญาเหมือนกับที่เจ้าแม่เคยแพ้แม่ของมันดอกเจ้าค่ะ ข้าจักแก้แค้นแทนเจ้าแม่เอง”
อนัญทิพย์ไม่พูดกระไร แต่ยิ้มทั้งน้ำตาที่ยังอาบหน้า...ผ่านไปไม่นาน ปิ่นมณีอารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมาอีก เพราะเห็นม่านฟ้าจูงม้าให้เรณุมาศนั่งมาส่งถึงหน้าคุ้ม
“วันพรุ่งพี่จักไปรอเจ้าที่สวนดอกอีก เจ้าจักไปพบพี่หรือไม่เล่า”
เรณุมาศไม่ตอบแต่ยิ้มเอียงอาย ปลีกตัวเข้าในคุ้มพร้อมข้าไทสองคน พอเรณุมาศเข้าห้องไปแล้วข้าไทสองคนนั้นก็โดนปิ่นมณีโผล่พรวดมากระชากผมจนหน้าหงายและแย่งดอกไม้ไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
ปิ่นมณีนำดอกไม้นั้นมากระทืบต่อหน้าเรณุมาศพร้อมกับตวาดแว้ดราวกับผีเข้าก็ไม่ปาน
“ข้าอยากเหยียบเจ้าให้แหลกคาตีนเหมือนกับที่ข้าเหยียบดอกไม้นี่นัก”
“เจ้าพี่...เจ้าพี่เป็นอันใดไปเจ้าคะ”
“งามหน้านัก อีน้องร่วมไส้นัดพบกับผู้ชายต่างเมือง ที่สวนดอก เพิ่งจะเจาะหูไว้มวยได้ไม่นานก็ริอ่านจะมีผัว”
“เจ้าพี่...ข้าไม่ได้นัดกับเขา ข้าเจอเขาเองที่สวนดอกโดยบังเอิญเจ้าค่ะ”
“โดยบังเอิญเหรอ ฮึ! ข้าไม่เชื่อเจ้าดอก หาคิดไม่ว่าเจ้าจะเป็นพวกหน้าซื่อแต่ใจทราม”
เรณุมาศตกใจมากแต่จนปัญญาจะอธิบาย ได้แต่มองตามพี่สาวไปด้วยความเสียใจ
ooooooo
หลังจากมีปากเสียงกับอนัญทิพย์ เมืองคุ้มกลับมาคุ้มหลวงแล้วเรียกพวกคะนองกับขุนนางมาหารือว่าจะทำพิธีแต่งตั้งทองพญาเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวง
ท้าววงษากับขุนเวียงไม่เห็นด้วยแน่แต่ไม่มีสิทธิ์คัดค้าน จึงแนะนำว่าพวกตนจะให้โหรหลวงทำนายดวงชะตาของเมืองทิพย์ว่าทองพญาเหมาะสมหรือไม่ แสงเมือง กับห่มฟ้ารู้ทันรีบไปดักข่มขู่ไม่ให้โหรหลวงรับสินบนจากอนัญทิพย์ ให้ทำนายไปตามความจริง
ผลปรากฏว่าดวงชะตาของทองพญาเหมาะสมกับตำแหน่งพระนางหน่อเจ้าหลวง เมืองคุ้มดีใจสั่งทหารให้ประกาศข่าวสำคัญนี้ในวันพรุ่ง
ท้าววงษากับขุนเวียงไม่พอใจคำทำนายถึงขนาดดักข่มขู่และจะเอาชีวิตโหรหลวง โชคดีที่ครองภพผ่านมาเจอ สองขุนนางเลยไม่กล้า แต่คืนนั้นอนัญทิพย์ก็วางยาฆ่าโหรหลวงได้สำเร็จเพื่อเป็นการปิดปาก
ด้านทองพญาที่รู้ว่าตนเองต้องเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวงก็ตกใจลมแทบจับ ทรุดลงนั่งไร้เรี่ยวแรงจนเสกขรกับสำเภางามประหลาดใจ
“ทองพญาหลานเป็นอันใดไป หลานไม่ดีใจดอกรึ”
ทองพญาส่ายหน้า ตาแดงๆเหมือนจะร้องไห้ พูดเสียงสั่นเครือในอ้อมกอดเสกขร “เจ้าแม่...ข้าไม่ได้อยากเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวง”
สำเภางามไม่แน่ใจในเหตุผลแต่ก็บอกเสกขรให้พูดทำความเข้าใจกับลูกให้กระจ่าง โดยทิ้งให้สองแม่ลูกอยู่ด้วยกันตามลำพัง
“อยู่กับแม่สองคนแล้ว บอกแม่ซิว่าเหตุใดลูกถึงไม่อยากเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวง”
“ข้าทราบมาว่าพระนางหน่อเจ้าหลวงจะต้องอภิเษกกับเจ้าหลวงองค์ต่อไป แล้วหากว่าข้าไม่ได้รักเจ้าหลวงพระองค์นั้น ข้ามิต้องทุกข์ไปตลอดชีวิตหรือเจ้าคะ”
“เจ้าพ่อกับแม่ก็รักกันมาได้นี่”
“เพราะเจ้าพ่อกับเจ้าแม่รักกันนี่เจ้าคะ”
“หัวใจลูกของแม่อยู่ที่ชายใดรึ ถึงกังวลเรื่องนี้”
ทองพญาหลบตาตอบปฏิเสธไม่เต็มเสียงว่าตนไม่มีใคร เสกขรไม่เชื่อแต่ไม่รบเร้า แจ้งเหตุผลที่ลูกสาวไม่อาจปฏิเสธได้
“เกิดมาเป็นเจ้า...ความสุขของเราคือบ้านเมือง หาใช่ชีวิตส่วนตัวไม่ ลูกแม่ต้องแจ้งใจในเรื่องนี้”
ooooooo
ปิ่นมณีเสียใจมากที่พลาดหวังตำแหน่งพระนางหน่อเจ้าหลวง เมื่อได้ยินเรณุมาศมาขออนุญาตแม่ไปช่วยเจ้าย่าทำบายศรีก็ยิ่งอารมณ์เสีย
“บายศรีแต่งตั้งอีทองพญาน่ะรึ ใจเจ้านี่ทำด้วยอันใดฮึเรณุมาศ จึงเห็นศัตรูดีกว่าพวกเรา ข้าอยากบีบคอเจ้าให้ตายคามือนัก”
“อย่า! ปิ่นมณี...เรณุมาศ ถ้าอยากไปก็ไปเถิด แม่อนุญาต แล้วมาเล่าให้แม่ฟังบ้างว่าเป็นอย่างใด”
เรณุมาศไหว้แม่แล้วผละไปด้วยความซื่อ ปิ่นมณีฮึดฮัดไม่เข้าใจ แต่พออนัญทิพย์อธิบายก็สงบลงได้
“หมาจะกัดมันต้องเห่าก่อน เช่นเดียวกับเสือจะฆ่าผู้ใดมันคำรามส่งสัญญาณ แต่คนจักฆ่ายังยิ้มให้กันอยู่ก็ฆ่ากันได้”
ฝ่ายครองภพนั้นเศร้าใจหลังรู้ว่าทองพญากำลังจะถูกแต่งตั้งเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวง ริมบึงสังเกตสีหน้าท่าทีลูกชายแล้วอดแปลกใจไม่ได้
พอคุยกันเรื่องทองพญา ริมบึงบอกว่าตนดีใจเหลือเกิน ตำแหน่งนั้นเหมาะสมกับนางที่สุด
“ดีใจด้วยเหตุใด ทองพญาได้เป็นใหญ่แต่ก็ต้องมีชีวิตตามกฎมณเฑียรบาล หากมีเจ้าหลวงองค์ใหม่ปกครองก็ต้องอภิเษกกับเจ้าหลวงองค์ใหม่ หากแก่ชราหรือหน้าตาอัปลักษณ์ ทองพญาจักมีความสุขหรือเจ้าแม่”
ท่าทีหงุดหงิดไม่พอใจของครองภพทำให้ริมบึงพอจะคาดเดาได้
“อย่าบอกนะว่าเจ้ามีใจให้เจ้านางทองพญา ถึงเจ้าจะเป็นลูกเจ้าหลวงแต่กำพืดแม่ต่ำต้อยนัก ลูกไม่เหมาะกับพระธิดาพระมหาเทวีเจ้าดอก”
ครองภพได้ฟังคำแม่ก็ซึมเศร้าหนักขึ้นไปอีก...
รุ่งขึ้น แสงเมืองกับห่มฟ้ามาบอกพวกคะนองว่าโหราหายสาบสูญไปจากเรือนเมื่อคืน มีถ้วยยาพิษตกอยู่ที่พื้นดินหน้าเรือน คนร้ายคงรีบร้อนเลยไม่ได้ทำลาย... สำเภางามแน่ใจทันทีว่าเป็นฝีมืออนัญทิพย์
“อีทิพย์มันไม่โง่ให้ภัยถึงตัวมันดอก นี่ขนาดยังไม่แต่งตั้งก็มีคนตายแล้ว ต่อไปจักเป็นอย่างใด คะนองและพวกเจ้าต้องช่วยดูแลทองพญาให้ดีนะ”
“อย่าห่วงเลยเจ้าแม่ ทองพญาก็เป็นหลานข้า ข้าไม่ยอมให้อีทิพย์มาทำการข่มเหงรังแกได้ดอก”
ริมบึงกับครองภพฟังอยู่ด้วย ต่างก็เป็นกังวลในความปลอดภัยของทองพญา ขณะเดียวกันทองพญายังยากจะทำใจที่ต้องรับตำแหน่งสำคัญในอีกเจ็ดวันข้างหน้า เพราะรู้ว่าตัวเองจะรักกับครองภพไม่ได้ ครองภพเองก็เคียดแค้นจึงระบายออกด้วยการซ้อมเพลงดาบอย่างรุนแรง จนตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนรอบข้างที่ต่างก็เดาออกว่าเพราะเหตุใด
ทุกคนเชื่อว่าครองภพมีใจให้ทองพญา สำเภางามก็แน่ใจเช่นนั้น แต่กำชับทุกคนให้สงบคำไว้เพราะไม่ต้องการให้ล่วงรู้ถึงคนชั่วอย่างอนัญทิพย์ กลัวหลานของตนสองคนจะไม่เป็นสุข
ooooooo
ม่านฟ้ากับน้อยอินทายังไม่กลับเมืองท่าคอย ม่านฟ้าใช้ช่วงเวลานี้นัดพบเรณุมาศบ่อยครั้ง วันนี้ก็ชวนนางไปไหว้พระที่วัดหลวงแล้วให้สัญญาว่า
“ข้าขอให้คำสัตย์สัญญากับพระเจ้าตนหลวงในวิหารแห่งนี้ว่าจะรักเจ้านางเรณุมาศไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่”
“เจ้าพี่ม่านฟ้า...ข้าคิดว่า...”
“คิดว่ารักข้าด้วยเช่นกันใช่หรือไม่เรณุมาศน้องพี่”
“หาไม่เจ้าค่ะ มันเร็วไปนัก เราสองคนเพิ่งพบกัน”
“แต่ข้าว่าช้าไปเสียด้วยซ้ำ”
เรณุมาศเขินอายลุกเดินออกนอกวิหาร แต่ชะงักเมื่อเห็นอนัญทิพย์เดินตรงมา ม่านฟ้ากลัวเรณุมาศโดนดุจึงรีบมาออกตัวปกป้อง แต่โดนอนัญทิพย์ย้อนให้ว่าเขามีสิทธิ์อันใด อย่าลืมว่าตนเป็นแม่ของเรณุมาศ
“ข้ารักเรณุมาศ และข้าก็พร้อมจะอภิเษกให้น้องเรณุมาศไปเป็นมหาเทวีเจ้าของข้าที่เมืองท่าคอย”
“เมืองเล็กๆใกล้เชิงเขา”
“ใช่ เมืองเล็ก แต่ก็มีความสุข เจ้านางก็เคยหนีร้อนไปพึ่งเย็นที่นั่นมิใช่รึ เจ้าแม่ข้าเคยเล่าให้ฟัง”
“เจ้าแม่ของเจ้าม่านฟ้าคือผู้ใดเจ้าคะ”
“พระมหาเทวีเจ้ามณีหยาด เหตุใดจึงรับสั่งถามเยี่ยงนี้ เจ้านางเป็นสหายกับแม่ข้ามิใช่รึ”
“ใบหน้าเจ้าไม่มีส่วนคล้ายเจ้านางมณีหยาดเลย คล้ายกับคนอื่นที่ข้ารู้จักมากกว่า”
“เจ้านางรับสั่งแปลก ข้าเป็นลูกก็ต้องคล้ายพ่อคล้ายแม่ จักคล้ายผู้อื่นไปได้อย่างใด”
“ข้าอาจจะเลอะเลือน เสียดายที่แม่เจ้าไม่ได้เสด็จมาด้วยข้าจะได้ไหว้สา ข้ามาตามเรณุมาศ ไว้เราค่อยสนทนากันใหม่”
อนัญทิพย์ตัดบทแล้วชวนเรณุมาศกลับคุ้ม
ม่านฟ้ายังห่วงเรณุมาศ ตะโกนไล่หลังไป
“เจ้านางอย่าดุเรณุมาศน้องข้านะ ข้ารักน้องเรณุมาศด้วยหัวใจของข้าจริงๆ”
เรณุมาศก้มหน้าสะเทิ้นอาย อนัญทิพย์ไม่ว่า กระไร แต่ชำเลืองดูท่าทีของลูกสาวเพื่อประเมินความรู้สึก
ooooooo
ม่านฟ้ากับเรณุมาศนัดพบกันที่สวนดอกเป็นประจำ ปิ่นมณีรู้เห็นจึงพยายามกีดกันเรณุมาศ ความร้ายกาจของปิ่นมณีนั้นแม้แต่อนัญทิพย์ยังหวั่นใจแต่ก็ห้ามไม่ได้
ปิ่นมณีสร้างเรื่องทำให้ม่านฟ้าเชื่อว่าเรณุมาศมีใจให้ตองแปง ส่วนตองแปงก็ฝันเฟื่องว่าตนเองจะได้เป็นเจ้าหลวงองค์ต่อไปและอยากได้เรณุมาศเป็นคู่ครอง
อนัญทิพย์ได้พูดคุยกับม่านฟ้าสองครั้งแล้วสังเกตว่าหน้าตาของเขาไม่เหมือนมณีหยาด แต่คล้ายยอดพุ่มมากกว่า และเมื่อถามถึง ม่านฟ้าก็กล่าวถึงยอดพุ่มตามประสาซื่อ ทำให้อนัญทิพย์เริ่มรู้ว่ายอดพุ่มอยู่ที่ใด แต่เก็บไว้เพื่อทำการสำคัญในวันข้างหน้า
น้อยอินทาทราบเรื่องเรณุมาศเป็นลูกสาวอนัญทิพย์ก็ไม่อยากให้ม่านฟ้าคบหาด้วย รอเพียงพิธีแต่งตั้งพระนางหน่อเจ้าหลวงเสร็จก่อนก็จะรีบเดินทางกลับเมืองท่าคอย
ปิ่นมณีแค้นใจเจ้าสำเภางามที่ยุ่งวุ่นวายกับการแต่งตั้งพระนางหน่อเจ้าหลวงจึงคิดปองร้าย เมื่อทราบข่าวจากท้าววงษาและขุนเวียงว่าเจ้าสำเภางามประชวรก็เริ่ม วางแผนกำจัด แต่ไม่ยอมบอกให้อนัญทิพย์รู้ มิหนำซ้ำเรื่องม่านฟ้าชายที่ตนหลงรัก ปิ่นมณีก็พยายามทำทุกทางให้ตนสมหวัง ถึงขนาดจับเรณุมาศคุมขังในห้องไม่ให้ได้พบเจอม่านฟ้าอีก
พิธีแต่งตั้งพระนางหน่อเจ้าหลวงจัดอย่างยิ่งใหญ่ มีแขกบ้านแขกเมืองมาหลายคน รวมถึงเจ้าน้อยอินทา เจ้าม่านฟ้า และเจ้าฟ้าเมืองมีดด้วย
ปิ่นมณีตัดสินใจปล่อยตัวเรณุมาศในวันนี้ แต่ได้วางแผนไว้หมายให้น้องเป็นคนผิด ด้วยการให้ท้าววงษากับขุนเวียงจัดหางูใส่โตกให้ข้าไทคนสนิทนำมาให้ทหารแบกไปยังคุ้มเจ้าสำเภางามซึ่งประชวรอยู่ โชคดีที่งูฉกนางข้าไทตายเสียก่อนแล้วเลื้อยหนีไป แต่สุดท้ายทหารก็ช่วยกันจับงูตัวนั้นได้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความตระหนกตกใจให้กับทุกคน โดยเฉพาะพวกคะนองที่รุดไปดูสำเภางามถึงคุ้ม ซึ่งเรณุมาศก็ยังอยู่ด้วย
คะนองเชื่อว่าเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองสำเภางามกับเรณุมาศจึงรอดปลอดภัย ครองภพอยากรู้ว่าเป็นฝีมือใครทำไมถึงเลือดเย็นขนาดนี้
“ในแผ่นดินนี้มีไม่กี่คนดอก ที่อยากให้ข้าตาย”
คำพูดของสำเภางามทำให้ทุกคนชะงัก นึกรู้ว่าเป็นอนัญทิพย์แต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเพราะสงสารเรณุมาศที่หน้าซีดเจื่อน
“ข้าเจ้าขอตัวกลับคุ้มก่อนนะเจ้าคะ แล้วข้าเจ้าจักมาเยี่ยมเจ้าย่าอีกเจ้าค่ะ”
เรณุมาศชิงลาเพราะละอายใจ เครือออนให้ปะแดงไปส่ง พอสองคนผละไป ริมบึงก็กล่าวด้วยความมั่นใจว่าต้องเป็นอนัญทิพย์แน่ ตนจะสั่งสอนให้มันได้สำนึก
ooooooo
ปิ่นมณีอยู่ที่คุ้มกับอนัญทิพย์ กำลังถูกแม่คาดคั้นเรื่องสำเภางาม แต่ปิ่นมณีกลับทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“อย่าปิดแม่ ปิ่นมณี...เจ้าเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการเองมิใช่รึว่าให้เรณุมาศไปเยี่ยมเจ้าย่า แล้วเหตุร้ายก็เกิดขึ้นในวันนี้”
“เจ้าแม่ หากชะตาถึงฆาตผู้ใดขวางพญามัจจุราชมิได้ดอกเจ้าค่ะ ถึงที่ตายก็ต้องตาย ไม่เกี่ยวกับข้าก็ต้องตาย อย่ามาใส่ความข้าเลย”
“อีบัวไหล ถ้าเช่นนั้นมึงบอกกูมา” บัวไหลก้มหน้างุด อนัญทิพย์หันขวับกลับมาที่ลูกสาว “แม่อยากจะเตือนนะปิ่นมณี คิดทำการใหญ่อย่าวู่วาม...แม่สอนแล้วมิใช่รึ คนเราฆ่ากันได้ทั้งที่ยิ้มให้กัน ริจะร้ายก็ต้องฉลาดให้เป็น”
เรณุมาศกลับเข้ามาหน้าซีด โผกอดอนัญทิพย์เนื้อตัวสั่น ร่ำไห้บอกว่าตนกลัว
“มีอันใดร้ายแรงบอกแม่มาซิ”
“ข้าไทของเจ้าพี่ปิ่นมณีให้ข้าเอาของไปถวายเจ้าย่า ข้าหาทราบไม่ว่าในนั้นคืองูพิษ มันเกือบฉกข้ากับเจ้าย่าตาย ข้าเกือบมาไม่ถึงที่นี่ หากเจ้าพี่ปะแดงไม่มาส่งข้า”
“แล้วมีผู้ใดตายหรือไม่” ปิ่นมณีถามเสียงเย็น
“จะผู้ใดเสียอีกล่ะ ก็ข้าไทของเจ้าพี่นั่นแหละที่รับเคราะห์”
“สมน้ำหน้า...ข้าใช้ให้มันไปหาของชั้นเลิศไปถวายเจ้าย่า เจ้าก็เห็นว่าข้ายุ่งกับการพระราชพิธีแต่งตั้งพระนางหน่อเจ้าหลวง เหตุใดเจ้าไม่ตรวจดูให้ดีก่อนเล่า เกิดเป็นน้องข้าแท้ๆไม่น่าโง่”
“เจ้าพี่รู้เห็นทุกอย่าง อย่าปิดข้าเลย เจ้าพี่ใจร้าย เจ้าพี่คิดฆ่าเจ้าย่า”
ปิ่นมณีตบหน้าเรณุมาศแล้วด่าซ้ำ “ปากเสีย...ข้ารึจะใจร้ายเยี่ยงนั้น เจ้าโง่เองต่างหาก อีข้าไทผู้นั้นมันอาจจะแค้นเคืองเจ้าย่ามาแต่ครั้งไหนก็ได้ เมื่อได้ทีมันก็ฉวยหาเหตุทำร้าย แล้วเจ้าก็ควรขอบน้ำใจข้านะเรณุมาศที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น อย่างน้อยก็มีผู้ชายคนใหม่มาส่งเจ้าถึงหน้าคุ้ม”
“เจ้าพี่...” เรณุมาศร้องไห้สะอื้น
อนัญทิพย์มองปิ่นมณีเขม็ง รู้ว่าลูกร้ายกาจ
“พอแล้ว...แม่ขอเตือนนะ อย่าให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก”
ข้าไทคนหนึ่งเข้ามาสีหน้ากล้าๆกลัวๆ เลยโดนบัวไหลดุว่าทะเล่อทะล่าเข้ามาเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน
“คือ...เจ้านางริมบึงมาเจ้าค่ะ”
สิ้นคำของข้าไท อนัญทิพย์ผุดลุกขึ้นทันที แล้วเดินนำทุกคนออกไปหน้าคุ้มเห็นริมบึงนั่งเสลี่ยง ครองภพเดินนำ ตามด้วยแสงเมือง ห่มฟ้า และทหารท้ายขบวน
อนัญทิพย์ไม่มีท่าทีหวั่นกลัวแต่อย่างใด มองดูริมบึงที่นั่งบนเสลี่ยงแล้วเย้ยหยัน
“หมู่นี้ผีคุ้มข้าดูจักมีบุญนัก คนบุญหนักศักดิ์ใหญ่แวะเวียนมาหาถึงคุ้ม...เข้ามาในคุ้มข้าก่อนสิ”
“หาจำเป็นไม่ เสร็จการแล้วข้าก็จะกลับ”
“แมวมาหา หมามาสู่ ข้ายังรับเลี้ยงไว้ สำมะหาอันใดกับอีข้าไทผู้ได้ดีมีบุญ ได้เป็นถึงเจ้านาง ข้าจักไม่ต้อนรับเล่า เสด็จเข้าข้างในก่อนเถิดเจ้าค่ะ”
“ข้าเกรงว่าเสนียดจะติดตัวต่างหากเล่า”
ปิ่นมณีทนไม่ได้ที่เห็นริมบึงย้อนด่า เร่งแม่ให้เอาเรื่อง แต่ครองภพถลึงตาใส่ พร้อมๆกับริมบึงส่งเสียงเรียกทหารดังขึ้น
“ทหาร...คืนมันไป”
ทหารส่งถุงให้ครองภพรับไป ครองภพโยนถุงผ้าไปต่อหน้าอนัญทิพย์ เรณุมาศปล่อยโฮด้วยความตกใจ เช่นเดียวกับปิ่นมณีที่โผกอดแม่แน่น
งูตัวเขื่องเลื้อยหายไปทางหนึ่ง อนัญทิพย์ผงะหน้าซีด แต่ก็ชี้หน้าริมบึงกับครองภพ
“อีริมบึง ไอ้ครองภพ กูจะฟ้องเจ้าหลวง”
“ก็ดี ข้าจะได้กราบทูลเรื่องทั้งหมดให้เจ้าหลวงทรงทราบ อย่าลืมนะพระสนมเอก ที่คุ้มของเจ้าย่ามีพยานรู้เห็นมากนัก แม้แต่เรณุมาศลูกของเจ้านาง”
“ไส้เดือนที่มันอยู่ในดินต่ำต้อยเพียงใดมันยังสร้างความจำเริญให้แผ่นดิน มึงเป็นคนแท้ๆอีทิพย์ ไยหัวมึงจึงคิดร้ายต่อพระพันปีผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ในแผ่นดินนี้ กูขอสาปแช่งให้มึงกับลูกพินาศย่อยยับ”
คำสาปแช่งของริมบึงทำให้อนัญทิพย์แค้นเคืองจนแทบเต้น ข้าไทหนีไปตั้งแต่งูถูกขว้างมา เหลือเพียงบัวไหลที่ยืนอกสั่นขวัญแขวน พอได้สติก็บอกนายของตนก่อนวิ่งลงบันไดไป
“ข้าเจ้าจะเกณฑ์ทหารตีงูให้ตายนะเจ้าคะ”
บัวไหลคล้อยหลัง อนัญทิพย์กับปิ่นมณีกลับเข้าในคุ้ม ปิ่นมณีเจ็บใจที่สำเภางามไม่ตาย
“ข้าเกลียดมัน ถึงมันจะเป็นเจ้าย่า ข้าก็ไม่อยากนับญาติด้วย เพราะมันมิใช่หรือเจ้าแม่ ที่เจ้ากี้เจ้าการทุกอย่าง ทำให้เจ้าแม่หมดสิ้นทุกอย่าง หรือว่าเจ้าแม่อยากลงโทษข้าที่ข้าเลวเยี่ยงนี้”
“หาไม่...แม่ดีใจที่เจ้าเจ็บแค้นแทนแม่ แต่ภายหน้าเราต้องไม่ประมาท วันที่เราได้ดีมีสุขต้องมาถึงสักวันหนึ่ง”
ปิ่นมณียิ้มออก แต่อีกด้านหนึ่งเรณุมาศยังนั่งร่ำไห้ รับไม่ได้กับความร้ายกาจของพี่สาว
ooooooo
ริมบึงกลับมาบอกสำเภางามและทุกคนว่าอนัญทิพย์ไม่สะทกสะท้านเกรงกลัวแม้แต่น้อยในความผิด ที่สำคัญนางไม่ยอมรับว่าเป็นคนทำ เมืองคุ้ม จึงให้คะนองสอบสวนเรื่องนี้ สำเภางามค้านว่าไม่มีประโยชน์เพราะสัญชาติโจรยังไงก็ไม่ยอมรับว่าเป็นโจร
แต่เมืองคุ้มไม่เห็นด้วย เรียกอนัญทิพย์กับปิ่นมณีมาสอบสวนต่อหน้าทุกคน
“แม้นไม่มีผู้ใดเอาเรื่อง อยากจะหาคนทำผิด แต่ข้าก็ต้องรักษาไว้ซึ่งความยุติธรรม คนผิดก็ต้องได้รับโทษทัณฑ์”
“อีคนจัดการหาของไปถวายก็ถูกงูฉกตายไปแล้ว เจ้าพี่จะไต่สวนจากผู้ใด หรือว่าจะโยนผิดให้ปิ่นมณีลูกข้า”
“หากไม่ติดงานแต่งตั้งเจ้านางทองพญาเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวง ข้าก็คงไปเยี่ยมเจ้าย่าด้วยตัวเอง คงไม่มีเรื่องร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นดอกเจ้าค่ะ ข้าเสียใจ” ปิ่นมณีบีบน้ำตาและสวมกอดอนัญทิพย์
“แม่เชื่อว่าลูกบริสุทธิ์ คนไม่เห็น แม่เห็น และผีหลวงก็ต้องเห็น”
“ผีหลวงเห็นแน่ เพลานี้คงสาปแช่งคนทำผิดอยู่ ข้าก็ใคร่รู้นักว่าอีข้าไทคนนั้นมันเกลียดชังอันใดข้า”
“อย่ารื้อฟื้นเลยเจ้าป้า หามีคุณอันใดไม่”
“แต่ข้าอยากฟัง” เมืองคุ้มเสียงดัง
ปิ่นมณีชะงักไปนิดก่อนจะออกความเห็นเพื่อโยนผิดให้พ้นตัว “เจ้าย่าอาจจะเคยใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรมกับมันก็ได้ มันก็เลยผูกใจเจ็บ”
“อย่างนั้นรึ มันอยู่คุ้มใดเล่า คุ้มเจ้ามิใช่รึปิ่นมณี แล้วข้ารึจะกล้าใช้คนของเจ้า รึแม้แต่จะย่างเหยียบไปที่คุ้มเจ้า ข้าก็ยังไม่เคยไป”
สิ้นคำของสำเภางาม ทุกคนมองสองแม่ลูกเป็นตาเดียว คะนองถามทหารว่าพวกเจ้าไปเอาโตกนั้นมา จากที่ใด
“อีข้าไทผู้นั้นมันจัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพแล้วพระเจ้าข้า ข้าพระบาททั้งสี่คนเพียงแต่หามไปที่คุ้มของพระพันปี”
“นั่นอย่างใด...อีข้าไทนั่นมันวางแผนทุกอย่าง บุญของพระพันปีที่ผีหลวงคุ้มครอง แล้วก็ทำให้มันรับกรรมทันตาเห็น ข้าคิดว่ายุติเรื่องนี้เสียเถิด หาไม่ข้ากับลูกจะแจ้งใจว่าทุกคนรุมรังแกข้า”
อนัญทิพย์รีบรวบรัดแล้วมองกราดทุกคนด้วยสายตาไม่กลัวเกรง เมืองคุ้มหนักใจบอกให้ทุกคนออกไปก่อน ยกเว้นอนัญทิพย์ที่ตนจะพูดด้วยเป็นการส่วนตัว
ออกมานอกห้องนั้นแล้ว ปิ่นมณีวางท่าปั้นปึ่งไม่สนใจใคร ทองพญาเห็นแล้วหมั่นไส้จนทนไม่ไหว
“ถ้าบริสุทธิ์จริง ข้าก็ไม่ว่าอันใดดอก แต่ถ้าไม่...”
“เจ้าจักทำอันใดข้า ทองพญา”
“อย่าลืมว่าข้าเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวงแล้ว มีอำนาจสั่งจำตรุ เฆี่ยน ริบทรัพย์ และถอดยศทุกคนในฝ่ายในได้”
“อำนาจพวกนี้เจ้าใช้หมึกสักไว้ที่หน้าผากเลยสิ เป็นยันต์ศักดิ์สิทธิ์ เดินไปทางใดผู้คนจะได้กลัวและเกรงในอำนาจเจ้า”
“ยันต์ข้าดี ขลังและศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว หาไม่ผีอย่างเจ้าและแม่เจ้าคงไม่เดือดพล่านเยี่ยงนี้ดอก”
“อีทองพญา!” ปิ่นมณีทำท่าจะตบทองพญา เสกขรตวาดใส่ ขณะที่คะนองก็มองไม่พอใจ ยืนคุมเชิง
“หยุดนะ อย่าแตะต้องลูกข้าเป็นอันขาด ที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ผีบ้าอย่างเจ้าหาควรมาเพ่นพ่านไม่...ไปซะ”
ปิ่นมณีสะบัดหน้าเดินไปทันที สำเภางามขยับมาหาหลานสาว ชื่นชมว่า
“ดีแล้วทองพญา มีอำนาจก็ต้องรู้จักใช้อำนาจ อย่าทำตัวเยี่ยงยักษ์ไม่มีกระบอง ผู้คนจะเยาะหยันเอาได้”
ส่วนภายในห้อง เมืองคุ้มอยู่กับอนัญทิพย์ตามลำพัง เมืองคุ้มพูดเกือบตวาดว่า
“เตือนลูกเจ้าด้วย อย่าให้ร้ายนัก หากผิดอีกข้าจะไม่ให้อภัย”
“ลูกข้าคนเดียวรึ ข้ายืนขาเดียวเหนี่ยวกิ่งไม้กินลมแล้วท้องปิ่นมณีมาได้รึ เจ้าพี่น่ะผิด รักลูกรักเมียไม่เท่ากัน รู้ไว้ด้วยนะ ไม่มีอันใดที่จะร้ายแรงเท่าความแค้นของผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงเยี่ยงข้า”
อนัญทิพย์ตอบโต้แล้วผลุนผลันออกไป เมืองคุ้มส่ายหน้า พ่นลมหายใจอย่างเอือมระอา
ooooooo