ตอนที่ 12
กลินท์รักษาตัวในโรงพยาบาลที่เชียงใหม่ เพื่อนๆเฝ้าอยู่ด้วยความเป็นห่วง สายป่านถามหมอว่าทำไมลินท์ยังไม่รู้สึกตัว หมอบอกว่าคงเพราะร่างกายอ่อนเพลียมากเลยมีอาการหลับลึกคงต้องให้พักผ่อนเต็มที่ก่อนแล้วรอดูอาการต่อไป ทุกคนจึงคลายกังวลลง
จู่ๆแม่ชีธารทองก็ผลักประตูเข้ามา สายป่านกับเน่ารีบยกมือไหว้ แม่ชีบอกว่าแม่มาเยี่ยมแก้ว สายป่านบอกว่าตั้งแต่กลับมาลินท์ยังไม่รู้สึกตัวเลย
“เดี๋ยวแม่จะลองเรียกแก้วดู”
สายป่านกับเน่าถอยออกมา แม่ชีเดินเข้าไปชิดเตียงยื่นมือไปลูบศีรษะกลินท์อ่อนโยนแล้วพนมมือท่องบทแผ่เมตตา
ในความมืด...กลินท์ได้ยินบทแผ่เมตตาก็รู้สึกอุ่นใจ ค่อยๆก้าวเข้าไปเหมือนพบทางออก พื้นที่ข้างหน้ามีแสงสว่างและมีเงาของใครคนหนึ่งยืนอยู่ กลินท์เขม้นมองจึงเห็นแม่ชียืนอยู่ในเงาของคำป้อ...
“เข้ามาหาแม่เถอะเทียนคำ” กลินท์ก้มกราบ
แม่ชีที่ยืนอยู่ข้างๆ ถามว่าแม่ไม่โกรธเทียนคำแล้วหรือ แม่ชียิ้ม เอ่ยอ่อนโยน “ความโกรธ ความแค้นมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา ซ้ำมีแต่ความทุกข์ทรมานใจมากขึ้นเพราะเราแบกรับมันเอาไว้”
แม่ชีบอกว่าตนก็เคยหลงไปในบ่อของความโกรธจนคิดจะฆ่าลูก ทำให้ลูกชิงชังแม่จนถึงตอนนี้ ถามว่า
“รู้แล้วใช่ไหมเทียนคำ ไม่มีใครกลับไปแก้ไขอดีตได้ แล้วก็ไม่มีใครหนีกรรมที่ตัวเองทำไว้พ้น”
“ตอนนี้ลูกรู้แล้วว่าเวรกรรมคือความยุติธรรมที่เที่ยงตรงที่สุด ยิ่งได้เห็นศัตรูได้พบกับความย่อยยับ ลูกก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ลูกมีส่วนทำให้พวกเขาพบกับความวิบัตินั้น”
“รู้สึกสาแก่ใจแล้วใช่ไหม”
“ไม่ค่ะ พอได้เห็นชะตากรรมของเขาจริงๆ ลูกกลับรู้สึกเศร้าใจมากกว่า ความคิดของลูกตอนนี้คืออยากทำอะไรก็ได้เพื่อไถ่ถอนความผิดที่ได้ทำกับพวกเขาไว้”
คำป้อยินดีที่ลูกหลุดพ้นจากบ่วงกรรม กลินท์บอกว่าตนเป็นห่วงหลุยส์
“ไม่มีใครช่วยใครได้ จะดี จะชั่ว ต่างมีกรรมเป็นตัวกำหนด แม่พูดอย่างนี้เจ้าคงเข้าใจนะ”
กลินท์ก้มกราบแม่ชีอย่างซึ้งในคำสอน แต่พอเงยขึ้นแม่ชีก็หายไปแล้วมีแต่เสียงบทแผ่เมตตาที่แว่วมาจากไกลๆ ผสานกับเสียงแม่ชีแว่วมาจากที่ไกลแสนไกล... “กลับมา...กลับมา...”
“แม่...”
กลินท์ร้องเรียกน้ำตาไหลพราก สายป่านกับเน่าที่เฝ้าอยู่พุ่งเข้าไปที่เตียงร้องเรียกกลินท์อย่างตื่นเต้น กลินท์พยายามลืมตา ในสายตาที่ยังพร่ามัว กลินท์เห็นสายป่าน เน่า และแม่ชีที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“แม่...แม่มาช่วยแก้ว”